Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – ตอนที่ 680

บทที่ 680 : เป็นตระกูลเฉินจริงๆ!
แน่นอนว่าต้องเป็นหน้าที่ของเจสเตอร์อีกเช่นเคยแต่ครั้งนี้เขาไม่บ่นเป็นหมีกินผึ้งเหมือนครั้งก่อนๆ แต่กลับกระตือรือร้นเสนอตัวทำหน้าที่นี้ด้วยความเต็มอกเต็มใจ เพราะเกรงว่าพอลจะแย่งทำหน้าที่แทน
“นี่เจสเตอร์..ข้ารู้ว่าเจ้ามีคุณสมบัติเหมาะสมจะทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้กับข้า แต่เจ้าช่วยหาเสื้อผ้าสวมใส่กันอุจาดก่อนจะได้หรือไม่”
หลิงหยุนพูดยิ้มๆพร้อมกับมองไปยังเรือนร่างซีดขาวที่นั่งอยู่ด้านคนขับของเจสเตอร์..
“โอ้..จริงด้วย! นี่ฉันลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ได้ยังไงกัน มิสเตอร์ที่เคารพ ไอซอรี่.. ซอรี่จริงๆ”
เจสเตอร์ร้องออกมาอย่างตกใจพร้อมกับรีบเอามือกุมอวัยวะส่วนล่างของตนเองไว้แล้วรีบวิ่งลงไปที่ท้ายรถหยิบชุดเสื้อสูทหางปลาออกมาสองชุด และส่งให้กับพอลที่นั่งอยู่ด้านหลังใส่ด้วย
หลังจากสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเจสเตอร์ก็รีบกลับไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับเช่นเดิม แล้วจึงหันไปโค้งตัวพูดกับหลิงหยุนอย่างนอบน้อม
“นี่มิสเตอร์ที่เคารพ..ต่อไปท่านก็จะค่อยๆชินไปเองล่ะ เพราะพวกเรามักจะกลายร่างกันอยู่บ่อยๆหากจำเป็น พวกเราถึงต้องมีชุดสำรองอยู่ท้ายรถมากมาย แต่ถ้าไม่มีใครเตือน หลายครั้งที่พวกเราก็ไปในสภาพเปลือยเปล่าแบบนี้อยู่บ่อยๆ..”
อวัยวะทุกส่วนตามร่างกายของแวมไพร์นั้นก็ไม่ต่างจากมนุษย์เราเลยแม้แต่น้อยมีเพียงแค่ร่างกายที่เย็นกว่าเท่านั้น และหากหลิงหยุนไม่ทักท้วง พวกมันก็คงลืมไปแล้วว่ากำลังเปลือยกายร่อนจ้อนอยู่
หลิงหยุนจ้องมองอวัยวะส่วนล่างของเจสเตอร์อย่างสนใจพร้อมกับถามขึ้นว่า“ข้าชักสงสัยแล้วสิว่า.. ไอ้นั่นของพวกเจ้าคงจะไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร.. หากข้าตัดมันทิ้งไป มันจะสามารถงอกออกมาได้เหมือนอวัยวะส่วนอื่นหรือไม่!”
“โอ้ว..ท่านซาตานที่เคารพ ท่านเป็นเทพซาตานของพวกเรา แม้ว่าพวกเราจะรู้ดีว่าท่านมีพลังอำนาจมากแค่ใหน และสามารถฆ่าพวกเราได้อย่างง่ายดาย แต่คำถามนี้.. ไอไม่ขอตอบนะจ๊ะนาย!”
เจสเตอร์ส่ายหน้าไปมาขณะที่ร้องบอกหลิงหยุน..เดี๋ยวเขาก็เรียกหลิงหยุนว่ามิสเตอร์ เดี๋ยวก็เรียกว่าซาตานตามแต่จะนึกได้..
“ข้าก็แค่พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับเจ้าเท่านั้น..เจ้าทำไมต้องตื่นเต้นตกใจขนาดนั้นด้วย! รีบๆขับไปเร็วเข้า ยิ่งไปถึงเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี..”
หลิงหยุนพูดกับเจสเตอร์ที่ทำท่าทางล้นๆอยู่ตลอดเวลาจนดูน่าขัน..
แต่ยังไม่ทันที่หลิงหยุนจะพูดจบเจสเตอร์ก็เหยียบคันเร่ง และรถสีเงินก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เกาเทียนหลงขับรถออดี้สีดำที่มีเหล่ากุ่ยนั่งไปด้วยไล่ตามหลังรถสีเงินไปทันทีเช่นกันและในเวลานี้ความเร็วของรถสีเงินก็อยู่ที่สองร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยความเร็วเช่นนี้รับรองว่าพวกเขาจะถึงเมืองหลวงภายในเจ็ดหรือแปดชั่วโมงเท่านั้น
เมืองจิงฉูนั้นอยู่ห่างจากปักกิ่งไปราวหนึ่งพันสามร้อยกิโลเมตร..
“เอาล่ะ..ตอนนี้ตอบข้ามาได้หรือยังว่าใครคือบารอนของพวกเจ้า” หลิงหยุนนั่งนิ่งอยู่หลังรถครู่หนึ่ง จึงเริ่มถามในสิ่งที่อยากรู้..
“ท่านบารอนของพวกเราก็คือมิสเตอร์เฉิน– มิสเตอร์เฉินเจี้ยนกุ่ย แห่งตระกูลเฉิน หนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่ของประเทศจีน”
หลิงหยุนพยักหน้าไม่พูดอะไร..ในใจกำลังครุ่นคิดว่าเป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ!
ที่แท้คุณชายเฉิน..ญาติห่างๆของเกาเฉินเฉินที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศก็เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด
‘เจ้าชื่อเฉินเจี้ยนกุ่ยงั้นรึแล้วก็เป็นผีดูดเลือดด้วยงั้นรึ?’
หลิงหยุนยังจำได้แม่นยำว่าในคือก่อนวันเทศกาลเชงเม้งนั้น เขาและเกาเฉินเฉินไปเดทกันที่หลังโรงเรียน และเมื่อทั้งคู่กำลังคุยกันเรื่องตระกูลใหญ่เจ็ดตระกูลในปักกิ่งนั้น ก็มีสายจากเมริกาโทรเข้ามาหาเกาเฉินเฉิน
เสียงของผู้ชายคนนั้นฟังดูนุ่มนวลแล้วก็อ่อนโยนแต่ก็ขยันโทรหาเกาเฉินเฉินอย่างบ้าคลั่ง ในคืนนั้นเฉินเจี้ยนกุ่ยได้บอกกับเกาเฉินเฉินว่า เขากำลังจะกลับเมืองจีนแล้ว และก่อนกลับก็จะโทรบอกเกาเฉินเฉินล่วงหน้าด้วย
เกาเฉินเฉินถูกเฉินเจี้ยนกุ่ยรังควานจนเริ่มหมดความอดทนอีกทั้งคืนนั้นเป็นเดทครั้งแรกของเธอกับหลิงหยุนด้วย จึงได้บอกกับเฉินเจี้ยนกุ่ยไปว่า หากเขายังไม่หยุดโทรมารังควานเธอ เธอก็จะเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือใหม่
แต่เฉินเจี้ยนกุ่ยที่แม้จะพูดจานุ่มนวลอ่อนโยนแต่น้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความยะโสโอหัง และไม่เปิดโอกาสให้เกาเฉินเฉินได้ปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย
เกาเฉินเฉินเองก็ไม่มีทางเลือกเพราะตอนนั้นหลิงหยุนเองก็ยังไม่ตกปากรับคำที่จะเป็นแฟนของเธอ และเกาเฉินเฉินเกรงว่าหลิงหยุนจะไม่สามารถรับมือกับบเฉินเจี้ยนกุ่ยได้หากบอกความจริงกับเฉินเจี้ยนกุ่ยไป เธอจึงได้แต่ดึงเวลาด้วยการขอให้เฉินเจี้ยนกุ่ยรอให้เธอสอบเอนทรานซ์เสร็จเสียก่อน
เฉินเจี้ยนกุ่ยเองก็ยอมรับข้อเสนอของเกาเฉินเฉินและได้บอกกับเกาเฉินเฉินว่าหากเขากลับมาเมืองจีนเมื่อไหร่ เขาจะรออีกสองเดือนจนกว่าเกาเฉินเฉินจะสอบเอนทรานซ์เสร็จเสียก่อน..
ความจริงแล้วทั้งคู่ก็ไม่น่าจะมีอะไรต่อกันแล้ว..แต่กลับคิดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาที่หลิงหยุนลงไปสำรวจหลุมยักษ์นั้น เมื่อกลับขึ้นมาแล้วเขาก็ไม่ได้ข่าวคราวของเกาเฉินเฉินอีกเลย
อีกทั้งในช่วงเวลาที่หลิงหยุนยังอยู่ในหลุมยักษ์นั้นซันเทียนเปียวเองก็มาที่จิงฉู และได้ลงมือจัดการแก้แค้นครอบครัวหลิงหยุน เกาเฉินเฉินสัมผัสได้ถึงปัญหาที่รุนแรงนี้ จึงได้รีบกลับไปที่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือจากตระกูลเกา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยได้จัดการคนในตระกูลเกาให้ตกเป็นทาสของเขาหมดแล้ว..
หลิงหยุนเองก็คาดเดาไว้นานแล้วว่าการที่เกาเฉินเฉินกลับไปบ้านแล้วหายตัวไปอย่างเงียบเชียบไม่ได้ข่าวคราวเช่นนี้ เธอน่าจะต้องมีปัญหากับคนแซ่เฉินอย่างแน่นอน..
และจากการได้พบแวมไพร์ที่เป็นชาวต่างชาติในครั้งนี้ได้ทำให้ปริศนาและความคลางแคลงใจทั้งหมดของเขาได้รับคำตอบในทันที..
“เป็นตระกูลเฉินจริงๆด้วย!”
ดวงตาคู่งามของหลิงหยุนหรี่ลงเล็กน้อย‘การกระทำของตระกูลเฉินนั้นนับว่าเกินไปมาก!’
เมื่อครั้งที่หลิงหยุนกับตู้กู่โม่อยู่ในป่าเสินหนงเจี๋ยด้วยกันนั้นทั้งคู่ก็ได้พบกับชาวญี่ปุ่นที่อ้างตัวว่าเป็นนักสำรวจทางด้านเทคโนโลยี แต่ความจริงแล้วพวกมันกลับเข้ามาในประเทศจีนเพื่อหาสมบัติโบราณล้ำค่าอย่างหม้อเสินหนง และผู้ที่นำทีมนักสำรวจญี่ปุ่นทั้งหมดนั้นก็คือคนของตระกูลเฉินชื่อว่า.. เฉินเจี้ยนเหยิน!
และเมื่อครั้งที่หลิงหยุนพาไป๋เซียนเอ๋อไปกลายร่างที่เกาะเตียวหยูนั้นเขาก็ได้สังหารทหารเรือญี่ปุ่นและนินจาไปหลายร้อยนาย ระหว่างเดินทางกลับก็ได้พบเฉินเจี้ยนโหยวซึ่งเป็นคนของตระกูลเฉินอีกหนึ่งคน
ตอนนี้เฉินเจี้ยนกุ่ยที่ไปศึกษาอยู่ต่างประเทศถึงสามปีจู่ๆเมื่อสองเดือนที่แล้วก็กลับมาที่ประเทศจีน และทันทีที่เขากลับมา ก็เกิดเรื่องน่าเศร้ากับตระกูลเกา ส่วนเกาเฉินเฉินก็หายตัวไป จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ข่าวคราวอะไร..
ดูเหมือนว่าตระกูลเฉินตั้งใจเดินเกมใหญ่มากจริงๆ!ทั้งญี่ปุ่น ทั้งยุโรป ดูท่าว่าพวกมันคงจะวางหมากไว้หมดแล้ว!
“ตระกูลเฉินคงต้องการขึ้นเป็นใหญ่ในประเทศจีนจริงๆ!”
แววตาของหลิงหยุนเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งข้างหนึ่งเป็นสีขาว และอีกข้างหนึ่งเป็นสีดำปรากฏวูบขึ้นมาพร้อมกัน แล้วก็หายวับไปในทันที!
ในเมื่อตระกูลเฉินเริ่มลงมือกับตระกูลเกาเช่นนี้ถ้าเช่นนั้นก็เป็นไปได้ที่พ่อของเขาหลิงเสี่ยว และลุงสองหลิงเยวี่ยที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย ก็อาจเป็นฝีมืของตระกูลเฉินเช่นกัน
เมื่อคิดได้เช่นนี้มุมปากของหลิงหยุนก็แสยะยิ้มออกมาทันทีและรีบถามแวมไพร์ทั้งสองตนต่อว่า..
“บอกข้ามา..ตอนนี้เกาเฉินเฉินอยู่ที่ใหน”
“เกาเฉินเฉิน!”
แววตาของเจสเตอร์งุนงงเล็กน้อยหลังจากทวนชื่อเกาเฉินเฉินแล้วจึงพูดขึ้นว่า “มิสเตอร์ที่เคารพ.. นี่ท่านหมายถึงสาวน้อยคนสวยที่เพิ่งกลับมาบ้านตระกูลเกาเมื่อสองเดือนที่แล้วใช่มั๊ย”
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า“ถูกต้อง.. ตอนนี้เธออยู่ที่ใหน”
หลิงหยุนเห็นเจสเตอร์หันไปมองพอลที่นั่งอยู่ด้านหลังแล้วจึงหันกลับมาพร้อมกับส่ายหน้า
“มิสเตอร์ที่เคารพ..ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่อยากตอบท่าน แต่ว่าพวกเราไม่รู้จริงๆ”
เมื่อหลิงหยุนได้ยินก็ถึงกับขมวดคิ้วทันทีพร้อมกับถามต่อว่า“งั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าเกาเฉินเฉินอยู่ในบ้านตระกูลเกา หรืออยู่ที่บ้านตระกูลเฉิน”
เจสเตอร์ยังคงขับรถไปด้วยความเร็วเท่าเดิมเขาส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า “มิสเตอร์ที่เคารพ.. ท่านก็รู้ว่าพวกเราไม่ได้มีตำแหน่งใดๆในเหล่าแวมไพร์ พวกเราเป็นเพียงบริวารรับใช้ที่ต่ำต้อย – ต่อหน้าท่านบารอนผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราซึ่งเป็นเพียงทาสที่จงรักภักดีจะกล้าถามได้อย่างไรว่าเขาเอาสาวน้อยแสนสวยนั่นไปซ่อนไว้ที่ใหน”
สีหน้าของเจสเตอร์ไม่ได้บ่งบอกว่ากำลังโกหกเลยแม้แต่น้อยหลิงหยุนจึงเพียงแค่พยักหน้า แต่คิ้วของเขากลับขมวดเข้าหากันแน่น..!
“แต่มีเรื่องหนึ่งที่สำคัญมาก..”จู่ๆเจสเตอร์ก็ร้องออกมาราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“มิสเตอร์ที่เคารพ..”
หลิงหยุนตอบกลับไปเบาๆ“ข้าแซ่หลิง..”
เจสเตอร์จึงรีบเปลี่ยนมาเรียกหลิงหยุนใหม่“อ่อ.. ครับมิสเตอร์หลิง.. คุณต้องรู้ก่อนว่าสำหรับแวมไพร์อย่างพวกเรานั้น อาหารที่โอชะที่สุดก็คือเลือดของหญิงสาวบริสุทธิ์ และหากพวกเราได้ดื่มเลือดของหญิงสาวบริสุทธิ์แล้วล่ะก็ พวกเราก็จะสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็ว..”
เจสเตอร์ตั้งใจจะเล่ารายละเอียดต่อแต่หลิงหยุนกลับขัดขึ้นมาก่อน..
“เดี๋ยว..บอกข้ามาก่อนว่า.. เจ้ามาเป็นบริวารของแวมไพร์ได้อย่างไร”
เจสเตอร์รีบตอบอย่างรวดเร็ว“มิสเตอร์หลิง.. ฉันลืมไปเลยว่าท่านไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับแวมไพร์เลย งั้นฉันจะค่อยๆเล่าให้ท่านฟัง..”
“บอกตามตรงนะ..ทั้งฉันและพอลต่างก็ไม่ใช่แวมไพร์สายเลือดแท้! พวกเราเป็นเพียงแวมไพร์ที่ได้รับการถ่ายเทเลือดแวมไพร์เข้าตัวเท่านั้น จึงเป็นได้เพียงแค่ทาสหรือบริวารซึ่งมีฐานะต่ำสุดในเหล่าแวมไพร์ทั้งหลาย..”
“การจะกลายเป็นบริวารของแวมไพร์ได้ก็ต้องถูกแวมไพร์ดูดเลือดที่ลำคอ และถ่ายเทเลือดของแวมไพร์ลงไป หรืออีกวิธีหนึ่งก็คือแวมไพร์ที่มีฐานะสูงกว่า ตัดเส้นเลือดแดงของตนเองให้แวมไพร์ที่มีฐานะต่ำกว่าดื่ม..”
“เพียงแค่นี้..ก็จะกลายเป็นแวมไพร์บริวารที่ซื่อสัตย์แล้ว..”
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับโกรธขึ้นมาอย่างมากเขาร้องถามออกไปทันที “แล้วเกาเฉินเฉินตกเป็นบริวารของพวกมันหรือยัง”

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset