Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – ตอนที่ 745 -746

บทที่ 745 : ตระหนกตกใจ!
เมื่อเฉินเจี้ยนกุ่ยบินกลับมาถึงถ้ำที่ใช้ซ่อนตัวหลิงหยุนกับเกาเฉินเฉินก็ได้ไปถึงตีนเขาหยุนเมิ่งแล้ว และกำลังมุ่งหน้าไปยังถนนบนเขา
แต่หลิงหยุนไม่ได้คิดที่จะหลบหนีเพราะเขาได้เตรียมการสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้มาพร้อมมาก ที่หลิงหยุนรีบลงจากเขามาก็เพื่อพาเกาเฉินเฉินไปส่งที่รถ
คืนนี้ฝนตกลงมาหนักมากและเวลานี้น้ำก็เจิ่งนองไปทั่วทั้งเขา ในขณะที่สายฝนก็ยังคงโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด เสียงสายฝนที่กระทบกับน้ำด้านล่างก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ..
สายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนักนั้นมีผลต่อการมองเห็นของเฉินเจี้ยนกุ่ยอย่างมากแม้ว่ามันจะอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6 แล้วก็ตาม แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถมองฝ่าม่านสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างหนักได้ และด้วยความสูงระดับหนึ่งร้อยเมตรมันจึงมองเห็นพื้นด้านล่างได้ไม่ชัดเจนนัก
เฉินเจี้ยนกุ่ยจึงต้องบินต่ำลงมาจนเกือบจะถึงยอดไม้แต่เขาหยุนเมิ่งนั้นก็กว้างใหญ่มาก และมีหินผาอยู่แทบทุกหนทุกแห่ง อีกทั้งสายฝนก็ปิดบังทัศนียภาพทั้งหมดไว้ และเสียงฝนที่ตกกระทบกับพื้นด้านล่างนั้นก็มีผลต่อความสามารถในการได้ยินของเฉินเจี้ยนกุ่ยด้วยเช่นกัน
และนั่นทำให้มันโมโหและคับแค้นจนต้องกรีดร้องออกมาราวกับคนคลุ้มคลั่ง..
แต่แน่นอนว่ามันไม่ยอมหยุดอยู่เพียงแค่นั้นแน่เฉินเจี้ยนกุ่ยยังคงบินโฉบไปมาอยู่เหนือป่าทึบเพื่อพยายามหาเบาะแสให้ได้มากที่สุด
นับว่าการช่วยเกาเฉินเฉินนั้นประสบความสำเร็จหลิงหยุนเป็นฝ่ายที่ต้องการเริ่มการต่อสู้ในครั้งนี้ และหากเขาต้องการจะออกไปจากที่นี่แล้วล่ะก็ จะมีเพียงสองหรือสามคนเท่านั้นที่จะหยุดเขาได้!
“พบแล้ว!”
เฉินเจี้ยนกุ่ยบินอยู่เหนือยอดไม้และในที่สุดมันก็มองเห็นเพราะระหว่างที่เพียร์ซบินตามหลิงหยุนไปนั้น ปีกใหญ่มหึมาของมันได้กระแทกกิ่งไม้ใบไม้หักไปมากมาย ทำให้สามารถมองเห็นบริเวณด้านล่างได้ค่อนข้างชัดเจน
“เจ้าทำให้ข้าโมโหจนแทบคลั่ง!”เฉินเจี้ยนกุ่ยร้องคำรามออกมาอย่างโกรธแค้นระหว่างที่บินไล่ตามไป
เหล่ากุ่ยเปิดประตูรถหรูสีเงินของเจสเตอร์ออกมาตั้งแต่ในคืนที่บุกไปช่วยหลิงเย่วนั้น เจสเตอร์ก็เพิ่งจะมีเวลาว่างวันนี้ช่วงเช้า มันจึงกลายร่างเป็นค้างคาวแอบบินไปเอารถซึ่งเป็นของรักของหวงกลับมาจากคฤหาสน์บ้านตระกูลเฉิน
หลิงหยุนอุ้มร่างของเกาเฉินเฉินวิ่งออกจากป่าหนาทึบตรงไปที่ถนนและร่างของทั้งคู่ก็พุ่งไปยังตำแหน่งที่รถสีเงินจอดอยู่
เวลานี้ถนนทั้งเส้นถูกน้ำท่วมขึ้นมาเกือบถึงเข่าทำให้ดูราวกับเป็นแม่น้ำสายเล็กๆสายหนึ่งเลยทีเดียว..
หลิงหยุนถือร่มไว้ด้วยมือข้างหนึ่งส่วนแขนอีกข้างก็โอบเอวเกาเฉินเฉินไว้ ขณะเดียวกันก็เดินพลังลับหยิน-หยางในร่างกายเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับเกาเฉินเฉิน และร้องตะโกนบอกเหล่ากุ่ยว่า
“เหล่ากุ่ย..ท่านรีบขับออกไปโดยเร็วที่สุด!”
หลิงหยุนเปิดประตูและผลักร่างเล็กบอบบางของเกาเฉินเฉินเข้าไปที่เบาะหลัง จากนั้นจึงเรียกยันต์เตโชออกมาปึกหนึ่งโยนให้เหล่ากุ่ย
“เหล่ากุ่ย..หากท่านพบกับแวมไพร์ ให้ใช้ยันต์เตโชจัดการกับพวกมัน!”
“นายน้อยสี่..ข้าก็นำยันต์ที่ท่านให้ก่อนหน้านี้ติดตัวมาด้วยมากมาย ยังมีอยู่อีกตั้งสองสามมัด!”
“ท่านเก็บไว้ใช้..ข้าไม่มีความจำเป็นต้องใช้!”
พูดจบ..หลิงหยุนก็หันไปมองเกาเฉินเฉิน และทำท่าจะปิดประตูรถ เมื่อเกาเฉินเฉินเห็นว่าหลิงหยุนไม่ขึ้นมาบนรถด้วยก็ตกใจอย่างมาก และรีบร้องถามทันที
“หลิงหยุน..นาย.. นายไม่ขึ้นรถไปด้วยกันงั้นเหรอ”
หลิงหยุนยิ้มกว้างพร้อมกับตอบไปว่า“เฉินเฉิน.. ศัตรูกำลังจะมาถึงแล้ว ผมจะต้องปกป้องคุณ และจะฆ่าพวกมันให้หมด!”
หลิงหยุนรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรคืนนี้ก็จะต้องมีการต่อสู้ที่ดุเดือดเกิดขึ้นและในเรื่องของการต่อสู้นั้น หลิงหยุนไม่เคยนึกเกรงกลัวใครหน้าใหนอยู่แล้ว!
หลิงหยุนนั้นโกรธแค้นเฉินเจี้ยนกุ่ยอย่างมากและในหุบเขาที่ห่างไกลผู้คนเช่นนี้ อีกทั้งสายฝนยังกระหน่ำลงมาไม่หยุด ในเมื่อฟ้าฝนเป็นใจ หลิงหยุนก็จะต้องสังหารพวกมันทั้งหมดให้ตายพร้อมกันในคืนนี้
เกาเฉินเฉินจ้องมองหลิงหยุนโยนร่มเข้ามาในรถและหยิบผ้าสีดำขึ้นมาคลุมหน้าเผยให้เห็นเพียงดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยรังสีอำมหิตเท่านั้น เกาเฉินเฉินมองหลิงหยุนด้วยแววตารักใคร่ และรู้ดีว่าไม่อาจห้ามปรามหลิงหยุนได้ จึงได้แต่ร้องบอกอย่างห่วงใย..
“หลิงหยุน..นาย.. นายต้องระมัดระวังตัวให้มาก..”
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจู่ๆเกาเฉินเฉินก็นึกถึงคืนวันเชงเม้งขึ้นมา คืนนั้นหลิงหยุนก็อยู่ท่ามกลางสายฝนเช่นนี้ และมีเสียงสายฝนที่ตกกระทบกับพื้นดังกึกก้องแบบนี้เช่นกัน
เพียงแต่ในคืนนั้นหลิงหยุนไปช่วยเฉิงเม่ยเฟิงแต่คืนนี้คนที่หลิงหยุนมาช่วยกลับเป็นเกาเฉินเฉิน!
ริมฝีปากสีแดงของหลิงหยุนฉีกยิ้มจนเห็นฟันขาวพร้อมพูดกับเกาเฉินเฉินว่า“เฉินเฉิน.. ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ!”
ปัง!
เสียงปิดประตูรถดังขึ้น..และเหล่ากุ่ยก็เหยียบคันเร่ง รถสีเงินเลี้ยวกลับมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองปักกิ่งทันที จากนี่ไปอีกเพียงสามสิบกิโลเมตรก็จะถึงเมืองไหวโย๋วแล้ว!
หลิงหยุนยกมือขึ้นเป็นการสั่งให้เพียร์ซที่บินอยู่กลางอากาศร่อนลงมาที่พื้นและตัวเขาก็กระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนหลังของมัน
“ฟังนะ..ไม่ว่าจะมีศัตรูมากเพียงใด เจ้ามีหน้าที่บินไปอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นเจ้าไม่ต้องกังวล!” หลิงหยุนยกมือขึ้นตบแผ่นหลังของเพียร์ซอย่างทะนงพร้อมกับร้องสั่งเพียร์ซ
“ได้ครับเจ้านายเพียร์ซยินดีทำตามคำสั่ง!”
เพียร์ซตอบกลับไปด้วยความเคารพอย่างยิ่งปีกสองข้างกระพือขึ้นลง และบินตามรถสีเงินที่เหล่ากุ่ยขับไป เพียร์ซบินอยู่เหนือรถราวสิบกว่าเมตรเพื่อหลบกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ตามถนน
รถแล่นไปได้เพียงแค่สองกิโลเมตรใจของหลิงหยุนก็เต้นตึกตัก และไม่หันกลับไปมองด้านหลังแม้แต่น้อย แต่ก็ได้เปิดจิตหยั่งรู้ขั้นสุดไว้เพื่อคอยสำรวจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว และกำลังตั้งตารอคอยการจู่โจมจากศัตรู
และแน่นอนว่าผู้ที่กำลังไล่ตามหลิงหยุนมาก็คือเฉินเจี้ยนกุ่ย!
เฉินเจี้ยนกุ่ยรีบบินออกจากเขามุ่งหน้าไปยังถนนมันเห็นรถสีเงินที่กำลังแล่นไป และเห็นหลิงหยุนที่ยืนโดดเด่นอยู่บนหลังของแวมไพร์ตนหนึ่ง
“เป็นเจ้าอีกแล้วสินะ!”เฉินเจี้ยนกุ่ยถึงกับตกใจที่เห็นหลิงหยุนอีกครั้ง
ทั้งชุดที่สวมใส่และรูปร่างลักษณะนั้นเฉินเจี้ยนกุ่ยจำหลิงหยุนได้ติดตา เพราะมันได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะหลิงหยุนถึงสองครั้งสองครา
“เมื่อคืน..เพื่อช่วยหลิงเย่ว เจ้าก็สังหารยอดฝีมือของตระกูลเฉินไปหลายร้อยคน วันนี้เจ้าก็มาช่วยเกาเฉินเฉิน นี่เจ้าจงใจที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลเฉินของข้าสินะ!”
เฉินเจี้ยนกุ่ยฟื้นตัวได้รวดเร็วเช่นนี้ก็เพราะประคำโลหิตและเลือดจากเด็กสาวบริสุทธิ์มากมาย อีกทั้งความแข็งแกร่งของมันก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังรู้สึกหวาดกลัวหลิงหยุนเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง
แต่สิ่งที่ทำให้เฉินเจี้ยนกุ่ยตกใจอย่างที่สุดก็คือหลิงหยุนนั้นกำลังยืนอยู่บนแผ่นหลังของแวมไพร์!
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!นี่มันสามารถขี่หลังแวมไพร์ได้ราวกับนกเลยงั้นรึ?”
แววตาของเฉินเจี้ยนกุ่ยเต็มไปด้วยความประหลาดใจ..
แต่ถึงอย่างไรมันก็จะไม่ยอมให้เกาเฉินเฉินถูกนำตัวไปง่ายๆเช่นนี้แน่เฉินเจี้ยนกุ่ยกัดฟันกรอด..
เฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นรู้ดีว่าหลิงหยุนมีของวิเศษอย่างอื่นอีกไม่ว่าจะเป็นกระบี่โลหิตแดนใต้ กระบี่มังกรขาว และดาบพายุที่ได้ไปจากเขา และเพียงเท่านี้ก็ทำให้หลิงหยุนกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวมากแล้ว!
เมื่อคิดได้เช่นนี้..ปีกสีดำใหญ่ของเฉินเจี้ยนกุ่ยกระพือฝ่าสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนัก มันบินแทรงขึ้นไปอยู่ด้านหน้าเพียร์ซแล้วหันหน้ากลับมามอง..
“ที่แท้ก็เป็นเจ้าเองรึเพียร์ซ!”
เฉินเจี้ยนกุ่ยหันหลังกลับมามองก็พบว่าหลิงหยุนกำลังยืนอยู่บนแผ่นหลังของเพียร์ซและเพียร์ซเองก็เพิ่งจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่อยู่กับเขาเมื่อคืนนี้!
“เพียร์ซ..นี่เจ้า! เหตุใดเจ้าจึงทรยศข้า ข้ามีเลือดให้เจ้าไม่เพียงพอเช่นนั้นรึ”
เฉินเจี้ยนกุ่ยยกมือขึ้นชี้หน้าเพียร์ซอย่างโกรธแค้นพร้อมกับร้องคำรามออกมาเสียงดัง..
จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนเวลานี้สามารถครอบคลุมระยะทางกว่าหนึ่งร้อยเมตรและสายฝนที่กระหน่ำลงมานี้ก็ไม่สามารถบดบังการมองเห็นของหลิงหยุนได้!
สีหน้าท่าทางของเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นหลิงหยุนเห็นได้อย่างชัดเจน เขาได้แต่แอบคิดว่าอยากจะยิงลูกธนูเข้าที่ดวงตาของเฉินเจี้ยนกุ่ย!
แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็รู้ดีว่าแวมไพร์ตนอื่นอาจตายได้ แต่เฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นยังตายไม่ได้ เขายังต้องการเลือดของมันไปใช้ศึกษาปรุงยาเพื่อหาทางช่วยรักษาคนตระกูลเกา!
เหล่ากุ่ยสังเกตเห็นได้ชัดว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นกำลังบินต่ำลงมาอยู่ด้านหน้าของหลิงหยุนเขาจึงชะลอรถลงเล็กน้อย แต่เสียงของหลิงหยุนก็ดังขึ้นว่า
-เหล่ากุ่ย..อย่าลดความเร็ว!-
เหล่ากุ่ยพยักหน้าพร้อมกับเร่งความเร็วมากยิ่งขึ้น
หลิงหยุนจ้องมองเฉินเจี้ยนกุ่ยที่อยู่ด้านหน้าและตอบกลับแทนเพียร์ซ “ทรยศเจ้างั้นรึ เจ้าคนแซ่เฉิน.. เจ้ามันเลวยิ่งกว่าปีศาจชั่วช้า เจ้าทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าไว้มาก แม้แต่แวมไพร์ยังทนอยู่ร่วมกับเจ้าไม่ได้ จะเรียกว่าทรยศเจ้าได้อย่างไรกัน?”
“หากเจ้าจะสู้กับข้าก็เข้ามา..แต่ถ้าไม่กล้าก็รีบหนีไป อย่ามาบินเกะกะลูกตาข้า!”
“สหาย..ท่านบอกข้าทีเถิดว่าตระกูลเฉินไปล่วงเกินอะไรท่าน ท่านจึงได้ทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลเฉินเช่นนี้”
เฉินเจี้ยนกุ่ยพยายามพูดคุยกับหลิงหยุนเพื่อถ่วงเวลาเพราะรู้ดีว่าทั้งยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-7 และเหล่านินจาล้วนแล้วแต่ถูกหลิงหยุนสังหารตายทั้งสิ้น
“อ่อ..เจ้าอยากรู้อย่างนั้นรึ”
หลิงหยุนไม่นึกประหลาดใจในคำถามและรู้จุดประสงค์ของเฉินเจี้ยนกุ่ยดี หลิงหยุนตั้งใจไว้ว่าคืนนี้เขาจะเด็ดชีพคนตระกูลเฉินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้!
เขาจะค่อยๆสังหารคนตระกูลเฉินทีละคนจนกว่าจะตายหมดทั้งตระกูล!
ไม่ว่าเฉินเจี้ยนกุ่ยจะพยายามเช่นไรก็คงจะไม่เป็นผล เพราะเวลานี้อะไรก็ไม่สามารถหยุดยั้งหลิงหยุนได้
ฟิ้ว!
ลูกธนูแหลมคมพุ่งฝ่าม่านสายฝนและตรงเข้าใส่ไหล่ซ้ายของเฉินเจี้ยนกุ่ย มันกัดฟันและบินหนีขึ้นไปบนฟ้าทันที
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับมองเฉินเจี้ยนกุ่ยที่บินหนีขึ้นฟ้าไปพร้อมกับเก็บคันธนูทองเข้าไปและปากก็พึมพำว่า..
“ข้าจะปล่อยให้เจ้าได้บินต่อ..”
เวลานี้หลิงหยุนยังไม่เข้าสู่ระดับกลางขั้นพลังชี่เขาจึงยังไม่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ และทุกครั้งที่เห็นสิ่งมีชีวิตอื่นบินได้ ในใจเขาก็จะรู้สึกอิจฉาทุกครั้งไป
เฉินเจี้ยนกุ่ยบินหนีขึ้นไปบนฟ้าแต่ก็ค่อยๆบินตามรถสีเงินไปอย่างเงียบๆ
กระบี่โลหิตแดนใต้ดาบพายุ รวมทั้งพลังหยางพิสุทธิ์ ก็สามารถสังหารยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-7 ได้แล้ว
และหากต้องโจมตีระยะไกลหลิงหยุนก็ยังมีคันธนูและลูกธนู และด้วยความเร็วของมันนั้นก็ยากที่ใครจะหลบหนีได้ทัน..

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset