Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน – ตอนที่ 302

DC บทที่ 302: ดึงดูดความสนใจที่ไม่พึงประสงค์

 

“น-นั่นเป็นนิกายล้านอสรพิษ พวกเราจักทำอย่างไรดีถ้าพวกนั้นเห็นเรา ท่านผู้นำนิกาย”

 

ผู้อาวุโสนิกายเริ่มตื่นกลัวเมื่อพวกเขาเห็นธงงูนั้น ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านจากความกลัว

 

“ใจเย็น” โหลวหลานจีกล่าวเสียงดัง เสียงของเธอค่อนข้างจะเป็นกังวลเล็กน้อย

 

“พวกเขามิรู้ว่าพวกเราอยู่ที่นี เพียงแค่ขับเกวียนให้ช้าลงและทิ้งระยะห่างระหว่างพวกเรากับพวกเขา”

 

เวลาต่อมาเกวียนก็เริ่มช้าลง

 

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ครั้นเมื่อนิกายล้านอสรพิษลับหายไปจากสายตา โหลวหลานจีและผู้อาวุโสนิกายต่างก็พากันหายใจโล่งอก โดยเฉพาะโหลวหลานจีซึ่งดีใจที่เธอไม่ได้แสดงธงของตนเองและทำตัวไม่เป็นที่ดึงดูดความสนใจ

 

“น-นั่นช่างน่ากลัวนัก… ใครจะคิดว่าเราจะพบกับพวกเขาเร็วเช่นนี้…”

 

“แม้ว่าเราจะหลีกพวกเขาได้ในตอนนี้ เรายังต้องพบเจอกับพวกเขาระหว่างการแข่งขันระดับภูมิภาคหรือไม่ก็เร็วกว่านั้น จงทำใจไว้เสียก่อนในเมื่อเรามิอาจที่จะหนีอย่างนี้ต่อไปได้…” ผู้อาวุโสซุนถอนใจ

 

โหลวหลานจีพยักหน้าและกล่าวเสริมว่า “ผู้อาวุโสซุนพูดถูก เราจักต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาไม่ช้าก็เร็ว ถ้าเราแสดงความอ่อนแออะไรแม้เพียงนิดเดียวในระหว่างนั้น เราอาจจะมิมีชีวิตยืนยาวพอที่จะกลับไปนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย อย่าว่าแต่จะซ่อมแซมนิกายให้กลับสู่สภาพปกติ”

 

“โชคยังดีที่เมืองหิมะร่วงห้ามอย่างชัดเจนมิให้มีการเข่นฆ่ากันระหว่างองค์กร ดังนั้นพวกเราอย่างน้อยก็สามารถเปิดเผยหน้าตาของเราได้โดยไม่ต้องหวาดระแวง กล่าวไปแล้วเราก็ยังต้องคงความตื่นตัวไว้ ในเมื่อเรามิอาจมั่นใจได้อย่างเต็มที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” โหลวหลานจีพูด

 

“ใช่แล้ว นิกายล้านอสรพิษมีอำนาจมหาศาลในทวีปตะวันออก ไม่น่าแปลกใจเลยถ้าพวกเขาจะเพียงแค่ถูกตีมือหลังจากที่ฝ่าฝืนกฏ…”

 

“พวกเขายังสามารถลบผู้คนทิ้งไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้..”

 

ผู้อาวุโสนิกายเพียงทำให้ตัวเองกังวลใจมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเผยถึงสถานการณ์ที่เป็นไปได้เหล่านี้

 

“ใจเย็นๆ.. หลังจากที่เกิดสิ่งเหล่านั้นกับพวกเขา ข้าเดาว่าพวกเขาจักต้องพยายามหาเรื่องกับพวกเราในเร็วๆนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ผู้อาวุโสเตือน”

 

“ในเมื่อผู้นำนิกายพูดเช่นนั้น…”

 

ในเวลานั้น ศิษย์คนอื่นก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในการเดินทางของพวกเขา

 

“นั่นเป็นนิกายล้านอสรพิษ…” ฟางซีหลานขมวดคิ้วเมื่อเธอสังเกตเห็นพวกเขาจากหน้าต่าง

 

“พ-พวกเราควรทำยังไงดีถ้าพวกเขาเห็นเรา” หนึ่งในเหล่าศิษย์ถาม

 

“นั่นคงมิเป็นไร เรามิได้ปักตั้งธง ดังนั้นพวกเขาคงมิรู้ว่าเราคือใครจากเกวียนเพียงอย่างเดียว” ซุนจิงจิงพูด

 

“การพบกับนิกายล้านอสรพิษเสียก่อนที่เราจะถึงเมืองหิมะร่วง… นี่เป็นชะตาหรือสัญญาณ”

 

ครั้นเมื่อนิกายล้านอสรพิษลับไปจากเส้นทางเหล่าศิษย์ต่างพากันหายใจโล่งอก

 

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ประตูเกวียนของพวกเธอก็เปิดออก และซูหยางก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าพวกเธอ

 

“ศิษย์พี่ชาย…”

 

“เกิดอะไรขึ้นรึ” เขาถามหลังจากที่สังเกตเห็นท่าทางเป็นกังวลของพวกเธอ

 

“บางทีท่านมิได้เห็นพวกนั้นในเมื่อท่านวุ่นวายอยู่กับการฝึกวิชา แต่พวกเราเกือบจะพบกันนิกายล้านอสพิษเมื่อกี้นี้ เป็นเรื่องน่าหวาดหวั่นหากไปอยู่ต่อหน้าพวกเขา”

 

ซูหยางส่ายหน้าและกล่าวว่า “ไม่ ข้าสังเกตเห็นพวกนั้นแล้ว”

 

ตามจริง เขาสังเกตเห็นพวกนั้นตามเส้นทางมาตั้งแต่ก่อนที่พวกนั้นจะเข้าสู่คลองจักษุ

 

“เช่นนั้นทำไมท่านจึงยังเยือกเย็นได้เพียงนี้ พวกนั้นเป็นคนที่เกือบทำลายนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยของพวกเรา”

 

หนึ่งในเหล่าศิษย์พูดขึ้น

 

ซูหยางหัวเราะหึ “พวกนั้นไม่แม้จะใกล้เคียงกับการทำลายนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ในเมื่อพวกนั้นตายเสียตั้งแต่หน้าประตู ดังนั้นจึงมิมีอะไรต้องกังวลเกี่ยวกับพวกนั้น” เขาตอบอย่างง่ายๆ

 

“เอ้อ…นั่นก็เป็นความจริงที่ถูกต้อง… แต่ยัง…”

 

“ลืมเรื่องพวกนั้นไป พวกนั้นมิอาจที่จะทำร้ายพวกเรา เจ้าจักเข้าใจว่าพวกนั้นกระจ้อยร่อยเพียงใดยามเมื่อการแข่งขันระดับภูมิภาคนี้จบลง”

 

“ถ้าท่านพูดอย่างนั้นละก็นะ ศิษย์พี่ชาย”

 

 

 

 

หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นจำนวนของเกวียนที่สามารถเห็นได้ก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้เมืองหิมะร่วงอย่างแท้จริง

 

“หยุดเกวียน พวกเราจักเดินทางระยะที่เหลือด้วยการเดินเท้า โหลวหลานจีสั่ง

 

ไม่นานหลังจากนั้น เกวียนก็พลันหยุดชะงักและทุกคนก็ออกมาข้างนอกด้วยสีหน้างุนงง

 

“เพื่อที่จะมิให้เกิดการสัญจรติดขัด เมืองหิมะร่วงห้ามเกวียนทุกคันเข้ามาในระยะสิบกิโลเมตรจากประตูทางเข้า ดังนั้นเราจักต้องเดินไปที่นั่นจากที่นี่” โหลวหลานจีอธิบายสถานการณ์ให้กับพวกเขา

 

เหล่าศิษย์ต่างพากันเข้าใจสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ตามจริงแล้วเกวียนทุกคันในพื้นที่นั้นก็ทำแบบเดียวกัน

 

“เช่นนั้นเราจักเจอกับพวกเจ้าอีกครั้งสิ้นเดือนตรงจุดนี้” โหลวหลานจีพูดกับเหล่าคนขับเกวียนก่อนที่จะพาเหล่าศิษย์ไปจากสถานที่นั้น

 

ขณะที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยตรงเข้าไปยังเมืองหิมะร่วงอย่างช้าๆ เหล่าศิษย์ต่างก็พากันมองไปรอบๆอย่างตื่นเต้น สายตาของพวกเขาส่วนใหญ่อยู่กับผู้คนที่เดินทางไปยังทิศทางเดียวกับพวกเขา

 

“ทุกคนล้วนมีกลิ่นอายอันทรงพลังอยู่กับตัว…”

 

ศิษย์รุ่นเยาว์กระซิบกระซาบกันขณะที่เปรียบเทียบตัวเองกับเหล่าศิษย์จากองค์กรอื่น

 

ในเวลานั้นคนอื่นๆก็ให้ความสนใจไปยังนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเช่นกัน ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะว่าจำนวนสาวสวยที่อยู่ในกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโหลวหลานจี ฟางซีหลาน และซุนจิงจิง ซึ่งเป็นสาวสวยสุดยอดของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย

 

เหมือนกับว่าเป็นการประชันขันแข่งดอกไม้ที่สวยที่สุดในทวีปแห่งนี้ และนั่นย่อมดึงดูดความสนใจที่ไม่พึงประสงค์มากมาย

 

“ข้ามิเคยเห็นหญิงที่สวยงามเหมือนพวกเธอมาก่อนในชีวิต อย่าว่าแต่พวกเธอรวมตัวกันมากเช่นนี้ในที่เดียว”

 

บางคนอุทานออกมาอย่างชื่นชมจากระยะห่าง

 

“กระทั่งเด็กเล็กนั่นก็ยังเหมือนกับดอกไม้ นี่เป็นสำนักไหนกัน ทำไมข้ามิเคยได้ยินชื่อของสถานที่แบบนั้นมาก่อน”

 

เพราะว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเป็นที่รู้จักเพียงในภาคตะวันออก กลุ่มที่ห่างออกไปจึงไม่รู้จักพวกเขา

 

“ข้ามิรู้เช่นกัน แต่ข้ารู้สึกอยากไปทางนั้นเพื่อเริ่มการสนทนา”

 

“เจ้าโง่ มองดูใบหน้าตัวเองก่อนที่จะพูดคำพูดเหล่านั้น อย่าว่าแต่จะพูดกับเจ้าข้าจักยอมควักลูกตาทิ้งถ้าพวกนั้นยอมมองเจ้า”

 

“เจ้าพูดอะไรกัน ข้าขอท้าให้เจ้าพูดซ้ำอีกครั้ง”

 

“ข้าจักพูดซ้ำอีกหลายครั้งหากเจ้าต้องการที่จะได้ยิน เจ้าหน้าหมู”

 

ที่แห่งนั้นเปลี่ยนเป็นเอะอะเมื่อนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยกลายเป็นหัวข้อถกเถียงในที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่โหลวหลานจีได้คาดคิดไว้แล้ว ในเมื่อได้เกิดภาพคล้ายกันนี้ระหว่างที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมาครั้งที่แล้ว

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

ซูหยางถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตที่หน้าผาบาปนิรันดร์ ที่ซึ่งมีแต่อาชญากรสุดชั่วช้าเหี้ยมโหดเท่านั้นอาศัยอยู่ ความผิดของเขา ล่อลวงภรรยาของเทพจันทรา ลักพาน้องสาวของราชันย์มังกร และร่วมเรียงเคียงหมอนกับลูกสาวสุดที่รักของจักรพรรดิสวรรค์ สุดท้ายเขาพบกับชายชราลึกลับซึ่งช่วยให้เขาหนีออกจากคุกโดยการส่งไปสู่ร่างใหม่ ในชีวิตใหม่ ซูหยางสาบานว่าจะตามหารวบรวมคนรักของเขาใหม่ และโอบพวกเธอไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset