Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – ตอนที่ 805-806

บทที่ 805 : อยากรู้!
“เชิญ..เชิญทุกท่านด้านในเลยครับ!”
เมื่อชายวัยกลางคนเห็นความกระตือรือร้นที่จะเจ้าไปทำอาหารของเถ้าแก่ซันสีหน้าและแววตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคารพนอบน้อม และรีบโค้งตัวเชื้อเชิญหลิงหยุนและคนอื่นๆให้เข้าไปนั่งรอในห้องทันที
เหลียงเฟิงอี้และกงเสี่ยวลู่ก็ได้แต่หันไปมองหน้ากันอย่างตกตะลึงแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่าพวกเธอจะได้กินอาหารมื้อนี้จริงๆอย่างนั้นหรือ และยิ่งไปกว่านั้น.. ยังจะได้กินฟรีอีกด้วย!
หลิงหยุนสามารถสร้างความอัศจรรย์ใจได้ทุกครั้งจริงๆและในที่สุดครั้งนี้เขาก็สามารถหลอกล่อให้เถ้าแก่ซันยอมทำอาหารได้สำเร็จ!
หลิงหยุนเดินเข้าไปในห้องอย่างไม่มีพิธีรีตองเขาเดินนำเข้าไปห้องเป็นคนแรก และเลือกนั่งตรงเก้าอี้ที่อยู่ทางด้านทิศเหนือซึ่งหันหน้าไปทางทิศใต้
เกาเฉินเฉินและฉางหลิงเดินตามเข้าไปนั่งประกบซ้ายขวาของหลิงหยุนส่วนกงเสี่ยวลู่ก็นั่งข้างเกาเฉินเฉิน และเหลียงเฟิงอี้นั่งข้างฉางหลิง
ถังเมิ่งเป็นคนสุดท้ายที่เดินเข้าไปในห้องและเลือกนั่งตรงข้ามหลิงหยุน สีหน้าของเขาบ่งบอกว่ากำลังกลั้นหัวเราะอย่างเต็มที่
มีเพียงแค่อยู่กับหลิงหยุนเท่านั้นจึงจะสามารถพบพานเรื่องตื่นเต้นอัศจรรย์ใจเช่นนี้ได้ และถังเมิ่งก็รู้สึกสนุกกับชีวิตแบบนี้เป็นอย่างมาก
เหลียงเฟิงอี้นั่งมองหลิงหยุนและถังเมิ่งซึ่งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วจึงหันไปตำหนิหลิงหยุน
“หลิงหยุน..เธอนี่จริงๆเลย! พวกเราเพิ่งจะลงเครื่องมา แต่กลับต้องมาพบเจอเรื่องอะไรแบบนี้.. แล้วทำไมจะต้องมากินที่นี่ด้วย!”
หลิงหยุนไม่สนใจคำพูดของเหลียงเฟิงอี้และไม่คิดที่จะอธิบายอะไร เพราะเธอเองก็เคยเห็นเขาทุบบ้านทั้งสองหลังของเถียนป๋อเตามาแล้ว หลิงหยุนจึงเพียงแค่มองเหลียงเฟิงอี้ยิ้มๆ แต่ไม่พูดอะไร..
เหลียงเฟิงอี้เห็นหลิงหยุนทำเป็นนิ่งเฉยจึงได้แต่กัดริมฝีปากแน่น แต่ในที่สุดก็พูดขึ้นว่า..
“ฉันได้ยินคนพวกนั้นโทรแจ้งตำรวจแล้วอีกไม่นานตำรวจก็คงจะมาถึง ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กินอาหารมื้อนี้หรือเปล่า”
พูดง่ายๆก็คือว่าหากตำรวจมาถึงที่นี่ หลิงหยุนก็คงถูกรวบตัวไปโรงพัก และทุกคนก็คงไม่ได้กินข้าวเพราะต้องตามหลิงหยุนไปโรงพักด้วยนั่นเอง
หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่แฝงอยู่ในคำพูดของเหลียงเฟิงอี้เขาจึงยิ้มให้พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เอาน่า..คุณไม่ต้องเป็นห่วงอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ผมเองก็ยังไม่ค่อยหิว เดี๋ยวจะทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้กับทุกคน พวกคุณนั่งกินข้าวกันให้สบายใจได้เลย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นข้างนอก เดี๋ยวผมจะเป็นคนออกไปจัดการเอง!”
หลิงหยุนไม่เพียงพูดกับเหลียงเฟิงอี้แต่ยังเป็นการสื่อสารให้กับทุกคนที่อยู่บนโต๊ะคลายความกังวลไปด้วย..
หลิงหยุนไม่ได้รู้สึกหิวจริงๆอย่างที่พูดเขามีพลังชีวิตอยู่เต็มเปี่ยม นอกเหนือจากอาการอ่อนเพลียเล็กน้อยซึ่งเป็นผลที่ตามมาจากการใช้วิชาพลังมังกรแล้ว หลิงหยุนก็ไม่ได้มีปัญหาอื่นอะไร
ระหว่างที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นพนักงานเสริฟของร้านตัวจริงทั้งสี่คนก็เดินออกมาจากด้านหลัง หญิงสาวทั้งสี่คนล้วนมีหน้าตาสะสวยงดงามทั้งสิ้น แต่ละคนนั้นสูงไม่ต่ำกว่าหนึ่งเมตรเจ็ดสิบเซ็นติเมตร..
และที่หลิงหยุนรู้สึกประทับใจมากที่สุดก็คือชุดที่ทุกคนสวมใส่นั่นเอง!พนักงานเสริฟสาวทั้งสี่คนนั้น ต่างก็แต่งกายในแบบหญิงสาวชาววังโบราณ ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม และรอยยิ้ม ล้วนแล้วแต่สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่ได้พบเห็นอย่างมาก
“ที่นี่ดูราวกับเป็นห้องเสวยของราชวงศ์ในสมัยโบราณ..”
นอกเหนือจากเกาเฉินเฉินแล้วคนอื่นๆรวมทั้งหลิงหยุต่างก็ตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้เห็นจนแววตาเป็นประกาย!
“แม่เจ้าโว้ย..รู้สึกราวกับเป็นฮ่องเต้!”
ถังเมิ่งเองก็ไม่เคยสัมผัสบรรยากาศเช่นนี้มก่อนเขาถึงกับตกตะลึง และแทบละสายตาจากบริกรสาวไม่ได้ และเพิ่งเข้าใจว่าเพราะเหตุใดที่นี่จึงเป็นที่นิยมชมชอบของเหล่าชนชั้นสูง
หลิงหยุนเองก็ตกตะลึงเช่นกัน..แต่ไม่ใช่เพราะเห็นสาวงามปรากฏตัวพร้อมกัน เขาตกตะลึงเพราะภาพของสาวงามที่ปรากฏตรงหน้านั้น ทำให้เขานึกถึงโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่นั่นเอง
ทั้งผมเผ้าหน้าตา และชุดที่สวมใส่นั้น แม้จะแตกต่างจากหญิงในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่อยู่บ้าง แต่ก็ให้ความรู้สึกคล้ายๆกับได้กลับไปที่นั่น
หลิงหยุนนั้นถอดแว่นกันแดดออกนานแล้วสาวเสริฟทั้งสี่จึงสามารถมองเห็นสายตาที่จ้องมองมาไม่กระพริบของหลิงหยุนได้ชัดเจน พวกเธอจึงได้แต่เขินอาย..
หลิงหยุนกำลังนึกถึงใครอีกหลายคนและอะไรอีกหลายอย่างที่อยู่บนดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งซึ่งเรียกว่าโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่!
‘ข้าคงจะไม่เอาใหนจริงฝึกฝนผ่านมานานกว่าสามเดือนแล้ว แต่จนป่านนี้ยังไม่สามารถเข้าสู่ขั้นพลังชี่ได้อีก!’
หลิงหยุนได้แต่นึกเย้ยหยันตนเองพร้อมกับถอนหายใจ“เฮ้อ.. ข้าจะได้กลับไปที่นั่นอีกหรือไม่นะ!”
นาทีที่สาวเสริฟทั้งสี่คนปรากฏตัวนั้นนอกเหนือจากเกาเฉินเฉินแล้ว คนอื่นๆต่างก็พากันจ้องมองพวกเธอด้วยความตกตะลึง จึงไม่มีใครสังเกตุเห็นหลิงหยุนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์
แต่แน่นอนว่าเกาเฉินเฉินนั้นสังเกตเห็นอากัปกิริยาของหลิงหยุนทั้งหมดเธอถึงกับโกรธจนหน้าแดง และได้แต่นึกเสียใจที่พาหลิงหยุนมากินอาหารที่ร้านนี้..
ในขณะที่หลิงหยุนกำลังจ้องมองสาวเสริฟทั้งสี่คนนั้นเกาเฉินเฉินเองก็กำลังจ้องมองหลิงหยุนด้วยความหงุดหงิด! เธอจึงแอบยื่นมือไปหยิกเนื้อที่เอวของหลิงหยุน แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะเวลานี้รูปร่างของหลิงหยุนนั้นไม่มีไขมันส่วนเกินเลยแม้แต่นิดเดียว นิ้วของเธอจึงไม่สามารถคว้าเนื้อที่เอวติดขึ้นมาได้!
แต่ถึงกระนั้นก็ทำให้หลิงหยุนหลุดจากภวังค์ได้และรีบพูดแก้เก้อ..
“เอ่อ..อืมม.. ร้านนี้สวยมากจริงๆ!” หลิงหยุนหน้แดง และกระแอมเบาๆเป็นการปกปิด
“นายท่าน..จะรับเครื่องดื่มเป็นอะไรดีคะ”
“ผมขอเหล้าที่ดีที่สุดของร้าน..”
ในเมื่ออาหารมื้อนี้ฟรีหากหลิงหยุนไม่ดื่มก็คงน่าขันสิ้นดี!
แม้ว่าชุดของพนักงานเสริฟสาวทั้งสี่คนจะมีสีสันแตกต่างกันไปแต่ก็เป็นชุดแบบเดียวกัน! คอเสื้อที่ผ่าลึกนั้นเผยให้เห็นเนินเนื้อสีขาวอมชมพูทั้งสองข้าง และเมื่อสังเกตเห็นว่าสายตาของหลิงหยุนกำลังจ้องมองมานั้น เธอก็ถึงกับหน้าแดงขึ้นมาทันที
“นายท่านได้โปรดรอสักครู่นะคะ..”
หลังจากที่ร่างของสาวเสริฟในชุดสีม่วงค่อยๆเดินหายไปด้านในเพื่อเตรียมเครื่องดื่มให้นั้นหลิงหยุนก็หันไปมองเกาเฉินเฉินที่กำลังจ้องเขาตาเขม็ง..
‘ถ้าเฉินเฉินใส่ชุดนี้คงจะดูเหมือนหญิงสูงศักดิ์ในสมัยโบราณ..’
‘ถ้ากงเสี่ยวลู่สวมชุดแบบนี้ก็คงจะงดงามไม่แพ้เฉินเฉิน!’
‘แต่ถ้าเป็นเหลียงเฟิงอี้สวมชุดนี้นางคงจะงดงามไม่ต่างจากฮองเฮา..’
‘แต่ฉางหลิงไม่เหมาะกับชุดโบราณพวกนี้ เจ้าตัวเตี้ยเกินไป!’
หลิงหยุนมัวแต่คิดวิจารณ์สาวๆที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่เงียบๆหญิงสาวคนอื่นเมื่อได้เห็นสายตาของหลิงหยุนก็ได้แต่ก้มหน้าเอียงอาย มีเพียงเหลียงเฟิงอี้เท่านั้นที่สบตากับหลิงหยุน พร้อมกับส่งสายตาเตือนหลิงหยุนให้เลิกคิดลามก..
หลิงหยุนถึงกับหัวเราะร่วนจากนั้นจึงเปลี่ยนมาเปิดจิตหยั่งรู้สำรวจดูด้านนอกทันที..
วันนี้เรื่องกินเป็นเรื่องเล็กสำหรับหลิงหยุนแต่เรื่องใหญ่ที่สุดสำหรับวันนี้ก็คือการอาศัยเฉินเซินกวาดล้างตระกูลเฉิน เขาจึงต้องจับตามองสถานการณ์ภายนอกอย่างใกล้ชิด
รถทั้งสามคันยังคงจอดอยู่เหมือนเดิมส่วนฟ่านลู่ปิงและผู้ช่วยยังคงนั่งกระวนกระวายใจอยู่ที่เบาะหลังรถหรูเช่นเคย และได้แต่บ่นพึมพำอะไรบางอย่าง
“คุณปิงคะ..ถ้าตำรวจมาพวกเราควรทำยังดีคะ”
“เธอถามฉันแล้วฉันจะถามใคร วันนี้เป็นวันที่โชคร้ายจริงๆ รู้งี้ฉันไม่มาก็ดี น่าโมโหนัก!”
ฟ่านลู่ปิงทั้งโมโหทั้งกระวนกระวายใจแต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะเธอเองก็ไม่กล้าออกไปจากที่นี่ เธอเป็นถึงดาราโด่งดัง แต่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเช่นนี้..
“คุณปิง..เด็กหนุ่มนั่นเก่งมากเลยนะคะ คุณเคยรู้จักเขามาก่อนหรือเปล่าคะ”
“นี่..ฉันไม่เคยรู้จักคนจองหองแบบนั้น!”
ดูเหมือนผู้ช่วยสาวจะค่อนข้างหวาดกลัวเธอพูดกับฟ่านลู่ปิงว่า “คุณปิงคะ.. ฉันว่าเด็กคนนั้นแทบไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลย แล้วก็ไม่พูดอะไรพร่ำเพรื่อไร้สาระด้วย ทางที่ดีเมื่อตำรวจมา พวกเราก็รีบอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ตำรวจฟัง แล้วรีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่า!”
ฟ่านลู่ปิงคล้ายจะเห็นด้วยแต่หลังจากที่ครุ่นคิดอะไรบางอย่างก็พูดขึ้นมาว่า “เธอไม่ต้องกลัวไป! ฉันว่าเด็กนั่นคงสนใจแต่เฉินเซินเท่านั้น แม้แต่เด็กหนุ่มสี่คนนั่นเขายังไม่สนใจเลย เขาคงไม่ทำอะไรเราสองคนหรอก!”
“ฉันเองก็อยากจะรอดูว่าเด็กหนุ่มที่ยะโสโอหังคนนี้จะจัดการกับปัญหายังไงเหมือนกัน!”
ที่ฟ่านลู่ปิงไม่ยอมไปนั้นก็เพราะอยากจะรู้ว่าหลิงหยุนจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงต่างหาก!
คำสนทนาของหญิงสาวทั้งสองคนนั้นหลิงหยุนได้ยินชัดเจนทุกคำพูดและได้แต่แอบหัวเราะอยู่ในใจพร้อมกับคิดว่า
‘ข้าไม่เพียงสนใจว่าน้ำจะลึกเพียงใดแต่ยังจะกวนให้ขุ่นอีกด้วย!’
‘แต่หากฟ่านลู่ปิงสวมชุดแบบนี้นางคงจะงดงามไม่น้อยทีเดียว!’
หลิงหยุนนั้นไม่รู้ว่าฟ่านลู่ปิงเคยรับบทเป็นหยางกุ้ยเฟยและความงดงามของเธอนั้นก็เป็นที่ประทับอกประทับใจของชาวจีนจำนวนมากอีกด้วย
“ตำรวจมาแล้ว!”
จากนั้นหนึ่งในสี่หนุ่มเพลย์บอยก็ร้องตะโกนออกมอย่างตื่นเต้น!
บทที่ 806 : เล่นกันหน่อย!
ร้านอาหารแห่งนี้ตั้งหันหน้าไปทางทิศเหนือและด้านหน้าร้านก็เป็นสวนขนาดย่อม..
รถตำรวจสามคันเปิดไซเรนเสียงดังกำลังวิ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็วระหว่างทางก่อนจะมาถึงนั้น จึงมีเสียงดังหวอ.. หวอ.. มาตลอดทาง
จากสี่แยกมาถึงที่ถนนทางเข้าซึ่งอยู่ด้านหน้าร้านนั้นห่างกันเพียงแค่ห้าร้อยเมตรเท่านั้นรถตำรวจทั้งสามคันจึงมาถึงบริเวณหน้าร้านอาหารอย่างรวดเร็ว เมื่อรถจอด.. ตำรวจทั้งแปดนายก็เดินลงจากรถด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“หัวหน้ามู่มาด้วยตัวเองแบบนี้คุณชายเฉินต้องปลอดภัยแน่!”
ตำรวจนายหนึ่งเดินเข้าไปหาคุณชายสามที่มีสีหน้ากระวนกระวายและทันทีที่เห็นหน้าหัวหน้ามู่ คุณชายสามก็ร้องตะโกนออกมาอย่างดีอกดีใจ..
มู่เทียนโฉ่ว..ชายหนุ่มวัยสามสิบแปดปี เป็นรองสารวัตรของสถานีตำรวจในพื้นที่นี้ ร่างสูงใหญ่แข็งแรงนั้นอยู่ในชุดเครื่องแบบตำรวจ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับถึงได้โทรหาผม”
คุณชายสามนั้นมีบ้านหลังหนึ่งอยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของมู่เทียนโฉ่วพอดีช่วงวันหยุดก็มักจะมาพักที่บ้านหลังนี้ แล้วก็มีเรื่องอยู่เป็นประจำ เขาจึงมักจะโทรเรียกมู่เทียนโฉ่วให้มาจัดการสะสางให้อยู่เสมอ..
และแน่นอนว่ามู่เทียนโฉ่วเองก็ได้รับผลประโยชน์จากคุณชายสามผู้นี้เช่นกัน!
วันนี้คุณชายสามซึ่งเป็นน้องคนที่สามของสี่หนุ่มเพลย์บอยได้เดิมพันด้วยจำนวนเงินห้าล้านกับเฉินเซินว่า วันนี้เฉินเซินจะไม่สามารถลงเอยกับฟ่านลู่ปิงบนเตียงได้..
ในสายตาของเด็กหนุ่มเพลย์บอยในปักกิ่งนั้นเงินหนึ่งล้านหยวนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรสำหรับพวกเขา และสามารถนำเงินห้าล้านมาเดิมพันกันได้ง่ายๆราวกับกำลังเดิมพันกันด้วยเงินเพียงแค่ห้าสิบหยวนเท่านั้น
คุณชายสามหันไปมองเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งที่อยู่ด้านหลังมู่เทียนโฉ่วเขาเลียริมฝีปากพร้อมกับดึงมู่เทียนโฉ่วเข้าไปใกล้ แล้วกระซิบเสียงเบาว่า
“พี่มู่..ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องของผม แต่ถ้าวันนี้คุณสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเป็นที่พอใจแล้วล่ะก็ ผมรับรองได้เลยว่าคุณจะต้องได้เลื่อนขั้น แล้วก็ขึ้นเงินเดือนอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจได้ขึ้นเป็นผู้กำกับเลยก็ได้นะ!”
มู่เทียนโฉ่วได้ยินถึงกับใจเต้นด้วยความดีใจ..ปรับเงินเดือนและตำแหน่งอย่างนั้นหรือ มันจะง่ายดายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? เพระตัวเขาเองยังต้องผ่านอีกหลายขั้นกว่าที่จะสามรถขึ้นเป็นผู้กำกับได้..
แต่มู่เทียนโฉ่วก็ทำงานอยู่ภายใต้สำนักงานรักษาความมั่นคงมามากกว่าสิบปีเขาจึงรู้ว่าโอกาสที่จะเกิดส้มหล่นเช่นนี้ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ จึงรีบย้อนถามกลับไปทันที..
“มีเรื่องอะไรร้ายแรงอย่างงั้นเหรอ”
คุณชายสามมองไปยังสวนด้านในของร้านอาหารแต่ตรงจุดที่เขายืนอยู่นั้นไม่สามารถมองเห็นร่างของเฉินเซินที่นอนกองอยู่กับพื้นได้ เขาจึงหันไปกระซิบกับมู่เทียนโฉ่ว..
“พี่มู่..เรื่องมันเป็นแบบนี้..”
“อะไรนะ!”
มู่เทียนโฉ่วถึงกับร้องอุทานออกมาเสียงดังเมื่อได้ยินว่าจะมีการฆาตกรรมเกิดขึ้นที่นี่และยิ่งไปกว่านั้นเวลานี้คนที่ทำร้ายผู้คนจนได้รับบาดเจ็บสาหัสก็กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ในร้านอย่างสบายใจด้วย!
แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือว่า..คนที่ถูกขู่ฆ่าก็คือเฉินเซิน.. นายน้อยของตระกูลเฉินแห่งปักกิ่งซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่อีกด้วย!
การกระทำเช่นนี้บ่งบอกว่าคนผู้นั้นไม่เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและกฏหมายบ้านเมืองอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย เขาทำราวกับกำลังอยู่ในสวนภายในบ้านของตนเอง!
มู่เทียนโฉ่วได้ฟังก็ถึงกับตกตะลึงก่อนที่จะโมโหจนควันออกหูและรีบร้องถามขึ้นอย่างรวดเร็ว
“แล้วตอนนี้คนพวกนั้นอยู่ที่ใหน”
คุณชายสามทำหน้าพยักเพยิดไปทางประตูพร้อมกับพูดขึ้นว่า“พวกมันทั้งหมดอยู่ข้างใน ไอ้คนที่ทำร้ายคุณชายเฉินยังเป็นวัยรุ่นอยู่เลย แล้วก็ยะโสโอหังมาก แม้แต่พวกฉันมันยังไม่ชายตามองด้วยซ้ำไป!”
“อ่อ..แล้วตอนนี้คุณชายเฉินก็ยังนอนกองอยู่ที่พื้นภายในสวน แต่ตอนนี้เสียงเงียบไปแล้ว พวกเราก็เลยไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง”
“เดี๋ยวผมจะเข้าไปดูให้เอง!”
แต่ก่อนที่จะลงมือจัดการอะไรนั้นมู่เทียนโฉ่วก็หันไปถามย้ำกับคุณชายสามว่า “คุณชายสาม.. แน่ใจนะว่าบอกความจริงกับผม! คุณชายเฉินตะโกนด่าเพียงแค่ไม่กี่คำ อีกฝ่ายก็ตรงเข้าทำร้ายร่างกาย และถึงกับขู่เอาชีวิตเชียวเหรอ”
คุณชายสามได้ฟังจึงร้องบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางรถหรูซึ่งอยู่ไกลออกไป
“พี่มู่..เวลาแบบนี้ผมยังจะกล้าโกหกคุณอีกเหรอ คุณเห็นรถคันนั้นมั๊ย? ตอนนี้ฟ่านลู่ปิงกับผู้ช่วยของเธอนั่งอยู่ด้านใน เธอเป็นพยานให้ผมได้!”
เมื่อได้ยินว่าฟ่านลู่ปิงกำลังนั่งอยู่ในรถหรูคันนั้นมู่เทียนโฉ่วก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมากมาย เด็กหนุ่มเจ้าสำราญวันๆก็ควงแต่ดาราสาวมากหน้าหลายตา เขาเองก็เคยเห็นมาจนชินตาจึงไม่รู้สึกแปลกใจ..
จากนั้นมู่เทียนโฉ่วก็ยกมือขึ้นโบกเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกเจ็ดนายพร้อมกับสั่งว่า“ฆาตกรอยู่ด้านใน พวกคุณจัดการสำรวจดูรอบๆบริเวณด้านนอกหาหลักฐานไปก่อน..”
หลังจากที่สั่งการเรียบร้อยแล้วมู่เทียนโฉ่วก็รู้สึกว่าเลือดในกายของเขาเดือดพล่านไปหมด และรู้สึกว่าหน้าที่การงานของตนเองกำลังจะกลับมาเบ่งบานสดใสอีกครั้ง..
เพราะคนที่เขากำลังจะช่วยก็คือเฉินเซินคุณชายแห่งตระกูลเฉิน!
ตราบใดที่สามารถช่วยเฉินเซินออกมาได้อย่างปลอดภัยและสามารถจับบกุมฆาตกรได้ การเลื่อนขั้นทีเดียวห้าขั้นก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้..
ด้วยสัญชาติญาณของตำรวจมู่เทียนโฉ่วจึงได้คาดเดาสถานการณ์อยู่ในใจเงียบๆ เขากำลังคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นคนมาจากเมืองอื่น และคงจะเป็นคนที่มีฐานะร่ำรวยมากคนหนึ่งเช่นกัน ไม่เช่นนั้นคงจะไม่ยะโสโอหัง และหยิ่งผยองแบบนี้
แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่รองสารวัตรของสถานีตำรวจในพื้นที่นี้แต่เวลานี้ก็มีข้อได้เปรียบอย่างมากมาย..
ข้อแรกคือ..เขาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงมีสิทธิ์ที่จะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เต็มที่
ข้อสอง..เขามีปืน และเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกเจ็ดนายเมื่อได้ยินว่ามีเหตุการณ์ตึงเครียดเกิดขึ้นที่นี่ พวกเขาก็มาพร้อมอาวุธเช่นกัน หากอีกฝ่ายแข็งขืน อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถใช้ปืนในการเข้าจับกุมได้
และไม่ว่าอีกฝ่ายจะเก่งกาจมาจากใหนจะไม่กลัวปืนเชียวหรือ!
อีกทั้งเฉินเซินเองก็ไม่ได้ทำผิดอะไรร้ายแรงแต่กลับถูกอีกฝ่ายทำร้ายร่างกายจนหน้าบวมเปล่ง และถึงขั้นข่มขู่เอาชีวิตเช่นนี้ จึงเป็นโอกาสที่มู่เทียนโฉ่วจะสามารถอาศัยสถานการณ์นี้สร้างความพอใจให้กับเฉินเซินได้ไม่ยาก
แม้ในวันข้างหน้าจะมีปัญหาขึ้นบ้างเขาก็สามารถอ้างได้ว่าทำทุกอย่างด้วยความเป็นกลาง..
แต่ต่อให้เกิดปัญหาตามมาใหญ่โตคนที่เขาช่วยก็คือเฉินเซินแห่งตระกูลเฉิน ในเมื่อเขาช่วยให้เฉินเซินปลอดภัยได้ ตระกูลเฉินจะต้องเคลียร์ปัญหาต่างๆให้กับเขาอย่างแน่นอน..
ในเมื่อเขามีสถานะเป็นตำรวจมีปืนเป็นอาวุธ และมีผู้สนับสนุนที่มีอิทธิพลเช่นนี้ มู่เทียนโฉ่วจึงไม่รู้สึกกังวลใจแต่อย่างใด!
โอกาสดีๆเช่นนี้คนธรรมดทั่วไปอาจจะสามารถพบเจอได้เพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น!
มู่เทียนโฉ่วตัดสินใจที่จะฉวยโอกาสครั้งนี้ไว้และจะไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปได้แน่!
“รอผมสักครู่!”
แม้เลือดในกายของมู่เทียนโฉ่วจะเดือดพลล่านแต่ด้วยอายุที่มากกว่าสามสิบปีนี้ เขาจึงยังไม่ปักใจเชื่อคุณชายสามเสียทีเดียว..
มู่เทียนโฉ่วเดินตรงไปยังรถหรูที่จอดอยู่พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงหนึ่งนายและได้ฟังเรื่องราวเหตุการณ์ก่อนหน้านี้จากปากฟ่านลู่ปิงตั้งแต่ต้นจนจบ..
ทั้งฟ่านลู่ปิงและคุณชายสามต่างก็เล่าได้ตรงกันมู่เทียนโฉ่วจึงมั่นใจมากยิ่งขึ้น..
“คุณหลี่..คุณจาง.. คุณลิ่ว.. พวกคุณทั้งสามคนเข้าไปข้างในกับผม ส่วนอีกสี่คนรับผิดชอบด้านนอก และรีบโทรเรียกรถพยาบาลมารับผู้บาดเจ็บด่วน”
มู่เทียนโฉ่วสั่งการอย่างไร้ความกังวลใจจากนั้นจึงเดินนำเจ้าหน้ที่ตำรวจทั้งสามนายเข้าไปยังสวนด้านใน
“นี่มัน…”
ทันทีที่ตำรวจทั้งสี่นายเข้าไปยังสวนด้านในพวกเขาก็พบเฉินเซินกับซานไห่กำลังนอนหมดสภาพอยู่ที่พื้น และไม่สมารถขยับเขยื้อนร่างกายได้ เจ้าหน้ที่ตำรวจทั้งสี่นยได้แต่อึ้ง..
“ทำกันขนาดนี้เชียวเหรอ!”
มู่เทียนโฉ่วมองเฉินเซินที่หน้าบวมราวกับหัวหมูพร้อมกับพึมพำออกมอย่างตกใจ!
แต่ถึงแม้ว่าหลิงหยุนจะตบหน้าเฉินเซินจนบวมเปล่งแต่ก็นับว่าเป็นอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่สำหรับไห่ซานนั้นตอนนี้แน่นิ่งสนิท! นอกเหนือจากจี้จุดของมันแล้ว หลิงหยุนได้จัดการชกเข้าที่ซี่โครงของมันหนึ่งหมัดจนซี่โครงหักหลายซี่ และแน่นอนว่าอาการของมันนั้นสาหัสกว่าเฉินเซินมากนัก
“ที่นี่คือปักกิ่ง..มันกล้าก่อกวนในเวลากลางวันแสกๆแบบนี้ โอหังเกินไปแล้ว!”
มู่เทียนโฉ่วพึมพำออกมาด้วยความตกตะลึงและรีบโบกมือเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกสามนายให้ไปตรวจดูอาการบาดเจ็บของเฉินเซินกับไห่ซาน
ภายในห้องรับประทานอาหารด้านใน..
หลิงหยุนยังคงอยู่ในอาการสงบนิ่งพูดคุยหัวเราะได้เป็นปกติ แต่เหตุการณ์ภายนอกทั้งหมดนั้นอยู่ในการรับรู้ของเขาทั้งหมดแล้ว
เมื่อตำรวจทั้งสี่นายเดินเข้าประตูไปนั้นสาวเสริฟของในชุดสีม่วงก็กำลังนำเหล้าที่ดีที่สุดของทางร้านมาเปิดบริการอยู่พอดี และแน่นนอนว่ามันคือเหล้าเหมาไถ่ที่บ่มมาเป็นเวลานาน..
แต่ทันทีที่สาวเสริฟทั้งสี่สังเกตเห็นว่าด้านนอกมีตำรวจมาสีหน้าของพวกเธอก็เปลี่ยนไปทันที เห็นได้ชัดว่าทั้งสี่คนกำลังหวาดกลัว..
“ไม่ต้องตกใจไปข้างนอกไม่ใช่เรื่องของพวกคุณ! จัดการเปิดเหล้าทั้งสองขวดนั่นได้แล้ว”
หลิงหยุนยิ้มสดใสเบิกบานเป็นการปลอบปะโลมพนักงานเสริฟสาวทั้งสี่คนรวมทั้งเกาเฉินเฉิน และคนอื่นๆด้วย
“ผมรับรองว่าจะไม่มีใครเดินเข้ามาในห้องนี้ได้แน่..”
หลังจากที่พนักงานเสริฟสาวจัดการเปิดเหล้าส่งให้แล้วหลิงหยุนก็รับและเดินตัวปลิวออกไปด้านนอกทันทีพร้อมกับร้องตะโกนบอกทุกคนว่า
“ผมมีเหล้าขวดนี้ก็พอแล้วส่วนพวกคุณกินกันตามสบายไม่ต้องกังวล ผมจะออกไปเล่นกับพวกมันหน่อย..”
ทุกคนในห้องต่างก็หันไปมองหน้ากันแล้วหันกลับไปมองหลิงหยุนที่เดินถือขวดเหล้าออกไปด้วยใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ..
ถังเมิ่งมองตามร่างหลิงหยุนไปเลือดในกายของเขาเดือดพล่านพร้อมกับคิดในใจว่า ‘พี่หยุนนี่แน่จริงๆ แม้แต่ในปักกิ่งก็ยังไม่กลัวใคร!’
เสียงตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราดดุดันของมู่เทียนโฉ่วดังขึ้น“เป็นฝีมือของใคร ออกมาเดี๋ยวนี้!”
แต่จู่ๆหลิงหยุนก็ปรากฏขึ้นที่หน้าประตู และระหว่างนั้นก็ยกขวดเหล้าในมือขึ้นดื่มพร้อมกับตอบไปว่า..
“ผมเอง..ออกมาแล้วนี่ไง”
มู่เทียนโฉ่วถึงกับประหลาดใจเขาเป็นตำรวจมานานหลายปี แต่ก็ยังไม่เคยเห็นใครยะโสโอหังแล้วก็อวดดีเท่านี้มาก่อน!
หลังจากทำร้ายผู้อื่นจนบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ไม่เพียงไม่หนี แต่กลับนั่งกินอาหารอย่างสบายใจ เมื่อตำรวจมาพบเข้า ก็ยอมรับอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัว!
มู่เทียนโฉ่วได้แต่คิดว่านี่ตนเองตาฝาดไปหรือเปล่า
แต่สิ่งที่หลิงหยุนพูดต่อจากนี้กลับยิ่งแสดงความยะโสโอหังมากขึ้นกว่าเดิมอีก..
“นี่คุณตำรวจ..ผมไม่ต้องการเสียเวลาพูดพล่ามไร้สาระกับคุณ ผมขอเตือนคุณไว้ก่อน.. เรื่องวันนี้ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะสามารถจัดการได้ ถ้าคุณไม่อยากมีปัญหา ผมจะให้โอกาสคุณออกไปจากที่นี่ เพราะผมยังพอมีเวลา!”

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset