Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – ตอนที่ 749-750

บทที่ 749 : การสู้รบที่ไม่ลำบาก!
เวลานี้เหล่าแวมไพร์ได้มาประชิดหลิงหยุนทั้งทางด้านซ้ายและด้านขวาไม่ถึงสามสิบเซ็นติเมตร
แม้ว่าหลิงหยุนจะสามารถรับมือกับแวมไพร์ทั้งสามสิบตนที่กำลังบินอยู่บนศรีษะได้แต่ก็ต้องคอยระมัดระวังแวมไพร์ที่พุ่งมาทั้งทางด้านขวาและด้านซ้ายไปด้วย
ในขณะที่ด้านล่างของหน้าผาที่หลิงหยุนยืนโดดเด่นอยู่นั้นก็มีแวมไพร์ขั้นเคานต์ที่นำผู้ติดตามขั้นไวส์เคานต์จำนวนสามสิบตน แยกกันเป็นสามกลุ่มกลุ่มละสิบตน กำลังบินวนเพื่อทำลายฐานที่มั่นนี้ของหลิงหยุน
สำหรับพละกำลังของแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์นั้นหากออกแรงสุดก็จะสามารถทำลายหินขนาดสองพันกิโลกรัมแตกได้อย่างง่ายดาย และหากแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ทั้งสิบตนลงมือพร้อมๆกัน ก็จะสามารถยกหินหนักสองหมื่นกิโลกรัมได้ง่ายๆเช่นกัน ทำให้โขดหินที่หลิงหยุนยืนอยู่นั้นสั่นสะเทือนไปหมด!
หลังจากที่แวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ได้กลายร่างแล้วปีกของมันก็สยายออกกว้างหกถึงแปดเมตร และเพียงแค่แวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์สี่ตนก็เต็มพื้นที่ด้านล่างเกือบหมดแล้ว
เวลานี้จึงมีแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์เพียงสี่คนที่กำลังทำหน้าที่ทุบทำลายหน้าผาหินอยู่ด้านล่างพวกมันทั้งสี่ตนแยกออกไปประจำตำแหน่งทั้งสี่มุม จากนั้นก็กระพือปีกพาร่างใหญ่ยักษ์ของตนเองบินขึ้นกระแทกกับแผ่นหินอย่างสุดกำลัง
สภาพของแวมไพร์ทั้งสี่ตนเวลานี้ไม่ต่างจากคนที่กำลังจมลงไปในหลุมน้ำแข็ง และกำลังพยายามใช้มือทั้งสองข้างทุบทำลายก้อนน้ำแข็งหนาที่ปิดพื้นผิวด้านบนไว้พร้อมๆกัน ในขณะที่แวมไพร์ตนอื่นต่างก็บินอยู่ด้านล่างรอคอยให้หน้าผาค่อยๆพังลงมา
หัวหน้าแวมไพร์ขั้นเคานต์ที่เห็นหลิงหยุนคล้ายจะพลาดท่าจึงรีบสั่งผู้ติดตามของตนเองให้รีบโจมตีหลิงหยุนทันที
อาจฟังดูเหมือนนาน..แต่ความจริงแล้วทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นภายในเวลาชั่วประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น
ถึงตอนนี้แวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งหกตน ก็ได้นำแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ที่เหลืออีกสี่สิบตนมาล้อมร่างของหลิงหยุนไว้ กลุ่มหนึ่งโจมตีเหนือศรีษะ ส่วนอีกสองกลุ่มโจมตีด้านซ้ายและขวา ไม่ปล่อยให้หลิงหยุนมีโอกาสใช้ธนูได้เลย ในขณะที่ด้านล่างก็ทำหน้าที่ทุบทำลายหินไปเรื่อยๆ
การต่อสู้ในครั้งนี้นับว่าเหล่าแวมไพร์สามารถประสานงานร่วมมือกันได้เป็นอย่างดีและทำตามคำสั่งของแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสได้อย่างเยี่ยมยอด ทำให้การต่อสู้เป็นไปได้อย่างราบรื่น
การถ่ายทอดคำสั่งของเหล่าแวมไพร์นั้นด้านบนสุดคือแวมไพร์ขั้นมาร์ควิสที่จะสั่งการเหล่าแวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งหกตน ส่วนแวมไพร์ขั้นเคานต์ทั้งหกตนก็จะสั่งการต่อไปยังแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ ทำให้สามารถ่ายทอดคำสั่งได้อย่างละเอียดถูกต้อง
พวกมันไม่มีทีท่าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยทุกคนต่างก็พุ่งเข้าใส่หลิงหยุนราวกับแมงเม่าที่เห็นแสงไฟ..
“เยี่ยม!”
แม้ว่าจะถูกเหล่าแวมไพร์ล้อมไว้รอบด้านแต่สีหน้าของหลิงหยุนก็ยังคงสงบนิ่งเช่นเคย ในเมื่อไม่สามารถใช้ธนูได้ หลิงหยุนจึงต้องใช้กระบี่โลหิตแดนใต้ที่อยู่ในมือขวาเวลานี้ และได้ถ่ายเทพลังหยินที่เย็นยะเยือกไว้แล้ว!
“อย่าอยู่เลย!”
หลิงหยุนกวัดแกว่งกระบี่ที่อาบไปด้วยพลังเย็นเข้าใส่เหล่าแวมไพร์ที่อยู่กลางอากาศร่างและปีกใหญ่แข็งแกร่งของเหล่าแวมไพร์ถูกกระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนฟันจนขาดกระเด็น และครั้งนี้มีแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ทั้งห้าตนถูกฟัน!
เสียงกรีดร้องของพวกมันดังขึ้นอีกครั้งและร่างของเหล่าแวมไพร์ที่ถูกกระบี่ฟันก็ร่วงกราวลงสู่พื้นดินทันที
ไม่เพียงเท่านั้น..เหล่าแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์บางตนก็ถูกกระแสรุนแรงของไอเย็นที่ปลดปล่อยออกจากกระบี่โลหิตแดนใต้กระทบเข้า จนได้รับบาดเจ็บแต่ก็เพียงเล็กน้อย
สายตาของหลิงหยุนจับจ้องอยู่เหนือศรีษะแต่กลับใช้มังกรพรางร่างเคลื่อนที่ไปทางด้านซ้ายของหน้าผาพร้อมกับปล่อยหมัดปีศาจเถียนกังออกไป หมัดทั้งสองข้างของหลิงหยุนชกเข้าใส่ร่างของแวมไพร์ที่กำลังบินอยู่ทันที จนร่างของพวกมันลอยละลิ่วออกไปไกลถึงยี่สิบกว่าเมตร
หลังจากที่แวมไพร์ทั้งสองโดนแรงหมัดของหลิงหยุนเข้าลูกตาของพวกมันแทบหลุดออกจากเบ้าด้วยความตกใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าหมัดของหลิงหยุนจะแข็งแกร่ง ทรงพลัง และรวดเร็วถึงเพียงนี้!
แต่ถึงกระนั้นเพียงแค่หมัดปีศาจเถียนกังอย่างเดียวก็คงจะไม่สามารถทำให้แวมไพร์ทั้งคู่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หากหมัดทั้งสองไม่ถูกชกตรงเข้าที่ขั้วหัวใจของพวกมันทั้งสองอย่างแม่นยำ
พลังลับหยิน-หยางที่กำลังหมุนอยู่ภายในร่างกายของหลิงหยุนอย่างรวดเร็วนั้นได้ส่งพลังหยินที่เยือกเย็นเข้าสู่ขั้วหัวใจของแวมไพร์ทั้งสองจนกลายเป็นน้ำแข็งในทันที!
“อ๊าก..”
แวมไพร์ทั้งสองตนกรีดกร้องออกมาอย่างเจ็บปวดพร้อมกันและปีกของมันก็ค่อยๆขยับช้าลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็ไม่สามารถขยับได้อีก ร่างของพวกมันจึงลอยละลิ่วหล่นลงไปบนพื้นทันที
“พลังปราณของเฉินไห่คุนกับมิตซุยไม่เลวเลยทีเดียว!ดูเหมือนข้าจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม..”
หลิงหยุนจัดการสังหารแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ไปอีกสองตนพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา
นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเฉินไห่คุนนั้นอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-5 ส่วนมิตซุยก็อยู่ในระดับกลางขั้นเซียงเทียน-7 หลิงหยุนดูดพลังปราณของทั้งคู่มาจนหมด หากพลังหยิน-หยางในร่างกายของเขาไม่เพิ่มขึ้น ก็นับว่าแย่มากทีเดียว!
หลิงหยุนกล้าที่จะอยู่เล่นสนุกกับเหล่าแวมไพร์เป็นร้อยๆไม่ใช่เพราะเขาประมาท แต่เป็นเพราะเมื่อคืนนี้เขารู้สึกว่าตนเองใกล้ที่จะเข้าสู่ขั้นพลังชี่มากแล้ว
ในขั้นปรับร่างกายนั้นเป็นช่วงของการปรับสภาพร่างกายของผู้บ่มเพาะและกลั่นสสารในร่างกายให้กลายเป็นกำลังภายใน การจะเข้าสู่ขั้นพลังชี่ได้นั้นก็ต้องมีพลังปราณที่เพียงพอเช่นกัน..
ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมการเข้าสู่ขั้นพลังชี่หลิงหยุนจึงเลือกฝึกวิชาพลังลับหยิน-หยาง เพื่อให้ร่างกายของตนเองสามารถดูดซับเอาพลังชีวิตเข้าไปได้ในปริมาณมาก
แต่การฝึกฝนวิชาพลังลับหยินหยางในครั้งนั้นกลับทำให้หลิงหยุนได้รับพลังวนหยิน-หยางซึ่งสามารถทำให้จุดตันเถียนของเขาหมุนกลับ และหลังจากได้ดูดเอาพลังปราณจากยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนทั้งสองคนเข้าไป ในที่สุดหลิงหยุนก็เข้าใกล้พลังชี่มากเข้าไปทุกที!
และเวลานี้ก็เหลืออีกเพียงแค่ครึ่งระดับหลิงหยุนก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นพลังชี่ได้แล้ว!
เฉินเจี้ยนกุ่ยที่ได้เห็นว่าเพียงแค่หมัดทั้งสองของหลิงหยุนก็สามารถสังหารแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ได้ มันถึงกับหวาดกลัวราวกับเต่าหดหัว..
“ช่วงเวลาเพียงแค่สั้นๆเหตุใดพลังของมันถึงได้เพิ่มขึ้นมากเช่นนี้!”
เมื่อครั้งที่เฉินเจี้ยนกุ่ยปะทะกับหลิงหยุนตัวต่อตัวนั้นมันยังอยู่ในขั้นบารอน และกำลังภายในอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-5 ถึงแม้ว่ามันจะพ่ายแพ้ให้แก่หลิงหยุน แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถกลับมาเอาชนะหลิงหยุนได้ แต่เมื่อได้เห็นหลิงหยุนชกแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ทั้งสองถึงตายได้ เฉินเจี้ยนกุ่ยก็ถึงกับตกตะลึง..
หลิงหยุนไม่กังวลกับพื้นหน้าผาที่กำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเขาถือกระบี่โลหิตแดนใต้กระโดดไปทางด้านขวา พร้อมกับกวาดกระบี่ในมือจากซ้ายไปขวา และร้องตะโกนว่า
“ไปลงนรกได้แล้ว”
“หากเจ้าคิดจะทำลายฐานที่มั่นในการต่อสู้ของข้ามันไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอก!”
หลิงหยุนร้องบอกเหล่าแวมไพร์ทั้งสิบเอ็ดตนที่อยู่ด้านล่างก้อนหินจากนั้นจึงเรียกยันต์เตโชระดับห้าออกมาปาใส่พวกมันพร้อมกับร้องสั่งยันต์ให้ทำงาน
ตูม!
สิ้นเสียงสั่งการของหลิงหยุนยันต์เตโชก็ระเบิดกลายเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ เผาปีกของแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ทั้งสี่ตนที่กำลังทุบทำลายพื้นหน้าผา
“อ๊าก..”
และด้วยสัญชาติญาณของแวมไพร์ทันทีที่ลูกไฟลุกโชนขึ้น เหล่าแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์ก็ไม่อาจต้านทานได้อีก และมันก็บินหนีไปทันที
แต่ก็ช้าไป..เพราะปีกของพวกมันทั้งหกตัวถูกไฟจากยันต์เตโชเผาจนไหม้เกรียมเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว และสิ้นใจตายในที่สุด

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset