Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1087 : เทพอสูรทมิฬ!

  ดาบพายุ!
ข้อแตกต่างระหว่างดาบพายุกับดาบวิเศษอื่นๆของเหล่าปีศาจแวมไพร์นั้นก็คือ.. หากผู้ที่ถือดาบพายุนี้มีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งพอ ก็จะสามารถใช้ดาบเล่มนี้สร้างพายุหมุนขึ้นรอบกายได้ และพลังรุนแรงของพายุหมุนที่เกิดขึ้นนั้น ก็จะกวาดล้าง และบดขยี้สิ่งรอบตัวให้พังทลายไปในทันที..
และการที่หลิงหยุนเปลี่ยนจากการบี่โลหิตแดนใต้มาใช้ดาบวิเศษเล่มนี้แทนก็เพราะคิดถึงพลังพิเศษในข้อนี้ของมันขึ้นมาได้นั่นเอง!
แม้ว่าหลิงหยุนจะยังไม่ใช่ผู้รู้จริงเกี่ยวกับการใช้ดาบวิเศษเล่มนี้แต่เขาเองก็มีจุดตันเถียนอันน่าอัศจรรย์ และมีวิชาดูดลมปราณ ซึ่งกระแสวนหยิน–หยางในร่างกายของเขานั้น ก็น่าจะสามารถกระตุ้นให้ดาบวิเศษเล่มนี้ให้สร้างพายุหมุนได้..
เห็นได้ชัดว่า..ซือกงถูสร้างกระจกเงาปีศาจขึ้นล้อมหลิงหยุนไว้ ก็เพื่อที่จะจำกัดบริเวณของหลิงหยุนให้อยู่ในขอบเขตที่กระบี่มารดำจะสามารถจู่โจมได้อย่างมีประสิทธิภาพ..
ทั้งกระจกเงาปีศาจและกระบี่มารดำเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่เกิดจากปราณทมิฬในร่างของซือกงถูที่ถูกแยกออกมา!
หากหลิงหยุนไม่สามารถทลายกระจกเงาปีศาจที่ล้อมอยู่นี้ได้ปราณทมิฬที่อยู่ในรูปของกระบี่เงาดำนั้น ก็จะอยู่ในขอบเขตการควบคุมของซือกงถู ต่อให้หลิงหยุนสามารถทำลายกระบี่มารดำของมันได้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ท้ายที่สุดปราณทมิฬเหล่านั้นก็จะสามารถกลับมารวมตัวกันเป็นกระบี่มารดำได้ดังเดิม และหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ก็ย่อมไม่เป็นผลดีกับหลิงหยุนอย่างแน่นอน..
ส่วนซือกงถูที่ถูกหลิงหยุนใช้กระบี่โลหิตแดนใต้ไล่ล่ามาไกลถึงห้าร้อยเมตรนั้นก็ได้ตระหนักว่าหากสู้กับหลิงหยุนในระยะประชิดเช่นนั้น มันเองย่อมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ซือกงถูที่เจ้าเล่ห์กลิ้งกลอกจึงเลือกที่จะเปลี่ยนยุทธวิธีในการต่อสู้ เพื่อไม่ให้ตนเองต้องประมือกับหลิงหยุนแบบตัวต่อตัวอีก มันจึงได้ใช้ปราณทมิฬในร่างสร้างกระจกเงาปีศาจนี้ขึ้นมา..
ทางด้านหลิงหยุนนั้น..หลังจากที่เป็นฝ่ายตั้งรับกระบี่มารดำของซือกงถูอยู่นาน ก็ได้ใช้พลังปราณในร่างกายของตนเองไปอย่างมากมาย แต่ในขณะที่พลังปราณของซือกงถูกลับดูเหมือนจะไม่พร่องลงเลย และตราบใดที่หลิงหยุนใช้พลังปราณไปจนหมด แน่นอนว่าซือกงถูย่อมจะต้องเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน!
อาจดูเหมือนว่าซือกงถูนั้นฉลาดล้ำลึกและเฉียบแหลม ที่สามารถวางแผนได้อย่างชาญฉลาดจนตนเองเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ถึงกระนั้น.. ซือกงถูก็ยังพลาดไปอยู่ดี!
นั่นเพราะมันเองก็คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนไม่ได้มีแค่กระบี่โลหิตแดนใต้เพียงเล่มเดียวเท่านั้น!
หลังจากที่เปลี่ยนมาใช้ดาบพายุหลิงหยุนก็ได้ใช้มันฟาดฟันกระบี่มารดำของซือกงถูออกเป็นเสี่ยงๆ จนกลายเป็นปราณสีดำหมุนรอบตัวหลิงหยุน และในจังหวะนั้นเอง หลิงหยุนก็ไม่รีรอที่จะใช้วิชาดูดลมปราณ ดูดเอาปราณสีดำเหล่านั้นผ่านทางดาบพายุเข้าไป..
และด้วยกระแสวนหยิน–หยางภายในร่างกายของหลิงหยุนที่หมุนกลับนั้น..ทำให้ดาบพายุได้ดูดเอาปราณสีดำเหล่านั้นเข้าไปอย่างรวดเร็ว..
ปราณสีดำเหล่านั้นเริ่มหมุนรอบดาบพายุช้าๆและค่อยๆหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพลังปราณสีดำเหล่านั้นได้ก่อตัวกลายเป็นพายุหมุนสีดำที่รุนแรง!
ด้วยอัตราการหมุนที่รวดเร็ว..ปราณทมิฬเหล่านั้นก็เริ่มถูกดาบวิเศษในมือของหลิงหยุนดูดเข้าไปในตัวดาบ และมันก็ได้ทำการเปลี่ยนปราณทมิฬของซือกงถูให้กลายเป็นปราณบริสุทธิ์ในขั้นเซียงเทียน ก่อนจะไหลเข้าสู่ร่างกายของหลิงหยุนผ่านเส้นลมปราณต่างๆ และหลอมรวมเข้ากับพลังหยิน–หยางในร่างกายของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว ทำให้พลังปราณในร่างกายของเขาฟื้นตัวขึ้นได้ในทันที!
พูดกันตามความจริงแล้ว..ขั้นของซือกงถูนั้นนับว่าสูงกว่าหลิงหยุนมาก และความแข็งแกร่งของซือกงถูนั้นก็สามารถเอาชนะหลิงหยุนได้ไม่ยาก แต่เพราะหลิงหยุนได้เปรียบกว่าตรงที่เขามีเกราะป้องกันตัวที่ดี และมีอาวุธที่น่ากลัวมากมาย..
ทำให้เวลานี้..ทั้งหลิงหยุนกับซือกงถูจึงอยู่ในสถานะที่ไม่มีใครได้เปรียบ หรือเสียเปรียบ!
ซือกงถูนั้นผ่านการต่อสู้มาอย่างมากมายนับครั้งไม่ถ้วนเล่ห์เหลี่ยมกลโกง และยุทธวิธีในการต่อสู้ที่เลือกมาใช้ จึงนับว่าเลือกได้อย่างถูกต้อง และสามารถช่วยให้ตนเองเป็นฝ่ายได้เปรียบคู่ต่อสู้..
แต่ถึงกระนั้น..ยุทธวิธีในการต่อสู้ของหลิงหยุนก็ยังเหนือกว่าอยู่ดี!
“แย่แล้ว!”
เมื่อเห็นหลิงหยุนเรียกดาบพายุออกมาซือกงถูเพียงแค่คิดว่าหลิงหยุนต้องการเปลี่ยนอาวุธเท่านั้น แต่เมื่อได้เห็นพายุหมุนดำทะมึนก่อตัวขึ้น ซือกงถูจึงได้รู้ว่าตนเองนั้นคิดผิดไปถนัด!   นั่นเพราะซือกงถูไม่สามารถควบคุมปราณทมิฬของตนเองได้อีกต่อไปและไม่สามารถเปลี่ยนปราณทมิฆเหล่านั้นให้กลายเป็นกระบี่มารดำได้อีก!
ก่อนหน้านี้..ซือกงถูได้แต่มองหลิงหยุนใช้พลังปราณในร่างกายไปด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง และกำลังรอคอยเวลาที่จะเก็บเกี่ยวชัยชนะ! แต่แล้วจู่ๆ สถานการณ์กลับพลิกผันอย่างน่าเศร้า.. ไอลีนโนเวล
ซือกงถูถึงกับตระหนกตกใจอย่างมากและได้แต่คิดว่าเหตุใดจึงกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
“….”
ซือกงถูไม่รอช้า..มันรวบรวมพลังจิตขั้นสูงควบคุมปราณทมิฬในร่าง เสกให้เป็นกระบี่มารดำจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน พุ่งตรงเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว!
ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้..หลิงหยุนสามารถดูดพลังปราณของคู่ต่อสู้ที่ปลดปล่อยออกมาในระหว่างต่อสู้ได้ ประกอบกับหลิงหยุนมีเกราะป้องกันร่างกายที่แข็งแกร่งพอที่จะมั่นใจได้ว่า ตนเองนั้นจะไม่ถูกคู่ต่อสู้สังหารตายด้วยพลังเหนือธรรมชาติ..
เวลานี้หลิงหยุนมีเกราะป้องกันถึงสี่ชั้นตั้งแต่ดาราคุ้มกาย ชุดผ้าแพรไหมดำ ยันต์เพชร และยันต์เกราะระดับหก..
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม..ภายใต้พลังจิตขั้นสุดของซือกงถู กระบี่มารดำก็สามารถทะลุทะลวงเกราะป้องกันทั้งสี่ชั้นของหลิงหยุนไปได้ และเวลานี้ร่างของหลิงหยุนก็เต็มไปด้วยบาดแผล และเลือดที่ไหลออกมาท่วมตัว!
หลิงหยุนเองก็ถึงกับตกใจสุดขีดเมื่อพบว่าร่างกายของตนเองเวลานี้เปียกโชกไปด้วยเลือดสีแดงสด..
แต่ถึงแม้กระบี่มารดำจำนวนมากจะสามารถทะลุเกราะป้องกันทั้งสี่ชั้นของหลิงหยุนไปได้แต่ก็ทำให้เกิดบาดแผลภายนอกในระดับชั้นผิวหนังเท่านั้น
หลิงหยุนไม่สนใจบาดแผลที่เกิดขึ้นและรีบรวบรวมลมปราณทั้งหมดทำการหมุนกระแสวนหยิน–หยางให้เร็วขึ้น ทำให้พายุหมุนสีดำรอบดาบวิเศษนั้นหมุนเร็วมากขึ้นตามไปด้วย..
เมื่อพายุสีดำหมุนแรงขึ้นเรื่อยๆกระแสลมหมุนก็เพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นตามไปด้วย และเวลานี้มันก็มีลักษณะคล้ายเสาสีดำขนาดใหญ่ ที่ค่อยๆถูกดูดเข้าไปในกระบี่พายุ ก่อนที่จะผ่านเข้าสู่ร่างของหลิงหยุนต่อไป!
ซือกงถูดูเหมือนจะกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบแต่ก็เพียงแค่ชั่วประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นหลิงหยุนก็พลิกมาเป็นฝ่ายที่ถือไพ่เหนือซือกงถูอีกครั้ง..
ท่ามกลางการต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายนี้..ต่างฝ่ายต่างก็ต้องพยายามอย่างสุดความสามารถ หาไม่แล้วหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดพลาดพลั้ง ย่อมต้องถูกอีกฝ่ายสังหารตายอย่างแน่นอน!
พลังปราณระดับสองของขั้นเซียงเทียน-9นั้นบริสุทธิ์ยิ่งนัก หลิงหยุนดูดซับเข้าไปเพียงครู่เดียว แต่เขากลับรู้สึกว่าพลังปราณภายในร่างกายของตนเองนั้น ได้ฟื้นคืนกลับมาถึงสามสิบส่วน!   ภาพการต่อสู้ที่เห็นอยู่ในเวลานี้คือ..หลิงหยุนที่มีเลือดท่วมกายกำลังชูดาบวิเศษเล่มหนึ่งอยู่ท่ามกลางพายุหมุนสีดำขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกันก็มีกระบี่มารดำพุ่งออกมาจากกระจกเงาปีศาจเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างต่อเนื่อง..
หกสิบส่วน..เจ็ดสิบส่วน.. แปดสิบส่วน..
ยิ่งดูดซับปราณทมิฬเข้าไปได้มากเท่าไหร่พลังปราณในร่างกายของหลิงหยุนก็ยิ่งฟื้นคืนรวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งหลิงหยุนรู้สึกว่าปราณทมิฬรอบตัวนั้นค่อยๆเบาบางลงไปเรื่อยๆ และหลืออยู่น้อยมาก..
หลังจากดูดเอาปราณทมิฬเข้าไปอย่างมากมายแล้วหลิงหยุนจึงเรียกยันต์บำบัดระดับหกออกมาปิดไว้ทั่วร่างกาย จากนั้นจึงร้องสั่งให้ยันต์ออกฤทธิ์ และบาดแผลต่างๆทั่วร่างกายของหลิงหยุนก็ได้อันตธานหายไปในทันที!
“ซือกงถู..เจ้ายังมีลูกเล่นอะไรอีกหรือไม่”
หลิงหยุนร้องตะโกนออกไปจากนั้นจึงเรียกยันต์เทวะเหินระดับหกออกมาแปะไว้ที่ขาทั้งสองข้าง เพระเกรงว่าหากซือกงถูตระหนักถึงความพ่ายแพ้ที่กำลังจะมาถึง มันจะหาทางหลบหนีเสียก่อน..
และหลิงหยุนจะไม่มีทางปล่อยให้ซือกงถูหนีรอดได้ได้อย่างแน่นอน!
แม้ว่าหลิงหยุนจะทำลายกระบี่มารดำของซือกงถูไปแล้วแต่ดูเหมือนซือกงถูจะยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ มันกลืนโอสถปราณทมิฬเข้าไปเพื่อเพิ่มพลังปราณในขณะที่ดวงตานั้นจับจ้องอยู่ที่ร่างของหลิงหยุน พร้อมกับพูดออกมาอย่างเย้ยหยัน..
“หึ..เจ้าเด็กเมื่อวานซืน! คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีไพ่ในมือมากมายเช่นนี้!”
สมบัติล้ำค่าแต่ละชิ้นของหลิงหยุนนั้นทำให้ซือกงถูเกิดความโลภ และต้องการอยากจะได้มาครอบครอง..
ไม่ว่าจะเป็นกระบี่โลหิตแดนใต้ดาบพายุ และยันต์ชนิดต่างๆที่หลิงหยุนนำออกมาใช้ รวมถึงวิชาดูดลมปราณ และกระทั่งแหวนพื้นที่ในนิ้วมือข้างซ้ายของเขาด้วย..   ซือกงถูคิดอยู่ในใจว่า..หากมันสามารถเอาชนะหลิงหยุนได้ สมบัติล้ำค่ามากมายเหล่านั้นจะต้องตกเป็นของตนเอง รวมถึงเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังของหลิงหยุนด้วย..
“เมื่อครู่ข้าแค่ยั้งมือให้เจ้าเท่านั้นจากนี้ไปข้าจะไม่อ่อนข้อให้กับเจ้าอีกแล้ว!”
“เทพอสูรทมิฬจงออกมา!”
เงาของซือกงถูในกระจกเงาปีศาจร้องตะโกนออกมาพร้อมกับปราณทมิฬมากมายได้พวยพุ่งออกมา ก่อนจะรวมตัวเป็นร่างร่างหนึ่งอยู่ตรงหน้าหลิงหยุน..
ปราณทมิฬเหล่านั้นก่อตัวเป็นร่างสูงใหญ่มหึมาที่สูงถึงสามเมตรมีสองเท้า สามหัว หกกร และปากที่กว้าง เทพอสูรทมิฬตนนั้นกำลังจ้องมองหลิงหยุน และแขนทั้งหกก็โบกสะบัดไปมาอยู่ตลอดเวลา!
จากนั้นเทพอสูรทมิฬขนาดใหญ่มหึมานั้นก็ก้มศรีษะลงมองหลิงหยุนพร้อมกับรอยยิ้มที่น่าสะพรึงกลัว และจู่ๆ ก็ยกเท้าขึ้นไล่เหยียบร่างของหลิงหยุนทันที!   เวลานี้..หลิงหยุนที่อยู่ต่อหน้าเทพอสูนทมิฬตนนี้ จึงไม่ต่างจากเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น!
“โอ้..น่าสนใจดีนี่!”
หลิงหยุนร้องตะโกนออกมาพร้อมกับใช้วิชาเงาลวงตาหลบหลีกการจู่โจมของเทพอสูรทมิฬ..
เวลานี้พายุหมุนลูกใหญ่ได้ถูกดูดเข้าไปในร่างของหลิงหยุนจนหมดแล้วและพลังปราณในร่างกายของหลิงหยุนก็ได้ฟื้นคืนมาถึงเก้าสิบส่วนแล้ว!
“เพลงกระบี่นวสังหาร!”
ทันทีที่พลังปราณของหลิงหยุนฟื้นคืนกลับมาเขาก็ร้องตะโกนออกมาเสียงดัง พร้อมกับใช้เพลงกระบี่นวสังหารฟาดฟันใส่เท้าทั้งสองข้างของเทพอสูรทมิฬทันที
เท้าข้างหนึ่งของเทพอสูรทมิฬได้ถูกหลิงหยุนใช้เพลงกระบี่นวสังหารฟันเข้าใส่จนสลายกลายเป็นปราณทมิฬสีดำ แต่เพียงแค่ชั่วพริบตาก็สามารถรวมเข้าร่างได้ดังเดิม ทำให้หลิงหยุนไม่สามารถดูดลมปราณได้ทัน..   เทพอสูรทมิฬนั้นมีพละกำลังที่แข็งแกร่งกว่ากระบี่มารดำหลายเท่านักหากหลิงหยุนหลบไม่ทันคงต้องถูกมันเหยียบจนกระดูกแหลกคาเท้าแน่..
ปีศาจที่ซือกงถูสร้างขึ้นจากปราณทมิฬของตนเองนั้นแน่นอนว่าย่อมมีพลังที่แข็งแกร่งกว่าซือกงถูถึงสองเท่า เช่นนี้แล้วหลิงหยุนจะไม่นึกหวาดหวั่นได้อย่างไรกัน
“ฮ่า..ฮ่า.. เจ้าเด็กเมื่อวานซืน เจ้าเตรียมตัวถูกเทพอสูรทมิฬเหยียบจมปฐพีได้เลย!”
ซือกงถูที่แฝงตัวอยู่ในกระจกเงาปีศาจนั้นเมื่อเห็นหลิงหยุนใช้วิชาเงาลวงตาหลบหลีกการจู่โจมของเทพอสูรทมิฬ ก็ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างดีอกดีใจ..
“ซือกงถู..เจ้าอย่าด่วนดีใจไปนัก!”

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร
Status: Ongoing
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset