Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน – ตอนที่ 309

DC บทที่ 309: ฆ่าฟันกลางวันแสกๆ

 

หลังจากที่ออกจากโรงเตี๊ยมเกล็ดหิมะ ซูหยางก็ตระเวนไปทั่วเมืองจนกระทั่งเขาพบกับกลุ่มคนที่ดูคุ้นเคยกำลังเตินเตร่อยู่

 

เมื่อยืนยันว่าคนเหล่านี้เป็นคนของนิกายแท่นบูชาทอง เขาก็พลันตรงเข้าไปหาพวกนั้นโดยไม่อำพรางตน ราวกับว่าเขาต้องการให้คนเหล่านั้นรู้ถึงการคงอยู่ของเขา

 

เมื่อชายวัยกลางคนจากนิกายแท่นบูชาทองสังเกตเห็นซูหยางซึ่งกำลังยืนอยู่ห่างไม่กี่เมตรด้านหน้าของเขาด้วยกระบี่ในมือ เขาก็เลิกคิ้วด้วยความสงสัย

 

ชายวัยกลางคนไม่ได้ตระหนักถึงเจตนาของซูหยางในตอนแรก ไม่แม้จะคิดว่าตนเองเป็นเป้าหมายในขณะนั้น

 

หลังจากเวลาผ่านไปชั่วขณะสุดท้ายเมื่อชายวัยกลางคนได้ตระหนักว่าซูหยางจ้องมองมาที่ตนเอง เขาก็กล่าวว่า “เจ้าเป็นใครกัน เจ้าต้องการอะไรจากข้า”

 

อย่างไรก็ตามซูหยางไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียวเพียงแค่ยกกระบี่ขึ้นชี้ไปยังชายวัยกลางคน ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก

 

ถ้าจะกล่าวไปแล้วนั่นไม่ใช่ว่าชายวัยกลางคนจะกลัวตายในเมื่อเขาตระหนักดีถึงกฏของเมืองนี้ที่ห้ามการฆ่า

 

อีกครั้งที่ซูหยางยังคงเงียบเฉย

 

“ข้ามิรู้ว่าเจ้าเป็นใครและเจ้าต้องการอะไรจากข้า แต่เจ้าหากมิเป็นคนโง่เขลาก็สติไม่สมประกอบถึงกับชี้กระบี่มาที่ข้าทั้งที่อยู่ภายในเมืองหิมะร่วงไม่มากก็น้อย”

 

ขณะนี้คนรอบข้างต่างพากันมองไปที่ซูหยางและชายวัยกลางคน สายตาของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความสนใจกับเรื่องเร้าใจที่เปิดฉากขึ้นต่อหน้า

 

“แม้ว่าข้ามิรู้ว่าเจ้ามีแผนอะไรในใจ…” สุดท้ายซูหยางก็พูดขึ้น แน่นอนว่าเขาดัดเสียง “ข้ามีประสบการณ์ความสูญเสียมากมายกับคนโฉดเช่นเจ้า…”

 

แม้ว่าเสียงเขาจะถูกดัด แต่ก็ยังมีแววความเศร้าเสียใจชัดเจนอยู่ภายในนั้น

 

ในชีวิตก่อนเขาได้สูญเสียเพื่อนคนสำคัญบางคนไปเพียงเพราะว่าเขาไม่ได้สนใจในสัญชาตญาณของตนเองและรอจนกระทั่งสายเกินไปที่จะรับมือกับสถานการณ์เมื่อต้องรับมืออย่างฉับพลันนั้น

 

เนื่องมาจากความผิดพลาดเหล่านั้น ซูหยางได้สาบานต่อตนเองว่าเขาจะไม่รอจนกระทั่งโชคร้ายนั้นเกิดขึ้นอีกต่อไป

 

กลิ่นอายกระหายเลือดพลันปรากฏขึ้นรอบกายซูหยาง สิ่งที่ชายวัยกลางคนและคนที่เฝ้าดูอยู่สังเกตพบได้ในทันที

 

“อย่าบอกนะว่าเขากำลังจะฆ่าคนกลางวันแสกๆ”

 

“หรือว่าเขาลืมไปว่าเมืองไหนที่เขากำลังอาศัยอยู่ เขากำลังหาที่ตายหรืออย่างไร”

 

“มิสนใจกฏที่ตั้งขึ้นโดยตระกูลซีช่างเป็นเรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย…”

 

ไม่เพียงแต่ชายวัยกลางคน แต่กระทั่งผู้ที่เฝ้าดูสถานการณ์ต่างก็ประหลาดใจกับจิตสังหารของซูหยาง

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าบ้าไปแล้ว ดี ถ้าข้าฆ่าเจ้าตอนนี้ นั่นยอมถือว่าเป็นการป้องกันตัว”

 

ชายวัยกลางคนนำเอาอาวุธของตนเองออกมา ซึ่งก็เป็นกระบี่เช่นกัน กระบี่ที่มีรัศมีของวิญญาณ เห็นชัดว่ามันเป็นอาวุธวิญญาณ

 

“เจ้าจะทำอะไรต่อไปตอนนี้ ข้าชักสงสัย” ชายวัยกลางคนพูดด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

 

อย่างไรก็ตามไม่กี่วินาทีถัดไป เมื่อสำนึกกระบี่ครอบคลุมไปทั่วสถานที่นั้น ชายวัยกลางคนก็มีสีหน้าซีดลงอย่างรวดเร็วกว่าก้อนหินที่ร่วงสู่พื้น

 

“จ-จอมกระบี่”

 

ผู้คนต่างพากันมีสีหน้าตกตะลึง พวกเขาแทบทั้งหมดไม่เคยเห็นจอมกระบี่ด้วยตัวเองมาก่อน

 

“ป-ป-เป็นไปไม่ได้” ชายวัยกลางคนพลันพึมพัมด้วยใบหน้าซีดเผือด

 

มีคนไม่กี่คนที่ถือได้ว่าเป็นจอมกระบี่ในโลกนี้ และเขาก็มั่นใจว่าตนเองไม่เคยล่วงเกินหนึ่งในคนเหล่านั้น ดังนั้นจอมกระบี่คนนี้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้ด้วยจิตสังหารเปี่ยมล้นนี้เป็นใครกัน เขาไปล่วงเกินอะไรกับอีกฝ่าย

 

“จ-จ-เจ้าเป็นใคร ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้าสามารถหลบหนีจากการลงโทษเพียงเพราะว่าเจ้าเป็นจอมกระบี่คนหนึ่ง เช่นนั้นเจ้าก็เพียงหลงตนเอง ตระกูลซีจักต้องลงโทษเจ้ามิว่าเจ้าจะมีฐานะอะไร”

 

“ลงโทษรึ ถ้าพวกเขามีความสามารถในการตามหาภูติผี เช่นนั้นการลงโทษนั้นก็สมควรจะได้รับ” ซูหยางกล่าว ราวกับว่าเขาเป็นภูติผี

 

“อย่างน้อยก็บอกข้าว่าทำไมเจ้าจึงตั้งเป้าที่ตัวข้า ข้าไปทำอะไรล่วงเกินเจ้ารึ”

 

ชายวัยกลางคนพยายามพูดต่อไป เขาต้องการยื้อเวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หวังว่าผู้ดูแลจะมาเร็วขึ้น

 

แน่นอนว่าซูหยางก็ตระหนักดีเช่นกันว่าชายวัยกลางคนพยายามที่จะยื้อเวลาโดยการพูดกับเขา อย่างไรก็ตาม เขามีความมั่นใจว่าฆ่าอีกฝ่ายที่อยู่เพียงแค่ระดับหนึ่งของเขตอัมพรวิญญาณนั้นใช้เวลาแค่ไม่ถึงวินาที

ในกรณีเลวร้ายที่สุด ต่อให้เขาไม่สามารถฆ่าชายวัยกลางคนนี้ทันเวลา เขาก็ยังมั่นใจว่าเขาสามารถที่จะหลบหนีไปได้โดยไม่ได้รับอันตรายอะไร

 

อย่างไรก็ตามเป็นโชคร้ายสำหรับชายวัยกลางคนเมื่อซูหยางไม่ได้วางแผนที่จะอ้อยอิ่งอยู่นานกว่านี้

 

ซูหยางเตรียมกระบี่พร้อมแล้วในวินาทีต่อไป สำนึกกระบี่ก็ครอบคลุมไปทั่วพื้นที่

 

สำนึกกระบี่ที่ถูกขับออกมาจากซูหยางตอนนี้เหนือกว่าเวลาก่อนหน้านั้นมากมายนัก จนทำให้ผู้เฝ้าชมถึงกับหายใจไม่ออกกับบรรยากาศเช่นนี้

 

ส่วนชายวัยกลางคน เพราะว่าสำนึกกระบี่นั้นมุ่งเป้าตรงไปยังเขา ทั่วร่างจึงสั่นสะท้านไปในเวลานั้น รู้สึกเหมือนกับว่ามีกระบี่นับพันกำลังทิ่มแทงตัวเขาอยู่

 

“ฆ..ฆ…ฆ..ฆ่าคนแล้ว ฆ่าคน มีคนพยายามจะฆ่าข้า”

 

ชายวัยกลางคนรู้สึกหวาดหวั่นไปกับสำนึกกระบี่มากจนกระทั่งเขากรีดร้องสุดชีวิต สร้างความงงงันให้กับเหล่าศิษย์ที่อยู่เบื้องหลังเขา ในเมื่อพวกเขาไม่เคยประจักษ์ว่าผู้อาวุโสนิกายที่แสนภาคภูมิจะมีท่าทีขี้ขลาดตาขาวหวาดกลัวเช่นนี้ ทั้งที่เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงในนิกายแท่นบูชาทอง

 

“ช่างน่าทุเรศ…” ซูหยางส่ายหน้า

 

ไม่อยากที่จะได้ยินชายวัยกลางคนกรีดร้องอีกต่อไป ซูหยางใช้งานก้าวเก้าดาราหายไปจากตำแหน่งที่ตนเองอยู่และปรากฏขึ้นต่อหน้าชายวัยกลางคนในชั่วพริบตา

 

“เรียนรู้ที่จะซ่อนจิตสังหารของเจ้าให้ดีกว่านี้ในชาติหน้า…”

 

หลังจากที่พึมพัมคำเหล่านี้แล้ว ซูหยางก็ตวัดกระบี่ด้วยความเร็วที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาของคนทั่วไป มันเด็ดชีวิตของชายวัยกลางคนไปด้วยการเด็ดหัว

 

ทันทีที่ฆ่าชายวัยกลางคนซูหยางก็ใช้ก้าวเก้าดาราอีกครั้งหายไปต่อหน้าสายตาก่อนที่ผู้คนจะทันได้เข้าใจว่าทำไมจึงมีศีรษะหมุนคว้างอยู่กลางอากาศ

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

ซูหยางถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตที่หน้าผาบาปนิรันดร์ ที่ซึ่งมีแต่อาชญากรสุดชั่วช้าเหี้ยมโหดเท่านั้นอาศัยอยู่ ความผิดของเขา ล่อลวงภรรยาของเทพจันทรา ลักพาน้องสาวของราชันย์มังกร และร่วมเรียงเคียงหมอนกับลูกสาวสุดที่รักของจักรพรรดิสวรรค์ สุดท้ายเขาพบกับชายชราลึกลับซึ่งช่วยให้เขาหนีออกจากคุกโดยการส่งไปสู่ร่างใหม่ ในชีวิตใหม่ ซูหยางสาบานว่าจะตามหารวบรวมคนรักของเขาใหม่ และโอบพวกเธอไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset