Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – ตอนที่ 677

บทที่ 677 : เอาชนะแวมไพร์!
‘นี่พวกมันฆ่าไม่ตายจริงๆงั้นรึ!’
แน่นอนว่าหลิงหยุนไม่เชื่อ!ตัวเขาเองก็เคยผ่านการทดสอบขั้นอมตะที่น่าสยดสยองอย่างที่สุดมาแล้ว และโชคดีที่จิตเดิมของเขาหนีรอดออกมาได้ ดังนั้นอย่าว่าแต่แวมไพร์อะไรนี่เลย!
ก่อนออกเดินทางจากจิงฉูครั้งนี้..หลิงหยุนได้เตรียมตัวมาพร้อมมาก ภายในแหวนพื้นที่ของเขานั้นมีสิ่งของเครื่องใช้มากมาย แม้แต่กางเกงในก็มีอยู่หลายตัว ถุงเท้าก็มีมากกว่าสิบคู่!
หลิงหยุนยังมีไพ่ในมือสำหรับจัดการกับแวมไพร์ทั้งสามตัวนี้อีกมากมายเพียงแต่ตอนนี้เขายังต้องการเล่นกับพวกมันไปก่อน เพื่อจะได้ศึกษาเรียนรู้ความสามารถต่างๆของพวกมันไปด้วย
“เด็กน้อย..แกทำให้ฉันทึ่งได้มากเลยทีเดียว! คิดไม่ถึงว่าแกจะมีพลังมหาศาลแบบนี้ ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ!”
เห็นได้ชัดว่าเจสเตอร์ยังไม่ได้ใช้พละกำลังและความสามารถทั้งหมดของมันที่มีอยู่ มันเพียงแค่ต้องการจะดูดเลือดหลิงหยุนเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกหมัดอันทรงพลังของหลิงหยุนชกเข้า และนั่นทำให้มันนึกแปลกใจไม่น้อย!
หลิงหยุนยังคงยืนนิ่งพร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน“เด็กน้อยงั้นรึ.. แต่เด็กน้อยก็สามารถจัดการกับเจ้าจนลอยละลิ่วเลยไม่ใช่หรือไง..”
“ถ้ายังไม่เชื่อ..เจ้าก็ลองเข้ามาอีกครั้งสิ!” หลิงหยุนตะโกนท้าทาย
สีหน้าของเจสเตอร์เปลี่ยนไปมันสูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อครู่มันใช้พละกำลังของตนเองไปเพียงแค่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น และครั้งนี้เจสเตอร์ได้ใช้พละกำลังและความสามารถทั้งหมดที่มีพุ่งเข้าโจมตีหลิงหยุน ความเร็วของมันในครั้งนี้รวดเร็วจนกระทั่งว่าร่างของมันเคลื่อนที่ไปอยู่ตรงหน้าของหลิงหยุนแล้ว แต่เงาของมันยังคงอยู่ที่เดิม..
แน่นอนว่าครั้งนี้เจสเตอร์ไม่ถนอมเรือนร่างของหลิงหยุนเหมือนครั้งแรกอีกมันกำหมัดเข้าชกเพื่อโจมตีหลิงหยุน!
‘ความเร็วสูงสุดในครั้งนี้เทียบเท่ากับความเร็วของยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-2..’หลิงหยุนประเมินความสามารถของเจสเตอร์อยู่ในใจเงียบๆ และครั้งนี้หลิงหยุนก็กำหมัดทั้งสองข้างของตนเองเข้าปะทะกับหมัดของเจสเตอร์ทันที!
หลิงหยุนไม่เหลือความปราณีให้กับแวมไพร์ตนนี้อีกเขาใช้พละกำลังในการปะทะครั้งนี้ไปถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว!
เจสเตอร์กลายเป็นตัวตลกของหลิงหยุนอีกครั้งร่างของมันลอยละลิ่วไปไกลพร้อมกับเสียงกระดูกแตกที่ดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ ครั้งนี้กระดูกข้อแขนของมันแตกละเอียดจากการปะทะกับหมัดของหลิงหยุน!
“พระเจ้า!เจ้ามนุษย์คนนี้ช่างทรงพลังมากจริงๆ! เป็นไปได้ยังไงกัน!”
พอลกับจิมต่างก็ร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจปนกับประหลาดใจปากของพวกมันทั้งคู่อ้ากว้าง สายตาบ่งบอกว่าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น!
ครั้งนี้หลิงหยุนไม่เพียงทำให้พวกมันตกใจในพลังมหาศาลของเขาได้อย่างมากแต่ยังทำให้พวกมันประหลาดใจในความรวดเร็ว และแม่นยำของเขาอีกด้วย! เพราะเจสเตอร์นั้นเคลื่อนที่เข้าหาหลิงหยุนด้วยความเร็วชนิดที่แม้แต่ยอดฝีมือที่เก่งกาจยังไม่สามารถมองออกว่าร่างจริงของเจสเตอร์อยู่ที่ใหน เพียงแค่จะหลบก็นับว่ายากยิ่งแล้ว แต่นี่หลิงหยุนกลับโจมตีเจสเตอร์กลับได้อย่างแม่นยำ!
และนั่นหมายความว่าทั้งสายตาและความเร็วหมัดของหลิงหยุนนั้นไม่เพียงต้องรวดเร็วแต่ยังต้องแข็งแกร่งและทรงพลังอย่างมากด้วย จึงจะสามารถทำให้ร่างของเจสเตอร์ลอยละลิ่วไปไกลได้ถึงเพียงนั้น เช่นนี้แล้วจะไม่ให้แวมไพร์ทั้งสองตนร้องอุทานออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจได้อย่างไรกัน!
หลังจากที่ได้ปะทะกับพวกมันไปถึงสองครั้งหลิงหยุนก็เริ่มรู้สึกโล่งใจเมื่อเข้าใจแวมไพร์มาขึ้น – แวมไพร์เหล่านี้แข็งแกร่งและมีพละกำลังเหนือกว่าคนธรรมดาหลายเท่า อีกทั้งยังเคลื่อนที่ได้รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ นอกเหนือจากนั้น.. ยังสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย นอกเหนือจากนั้นแล้ว.. ก็ไม่มีอะไรน่ากลัว!
และเพียงแค่นี้ก็ทำให้คนธรรมดาหวาดกลัวเหล่าแวมไพร์ได้อย่างมากแล้วแต่ในสายตาของหลิงหยุน.. พวกมันกลับไม่ต่างจากเด็กน้อย เพราะหากเปรียบเทียบกันแล้ว หลิงหยุนนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกมันมากนัก ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังหรือว่าความรวดเร็วในการเคลื่อนที่!
แต่ในทางตรงกันข้าม..หากแวมไพร์สองสามตนนี้สามารถทำให้หลิงหยุนมีบาดแผลเล็กน้อยได้ก็นับว่าเก่งมากแล้ว!
หลังจากที่ปะทะกับเจสเตอร์ถึงสองครั้งหลิงหยุนก็สามารถประเมินได้ว่าความสามารถของมันนั้นน่าจะอยู่ในระดับเดียวกับเหล่ากุ่ยคือขั้นเซียงเทียน-2 หรืออาจจะด้อยกว่าเล็กน้อย..
หลังจากปะทะกับหลิงหยุนในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าเจสเตอร์บาดเจ็บสาหัสมากกว่าครั้งก่อน มันดิ้นขลุกขลักอยู่นานกว่าที่จะกัดฟันลุกขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดได้ มันเลียริมฝีปากพร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาดุร้าย และไม่รีบร้อนที่จะจู่โจมหลิงหยุนกลับในทันที
หลิงหยุนพูดแสยะยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นอย่างเย้ยหยันว่า“ดูเหมือนเจ้าจะยังด้อยกว่าข้ามากนะ.. เจสเตอร์!”
จากนั้นหลิงหยุนก็เลิกสนใจเจสเตอร์แต่หันไปพูดกับจิมว่า “อย่ามัวแต่ชักช้า! ครั้งนี้ถึงคราวของเจ้าแล้วล่ะ.. จิมที่รัก!”
จากที่ได้ยินบทสนทนาของแวมไพร์ทั้งสามก่อนหน้านี้ทำให้หลิงหยุนรู้ว่าจิมเป็นแวมไพร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในจำนวนแวมไพร์ทั้งสามตน และนั่นทำให้หลิงหยุนรู้สึกท้าทายอย่างมาก..
“ไม่น่าเชื่อจริงๆเจ้าหนู..คิดไม่ถึงจริงๆว่าแกจะแข็งแกร่งได้อย่างน่าอัศจรรย์ขนาดนี้! แต่อย่างเจ้าก็ไม่ต้องถึงมือจิมหรอก แค่ฉันก็พอแล้ว!”
แทบไม่ต้องรอให้จิมพูดพอลก็พูดสวนขึ้นมาพร้อมกับพุ่งเข้าใส่หลิงหยุนด้วยความเร็วที่สูงกว่าเจสเตอร์ ร่างสูงใหญ่ของพอลเคลื่อนมาอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนราวกับหายตัวได้ และพุ่งเล็บที่แหลมคมของมันเข้าใส่หน้าอกของหลิงหยุนทันที!
การเคลื่อนไหวของพอลนั้นรวดเร็วกว่าเจสเตอร์ถึงสองเท่า!
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย“มิสเตอร์พอลแข็งแกร่งไม่เบาทีเดียว แต่น่าอายที่คงต้องพ่ายแพ้ให้กับข้าอีกคน!”
พละกำลังและความเร็วของพอลนั้นน่าจะเทียบเท่ากับยอดฝีมือระดับกลางในขั้นเซียงเทียน-3แต่นั่นยังไม่เพียงพอที่จะทำอะไรหลิงหยุนได้ เขายังคงยืนนิ่งรอจนกระทั่งได้จังหวะ หลิงหยุนก็พุ่งกำปั้นในมือออกไป จากนั้นเสียงกรีดร้องของพอลก็ดังขึ้น!
และแล้วพอลก็พ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนอีกคนจริงๆ!
เพียงแค่หมัดเดียว..หลิงหยุนก็สามารถกำชัยชนะได้แล้ว กระดูกข้อมือทั้งสองข้างของพอลแตกละเอียด และร่างของมันก็ลอยไปกระแทกกับก้อนหินก่อนจะร่วงลงไปที่พื้น
เมื่อครั้งที่หลิงหยุนยังอยู่ในขั้นปรับร่างกาย-8นั้น เขาก็ใช้เพียงสองหมัดจัดการกับยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-5 จนได้รับบาดเจ็บสาหัสกระอักเลือดมาแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ในขั้นปรับร่างกาย-9 การจัดการกับแวมไพร์ทั้งสามตนนี้จึงนับว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งนัก!
จากการประเมินของหลิงหยุนความแข็งแกร่งของจิมน่าจะเทียบเท่ากับยอดฝีมือระดับเริ่มต้นของขั้นเซียงเทียน-4 จึงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะหนีพ้นเงื้อมือของหลิงหยุน!
“ข้ามีเวลาจำกัดและคร้านที่จะเล่นกับพวกเจ้าแล้ว! ได้เวลาที่ข้าจะจัดการกับพวกเจ้าจริงจังเสียที!”
หลิงหยุนคร้านที่จะเล่นกับแวมไพร์ทั้งสามตนอีกแล้วเขาใช้มังกรพรางร่างตรงเข้าจู่โจมใส่จิมในทันที!
สีหน้าของจิมนั้นบ่งบอกว่าตนเองได้พบกับยอดฝีมือที่แท้จริงแล้วและไม่กล้าที่จะประมาทอีกแม้แต่น้อย และแทนที่จะเข้าโจมตีหลิงหยุน เขากลับยกมือขึ้นและใช้เล็บที่แหลมคมแข็งแรงเข้าต้านทานการโจมตีของหลิงหยุนแทน
หลิงหยุนมาปรากฏกายตรงหน้าจิมและใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีพุ่งหมัดเข้าใส่จิม ด้วยพละกำลังที่แข็งแกร่ง และความเร็วที่เหลือเชื่อ ทุกคนในที่นั้นต่างก็ได้ยินเสียงกระดูกหักดังขึ้นอีกครั้ง!
ทันทีที่ฝ่ามือทั้งสี่ปะทะกัน..ร่างของจิมก็ถูกหลิงหยุนกระแทกจนลอยละลิ่วออกไป และไม่น่าเชื่อว่าหลิงหยุนใช้เท้าทองคำหมื่นลี้ไล่ตามร่างที่ลอยละลิ่วของจิมไป และซัดหมัดเข้าใส่หน้าอกของจิมอย่างต่อเนื่อง!
ในเมื่อจะจัดการกับพวกแวมไพร์ก็ไม่จำเป็นที่หลิงหยุนจะต้องมีความปราณี! หลิงหยุนชกหมัดที่มีน้ำหนักถึงสี่พันกิโลกรัมเข้าใส่ร่างของจิมเป็นชุดจนบอบช้ำไปหมด หน้าอกของจิมถึงกับแตกละเอียด และความเร็วนั้นแทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ชุดทักซีโด้สีดำของจิมถึงกับฉีกขาดด้วยแรงหมัดของหลิงหยุน และเผยให้หน้าอกที่ซีดขาวไร้สีเลือดของจิม!
หลิงหยุนหัวเราะร่วน..เขาดูไม่เหมือนคนที่กำลังต่อสู้อยู่กับแวมไพร์เลยแม้แต่นิดเดียว แต่กลับดูเหมือนกำลังต่อสู้อยู่กับเด็กสามสี่ขวบเสียมากกว่า..
จิมแทบไม่มีโอกาสที่จะตอบโต้เสียด้วยซ้ำเขาถูกหลิงหยุนชกกระเด็นจนร่างลอยไปกระแทกกับหินแข็ง และหินก้อนนั้นก็แตกละเอียดทันที หลังจากที่ตามไปชกจิมอีกหนึ่งชุดใหญ่แล้ว หลิงหยุนก็กระโดดถอยกลับออกมา แต่ระหว่างนั้นก็ได้เปิดจิตหยั่งรู้สำรวจดู จึงได้เห็นว่าร่างกายของจิมฟื้นตัวได้อย่างไร
“ยังไม่ตายงั้นรึงั้นก็ลุกขึ้นมาเร็วเข้า.. ข้ากำลังคอยเจ้าอยู่.. ร่างกายของเจ้านับว่าเยี่ยมมากเลยทีเดียว.. ไม่ต่างจากผีดิบ!” หลิงหยุนหันกลับไปจ้องร่างของจิมพร้อมกับร้องตะโกนท้าทาย..
เกาเทียนหลงถึงกับตกตะลึง!หลิงหยุนช่างดุเดือดและเก่งกาจอย่างน่ากลัว.. และหากแวมไพร์ทั้งสามตนสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ ก็คงถูกหลิงหยุนชกจนกลับไปอยู่ในสภาพเดิมอีกอย่างแน่นอน!
เกาเทียนหลงยังไม่รู้ว่า..ทั้งหมดนั้นหลิงหยุนใช้เพียงแค่พละกำลังของร่างกาย และแรงเหวี่ยงจากเทคนิคการเคลื่อนไหวเท่านั้น เขายังไม่ได้ใช้กำลังภายในเลยแม้แต่น้อย!
“โอ้..นี่..”
นี่ไม่ใช่เรื่องตลก..จิมถูกชกจนกระดูกหน้าอกแตกละเอียดเช่นนี้ ใบหน้าของเขาจึงยิ่งซีดขาวมากกว่าเดิม และมีเลือดไหลออกที่มุมปากเล็กน้อย ใบหน้าที่หล่อเหลาเมื่อครู่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
จากนั้น..หลิงหยุนก็สังเกตเห็นด้วยตาเปล่าว่า หน้าอกที่แฟบของจิมนั้น ค่อยๆพองขึ้นกลับสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว
ทั้งเหล่ากุ่ยและเกาเทียนหลงต่างก็ตกใจและได้แต่คิดในใจว่าแวมไพร์ฆ่าไม่ตายจริงๆด้วย! พวกเขาไม่สามารถฆ่าพวกมันได้ตามวิธีที่ฆ่ามนุษย์ทั่วๆไป
แต่หลิงหยุนกลับไม่รู้สึกตกใจอะไรเพราะในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่นั้น เขาได้พบเห็นอะไรที่แปลกประหลาด และอัศจรรย์กว่านี้มากนัก เขาได้พบมานักต่อนักแล้ว!
หลิงหยุนได้เฝ้าสังเกตุดูการฟื้นตัวของจิมอย่างละเอียดแม้แต่จุดเล็กจุดน้อยหลิงหยุนสังเกตุเห็นว่าใบหน้าของจิมกลับซีดขาวมากขึ้น ในขณะที่ดวงตาก็แดงกล่ำขึ้นมากจนดูน่ากลัว
“น่าสนใจ..”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับจ้องมองแวมไพร์ทั้งสามตัวที่กำลังจ้องมองเขานิ่งเช่นกัน..
“แกเป็นมนุษย์ที่ฝึกกำลังภายใน..แม้ว่าพวกเราจะสืบเชื้อสายแวมไพร์ที่สูงส่งมา แต่พวกเราก็ยอมรับว่าเจ้าเป็นมนุษย์ที่ทรงพลังอย่างมาก..”
จิมเดินนำหน้าเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนห่างไปราวสิบเมตรเขาพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เย็นชา จากนั้นจึงแสยะยิ้มก่อนจะพูดเบาๆว่า
“คืนนี้ข้าต้องเอาแกมาเป็นทาสของข้าให้ได้..มาสนุกกันจริงๆได้แล้ว!”
หลังจากที่จิมพูดจบ..หลิงหยุนก็เห็นเต็มสองตาว่าที่ปากของจิมนั้นมีเขี้ยวงอกออกมาทั้งสองข้างอย่างช้าๆ และมือซีดขาวนั้นก็เริ่มมีเล็บแหลมคมยาวออกมาเช่นกัน เล็บทั้งสิบสองนิ้วของมันนั้นดูแหลมคมและมันวาวราวกับโลหะ!
ส่วนพอลและเจสเตอร์ที่อยู่ด้านหลังจิมนั้นก็มีเล็บยาวงอกออกมาจากมือซีดขาวทั้งสองข้าง และมีเขี้ยวแหลมคมยาวออกมาอย่างน่าสยดสยองเช่นกัน!
และเพียงไม่นาน..ใบหน้าที่ซีดขาวของแวมไพร์ทั้งสามตนก็เปลี่ยนเป็นผีดูดเลือดที่น่าสะพรึงกลัว และน่าสยอดสยองอย่างที่สุด!
“หลิงหยุน..ระวังตัวด้วย! คุณทำให้พวกมันโมโหแล้ว!” เกาเทียนหลงที่เห็นเหตุการณ์จึงได้แต่ร้องเตือนหลิงหยุนให้ระมัดระวังตัว
และนี่ความสามารถอีกอย่างหนึ่งของเหล่าแวมไพร์..พวกมันสามารถกลายร่างได้ แต่นี่เป็นเพียงแค่การกลายร่างขั้นต้นเท่านั้น พวกมันยังไม่ได้กลายร่างเต็มที่!
“ที่แท้ตัวจริงของพวกเจ้าก็เป็นแบบนี้เองหรอกรึน่าสนใจดีนี่.. แบบนี้ค่อยดูเหมือนปีศาจหน่อย ฮ่า.. ฮ่า..”
หลิงหยุนจ้องมองแวมไพร์ที่กลายร่างขั้นต้นพร้อมกับหัวเราะออกมาใบหน้าของพวกมันดูน่าหวาดกลัว และผีดูดเลือดทั้งสามตัวก็พุ่งเข้าใส่หลิงหยุน..

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset