Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – ตอนที่ 684

บทที่ 684 : บุกเข้าตระกูลเกา!
และเพื่อต้องการทำลายความไม่มั่นใจในจิตใจของเกาเทียนหลงหลิงหยุนจำเป็นต้องแสดงความอหังกาของตนเองออกมาให้เห็น!
เขาต้องแสดงให้เกาเทียนหลงเห็นว่า..ใครก็ตามที่ต้องการจะขึ้นมาเหยียบบนหัวเขานั้น เขาก็ไม่รีรอที่จะลากมันลงมาเช่นกัน!
และหลิงหยุนก็ไม่สนใจว่ามันผู้นั้นจะเป็นใครหน้าใหนหรือยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม และนี่คือวิสัยของหลิงหยุน!
“ข้ายังคงไม่เข้าใจเจ้าหากเจ้าไม่มีครอบครัวแล้ว ตระกูลหลงของเข้าก็ต้องสิ้นสุดลง เช่นนี้แล้วตระกูลหลงหรือตระกูลเย่จะยังคงมีความหมายในเชิงความสัมพันธ์อะไรกับเจ้าอีกงั้นหรือเกาเทียนหลง?”
“เวลานี้มีเพียงแค่การตอบโต้พวกมันกลับเท่านั้นแต่หากเจ้ายังคงหวาดกลัวและลังเลใจอยู่เช่นนี้ ก็คงไม่มีใครช่วยเจ้าได้แล้ว!”
หลิงหยุนยืนนิ่งริมฝีปากของเขาเหยียดเป็นเส้นตรง และดวงตาที่จ้องมองเกาเทียนหลงนั้นก็เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
“ข้าเข้าใจแล้ว..”
เกาเทียนหลงลุกขึ้นยืนสีหน้าของเขาดุดัน และเต็มไปด้วยความแน่วแน่มั่นใจ ฝ่ามือของเขายื่นไปแตะแขนของหลิงหยุนพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่ดังฟังชัด
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ไปหาอะไรกินกันให้อิ่มก่อน!”
“ว่าแต่..แวมไพร์สองตนนั่นล่ะ” เกาเทียนหลงถามขึ้น
“ไม่ต้องไปสนใจ..ถ้าพวกเขาอยากจะอยู่ที่นี่ก็อยู่ไป แต่ถ้าอยากจะหนีไปก็ปล่อยไป พวกเราสนใจภารกิจของตัวเองก็พอ..”
จนถึงเวลานี้หลิงหยุนเองก็ยังไม่เชื่อใจแวมไพร์ทั้งสองตนนี้นักและในการบุกเข้าไปช่วยตระกูลเกานั้น เขาเองก็ไม่ได้คิดจะพึ่งพาความช่วยเหลือของแวมไพร์สองตนนี้แม้แต่น้อย
ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้เขาเชื่อใจตัวเองเท่านั้น ในใจหลิงหยุนคิดเช่นนี้จริงๆ!
ทั้งสองคนเดินออกจากบ้านไปและไม่นานก็พบภัตตาคารใหญ่แห่งหนึ่ง ทั้งคู่รับประทานอาหารฝรั่ง และหลิงหยุนเองก็ดื่มไวน์ด้วย
“ท่านปู่ของเจ้าอยู่ขั้นใหนแล้ว”
“ระดับเริ่มต้นขั้นเซียงเทียน-4..”
“แล้วพ่อกับแม่ของเจ้าล่ะ”
“พ่อของข้าอยู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-1ส่วนท่านแม่ของข้าไม่ได้ฝึกกำลังภายในแต่อย่างใด..”
“จากที่เจ้าพบเห็นมา..เจ้าพอประมาณได้หรือไม่ว่าภายในบ้านรวมทั้งปู่และพ่อแม่ของเจ้าแล้ว ตอนนี้มีอยู่ทั้งหมดกี่คน”
“นอกจากท่านปู่กับพ่อแม่ของข้าแล้วก็ยังมีญาติพี่น้องอีกหลายสิบคน..”
“แล้วตระกูลเกาของเจ้าได้รับการสนับสนุนจากนิกายลับหรือตระกูลใหนบ้างหรือไม่ ถ้ามี.. แล้วคนพวกนั้นล่ะ?”
“ข้าไม่พบใครเลยคาดว่าน่าจะถูกเฉินเจี้ยนกุ่ยฆ่าตายหมดแล้ว..”
“เอาล่ะ..หลังจากกินข้าวเสร็จ พวกเราก็รีบกลับไปที่บ้านเตรียมตัวบุกเข้าไปช่วยคนของตระกูลเกากันดีกว่า!”
แม้ว่าหลิงหยุนจะไม่อยู่บ้านและไม่ได้หาวิธีควบคุมแวมไพร์ทั้งสองตน แต่พวกมันก็ไม่ได้หนีไปใหน และนั่นทำให้หลิงหยุนพอใจอย่างมาก
เมื่อเจสเตอร์เห็นหลิงหยุนกลับมาเขาก็รีบกระโดดออกจากรถ และเข้าไปในบ้านพร้อมกับร้องทักทายหลิงหยุนทันที
“เจ้านายที่เคารพ..ในที่สุดท่านก็กลับมา ข้าคิดว่าท่านจะทิ้งพวกข้าไปแล้ว..”
พอลเองก็ลุกขึ้นยืนทำความเคารพหลิงหยุนเช่นกันเขายิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เจ้านายที่เคารพ คืนนี้ท่านจะทำอะไรบ้าง พอลจะช่วยท่านเอง..”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อย“คืนนี้ข้าจะเข้าไปช่วยคนที่อยู่ในบ้านตระกูลเกา พวกเจ้าอยากจะตามข้าไปด้วยหรือไม่ล่ะ”
เจสเตอร์ฉีกยิ้มและรีบร้องตะโกนเสียงดัง “โอ้เจ้านายที่เคารพ.. การช่วยชีวิตคนเป็นเรื่องสำคัญ แน่นอนพวกเราต้องไปกับท่านอยู่แล้ว เพียงแต่..”
“แต่อะไรรึ!”
“ท่านอย่าใช้แสงศักดิ์สิทธิ์อีกจะได้มั๊ย..”
เห็นได้ชัดว่าเจสเตอร์กับพอลนั้นดูเหมือนจะหวาดกลัวพลังหยางบริสุทธิ์ของหลิงหยุนอย่างมาก..
ฟรึบ!
กระบี่โลหิตแดนใต้ปรากฏขึ้นในมือของหลิงหยุนเขาชูกระบี่สีดำในมือขึ้นพร้อมกับจ้องมองแวมไพร์สองตนที่มีสีหน้าหวาดกลัวแล้วพูดขึ้นว่า..
“เพียงแค่กระบี่เล่มนี้เล่มเดียวก็เพียงพอแล้วหากจำเป็นต้องใช้แสงศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะบอกพวกเจ้าสองคนให้หลบไปก่อน..”
“โอ้แม่เจ้า!ฉันเกลียดดาบนั่น..” เจสเตอร์ถอยหลังไปอย่างหวาดกลัว
คนตะวันตกยังไงก็ยังเป็นคนตะวันตกอยู่วันยังค่ำ!ไม่ว่าคิดเห็นอย่างไรก็มักจะพูดออกมาตรงๆตามที่คิด หลิงหยุนจึงพึงพอใจอย่างมาก
หลิงหยุนหัวเราะและเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้เข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่จากนั้นจึงเรียกยันต์อัคนีออกมาสองมัดส่งให้เกาเทียนหลง จากนั้นจึงใช้กระแสจิตบอกวิธีใช้งานให้กับเกาเทียนหลงรู้
เกาเทียนหลงได้เห็นอานุภาพของยันต์อัคนีมาแล้วและเริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นหากต้องเผชิญหน้ากับเหล่าแวมไพร์
“กลับมาจากอเมริกาครั้งนี้เฉินเจี้ยนกุ่ยมันพาแวมไพร์อย่างเจ้ากลับมาด้วยกี่ตน” หลิงหยุนถามเจสเตอร์
“เจ้านายที่เคารพ..มันพามาทั้งหมดยี่สิบเก้าตน ถ้าหักพวกเราออกไปสองคน และจิมผู้น่าสงสารอีกหนึ่งก็จะเหลือยี่สิบหกตน”
และทุกครั้งที่พูดถึงจิมเจสเตอร์ก็ทำตัวเศร้าสร้อยราวกับกระต่ายน้อยกำลังจะตาย
“แล้วมีกี่ตนที่ซ่อนอยู่ในตระกูลเกา”
“หกตน..”
“พวกมันแข็งแกร่งแค่ใหน”
“คนหนึ่งเก่งเหมือนจิมส่วนที่เหลือก็พอๆกับฉันและพอล..”
“เอาล่ะ..ได้เวลาไปบ้านตระกูลเกากันแล้ว!”
ในเวลาห้าทุ่มตรง..รถทั้งสองคันก็ไปจอดอยู่หน้าประตูบ้านตระกูลเกาที่ใหญ่โต ความจริงแล้วในยามนี้ภายในบ้านควรจะต้องเปิดไฟสว่างไสวแล้ว แต่ภายในบ้านกลับมืดมิด ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นถึงกับเย็นยะเยือกจนขนลุกขนชันได้..
หลิงหยุนเกาเทียนหลง พอล และเจสเตอร์ ต่างก็ก้าวลงจากรถ หลิงหยุนจ้องมองไปยังประตูทางเข้าและพูดยิ้มๆ
“พวกเราจะเข้าทางประตูหลักนี่ล่ะ!”
และเพียงแค่สะบัดมือกระบี่โลหิตแดนใต้ก็ปรากฏขึ้นมาในมือของหลิงหยุนเขากำกระบี่โลหิตแดนใต้ไว้ในมือขวาพร้อมกับกระโดดเข้าไปยืนหน้าประตูรั้วบ้านตระกูลเกา
กระบี่โลหิตแดนใต้เปล่งประกายวูบและรังสีสังหารก็ปรากฏขึ้น เสียงลมพัดหวีดหวิว ฟังดูน่ากลัวอย่างยิ่ง!
หลิงหยุนเงื้อกระบี่เตรียมที่จะฟันลงไปที่ประตูบ้านแต่เกาเทียนหลงรีบกระซิบบอกว่า
“หลิงหยุน..พวกเรากระโดดเข้าไปไม่ดีกว่าเหรอ นี่มันบ้านของข้า..”
หลิงหยุนหัวเราะอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับตอบไปว่า“ประตูบ้านพังเจ้าก็ไปหาซื้อบ้านหลังใหม่สิ! เรื่องแค่นี้เอง..”
เรียกได้ว่าสีหน้านิ่งเฉยไม่รู้ไม่ชี้ของหลิงหยุนนั้นเป็นเรื่องที่ใครก็ยากที่จะลอกเลียนแบบบได้!
“เอาล่ะ..ตามข้าเข้าไปข้างใน!”
หลิงหยุนพูดพร้อมกับกระโดดนำทุกคนเข้าไปภายในลานบ้าน..
-พ่อของเจ้าอยู่บ้านหลังใหน-
ทันทีที่เข้าไปในบ้านได้หลิงหยุนก็ใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูภายในบริเวณบ้านทันที และใช้พลังจิตถามเกาเทียนหลง
–สวนด้านหลังฝั่งตะวันออก!-เกาเทียนหลงตอบ
“ไปกัน!”
แต่แล้ว..ไม่เพียงเกาเทียนหลงที่ตกใจ แม้แต่เจสเตอร์กับพอลเองก็ตกใจเช่นกัน
“ใครกล้าบุกเข้ามาบ้านตระกูลเกา!”
เสียงตะโกนดังออกมาจากด้านในตามด้วยเสียงพรึบ.. พรึบ.. พรึบ.. และร่างใหญ่สามร่างก็เดินตรงเข้ามาหาหลิงหยุนและคนอื่นๆ
ชาวต่างชาติทั้งสามคนนี้สวมชุดทักซิโด้เช่นเดียวกับเจสเตอร์และพอลใบหน้าของพวกมันซีดขาวไร้สีเลือด และพูดจาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
“อะไรกัน!เจสเตอร์? พอล?”
“ทำไมพวกนายถึงกลับมากันแค่สองคนแล้วจิมล่ะ?”
“โอ้พระเจ้า!นี่นอกจากนายจะพาเหยื่อกลับมา ยังพามนุษย์ต่ำต้อยมาด้วยงั้นรึ”
แวมไพร์ทั้งสามตนนั้นรู้จักเจสเตอร์กับพอลจึงตกใจไม่น้อยเมื่อได้พบพวกเขาอีกครั้ง
เจสเตอร์ยังไม่ทันได้พูดอะไรหลิงหยุนก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “เสียใจด้วย.. ตอนนี้จิมมันไปนรก ไปพบซาตานของพวกเจ้าแล้ว! ถ้าพวกเจ้าไม่อยากไปลงนรกเหมือนจิม ก็รีบๆหนีไปให้ไกล ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไร้ความปราณีก็แล้วกัน..”
หลังจากที่แวมไพร์ทั้งสามตนได้ฟังคำพูดของหลิงหยุนก็ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง หนึ่งในนั้นชี้ไปทางหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“อะไรกัน!เจ้านี่นะที่จะฆ่าพวกเรา? ตลกชะมัด!”
“แต่มันจะไม่ตลกแล้วล่ะ!”
พูดจบหลิงหยุนก็กระโดดเข้าไปหาแวมไพร์ทั้งสามตนกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือของเขาพุ่งเข้าใส่อย่างไม่ลังเล และความเร็วของหลิงหยุนนั้นก็เกินกว่าที่ใครจะมองเห็นได้ทัน!
ทั้งเจสเตอร์กับพอลต่างก็ยกมือขึ้นปิดหน้าและได้แต่คิดในใจว่า ‘เสร็จแน่!’
อ๊าก!
เสียงกรีดร้องดังขึ้นเมื่อหลิงหยุนตัดแขนข้างหนึ่งของแวมไพร์ตนหนึ่งออกตามมาด้วยดาบที่สอง และสาม..
มันง่ายยิ่งกว่าหั่นผักเสียอีกเลือดของแวมไพร์ถูกกระบี่โลหิตแดนใต้ดื่มเข้าไปจนหมด และนิ่งไปในทันที
และเพียงชั่วพริบตาเดียวเสียงกรีดร้องอีกสองเสียงก็ดังตามมา.. เพราะเมื่อเห็นว่าอะไรเป็นอะไร แวมไพร์ทั้งสองตัวที่เหลือก็รู้ตัวว่าพวกมันได้พบเจอศัตรูที่แข็งแกร่งเข้าแล้ว แต่เมื่อคิดที่จะหนีทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว
“มันสายไปเสียแล้ว!”
หลิงหยุนทำเสียงเยาะเย้ย ก่อนจะใช้มังกรพรางร่างพุ่งเข้าไปหาแวมไพร์อีกสองตนที่กำลังกลายร่าง เมื่อไปถึงหลิงหยุนก็ฟันเข้าไปที่ร่างของพวกมันทันที!
เสียงชุดทักซีโด้ฉีกขาดและเลือดของแวมไพร์ทั้งสองตนก็เหือดแห้งภายในชั่วพริบตา
“พวกเจ้าจะหนีไปใหน!”
ระหว่างนั้นแวมไพร์ที่เหลืออีกสามตนที่เห็นเหตุการณ์ก็กำลังจะวิ่งหนีออกไป แม้ว่าพวกมันจะกลายร่างแล้ว แต่กลับถูกหลิงหยุนสังหารตายภายในชั่วพริบตา
กระบี่โลหิตแดนใต้ช่างมีอานุภาพที่รุนแรงยิ่งนัก!
พอลกับเจสเตอร์ตามหลิงหยุนเข้าไปทั้งสองคนได้แต่มองหน้ากันด้วยความหวาดกลัว และได้แต่คิดในใจว่า ‘โชคดีที่เจ้านายไม่ได้ใช้แสงศักดิ์สิทธิ์ ไม่เช่นนั้น..’
ร่างทั้งหกของแวมไพร์กองรวมกันอยู่ที่พื้น!
“คนของตระกูลเกาออกมาได้แล้วพวกเรามาช่วยเจ้า!”
หลิงหยุนเข้าไปที่สวนด้านหลังใช้มังกรคำรามที่ดังราวกับเสียงฟ้าผ่าร้องตะโกนเรียกสมาชิกของตระกูลเกา..
พรึบ..พรึบ..
ร่างสองร่างกระโดดออกมาจากบ้านที่อยู่บริเวณสวนด้านหลังเกาเทียนหลงเห็นเข้าถึงกับร่ำไห้ออกมา
“ท่านปู่!ท่านพ่อ!”
เกาเทียนหลงร้องตะโกนออกมาพร้อมน้ำตา!
หัวใจของเกาเทียนหลงแทบแตกสลายทั้งปู่กับพ่อที่อยู่ตรงหน้าเขานั้น ไม่เพียงมีสายตาที่เย็นชายเฉยเมย แต่ยังไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆแม้แต่นิดเดียว ทั้งคู่ยังคงยืนนิ่งราวกับตุ๊กตาที่ไร้ชีวิต!

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset