Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – ตอนที่ 943-944

จักรพรรดิเทพมังกร – บทที่ 943 : ดื่มชาท่ามกลางภูเขา!
“ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือเป็นผู้มีวรยุทธ ในชีวิตก็ไม่ควรจะมีเพียงแค่เรื่องรบราฆ่าฟัน ต้องมีความสุทรีย์บ้าง.. เจ้าว่าจริงหรือไม่”
หลิงหยุนยืนนิ่งพร้อมกับหันไปมองบรรยากาศรอบๆแล้วจึงร้องถามเย่ซิงเฉิน..
หลิงหยุนได้แต่หวังว่า..สถานที่งดงามแห่งนี้จะช่วยให้การสนทนาระหว่างเขากับเย่ซิงเฉินนั้นเป็นไปได้ด้วยดี และราบรื่น เพราะถึงแม้จะไม่สามารถนั่งร่างโคลงกลอนอย่างสุนทรีย์ได้ แต่อย่างน้อยบรรยากาศเช่นนี้ ก็น่าจะเอื้ออำนวยให้การสนทนาเป็นไปได้อย่างสมานฉันท์
แต่ที่ทำให้หลิงหยุนประหลาดใจก็คือหลังจากที่เย่ซิงเฉินได้ยินคำพูดของหลิงหยุน นางก็ดูเหมือนจะอึ้งไปครู่ใหญ่ และไม่ตอบคำถามของหลิงหยุน คล้ายกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่ส่ายหน้าพูดอะไรไม่ออกเพราะคิดไม่ถึงว่าเย่ซิงเฉินจะหมกมุ่นครุ่นคิดจริงจังเช่นนี้..
ในเมื่ออีกฝ่ายกำลังตกอยู่ในภวังค์เช่นนี้หลิงหยุนจึงไม่ต้องการขัดจังหวะ จึงเดินสำรวจดูรอบๆ บริเวณแทน..
แววตาของหลิงหยุนเป็นประกายเจิดจรัสและยิ่งสำรวจดู เขาก็ยิ่งพบว่าสถานที่แห่งนี้ช่างมีบรรยากาศที่สุนทรีย์ เหมาะแก่การร่ายโคลงกลอน และวาดภาพยิ่งนัก
ภูเขาลูกนี้อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของยอดเขาเทียนเหมาเฟิงและห่างจากที่นั่นราวหนึ่งกิโลเมตร เขาลูกนี้ตั้งอยู่ระหว่างยอดเขาสองลูกที่ไม่มีชื่อ น้ำตกสีขาวไหลเป็นทางลงจากหน้าผาสูงกว่าสามสิบเมตร ด้านล่างเป็นห้วยน้ำลึกที่มีน้ำใสสะอาด และน้ำจากห้วยนี้ก็ไหลต่อไปทางภูเขาด้านตะวันออกเฉียงใต้..
น้ำตกแห่งนี้ถึงจะไม่ใหญ่โตนักแต่ก็ไหลลงมาด้วยความเร็วสูง น้ำตกที่ไหลลงกระทบห้วยน้ำลึกด้วยความแรง จึงเกิดเป็นละอองน้ำสีขาวกระจายไปทั่ว เสียงของน้ำที่ตกกระทบกันนั้น ก็ดังจนกลบเสียงพูดคุยกันจนสิ้น ทัศนียภาพเช่นนี้ทำให้ยามค่ำคืนในป่าแห่งนี้งดงามยิ่งนัก..
ภูเขาลูกนี้ล้อมรอบไปด้วยพืชพรรณเขียวชอุ่มอากาศจึงสดชื่นมากกว่าปกติ หากผู้ใดได้เข้ามาที่นี่ก็จะรู้สึกสดชื่น และจิตใจเบิกบาน..
‘ดูเหมือนพลังชีวิตบริเวณนี้จะหนาแน่นกว่าที่ข้าคิด..’
หลิงหยุนเดินไปหยุดอยู่หน้าก้อนหินสูงใหญ่ก้อนหนึ่งและได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆ
จากนั้นจึงเดินวิชาพลังลับหยิน-หยางและเริ่มดูดซับเอาพลังชีวิตที่กระจายอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งรอบๆ ตัวเข้าไป
เวลานี้ได้ผ่านจากช่วงเวลาแห่งการต่อสู้กับความเป็นความตายบนยอดเขาเทียนเหมาเฟิงมาร่วมชั่วโมงแล้วพลังปราณของหลิงหยุนจึงฟื้นคืนมามากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แม้ร่างกายจะยังคงเหนื่อยล้าอยู่บ้าง แต่พลังปราณเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับการเอาชีวิตรอดหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น..
หรือพูดง่ายๆก็คือว่า.. หากธิดาพรรคมารจะเปลี่ยนใจหันมาโจมตีหลิงหยุนในเวลานี้ เขาก็สามารถรับมือได้ไม่ยาก..
ธิดาพรรคมารเฝ้ามองตามร่างของหลิงหยุนไปและพบว่าจู่ๆ หลิงหยุนก็เรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมา และฟันฉับเข้าตรงกลางของก้อนหินจนขาดเป็นสองท่อนอย่างไม่ลังเล จนครึ่งหนึ่งนั้นกลายเป็นพื้นที่เรียบ และมันวาวราวกับกระจก แล้วหลิงหยุนก็ได้โต๊ะหินหนึ่งตัว..
ชัวะ..ชัวะ.. ชัวะ..
หลิงหยุนยังคงไม่หยุดเพียงแค่นั้นเขาตวัดกระบี่อีกราวสิบกว่าครั้ง จัดการผ่าหินที่เหลือครึ่งหนึ่งออกเป็นสองท่อน แล้วเริ่มตัดแต่งให้หินทั้งสองก้อนกลายเป็นม้านั่ง หลังจากเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงใช้เท้าข้างหนึ่งเกี่ยวม้าหินตัวหนึ่งขึ้น ก่อนจะเตะลอยไปตกลงอีกฝั่งของโต๊ะหิน
หลังจากได้โต๊ะหินและม้าหินแล้ว หลิงหยุนจึงเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้เก็บเข้าไปในแหวนพื้นที่ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่ม้าหินตัวหนึ่ง และโบกมือร้องเรียกเย่ซิงเฉินให้มานั่งด้วยสีหน้ายิ้มแย่มแจ่มใส..
“นี่..มานั่งคุยกันตรงนี้ดีกว่า!”
ครั้งแรกที่เย่ซิงเฉินเห็นหลิงหยุนชักกระบี่ออกมานั้นนางยังคิดว่าหลิงหยุนต้องการจะชักกระบี่ขึ้นมาสู้กับตนเองด้วยซ้ำไป แต่เมื่อพบว่าหลิงหยุนใช้กระบี่ในมือตัดแต่งโต๊ะและม้าหิน นางถึงกับทำสีหน้าแปลกประหลาด..
เย่ซิงเฉินได้แต่คิดในใจว่า..เพิ่งจะผ่านการต่อสู้ที่แสนหนักหน่วงมาไม่เท่าไหร่ อีกทั้งร่างกาย และพละกำลังของหลิงหยุนก็ยังไม่น่าจะฟื้นตัวเต็มร้อย แต่เขากลับมีอารมณ์สุนทรีย์มานั่งทำโต๊ะกับม้านั่งสำหรับนั่งคุยกันอีกหรือนี่
‘หัวสมองของเจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่!’
จุดประสงค์ที่ทั้งคู่มาที่นี่นั้นเย่ซิงเฉิน และหลิงหยุนต่างก็รู้กันดีว่าคงไม่พ้นเรื่องราวเมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ และต่างฝ่ายต่างก็มีเรื่องที่ต้องการจะสอบถามกันและกัน!
เย่ซิงเฉินจ้องมองหลิงหยุนที่นั่งอยู่บนม้าหินด้วยท่าทางสบายอกสบายใจนางถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเท้าเดินข้าไปยืนข้างโต๊ะหินฝั่งตรงข้ามหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
“ดูเหมือนเจ้าจะมีอารมณ์สุนทรีย์มากสินะ!”ไอรีนโนเวล
หลิงหยุนฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มและหัวเราะออกมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเย่ซิงเฉินพร้อมกับตอบไปว่า
“ก็แน่อยู่แล้ว!บางครั้งเราก็ต้องใช้ชีวิตไปตามอารมณ์ความรู้สึกบ้างไม่ใช่รึ แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าทำเช่นนี้!”
และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลิงหยุนทำเช่นนี้จริงๆเมื่อครั้งที่อยู่บนเกาะเตียวหยู หลิงหยุนก็ใช้กระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาวขุดถ้ำเพื่อทำเป็นบ้าน ทำหม้อ ทำกระทะ แล้วก็โต๊ะ และม้านั่งจากหิน..
“ต่อให้เจ้าเป็นนักมายากลที่เก่งกาจ..”หลิงหยุนพูดพร้อมกับยกมือข้างซ้ายขึ้นกระดิกนิ้วทั้งห้า แล้วจึงพูดต่อว่า
“ก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าการนั่งคุยกันนั้นถึงอย่างไรสะดวกสบายกว่าการยืนคุยกันไม่ใช่รึ”
เย่ซิงเฉินไม่สามารถตอบโต้หลิงหยุนได้เพราะสิ่งที่เขาพูดมานั้นนางเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้ จึงได้แต่ทำสีหน้าท่าทางเฉยชา และไม่สนใจอะไรอีก
แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หลิงหยุนได้เผชิญหน้ากับธิดาพรรคมารครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งที่สามแล้วที่เขาได้พบกับนาง หลิงหยุนจึงค่อนข้างเข้าใจอุปนิสัย และบุคลิกของนางดี อีกทั้งยังคุ้นเคยกับท่าทีเย็นชาเช่นนี้ดีด้วย เขาจึงไม่ใส่ใจอะไรนัก..
ในเมื่อเป็นถึงธิดาพรรคมารก็ต้องวางตัวเย็นชาห่างเหินเช่นนี้อยู่แล้ว หากสามารถเข้าถึงตัวได้ง่ายๆ ก็คงจะกลายเป็นหญิงสาวทั่วไป..
ยิ่งไปกว่านั้น..เทพธิดาในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ซึ่งหลิงหยุนรู้จักนั้น ก็มักจะทำตัวห่างเหินเย็นชาเช่นนี้ เขาจึงคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“ดูสิ..ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว อีกทั้งยังแวดล้อมไปด้วยภูเขาและแม่น้ำเช่นนี้ ช่างเป็นบรรยากาศที่แสนสดชื่นมากจริงๆ!”
หลิงหยุนจงใจเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวบนท้องฟ้าแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างแรง..
“แต่เพียงแค่นี้ยังไม่พอ..”
พูดยังไม่ทันจบ..ที่ฝ่ามือซ้ายของหลิงหยุนก็ปรากฏแสงสว่างเจิดจ้า และทำให้บริเวณโต๊ะหินโดยรอบนั้นสว่างไสวไปด้วย
หลิงหยุนจัดการวางไข่มุกราตรีไว้ที่มุมโต๊ะหินด้านหนึ่ง..
นี่เป็นการเจรจาระหว่างเขากับธิดาพรรคมารหลิงหยุนจึงต้องสร้างบรรยากาศให้รื่นรมย์ และน่าเจรจามากขึ้น!
“นี่เจ้ามีอะไรจะพูดก็รีบๆพูดมา!พูดจบข้าก็จะได้รีบไป เจ้าอยากมีอารมณ์สุนทรีย์ก็เชิญมีไปคนเดียว ส่วนยายเฒ่าอย่างข้าไม่อยากเสียเวลามานั่งกินลมชมจันทร์กับเจ้าด้วย!”
คิดไม่ถึงว่าเย่ซิงเฉินจะไม่เคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศที่หลิงหยุนทุ่มเทและพยายามรังสรรค์ขึ้นมาอย่างมาก และไข่มุกราตรีที่สามารถทำให้หญิงสาวคนอื่นถึงกับตื่นเต้นจนพูดไม่ออกนั้น กลับไม่มีความหมายอะไรเลยแม้แต่น้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่ซิงเฉิน..
เมื่อเห็นว่าเย่ซิงเฉินซึ่งเป็นถึงธิดาพรรคมารนั้นไม่มีท่าทีสนใจใยดีกับไข่มุกราตรีเลยแม้แต่น้อย เขาก็ได้แต่ทำหูทวนลม และตอบกลับไปว่า
“ใครว่าข้าจะชวนเจ้ากินลมชมจันทร์เล่า”
หลิงหยุนมองตาเย่ซิงเฉินพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ข้าจะชวนเจ้าดื่มชาชั้นเลิศต่างหากล่ะ!”
ทันทีที่พูดจบ..ชุดน้ำชาซึ่งมีทั้งกาน้ำชา ถ้วยน้ำชาสองใบ และถาดรองนั้นก็ถูกเรียกออกมาจากแหวนพื้นที และหลิงหยุนก็ค่อยๆ วางมันลงบนโต๊ะหิน
“นั่งลงดื่มชากันก่อนสิ!นี่เป็นชาต้าหงเผาชั้นเลิศเชียวนะ!”
หลิงหยุนจัดการแกะซองและเทใบชาลงไปในกา..
ครั้งนี้เย่ซิงเฉินถึงกับตกตะลึงอย่างมากจริงๆ!นางคิดไม่ถึงว่าในแหวนพื้นที่ของหลิงหยุนนั้นจะมีของเหล่านี้อยู่ด้วย!
ในยามค่ำคืน..คนสองคนที่ยังไม่สามารถระบุสถานะได้ว่าจะเป็นศัตรู หรือว่าเป็นมิตรกันแน่ แต่กลับชักชวนกันนั่งดื่มชาท่ามกลางหุบเขาลึก!
แม้ว่าเย่ซิงเฉินจะได้อ่านข้อมูลเกี่ยวกับหลิงหยุนมามากมายแต่นางก็นึกไม่ถึงจริงๆว่าหลิงหยุนจะเป็นผู้ชายที่มีอารมณ์สุนทรีย์เช่นนี้..
“เจ้าคงกำลังคิดว่าจะหาน้ำจากที่ใหนสินะ!แต่เจ้าน่าจะเคยเห็นในทีวีแล้วนี่!”
หลิงหยุนเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงของเย่ซิงเฉินแล้วก็ได้แต่แอบยิ้มอยู่ในใจ และพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยพร้อมกับเรียกยันต์ธาราออกมาปิดไว้ที่กาน้ำชา และร้องสั่งให้ยันต์ออกฤทธิ์
เมื่อในกามีน้ำแล้วหลิงหยุนก็จัดการยกกาน้ำชาไปวางไว้บนฝ่ามือข้างซ้าย และเริ่มเดินพลังหยางไปที่มือข้างซ้าย จากนั้นฝ่ามือข้างซ้ายของเขาก็ค่อยๆ ร้อนขึ้น และน้ำในกาก็เริ่มเดือดปุดๆ
ไม่นานนัก..กลิ่นหอมหวนของชาต้าหงเผาก็เริ่มโชยออกมา หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่งามของเย่ซิงเฉิน
“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาด!ข้าเพิ่งจะฆ่าคนมาก็จริง แต่อย่าลืมว่าเนื้อตัวข้าไม่มีเลือดเลยสักหยด เจ้าก็เห็นไม่ใช่รึ”
แน่นอนว่าเย่ซิงเฉินนั้นเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ได้ดีในเมื่อตัวนางเองก็ไม่สวมรองเท้า และไปใหนมาใหนด้วยเท้าเปล่าโดยที่ไม่เปื้อนฝุ่นเช่นกัน การที่หลิงหยุนสามารถสังหารคนโดยไม่มีเลือดติดตัว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร..
หลังจากที่น้ำในกาเดือดและกลิ่นหอมของใบชาอบอวลไปทั่วแล้ว หลิงหยุนจึงวางกาน้ำชาลง และร้องบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง..
“ข้าต่อสู้กับศัตรูมาตั้งนานปากคอแห้งผากไปหมดแล้ว มานั่งดื่มชาแก้กระหายกันก่อน แล้วค่อยๆ คุยกันไปไม่ดีกว่ารึ!”
หลิงหยุนพูดต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“ในโลกนี้.. เจ้าเป็นคนแรกที่ได้ดื่มชาที่ข้าชงนะ!”
แม้ว่าหลิงหยุนจะไม่แสดงความรู้สึกออกมาตรงๆแต่ความจริงแล้วเขารู้สึกซาบซึ้งใจในตัวเย่ซิงเฉินมากที่ช่วยเขาในคืนนี้ แม้ว่าเขาเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่านางจะเป็นมิตร หรือว่าเป็นศัตรูกันแน่..
“เชิญดื่มสิ..นี่คือชาหงเผาเชียวนะ!”
แต่จู่ๆหลิงหยุนก็ส่ายหน้าไปมา.. แล้วน้ำเต้าวิเศษก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา ทันทีที่หลิงหยุนเริ่มรินน้ำลายมังกรลงไปในกาน้ำชา กลิ่นหอมหวนของมันก็เริ่มตลบอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ
เย่ซิงเฉินสูดดมกลิ่นหอมเข้าไปอย่างแรงจนผ้าคลุมหน้าสีดำถูกดูดเข้าไปแนบกับรูจมูกของนาง กลิ่นหอมเย้ายวนเตะจมูกนั้นทำให้น้ำลายในปากของเย่ซิเฉินถึงกับพุ่งกระจายออกมา และยากที่จะอดกลั้นไว้ได้จนต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่นั้นลงลำคอไป
เรือนร่างงดงามของเย่ซิงเฉินชะโงกเข้าไปใกล้หลิงหยุนทันทีนางจ้องมองน้ำเต้าวิเศษในมือหลิงหยุนพร้อมกับถามเสียงสั่น
“นี่..นี่คือ..”
หลิงหยุนมองอย่างนึกขึ้นจากนั้นจึงยกกาขึ้นรินน้ำชาใส่ถ้วยให้กับเย่ซิงเฉิน แล้วพูดขึ้นว่า..
“ยังจะถามอะไรมากมายรีบดื่มเร็วเข้า!”
ในใจของหลิงหยุนนั้นได้แต่แอบคิดว่า..‘ใครๆ ต่างก็เรียกข้าว่าพี่หลิงหยุน เจ้ายังห่างไกลข้านัก!’

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset