Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1263 : การพบที่ไม่คาดคิด!

   เอาล่ะ..ไปส่งฉางหลิงก่อน! 

  ทันทีที่รถเคลื่อนออกจากคฤหาสนต์ตระกูลหลิงหลิงหยุนก็สั่งให้ขับไปส่งเฉินหลิงเป็นคนแรก เพราะมหาวิทยาลัยไชน่ามีเดียนั้นอยู่ทางด้านตะวันออกของถนนวงแหวนที่ห้าพอดี

   ฉางหลิงวันนี้คนมากมายทีเดียว ไม่ต้องการให้พวกเราเข้าไปส่งข้างในก่อนจริงๆน่ะเหรอ 

  ฉางหลิงยิ้มหวานให้ก่อนจะตอบหลิงหยุนไปว่า ไม่จำเป็น เมื่อวานเฉินเฉินพามาดูสถานที่ก่อนแล้ว ฉันรู้ว่าอะไรอยู่ตรงใหน เดี๋ยวจะไปเดินดูหอพักของมหาวิทยาลัยก่อนด้วย.. 

  หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับถามย้ำอีกครั้ง นี่เธอตัดสินใจที่จะอยู่หอพักของทางมหาวิทยาลัยจริงๆน่ะเหรอ 

   อืมม..ฉันเองก็อยู่หอพักที่โรงเรียนมาตั้งนาน มาที่นี่คงหาเพื่อนใหม่ได้ไม่ยากนัก!    จากนั้นฉางหลิงก็รีบโบกมือลาทุกคนแล้วรีบหันหลังเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยทันที แต่เมื่อเข้าไปในมหาวิทยาลัยแล้ว ฉางหลิงก็รีบไปหลบมุมพร้อมกับน้ำตาไหลออกมาอาบแก้ม ต่อหน้าเกาเฉินเฉินกับหนิงหลิงยู่ เธอจำเป็นต้องเสแสร้งทำตัวให้แข็งแกร่งเช่นนั้นเอง

  –ไม่ต้องร้องไห้ไป..ผมจะมาเยี่ยมคุณแน่!-

  ระหว่างที่น้ำตากำลังไหลอาบแก้มนั้นเสียงปลอบโยนของหลิงหยุนก็ดังขึ้นข้างหูของตนเอง ฉางหลิงถึงกับตกใจอย่างมาก จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตา

  จากนั้นจึงก้าวเดินเข้าไปเพื่อเริ่มต้นชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย..

  ……

  มหาวิทยาลัยหยานจิงนั้นตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของคฤหาสน์ตระกูลหลิงและห่างกันเพียงแค่สิบกิโลเมตรเท่านั้น  รถของหลิงหยุนมาถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัยหยานจิงราวสิบนาฬิกาสี่สิบหน้านาทีที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุด และดีที่สุดในประเทศจีน แม้จะเป็นมหาวิทยาลัยที่มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โต แต่วันนี้กลับมีผู้คนพลุกพล่านอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง

   ว้าว..มหาวิทยาลัยหยานจิง หรือสวรรค์กันแน่! 

  ทันทีที่ทั้งห้าคนก้าวเท้าลงจากรถหลิงหยุนและคนอื่นๆต่างก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันบางอย่าง..

  นั่นเพราะหลิงหยุนนั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลายิ่งนักส่วนเกาเฉินเฉิน หนิงหลิงยู่ และฉีเสี่ยวชิงที่ยืนอยู่นั้น ก็มีใบหน้าที่สวยงามอย่างหาใครเปรียบได้ยาก!

  ส่วนตี้เสี่ยวอู๋นั้นก็รูปร่างสูงใหญ่และสง่างาม ดูคล้ายกับบอดี้การ์ดหนุ่มหล่อที่มาคอยคุ้มครองหนุ่มสาวทั้งสี่..

  ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องหันมองจนเหลียวหลัง..    ว้าว!ดูสิเธอ.. หล่อยังกับเทพบุตร! ไม่น่าเชื่อว่ามหาวิทยาลัยหนานจิงจะมีนักศึกษาชายหน้าตาหล่อแบบนี้อยูด้วย โชคดีจังที่ฉันสอบเข้าที่นี่ได้! 

   นี่..สาวสวยสองคนนั่นเรียนคณะไหนวะ 

  ทั้งนักศึกษาหญิงและชายต่างก็พากันจ้องมองและวิพากษ์วิจารณ์ถึงกลุ่มของหลิงหยุนกันมากมาย

   เป็นไปได้ยังไงปกติฉันไม่เคยเห็นมหาวิทยาลัยหยานจิงมีนักศึกษาหน้าตาหล่อย แล้วก็สวยแบบนี้มาก่อนเลย! 

   นั่นสิ!ส่วนใหญ่คนสวยๆ ก็ไปเรียนด้านการแสดงจนหมด! 

   แต่ตอนนี้มีดาวเด่นมาพร้อมกันถึงสี่ดวงเชียวนะ! 

  หลิงหยุนได้ยินคำวิพาษ์วิจารณ์ทำนองนี้มานับครั้งไม่ถ้วนเขาจึงไม่ใส่ใจนัก และรีบเดินนำคนทุกคนไปทันที   พวกเรามารายงานตัวครับ.. 

  หลิงหยุนเดินนำทุกคนไปที่โต๊ะยาวพร้อมกับร้องบอกเจ้าหน้าที่ที่นั่งประจำอยู่..

   เอ่อ.. 

  คำพูดประโยคนี้ของหลิงหยุนทำให้หลายคนที่ได้ยินถึงกับตกตะลึงและต่างก็นิ่งเงียบพร้อมกับคิดในใจว่า

  ‘มารายงานตัวจริงๆเหรอ’

   โอ้..ยินดีต้อนรับนักศึกษาใหม่! 

  เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนเป็นฝ่ายพูดขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามต่อว่า  แล้วอยู่คณะไหนกันบ้างล่ะ 

  หลิงหยุนตอบไปว่า ผมอยู่คณะแพทย์ศาสตร์ครับ 

   คณะธรณีฟิสิกส์ค่ะ หนิงหลิงยู่ตอบ

   คณะบริหารธุรกิจค่ะ ฉีเสี่ยวชิงตอบเช่นกัน

   ประวัติศาสตร์ค่ะ เกาเฉินเฉินตอบ  แม้เกาเฉินเฉินจะพลาดการสอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยตรงแต่ด้วยอำนาจบารมีของเกาจิ้นสง ก็ทำให้เธอสามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยหยานจิงได้ไม่ยาก

  นักศีกษาใหม่ต่างก็พากันยืนมองด้วยความตกตะลึงเมื่อได้ยินว่าทั้งสี่คนคือนักศึกษาของมหาวิทยาลัยหยานจิงทั้งหมด!

  ไม่เพียงแค่นักศึกษาใหม่ที่ตกใจแม้แต่เจ้าหน้าที่ของทางมหาวิทยาลัยเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน เมื่อตั้งสติได้จึงรีบถามหาเอกสารที่จำเป็น

   พวกเธอนำหนังสือตอบรับจากทางมหาวิทยาลัยกับบัตรประจำตัวประชาชนมาด้วยมั๊ย 

   คณะบริหารเชิญทางซ้ายมือเลยจ้ะส่วนคณะธรณีวิทยาก็ทางขวานะ ประวัติศาสต์มาหาฉันเลยได้เลย.. 

   ส่วนพ่อหนุ่มหน้าตาหล่อคณะแพทย์ศาสตร์เดี๋ยวไปรายงานตัวที่คณะโดยตรงได้เลย!    หลิงหยุนพยักหน้ารับรู้ส่วนหญิงสาวทั้งสามก็แยกย้ายกันไปรายงานตัวตามที่เจ้าหน้าที่ชี้บอก

   ฮ่า..ฮ่า.. ต่อไปคณะบริหารของเราก็จะมีสาวสวยแล้ว! 

   นั่นสิ..ประวัติศาสตร์ก็ไม่น้อยหน้านะ! 

  ระหว่างขั้นตอนการรายงานตัวต่างก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นมาไม่หยุดหลิงหยุนรีบเดินแยกออกมาและตรงไปที่รถทันที

  ในบรรดาสาวงามทั้งสามคนมีเพียงฉีเสี่ยวชิงเท่านั้นที่เลือกอยู่หอพักของทางมหาวิทยาลัย

  หนิงหลิงยู่ไปอยู่ที่บ้านซึ่งตระกูลฉินซื้อไว้ให้เพื่อสะดวกต่อการฝึกฝนวิชาของนางเอง ส่วนเกาเฉินเฉินก็อยู่ที่บ้านตระกูลหลิงกับหลิงหยุนเช่นเดิม

  หลังจากรายงานตัวเสร็จสิ้นตี้เสี่ยวอู๋ก็ขับรถไปส่งฉีเสี่ยวชิงที่หอพักก่อน แล้วจึงค่อยไปส่งหนิงหลิงยู่ที่บ้าน  หลังจากช่วยหนิงหลิงยู่จัดบ้านเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนจึงชวนทุกคนออกไปกินข้าว  เอาล่ะ.. ไปหาอะไรกินฉลองกันดีกว่า! 

  หลังจากนั้นหลิงหยุนก็นัดหมายหญิงสาวที่เหลือแล้วทั้งห้าคนก็ออกไปหาข้าวฉลองกันอย่างมีความสุข และในเวลาบ่ายสองโมงครึ่ง ก็ได้ขับรถไปที่คณะแพทย์ศาสตร์ซึ่งอยู่ห่างจากคณะอื่นๆไปราวหกกิโลเมตร

   ทำไมถึงได้เงียบเชียบแบบนี้นะ!นี่พวกเราไม่ได้มาผิดที่ใช่มั๊ย? 

  ทันทีที่ขับมาถึงหน้าประตูมหาวิทยาลัยหลิงหยุนกลับพบว่าตลอดทางเข้าคณะแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยหยานจิงนั้น ค่อนข้างเงียบสงัดราวกับว่าวันนี้ไม่ใช่วันรายงานตัวของนักศึกษาใหม่

  เกาเฉินเฉินกระซิบเสียงเบา หรือว่าวันนี้จะมีคนใหญ่คนโตมา 

   คนใหญ่คนโตที่ไหนกัน! หลิงหยุนถามกลับด้วยความสงสัย   ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันฉันก็แค่คาดเดาเอา..  เกาเฉินเฉินกระซิบตอบ

  หลิงหยุนจัดการเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจในระยะสามกิโลเมตรพร้อมวิชาแยกย้ายธาตุเพื่อเป็นการปิดซ่อนจิตหยั่งรู้ของตนจากผู้อื่น และเขาก็ได้พบว่าตลอดเส้นทางนั้นมียอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 ซ่อนตัวอยู่มากมาย

  หลิงหยุนจึงรีบร้องบอกตี้เสี่ยวอู๋ให้หยุดรถทันที เสี่ยวอู๋ เจ้าขับเลยไปด้านหน้าหาที่จอดรถรอ ส่วนข้าจะไปรายงานตัวที่คณะก่อน.. 

  เกาเฉินเฉินถึงกับใจเต้นแรงเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงรีบกระซิบบอกหลิงหยุนสองสามคำ แล้วจึงบอกให้ตี้เสี่ยวอู๋ออกรถ

  –เฉินเฉินไม่ต้องเป็นห่วง ผมรีบไปรายงานตัวแล้วจะรีบกลับ!-

  หลิงหยุนเดินตรงเข้าประตูมหาวิทยาลัยไปและภายในจิตหยั่งรู้ของเขาก็เห็นเจ้าหน้าที่ราวสองสามคนนั่งประจำอยู่ที่โต๊ะ แต่กลับไม่มีนักศึกษาใหม่เลยแม้แต่คนเดียว..

  หลิงหยุนเดินมุ่งหน้าไปยังจุดรายงานตัวพร้อมบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า สวัสดีครับ ผมเป็นนักศึกษาใหม่มารายงานตัวครับ! 

   ยินดีต้อนรับนักศึกษาใหม่ค่ะขอเอกสารที่จำเป็นด้วยค่ะ! 

  หลิงหยุนรีบยื่นเอกสารที่เตรียมมาให้กับเจ้าหน้าที่ทันที ห๊ะ! หลิงหยุนงั้นเหรอ? หลิงหยุนที่จบจากโรงเรียนมัธยมจิงฉูใช่มั๊ย? 

  เจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็หันมองมาทางหลิงหยุนเป็นตาเดียว..

  หลิงหยุนเห็นแล้วก็อดนึกขันไม่ได้จึงได้แต่ยิ้มออกมา และตอบไปว่า  ใช่ครับ.. ผมเอง! 

  จากนั้นชายผู้หนึ่งก็ตรงเข้ามาจับแขนหลิงหยุนไว้พร้อมกับร้องตะโกนออกมา ไปกับฉันเดี๋ยวนี้เลย มีมารอพบเธออยู่ที่ห้องของท่านคณบดี! 

   เดี๋ยวสิครับผมยังรายงานตัวไม่เสร็จเลย รอก่อนไม่ได้เหรอครับ  หลิงหยุนร้องบอกอย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก

   ไม่เป็นไรเดี๋ยวเจ้าหน้าทางนี้จะจัดการให้เธอเอง ตามฉันมาเร็วเข้า! 

  ชายผู้นั้นรีบก้าวออกมาจากด้านหลังโต๊ะยาวและรีบลากแขนหลิงหยุนให้ตามออกไปทันที

  ห้านาทีต่อมาหลิงหยุนก็เข้าไปอยู่ในห้องทำงานที่กว้างขวางใหญ่โตของคณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยหยานจิง

  ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่นั้นมีชายชราอายุราวหกสิบปีแต่ลักษณะท่าทางยังคงความสง่างาม และต้องการพบหลิงหยุนรออยู่

  หลังจากที่ชายชราได้เห็นหน้าหลิงหยุนก็มีสีหน้ายินดีอย่างมากเขาลุกขึ้นยืนยิ้มกว้างให้หลิงหยุนพร้อมกับเชื้อเชิญทันที

   หลิงหยุนนั่งก่อนสิ! 

  หลังจากที่หลิงหยุนนั่งลงแล้วชายชราก็ยิ้มออกมาด้วยสีหน้าใจดีพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

   พ่อหนุ่มไม่ต้องเกร็งเช่นนั้นก็ได้ วันนี้เราจะวางฐานะของแต่ละคนไว้ก่อน พวกเราสองคนจะพูดคุยกันในฐานะของชายชรากับนักศึกษาคนหนึ่งเท่านั้น เจ้าคิดเห็นเช่นใด 

   ก็ไม่เลว.. 

  ต่อหน้าชายชราผู้นี้หลิงหยุนทะนุถนอมคำพูดดั่งว่ามันมีค่าราวทองคำ..

   เรียงความที่เจ้าเขียนในข้อสอบเอนทรานซ์นั้นข้าได้อ่านหมดแล้วดูเหมือนจะมีชื่อหัวข้อว่า ‘การเรียนรู้’ สินะ 

  หลิงหยุนรีบพยักหน้าทันทีและได้แต่แอบนึกตกใจที่รู้ว่าชายชราอ่านแม้กระทั่งเรียงความในข้อสอบเอนทรานซ์ของตน

  ทั้งคู่เริ่มต้นสนทนาด้วยเรื่องของเรียงความจากนั้นทั้งสองคนก็คุยกันไปเรื่องจนกระทั่งผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่หลิงหยุนได้รินชาให้อาวุโสท่านนี้ไปถึงเก้าถ้วยแล้ว

  จนกระทั่งล่วงเลยไปกว่าหนึ่งชั่วโมงแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้ว่าทั้งสองคนนั่งคุยอะไรกันไปบ้าง

  ชายชรากับหลิงหยุนนั่งคุยกันอย่างถูกคอต่ออีกครู่ใหญ่ในที่สุดชายชราก็เดินออกมาส่งหลิงหยุนด้วยสีหน้าเสียดาย

  และเมื่อหลิงหยุนเดินลงบันไดมาก็พบว่าการลงทะเบียนรายงานตัวของเขานั้น ทางเจ้าหน้าที่ด้านล่างได้จัดการให้จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดต่างก็เดินมาจับมือหลิงหยุนพร้อมกับยิ้มให้

  หลิงหยุนยิ้มให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนและรู้ว่าที่พวกเขาทำเช่นนี้กับหลิงหยุนหาใช่เพราะล่วงรู้ฐานะที่แท้จริงของเขา แต่เป็นเพราะชายชราในห้องนั้นต่างหากเล่า..

  ในเวลาราวบ่ายสี่โมงครึ่งหลิงหยุนจึงเดินออกไปหาตี้เสี่ยวอู๋ที่ถนนด้านนอกมหาวิทยาลัยหยานจิง จากนั้นจึงนั่งรถออกจากที่นั่นไป..

   หลิงหยุนทำไมถึงเข้าไปนานจัง! ใช่คนผู้นั้นมั๊ย? 

  ทันทีที่หลิงหยุนก้าวขึ้นไปบนรถเกาเฉินเฉินก็ถามขึ้นทันที ดวงหน้างดงามนั้นจ้องมองหลิงหยุน และกำลังรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

   ใช่..บุคคลอันดับหนึ่ง! 

  แววตาของเกาเฉินเฉินเป็นประกายขึ้นมาทันทีพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น  ว้าว.. เป็นอาวุโสจริงๆด้วย แล้วนายคุยอะไรกับเขาบ้างล่ะ 

  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมตอบกลับไปว่า บางสิ่งบางอย่าง.. 

  หลิงหยุนไม่สามารถบอกผู้ใดได้ว่าเขาคุยอะไรกับชายชราผู้นี้ไปบ้างจึงได้แต่ส่ายหน้าไปมา และเกาเฉินเฉินเองก็เข้าใจ เธอเพียงแค่ยิ้มให้หลิงหยุนและไม่ถามสิ่งใดอีก

   กลับบ้านกันดีกว่า! 

  หลิงหยุนเอนกายลงพิงเบาะพร้อมกับร้องสั่งตี้เสี่ยวอู๋

  ความจริงแล้วตอนนี้หลิงหยุนกำลังรู้สึกตื่นเต้นอย่างที่สุดแต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้..

  แต่อย่างน้อยนับจากนี้ไปหลิงหยุนก็มั่นใจว่าตระกูลหลิงแห่งปักกิ่งจะมีอีกหนึ่งคนที่คอยปกป้องดูแลอยู่!

 

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

DRAGON EMPEROR MARTIAL GOD

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร
Status: Ongoing
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset