Dungeon Defence – ตอนที่ 22

“จะอธิบายเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน? คำตอบนั้นง่ายนิดเดียว ดันทาเลี่ยน เจ้าคือตัวการแท้จริงที่แพร่กระจายโรคความตายสีดำยังไงล่ะ! “

 

เสียงแหลมสูงของไพม่อนได้ดังสนั่นจนเพดานแทบสั่นไหว

 

ผู้คนต่างก็เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายมากยิ่งขึ้น ภายในห้องบอลรูมเริ่มมีการส่งเสียงดังขึ้นในแง่ที่ไม่ดีนัก ที่ไพม่อนกล่าวเป็นความจริงงั้นหรือ? มีใครบางคนสร้างโรคที่เป็นของเลียนแบบขึ้นมา? มันรู้สึกคล้ายกับว่าผู้คนมองมาทางนี้ดั่งพวกเขากำลังรุมประณามผมเลย

 

“ไพม่อน การกล่าวใส่ร้ายไม่ได้รับอนุญาตให้กระทำในการพิจารณาคดีนี้นะ “

 

มาร์บาสกล่าวด้วยเสียงที่เคร่งเครียด

 

“การกล่าวหาว่าดันทาเลี่ยนนั้นเป็นผู้ร้ายในการแพร่ระบาดของโรค นี่เจ้ากำลังเอ่ยอ้างคำฟ้องร้องดังกล่าวในขณะที่มีหลักฐานที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ใช่หรือเปล่า? “

 

“ดันทาเลี่ยน เหมือนกับผู้หญิงคนนี้ที่มีผู้ให้คำปรึกษาพิเศษจากบริษัทกึนคัสก้า ขั้นตอนการสั่งซื้อสมุนไพรทั้งหมดได้กระทำผ่านที่ปรึกษาคนนั้น รายละเอียดของการที่ดันทาเลี่ยนซื้อยารักษาโรคทุกขั้นตอนสามารถได้รับการยืนยันทั้งหมดอย่างแน่นอน ณ ที่แห่งนี้ค่ะ! “

 

เสียงฮือฮาภายในห้องบอลรูมได้เริ่มรุนแรงมากขึ้นเพราะคำยืนยันที่ชัดเจนจากไพม่อน

 

มาร์บาสได้ทำหน้าเหยเกออกมาและหันสายตาของเขาไปยังตรงจุดนั้นที่ตัวแทนของบริษัทกึนคัสก้า, ซึ่งก็คือแวมไพร์อีวานล๊อทบรอคผู้กำลังยืนอยู่กับไม้เท้าในมือของเขา

 

“แวมไพร์ ข้อกล่าวหาของไพม่อนเป็นความจริงหรือไม่ฮึ? “

 

“โอ้ว ท่านมาร์บาสผู้ทรงเกียรติ”

 

แวมไพร์เฒ่าได้ก้มหน้าลง

 

“กระผมผู้นี้ เนื่องจากมีความคิดที่หวั่นเกรงอยู่บ้างอย่างช่วยไม่ได้จึงลังเลที่จะตัดสินว่าอะไรถูกอะไรผิดครับ แต่ทว่า หากฝ่าบาทรับสั่งเช่นนี้ งั้นตัวกระผมผู้นี้ก็จะนำหลักฐานที่จำเป็นสำหรับการพิจารณาคดีนี้มาให้เมื่อใดก็ได้ตามที่ท่านต้องการเลยครับ “

 

“เจ้ากำลังบอกว่าเจ้าสามารถนำเสนอหลักฐานได้ในทันทีเลยงั้นเหรอ?”

 

“ได้โปรดประทานคำสั่งแก่กระผมผู้นี้ และกระผมผู้นี้จะมอบมันให้โดยทันทีเลยครับ”

 

เสียงพูดคุยจากผู้คนดังขึ้นเรื่อยๆ

 

‘นั่นคือความจริงทั้งหมดแล้วงั้นเหรอ?’ ความหวาดระแวงสงสัยได้เริ่มแพร่กระจายไปเรื่อยๆ

 

ผู้คนในที่นี้น่าจะคิดตามแนวทางดังกล่าว ไพม่อนและอีวาน ทั้งคู่เป็นบุคคลที่มีอำนาจในมือมหาศาล แน่นอนว่าทั้งสองคนนี้คงจะไม่ดื้อรั้นยืนยันว่าโรคระบาดนั้นได้แพร่กระจายไปโดยใครบางคนอย่างไม่มีเหตุผลหรอก พวกเขาต้องมีหลักฐานบางอย่าง …… และจากนั้น ปีศาจทั้งหลายก็หันมาเขม่นมองผมจากผลลัพธ์นี้ สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย

 

ในช่วงเวลานั้น ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมา

 

ตอนแรก ผมก็ไม่สามารถบอกได้หรอกนะว่าใครเป็นคนหัวเราะ มันเป็นเรื่องน่าแปลกเนอะ ผมยังคงแบ่งแยกสมาธิไปยังสมาชิก 65 คนทั้งหมดในห้องบอลรูมแห่งนี้ แต่ผมไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียวที่กำลังหัวเราะอยู่เลย และเสียงหัวเราะนั้นได้ดังขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย ด้วยเหตุผลบางอย่างบรรดาดวงตาทั้งหลายที่จ้องมองผมก็เริ่มเบิ่งกว้างมากขึ้น

 

มันเป็นช่วงเวลานั้นเองที่ผมคิดได้ว่าเสียงหัวเราะดังออกมาจากปากของผมเองแหละ ผมสามารถการันตีมันได้ว่านี่ไม่ใช่การแกล้งกระทำ แต่เป็นเพราะผมไม่สามารถหยุดหัวเราะได้ต่างหากล่ะ

 

ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะว่า

 

“อย่างน้อย ผมก็ได้อดทนต่อความขี้เกียจของผมและทำให้ดีที่สุดเท่าที่ผมทำได้แล้ว ผมไม่สามารถมองข้ามบางสิ่งเช่นโรคระบาดและปล่อยมันไว้เพียงลำพังได้หรอกนะ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมเหนื่อยหน่ายใจ มันเป็นที่แน่นอนว่ารางวัลสำหรับเจตนาดีนั้นมีแต่ความโกรธแค้นอยู่เสมอ จริงๆเล้ย, ไม่ว่าจะเป็นโลกนั้นหรือโลกนี้ วิถีแห่งโลกทั้งหลายก็เป็นเหมือนกันหมดเสมอเลย …… “

 

“…… เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันดันทาเลี่ยน?”

 

“ผมขออภัยครับฝ่าบาทไพม่อน อีกทั้งญาติพี่น้องทั้งหลายอันเป็นที่รักของผมด้วย เผอิญผมได้เห็นแจ้งถึงส่วนหนึ่งของจักรวาล ดังนั้นผมเลยเกิดความรู้สึกซึ้งใจอยู่ชั่วขณะนึง ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตามผู้คนล้วนไม่มีวันเปลี่ยนแปลง การตัดสินใจของผมที่จะขังตัวเองอยู่ในถ้ำเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างถูกต้องแล้วแหละ “

 

เพลโตนั้นคิดผิด (Plato – นักปรัชญาชาวกรีกโบราณที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อแนวคิดตะวันตก)

 

คนทั้งหลายล้วนแล้วแต่มีความสามารถในการขุดลึกเข้าไปจนเป็นถ้ำ

 

นั่นหมายความว่ามันไม่ใช่หนทางเดียวที่จะหลีกเลี่ยงผู้คนได้

 

เมื่อประดับรอยยิ้มให้แก่ริมฝีปากของผมแล้ว ผมก็หันไปหามาร์บาส

 

“โอ้ ท่านมาร์บาสผู้ทรงเกียรติ ผม, แน่นอนว่า, อยากจะแถลงไขถึงความบริสุทธิ์ของตัวผมเอง ด้วยเหตุผลดังกล่าว ท่านจะไม่ยอมอนุญาตให้ผมได้สนทนาเป็นการส่วนตัวกับหัวหน้าบริษัทกึนคัสก้าสักครู่หน่อยหรือครับ? “

 

“สนทนาส่วนตัว?”

 

“ไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอกครับ แม้ว่าผมจะกล่าวว่าเป็นการพูดคุยส่วนตัว แต่มันจะไม่มีอะไรมากไปกว่าการพูดโต้ตอบเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้นเองครับ ทำไมหัวหน้าผู้บริหารแห่งบริษัทกึนคัสก้าถึงสงสัยในตัวผม ผมพอจะเดาได้ว่ามันน่าจะเป็นเรื่องไหนกัน ผมเพียงแค่ต้องการจะดูว่าผมสามารถแก้ปัญหาความเข้าใจผิดนี้ได้หรือเปล่าครับ มันใช้เวลาไม่นานมากนักหรอกครับ “

 

มาร์บาสได้พยักหน้า

 

“ถ้ามันเป็นเช่นนั้น งั้นก็ไม่มีปัญหา ข้าอนุญาต “

 

“ผมขอขอบพระคุณด้วยใจจริงครับ”

 

ผมบอกใบ้ให้อีวาน ล๊อทบรอคเข้ามาหาผม

 

อีวาน ล๊อทบรอค, ด้วยศีรษะของเขาที่ก้มต่ำลง, ได้รีบจ้ำเดินมาทางผม เจ้าแวมไพร์ที่มีความสามารถในการแสดงที่ยอดเยี่ยมและการพลางตัวที่ไร้ที่ติ ได้รีบกระวีกระวาดขอโทษทันทีที่เขาเข้ามาใกล้แล้ว

 

“กระผมต้องขออภัยด้วยครับฝ่าบาท มันเป็นกฎของบริษัทพวกเราที่ต้องให้ข้อมูลทั่วๆไปบางประเภทหากหนึ่งในลูกค้าของพวกเราต้องการมัน ไม่ว่าจะมีข้อสรุปแบบไหนมาจากงานวัลเพอร์กิสไนท์ กระผมผู้นี้ขอสาบานว่าบริษัทกึนคัสก้าจะช่วยเหลือฝ่าบาทดันทาเลี่ยนจนถึงที่สุดอย่างแน่นอนครับ “

 

“นั่นเป็นคำพูดที่ทำให้วางใจขึ้นจริงๆ”

 

ผมได้หัวเราะเบาๆออกมา

 

ในทางตรงกันข้าม การแสดงออกของอีวาน ล๊อทบรอคกลับเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก เขาหัวเราะตอบรับเพียงเล็กน้อยเพราะจอมปีศาจเช่นผมกำลังหัวเราะอยู่ หากคุณได้แบ่งปันช่วงเวลาแห่งความสุขของคุณแก่คนอื่นความสุขก็จะเพิ่มเป็นสองเท่าตัวเลยนะ มันจะเป็นสิ่งที่สุภาพเมื่อได้เล่นตามน้ำกับการแสดงตลกแบบนี้

 

เอาเถอะตั้งแต่ต้นเลย มันเป็นแวมไพร์ที่ได้สูญเสียแนวคิดทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องมารยาทแล้วนี่? ไม่เป็นไร ผมไม่เคยบอกว่าไม่ชอบสอนคนอื่นซักหน่อย ดังนั้นผมจะอดทนและสอนแกเป็นการส่วนตัวอย่างจริงจังเอง

 

“มันน่าเสียดายเนอะที่การพบเจอกันเป็นครั้งแรกของพวกเรานั้นอยู่ในสภาวการณ์เช่นนี้น่ะ”

 

“กระผมผู้นี้ก็คิดเหมือนกันครับฝ่าบาท หากมันเป็นการช่วยพลิกฟื้นเกียรติของฝ่าบาท งั้นกระผมอีวาน ล๊อทบรอคผู้นี้จะลากสังขารแก่ๆนี้และทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือฝ่าบาทอย่างแน่นอนครับ”

 

“สังขารแก่ๆ หืม สังขารแก่ๆ, งั้นเหรอ?

 

ผมฉีกยิ้มกว้าง

 

“ข้าขอโทษด้วย, คุณหัวหน้า แต่ข้าไม่คิดว่าคุณแก่หรอกนะ “

 

“อะไรนะครับ?”

 

“คุณยังคงมีรูปร่างที่เต็มไปด้วยความเยาว์วัยสำหรับข้าอยู่นะ”

 

“นั่น …… กระผมผู้นี้รู้สึกซาบซึ้งใจต่อคำพูดที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาของฝ่าบาทมากครับ”

 

อีวาน ล๊อทบรอคทำสีหน้าสับสน ราวกับกำลังงงว่าทำไมผมถึงได้พูดชมอย่างปุ๊บปั๊บในสถานการณ์เช่นนี้ ดูเหมือนเจ้าแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์ของเรานี้เป็นพวกที่ค่อนข้างเข้าใจอะไรช้านะ เปรียบเสมือนประเภทของนักเรียนที่อาจารย์ไม่ต้องการที่จะสอนให้เลย นักเรียนประเภทที่ใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมงเพียงเพื่อทำความเข้าใจสมการทางคณิตศาสตร์อันเดียว ถ้าเป็นผมน่าจะได้รับไม่ต่ำกว่า 100,000 วอนต่อชั่วโมงเพื่อสอนนักเรียนประเภทนี้ แต่ในคราวนี้ ผมคิดว่าผมคงจะทำให้โดยไม่ได้รับเงินแม้แต่แดงเดียว

 

“ไม่, ไม่ใช่สิ ข้าหมายความว่าข้าอิจฉาในความเยาว์วัยของคุณจริงๆน่ะ”

 

“…… ?”

 

เขายังไม่เข้าใจอีกเหรอวะ?

 

ผมเป็นอาจารย์ที่มีขันติมาก ดังนั้นถ้าผมพยายามอธิบายแต่ละส่วนทั้งหมดอย่างเยือกเย็น ผมแน่ใจว่าผมจะสามารถทำให้แม้แต่นักเรียนที่สอบตกได้ค้นพบสัจธรรมอันยิ่งใหญ่และกลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องนึงได้เลย ผมไม่ยอมละทิ้งความหวังของผมต่อบรรดาผู้คนต่างๆไปง่ายๆหรอกนะ

 

ดังนั้น ผมจึงโน้มตัวลง

 

ผมขยับปากของผมเข้าไปใกล้หูของอีวาน ล๊อทบรอค

 

เติมเต็มทุกๆคำพูดของผมด้วยความปรารถนาดีสุดๆจากใจของผมเลย –

 

ผมกระซิบเบาๆว่า

 

 

“ข้าสงสัยจังว่าร่างกายที่แท้จริงของเธอยังสบายดีอยู่หรือเปล่าน้า”

 

“………… “

 

 

เงียบสนิท

 

พูดไม่ออกเพราะความช็อค

 

มันส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่าคนๆนั้นได้ตกอยู่ในสภาพที่อึ้งพูดไม่ถูก

 

ผมเพลิดเพลินกับความเงียบสงัดแบบนี้มากๆเลย ในที่สุด นักเรียนที่น่าสงสารของผมก็เข้าใจในกฏของธรรมชาติเพราะฝีมือผมเอง ในฐานะที่เป็นอาจารย์ผู้ทำสุดความสามารถในการสอนนักเรียนของเขา ผมคงได้แต่ภาคภูมิใจในตนเองเท่านั้นแหละเนอะ

 

แม้ว่าชื่อของกฎนี้จะตรงไปตรงมา

 

‘กฎของป่า’

 

ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นนักล่าและใครเป็นเหยื่อ

 

เพื่อทำให้พวกเขารู้สึกเสียใจจากการขาดความรับผิดชอบต่อการที่พวกเขาได้กระตุกขนแผงคอของสิงโต

 

เมื่อใดก็ตามที่ผมสร้างกลลวงขึ้นมา คนทั้งหลายที่เชื่อว่าพวกเขานั้นเป็นคนที่มีอำนาจ จะคิดได้ว่าพวกเขานั้นไม่ต่างอะไรไปจากเศษเนื้อหมูที่อยู่บนตะแกรงปิ้งเลย มันรู้สึกเหมือนผมได้มีส่วนช่วยสนับสนุนธรรมชาติทุกอย่างที่อยู่ในฝุ่นเม็ดเล็กๆนี้ภายในจักรวาลและทำให้ผมรู้สึกยินดี มันน่าจะพูดได้ว่านี่เป็นหนึ่งในความสุขที่หายากมากๆในชีวิตของผมเลย

 

“ได้ยังไงกัน, นั่น…… “

 

เสียงของอีวาน ล๊อทบรอคได้สั่นคลอน

 

“ท่านรู้ได้ยังไง……?”

 

“ผมสีบลอนด์ของคุณค่อนข้างสวยมากเลยทีเดียวน้า”

 

ความเงียบงันที่น่ารักได้ปรากฏต่อหน้าพวกเราอีกครั้งนึง

 

อีวาน ล๊อทบรอค

 

ไม่มีทางหรอกที่ผมจะไม่รู้เกี่ยวกับรูปพรรณสัณฐานของสุภาพบุรุษวัยชราผู้นี้

 

[Dungeon Attack] เป็นเกมที่เล่นในมุมมองของฮีโร่เผ่ามนุษย์ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฮีโร่ถึงไม่สามารถมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเหล่าปีศาจต่างๆได้ ยังไงซะคุณก็ตระเวนฆ่าปีศาจทุกประเภทอยู่แล้วนี่ ดังนั้นจะมีใครบ้างล่ะที่ต้องการความสัมพันธ์แบบนั้นกัน?

 

อย่างไรก็ตาม มันมีนางเอกเผ่าแวมไพร์ที่แปลกไปจากชาวบ้านคนนึงได้ยอมจำนนต่อฮีโร่ เธอเอาชนะความแตกต่างทางเผ่าพันธ์ุระหว่างกันและได้ตกหลุมรักฮีโร่ซะงั้น มันมีแม้กระทั่งแนวทางปักธงพิเศษที่สร้างขึ้นมาสำหรับเธอโดยเฉพาะภายในเกมอีกด้วย

 

ชื่อของนางเอกคนนั้นก็คือ อีวาน ล๊อทบรอค

 

มันเป็นยังงั้นจริงๆนะ

 

ตัวตนที่แท้จริงของสุภาพบุรุษวัยชราผู้นี้ที่มีลักษณะชั่วร้าย ก็คือนางเอกผู้ที่การเจริญเติบโตได้หยุดนิ่ง ปล่อยเธอไว้กับรูปลักษณ์แบบเด็กสาวตลอดกาล

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้เห็นชายชราคนนี้เป็นครั้งแรก เพราะรูปลักษณ์ตั้งแต่หัวจรดเท้าได้แตกต่างไปจากตัวละครในเกมอย่างสิ้นเชิง

 

– นั่นคือ อีวาน ล๊อทบรอคงั้นเหรอ? “

 

-ใช่ค่ะ ผู้ชายคนนั้นเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกของปีศาจ เจ้าของบริษัทกึนคัสก้า อีกทั้งเป็นแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์, อีวาน ล๊อทบรอค

 

ผมพอจะเข้าใจสภาพการณ์ที่ซ่อนอยู่แล้วล่ะ

 

ตามฉากเหตุการณ์ที่ปรากฏขึ้นใน [Dungeon Attack] เรื่องราวของอีวานล๊อทบรอคเป็นเช่นนี้ : ในอดีตเธอได้จงรักภักดีอย่างมากต่อจอมปีศาจผู้หนึ่ง แต่อยู่ดีๆเธอกลับถูกทรยศโดยจอมปีศาจที่เธอกำลังรับใช้และต้องเผชิญกับสถานการณ์เกือบเฉียดตาย หลังจากนั้น อีวาน ล๊อทบรอคได้สาบานว่าเธอจะไม่มีวันรับใช้จอมปีศาจอีกต่อไป และเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายนั้นเธอเริ่มใช้ชีวิตของเธออยู่กับการเคลื่อนย้ายจิตไปที่ตุ๊กตาของเธอ ในขณะเดียวกันก็ได้สาปแช่งและเย้ยหยันจอมปีศาจทุกๆตน

 

อีวาน ล๊อทบรอคได้ทรยศต่อกองทัพพันธมิตรของเหล่าจอมปีศาจในช่วงเวลาที่ชี้เป็นชี้ตาย และนั่นเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ว่าทำไมกองทัพของฮีโร่จึงสามารถได้รับชัยชนะ มันคือกรณีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่ามันยังไม่สายเกินไปสำหรับคนมีสกุลรุนช่องที่จะบรรลุการแก้แค้นแม้ว่าจะใช้เวลาถึง 100 ปีก็ตาม

 

ในฐานะที่เป็นผู้เล่นผ่านทุกฉากเหตุการณ์ของอีวาน ล๊อทบรอค รวมถึงแนวทางปักธงเธอโดยเฉพาะ—– แน่นอนว่าผมรู้รูปลักษณ์ที่แท้จริงของเธอ และยังรู้ดีถึงข้อเท็จจริงที่ว่าร่างกายอันแท้จริงของเธอได้ถูกซ่อนอยู่ใต้ทุ่งหิมะของอาณาจักรมอสโกอีกด้วย

 

มันเป็นความลับที่อีวานได้กระซิบบอกต่อพระเอกเท่านั้น

 

ในเมื่อพระเอกยังไม่ได้ปรากฏตัวจนกว่าจะถึงปี 1515 ตามปฏิทินหลักของทวีป ในช่วงเวลาปัจจุบันนี่ มันจึงเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคนไหนน่าจะล่วงรู้ได้

 

ยกเว้นผม

 

“ข้าไม่ได้กังวลต่อร่างกายแก่ๆของคุณร่างนี้หรอกนะ ข้าแค่กังวลต่อหญิงสาวคนหนึ่งที่ร่างกายถูกฝังอยู่ใต้ทุ่งหิมะอันหนาวเย็นและกำลังถูกย่ำยีโดยพายุหิมะน่ะ … “

 

“…… “

 

“อา ข้ากังวลจริงๆเล้ย ข้ากลัวว่าหมาป่าอาจจะปรากฏกายขึ้นอย่างกระทันหันและได้ฉีกกระชากแขนขาอันน่าสมเพชของเธอ และใครจะรู้ว่าอาจจะมีโจรภูเขาที่ชั่วร้ายปรากฏตัวขึ้นและปู้ยี่ปู้ยำร่างกายของเธอตามที่พวกเขาพอใจเมื่อใดก็ได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าข้าให้สัญญาณเล็กน้อยแบบนี้ “

 

ผมได้ดีดนิ้วของผม

 

“มันมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีสัญญาณบางอย่างถูกส่งออกไปและเภทภัยต่างๆอาจจะตกลงสู่ร่างกายอันบอบบางของเด็กสาวก็ได้นะ เสมือนกับเสียงร้องเล็กๆที่ทำให้เกิดภูเขาหิมะถล่มครั้งยิ่งใหญ่ หัวหน้าเอ๋ย ไม่ต้องกังวลมากหรอกนะ มันจะดีมากถ้าไม่มองข้าด้วยสายตาที่หวาดกลัวแบบนั้น ข้าเพียงแค่ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้เท่านั้นเองอะนะ “

 

ร่างกายของอีวาน ล๊อทบรอคได้สั่นสะท้านอย่างรุนแรง

 

มันน่าดีกว่าถ้าหยุดปฏิบัติต่อเขาด้วยการกึ่งให้ความเคารพกึ่งข่มขู่อันไม่น่าตลกขบขันแบบนี้

 

ผมเปลี่ยนโทนเสียงที่เยาะเย้ยของผมไปเป็นโทนเสียงที่ข่มขู่อย่างชัดเจน

 

“โอ้แวมไพร์ผู้น่าสมเพชเอ๋ย นี่คุณโกรธเกรี้ยวกับความคิดที่ว่าลาพิส ลาซูรี่ได้ทรยศคุณงั้นเหรอ?  ‘มาเหยียบย่ำเจ้าเด็กคนนี้ที่กล้าโชว์เขี้ยวเล็บของเธอต่อเราดีกว่า’ คุณได้ตัดสินใจแบบนั้นหรือเปล่า? อ่า, ล๊อทบรอค เพื่อนยากที่น่าสงสาร “

 

ผมหัวเราะออกมา

 

“คุณคาดเดาผิดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย คุณเข้าใจผิดไปแล้ว ลาพิส ลาซูรี่ไม่ได้เป็นฝ่ายล่าผมหรอก แน่นอนว่าเธอเป็นเด็กที่น่าชื่นชมมากนะ แต่ว่าเธอมีความสามารถมากพอที่จะวางแผนที่สนุกสนานและงดงามได้ถึงขนาดนี้งั้นเหรอ? “

 

ผมเป็นฝ่ายล่าเธอต่างหากล่ะ

 

ผมกระซิบอย่างอ่อนโยนที่ข้างหูของอีวาน ล๊อทบรอคว่า

 

“ตั้งแต่ต้นจนจบเลยนะ เรื่องทั้งหมดคือความเข้าใจผิดอันโง่เขลาเบาปัญญาของคุณเอง ลาพิส ลาซูรี่ได้สาบานตนว่าเธอจะจงรักภักดีต่อคุณ แต่เนื่องจากเธอเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาด เธอจึงรู้ดีอยู่แก่ใจว่าถ้าเธอกลับไปที่บริษัท ภายใต้คำกล่าวหาเท็จนี้เธอจะโดนกำจัดทิ้งอย่างแน่นอน ถ้าคนที่น่าสังเวชจริงๆไม่ใช่เด็กผู้หญิงคนนั้น งั้นข้าก็ไม่รู้แล้วแหละว่าจะเป็นใครไปได้อีก เป็นเพราะไอ้ค้างคาวระยำตัวเดียวผู้ที่ใช้ชีวิตของมันโดยคิดว่ามันฉลาดเป็นพิเศษ เธอจึงกลายเป็นผู้ถูกเนรเทศซะงั้น “

 

อาการสั่นสะท้านของอีวาน ล๊อทบรอคเริ่มทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

 

ผมวางมืออย่างแผ่วเบาลงบนไหล่ของอีกฝ่ายหนึ่ง

 

“ต้องขอบคุณสำหรับการคาดเดาที่มั่วซั่ว ข้าเลยผจญปัญหาน้อยลง และได้รับลาพิส ลาซูรี่ที่เป็นเด็กยอดเยี่ยมกระเทียมเจียวมา ข้าขอมอบคำขอบคุณแก่คุณเลย “

 

“อะไรที่ …… อะไรที่ฝ่าบาทต้องการจากกระผมผู้นี้ …… ?”

 

“โอ้ ข้าเพียงแค่ต้องการความเมตตาเล็กน้อยน่ะ “

 

ผมจับไหล่ของอีวาน ล๊อทบรอคไว้อย่างแนบแน่นและกล่าวว่า

 

“จริงๆแล้วข้าไม่ได้เป็นคนปล่อยโรคหรืออะไรพรรณนั้นหรอกนะ ทั้งหมดที่คุณต้องทำก็คือยืนยันความจริงซะ ก็แค่นั้นเอง”

 

อย่านำเสนอหลักฐานที่จะช่วยให้คำกล่าวหาของไพม่อนดูน่าเชื่อถือมากขึ้น

 

มันคือคำข่มขู่ที่แฝงความหมายเช่นนั้นแหละ

 

“และ…… แน่นอนว่า คุณจะต้องเคลื่อนไหวตามคำสั่งดั่งหุ่นเชิดของผม เป็นค่าตอบแทนที่ตามมาหลังจากการพ่ายแพ้น่ะ คุณหัวหน้า ผมเป็นคนเปิดเผยจริงใจนะ ฉะนั้นผมจะไม่ใช้คำกล่าวที่หลอกลวงระหว่างพวกเราหรอก แบบว่าบอกคุณแต่สิ่งที่ดีๆอย่างเช่นบอกให้คุณมั่นใจว่าจะไม่มีเคราะห์ร้ายมากไปกว่านี้อีกแล้ว หรือบอกว่ามันไม่เป็นไรหรอกที่จะผ่อนคลายได้แล้ว คุณไม่คิดเหรอว่าคำหลอกลวงแบบนั้นจะเป็นการแสดงความไม่สุภาพต่อคนอื่นหรอกหรือ? “

 

“…… “

 

“หลายสิ่งหลายอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป”

 

จากด้านในของกระดูกหล่อนเลยแหละ~

 

“ข้าจะยื่นข้อเสนอหลากหลายอย่างที่คุณไม่สามารถปฏิเสธได้ ซึ่งคุณ, อันที่จริงแล้ว, ก็ไม่สามารถบอกปัดมันได้อยู่แล้วหรอกเนอะ คุณอาจจะรู้สึกนึกคิดอับอายเป็นบางครั้งบางคราว เช่นคุณไม่รู้สึกเหมือนกับเป็นคนแต่กลับเป็นเหมือนดั่งสัตว์ที่ถูกขังอยู่ในเล้าหมูน่ะ “

 

ไล่ตั้งแต่กระดูกสันหลังของหล่อน

 

“บางครั้งคุณอาจจะแสดงความคิดกระด้างกระเดื่องและต่อต้านข้า ข้าควรจะบอกคุณก่อนหน้าเลยมั้ยว่าข้าจะตอบโต้อย่างไรบ้าง? อา ข้าจะไม่ฆ่าคุณหรอก, จริงๆนะ, ข้าจะไม่แม้แต่ทุบตีคุณเลยด้วยซ้ำ คุณสามารถเชื่อมั่นในคำพูดของข้าได้ เพราะสิ่งที่ข้าจะทำนั้น …… “

 

ไปจนถึงกะโหลกศีรษะ

 

“ก็คือถอนผมออกจากร่างจริงของคุณ”

 

ทุกอย่างจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของผม

 

“ข้าจะไม่ถอนมากหรอกน้า แค่ทุกครั้งที่คุณต่อต้าน ข้าจะถอนเส้นผมเส้นเดียว ถอนแบบนั้น, อย่างสนุกสนาน, ก็แค่นั้นเอง เป็นอย่างไรบ้าง? คุณสามารถรู้สึกถึงความใจกว้างของข้าแล้วหรือยังล่ะ? “

 

“…… “

 

“ในขณะที่ชื่นชมใบหน้าที่สวยงามของคุณ ก็จะถอน, ถอน, ถอน, ถอน ……และก็ถอน “

 

ด้วยลม ‘ฟู่’ ที่ผมเป่าเข้าไปในหูของเขา

 

อีวาน ล๊อทบรอคก็ตัวสั่นเทาเหมือนใบไม้ที่ถูกลมพัดใส่

 

นี่คือเหตุผลที่ผมไม่สามารถหยุดความสนุกของผมในการข่มขู่คนอื่นได้

 

“อืม ข้าจะเฝ้าคอยวันที่คุณทรยศต่อข้า ข้าแทบรอมันไม่ไหวแล้วแฮะ แต่ข้าจะอดทน ข้ายินดีอย่างมากที่จะอดทน, ข้ามีความอดทนสูงนะเออ  คุณวางใจในเรื่องนั้นได้เลย “

 

อีวาน ล๊อทบรอคได้กัดฟันของเขา

 

“กระผมผู้นี้ …… ขอสาบานว่าจะไม่จงรักภักดีต่อผู้ใดอื่นอีกครับ”

 

“ค่อยดีขึ้นมาหน่อย”

 

ผมตบไหล่ของอีวาน ล๊อทบรอคเบาๆ

 

“ใช้โอกาสนี้เพื่อเรียนรู้ซะ”

 

“…… “

 

“คนเราต้องหมั่นเรียนรู้อยู่ตลอดนะแม้ว่าพวกเขาจะแก่แล้วก็ตาม ถ้ามีคนขี้เกียจให้การศึกษาแก่พวกเขา เช่นนั้นแล้วก่อนที่พวกเขาจะทันรู้ตัวพวกเขาก็จะกลายเป็นผู้ที่ปราชัยตลอดไป เกิดเป็นคนต้องคอยดูแลและรักษาร่างกายของตัวพวกเขาเองสิ คุณไม่คิดเช่นนั้นบ้างเหรอ? “

 

อีวาน ล๊อทบรอคไม่สามารถตอบได้

 

เมื่อพูดถึงขนาดนี้แล้ว ผมเชื่อว่าความจริงใจของผมจะสามารถเอาชนะอุปสรรคทางด้านภาษาที่กั้นไว้ระหว่างพวกเราได้ การสื่อสารเป็นสิ่งที่ยุ่งยากแบบนี้แหละ สำหรับผมที่ต้องอาศัยวิธีขมขู่เพื่อทำให้คนอื่นเคารพในตัวผม นั่นเป็นเรื่องที่ไม่น่าเศร้าใจหรือไงกัน? เมื่อตอนที่อีดิปัสแทงดวงตาของตัวเขาเอง เขาน่าจะไม่เศร้าเสียใจเท่าผมในตอนนี้แน่ๆ

(Oedipus อีดิปัส –  เป็นกษัตริย์เมืองทีบส์ในเทพปกรณัมกรีก)

 

ผมขยับหลังของผมให้กลับมาตั้งตรง

 

จากนั้น ผมก็หันไปมองผู้ตัดสินคดี ซึ่งก็คือ มาร์บาส

 

“โอ้ ท่านมาร์บาสผู้ทรงเกียรติ การสนทนาของพวกเราได้จบลงแล้ว มันจะไม่มีคำคัดค้านใดๆจากตัวผมอีกถ้าท่านยังคงดำเนินขั้นตอนการพิจารณาคดีต่อไปครับ “

 

“ดีมาก เอ้าไพม่อน ตอนนี้เจ้าสามารถพิสูจน์ความถูกต้องของข้อกล่าวหาของเจ้าได้แล้วล่ะ “

 

การพิจารณาคดีได้กลับมาดำเนินการอีกครั้งนึง

 

ไพม่อน, ด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ, ได้กล่าวเรียกอีวาน ล๊อทบรอค

 

“ดิฉันเข้าใจแล้วค่ะ เอาล่ะล๊อทบรอค กรุณาช่วยแสดงหลักฐานออกมาได้แล้ว “

 

“…… “

 

“ล๊อทบรอค?”

 

ความเงียบอันน่าหวาดกลัวยังคงดำเนินต่อไป

 

อีวาน ล๊อทบรอคไม่ได้เงยหน้าของเขาตั้งแต่เมื่อครู่ที่ผ่านมาแล้ว ไพม่อนได้เรียกชื่อของเขาหลายต่อหลายครั้งแต่เขาก็ยังคงไม่ตอบ เนื่องจากความเงียบที่ไม่คาดฝันนี้ อาการลนลานได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของไพม่อน ในขณะที่ความเงียบยังคงดำเนินต่อไป สภาพอันงงงวยของเธอได้ค่อยๆลุกลามไปยังผู้คนรอบๆตัวเธอ จนในที่สุด ทั้งห้องบอลรูมก็ถูกปกคลุมด้วยความเงียบที่น่าแปลกประหลาด

 

สุดท้าย อีวาน ล๊อทบรอคก็ยอมเปิดปากของเขา

 

“…… คำให้การของฝ่าบาทไพม่อน, เป็นเรื่องโกหกครับ”

 

มันเงียบ

 

มันเป็นความเงียบอย่างเหลือเชื่อ

 

ไม่ใช่ว่าที่ห้องโถงเงียบสงบเพราะทุกคนเข้าใจคำกล่าวของอีวาน ล๊อทบรอคหรอกนะ มันตรงกันข้ามต่างหากล่ะ เป็นเพราะว่าไม่มีใครซักคนเดียวเข้าใจในสิ่งที่อีวาน ล๊อทบรอคกล่าว ดังนั้นมันจึงไม่มีเสียงตอบรับออกมา

 

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ-“

 

แต่แล้ว, คำพูดแรกที่ออกมาไม่ใช่คำว่าเข้าใจแต่กลับเป็นคำถามแทน

 

“เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”

 

“กระผมผู้นี้ได้กล่าวว่า กระผมผู้นี้ไม่สามารถยื่นหลักฐานที่ฝ่าบาทไพม่อนได้ร้องขอไว้ครับ”

 

“เจ้ากำลังพยายามกล่าวถึงอะไร …… นี่เจ้าบ้าไปแล้วเหรอล๊อทบรอค! “

 

ไพม่อนแผดเสียงออกมา

 

ความเงียบที่ปกคลุมห้องบอลรูมได้พังทลายลงอย่างรวดเร็ว เหมือนกับกระแสน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันจนกลายเป็นคลื่นยักษ์สึนามิโหมกระหน่ำใส่ชายหาดที่เงียบสงบ ความเดือดดาลอันไร้ขีดจำกัดของไพม่อนได้ทะลักทลายออกมา ความหยิ่งยโสที่เคยอยู่บนหน้าของเธอได้ถูกชะล้างโดยกระแสน้ำอันเชี่ยวกราดนั้น

 

“เจ้าได้บอกผู้หญิงคนนี้ว่า! ดันทาเลี่ยนเป็นตัวการที่สนับสนุนการแพร่โรคระบาด และเด็กสาวคนนั้นที่ชื่อลาพิส ลาซูรี่เป็นคนที่ได้แพร่กระจายโรคความตายสีดำ! นี่เจ้ากำลังพยายามที่จะหยอกล้อผู้หญิงคนนี้ด้วยลิ้นที่กระจ้อยร่อยอันนั้นหรือ! “

 

“……ขออภัยด้วยครับ กระผมผู้นี้ไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่ฝ่าบาทไพม่อนได้กล่าวถึงเลย ไม่ใช่ว่ามันเป็นเวลากว่า10 ปีแล้วเหรอครับนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่พวกเราได้พบหน้ากันแบบนี้? “

 

ช่างงดงามอะไรเช่นนี้

 

ผมได้เฝ้าดูการโต้เถียงกันของพวกเขาด้วยรอยยิ้มที่นุ่มนวล

 

การได้พบเห็นผู้คนพยายามโยนความรับผิดชอบไปที่คนอื่นมันทำให้ผมรู้สึกประทับใจจัง อา, ผมไม่ควรใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นจริงๆด้วย อา, การกักขังตนเองและใช้วันเวลาที่เหลืออยู่ของผมที่มุมห้องเป็นวิธีการดำรงชีวิตที่ถูกต้องแล้วแหละ มันทำให้ผมนึกถึงบทเรียนชีวิตที่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย

 

เธอก็กำลังชมฉากนี้อยู่ด้วยใช่มั้ยล่ะลาพิส ลาซูรี่ ผมได้สัญญากับเธอว่าผมจะแสดงให้เธอเห็นถึงการแสดงละครสัตว์ที่สุดยอดที่สุดในโลก ด้านหนึ่งเป็นจอมปีศาจอันสูงส่งอันดับที่ 9 และอีกด้านหนึ่งเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกของปีศาจ ยังไม่หมดแค่นั้นนะ, จุดสำคัญก็คือทั้งสองฝ่ายต่างโยนความรับผิดชอบต่อกันหยั่งกับเด็กๆแหนะ

 

สำหรับเธอ ผู้ที่ใช้ชีวิตของเธอโดยได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเพราะเธอเป็นพวกจัณฑาล ผมคิดว่านี่เป็นการแสดงโชว์ที่สุดยอดที่สุดสำหรับเธอเลยนะ จงเพลิดเพลินไปกับมันตามที่เธอสบายใจเลย เนื่องจากผมได้กำกับและควบคุมการแสดงนี้เป็นพิเศษให้ฟรีๆ แม้ผมจะเป็นเช่นนี้ แต่ถ้าผมทุ่มเทเพื่อลูกน้องของผมถึงขนาดนี้ งั้นผมก็เป็นหัวหน้าที่มือเติบดีเนอะ มันไม่เป็นไรหรอกที่จะประทับใจน่ะ

 

“มันชัดเจนตั้งแต่ที่เจ้าได้ติดต่อกับฉันโดยใช้ลูกน้องของเจ้าแล้วละ!”

 

“กระผมผู้นี้ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าโทรูเคลได้บอกอะไรแก่ฝ่าบาทไพม่อนบ้างครับ อย่างไรก็ตาม มีแค่สิ่งเดียวที่กระผมผู้นี้รู้ นั่นก็คือหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าฝ่าบาทดันทาเลี่ยนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแพร่กระจายของโรคระบาดนั้นไม่ได้อยู่ในการครอบครองของกระผมผู้นี้เลยครับ “

 

“ไอ้ค้างคาวเฮงซวยและขี้ขลาดนี่! “

 

หน้าตาอันสวยงามของไพม่อนได้เริ่มบิดเบี้ยว ยิ่งเธอมีหน้าตางดงามราวกับว่าเธอเป็นผลงานศิลปะที่เลิศเลอเพอร์เฟคมากเท่าไหร่ หน้าตายามเดือดดาลของเธอก็น่ากลัวสุดๆเช่นเดียวกัน

 

“ถ้าอย่างงั้นละก็ เจ้าจะต้องชดใช้หนี้โลหิตด้วยโลหิต! นั่นเป็นคติพจน์บริษัทกึนคัสก้าของเจ้าใช่มั้ยละ! งั้นผู้หญิงคนนี้จะขอใช้คำปฏิญาณนั้น! “

 

ออร่าที่คล้ายเลือดได้แผ่ออกมาจากร่างกายของไพม่อน

 

มวลของพลังเวทมนตร์มีความหนาแน่นมากจนสามารถมองเห็นรูปร่างและสีออร่าของเธอ ความผันผวนของพลังดูราวกับว่าเป็นลิ้นสีแดงจำนวนมากกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง

 

ไพม่อนไม่ได้เป็นแค่จอมปีศาจธรรมดา แต่เธอเป็นอีกคนหนึ่งที่ได้รับตำแหน่งอาร์คเมจเช่นเดียวกัน

 

ในบรรดาจอมปีศาจจำนวนทั้งหมด 71 คน มันเป็นความสำเร็จที่มีเพียงแค่ 4 คนเท่านั้นที่ทำได้ และเธอเป็นหนึ่งใน 4 คนนั้น

 

“ฉันจะขอเป็นตัวแทนในการลงมือฆ่าเพื่อแก้แค้นเอง!”

 

ไพม่อนได้ตะโกนคำประกาศของเธอ

 

คำประกาศในโลกนี้เป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาตามประวัติศาสตร์ในแต่ละพื้นที่นั้นๆ นี่เป็นคำสัตย์สาบานที่บอกว่าคนๆนั้นจะทำทุกวิถีทาง แม้ว่าจะต้องแลกกับชีวิตของตัวเองเพื่อรักษาคำสัตย์สาบานนั้นไว้ ดูท่าไพม่อนตั้งใจจะฆ่าอีวาน ล๊อทบรอคอย่างเอาจริงเอาจังนะ

 

มันเป็นช่วงเวลานั้นเองที่มาร์บาสได้กระทืบเท้าขวาของเขาลง

 

ตึ้ง

 

ทั้งห้องบอลรูมถึงกับสั่นสะท้านสนั่นหวั่นไหว

 

ผู้คนต่างสะดุดล้มลงราวกับว่าพวกเขายืนอยู่ท่ามกลางแผ่นดินไหวขนาดเล็กยังไงยังงั้น

 

มาร์บาส, ด้วยบรรยากาศที่เยือกเย็นอย่างน่ากลัวรอบๆตัวเขา, ได้เขม่นมองที่ไพม่อนและกล่าวว่า

 

“- ยุติการกระทำอันอุกอาจของเจ้าเดี๋ยวนี้”

 

ไพม่อนทำสีหน้าเจ็บปวดออกมา

 

“แต่ว่า, มาร์บาส!”

 

“ข้าบอกว่าให้หยุดโดยทันที เจ้าก็ควรจะระแวดระวังในการบังคับให้ข้าต้องพูดคำประกาศของข้าออกมาเช่นกันนะไพม่อน เจ้าเป็นคนที่เรียกร้องโอกาสครั้งสุดท้ายเอง เพื่อเป็นการแสดงเจตนาของข้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น, สำหรับข้าแล้ว, โอกาสครั้งสุดท้ายก็คือข้อสรุปในเรื่องนี้”

 

“อึก…… !”

 

ไพม่อนได้ขบฟันของเธออย่างแรง

 

พลังอันแสนมหัศจรรย์ของเธอไม่ได้ดับลง แต่มันกลับเริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

 

“เมื่อกี้นี้เองที่หัวหน้าผู้บริหารจากกึนคัสก้าได้ปั่นหัวผู้หญิงคนนี้! ทั้งๆที่ความจริงแล้วเจ้าหัวหน้านี่ได้สั่งการให้ลูกน้องของเขา ซึ่งก็คือโทรูเคล เพื่อมาแสดงหลักฐานให้แก่ผู้หญิงคนนี้ แต่ตอนนี้เขากลับกำลังพยายามที่จะล้มเลิกมัน! ผู้หญิงคนนี้ขอปลิดชีวิตเจ้าคนทรยศนั่นโดยทันทีเถอะค่ะ! “

 

“ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม!”

 

มาร์บาสตะโกนร้องออกมา

 

“แม้ว่าบาอัลจะมาแทนที่ ณ ตรงนี้ เขาก็ไม่สามารถชะโลมเลือดในระหว่างงานวัลเพอร์กิสไนท์ได้! เจ้าจะต้องรักษาความเป็นกลางอย่างเด็ดขาดในขณะที่เจ้าอยู่ที่นี่! เว้นเสียแต่ว่าเจ้าต้องการที่จะทำให้ตัวเจ้าเองกับเหล่าจอมปีศาจที่เป็นกลาง, รวมถึงกองกำลังชั้นยอดกว่า 30,000 นาย กลายเป็นศัตรูของเจ้า งั้นก็เชิญเลยและลองชะโลมเลือดที่นี่ดูสิไพม่อน! ข้าขอสาบานในวันนั้นเลยว่า พวกฝ่ายเขตภูเขาที่เจ้าเป็นหัวหน้าอยู่จะถูกฆ่าล้างโคตร และแผ่นดินของเหล่าจอมปีศาจผู้เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายเจ้าจะถูกสาปเป็นเวลา 300 ปี ยับยั้งไม่ให้แม้แต่ใบหญ้าเพียงใบเดียวได้เจริญเติบโตขึ้นมาได้เลย! “

 

เสียงอันโกรธเกรี้ยวดั่งพายุฝนฟ้าคะนองได้ดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้องบอลรูม

 

บรรดาเทียนที่ลอยอยู่บนกลางอากาศได้สั่นไหวอย่างรุนแรง แสงและความมืดได้สาดส่องลงมาสู่ผู้คนอย่างยุ่งเหยิง เสาของอาคารได้ปล่อยฝุ่นละอองออกมาหยั่งกับว่ามันกำลังหวาดกลัว

 

ปีศาจทั้งหลายต่างกลัวจนหัวหด พวกเขาถูกข่มโดยศักดาของมาร์บาส

 

ในบรรดาจอมปีศาจกว่า 30 คนในที่นี้ จำนวนคนที่สามารถคงหลังของพวกเขาให้ตรงไว้ได้มีน้อยมาก ที่เจ๋งที่สุด ก็คือบาร์บาทอสเพียงคนเดียวที่กำลังจิบไวน์อย่างไม่แยแสใดๆ

 

“ตาแก่- ถ้ามันจำเป็นจริงๆ พวกเราฝ่ายเขตที่ราบจะให้ความช่วยเหลือแก่คุณเมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการเลยนะ อันที่จริงแล้ว, คุณไม่รู้สึกวิตกบ้างหรือไงที่จะไปทำสงครามด้วยกันกับฝ่ายที่เป็นกลางเพียงฝ่ายเดียวน่ะ? คุณและข้าสามารถเป็นพันธมิตรที่ดีได้น้า “

 

“หุบปากของเจ้าซะบาร์บาทอส ข้าไม่มีอารมณ์ที่จะมาล้อเล่นนะ “

 

“ข้าแค่แสดงความหวังดีของข้าเท่านั้นเอง”

 

บาร์บาทอสหัวเราะคิกคักออกมา

 

ที่แตกต่างจากตัวเธอ ก็คือสีหน้าของไพม่อนที่สามารถอธิบายได้เพียงอย่างเดียวว่ามันน่ากลัวมาก จากริมฝีปากของเธอ ลมหายใจที่ร้อนระอุได้แผ่ซ่านออกมาเหมือนการผสมผสานกันระหว่างความเดือดดาลและการยับยั้งใจตนเอง

 

“โท-รู-เคล! “

 

ไพม่อนได้กัดฟันพูดออกมา

 

“เขาเป็นผู้ส่งสารที่มีหน้าที่ถ่ายทอดคำสั่งจากอีวาน ล๊อทบรอค! ในตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ข้างนอกสถานที่ประชุมกันพอดี ฉันจะขอเรียกเขาเข้ามาพบโดยทันทีและพิสูจน์ให้เห็นว่าอีวาน ล๊อทบรอคได้บังอาจปั่นหัวผู้หญิงคนนี้! “

 

ช่วงเวลาสั้นๆแห่งความเงียบจนขนลุกได้พัดผ่านสถานที่ประชุมแห่งนี้

 

มาร์บาสถอดแว่นเลนส์เดียวของเขาและเพ่งมองไปที่ไพม่อนอย่างซีเรียส

 

“เจ้าแน่ใจหรือ?”

 

“ผู้หญิงคนนี้เพียงต้องการให้คำกล่าวหาเป็นไปตามความเป็นจริงค่ะ”

 

“…… เจ้ากำลังใช้ความเชื่อมั่นสุดท้ายจากข้านะ”

 

มาร์บาสได้เงยคางของเขาขึ้นและกล่าวว่า

 

“นำพยานที่รู้จักกันในชื่อโทรูเคลเข้ามา!”

 

พวกแฟรี่, เมื่อได้รับคำสั่ง, ก็รีบกระวีกระวาดออกจากห้องบอลรูมไป

 

อา

 

ผมได้จมลงสู่ความเศร้าโศกเสียใจ

 

คิดให้ดีสิไพม่อน ไม่ว่าโทรูเคลผู้นี้จะเป็นใครก็ตาม เขาก็ยังคงเป็นแค่ผู้ส่งสารเท่านั้น เธออย่าคาดหวังที่จะได้รับพยานหลักฐานที่เหมาะสมจากคนประเภทนั้นเลย

 

ผมเข้าใจว่าเธอให้ความเคารพทุกชนเผ่ารวมไปถึงเผ่ามนุษย์ด้วย สำหรับเธอแล้ว, ความตายสีดำนี้คงจะเป็นที่สุดแห่งฝันร้ายในหมู่ฝันร้ายต่างๆเลย เธอคงจะเข้าร่วมในการพบปะกันครั้งนี้ในขณะเดียวกันก็พยายามอย่างเด็ดเดี่ยวในการค้นหาตัวการที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมดังกล่าว แต่คนที่เธอคิดว่าเป็นสหายของเธอ, หรือก็คืออีวาน ล๊อทบรอค ได้ทรยศต่อเธออย่างไม่คาดฝัน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมเธอจึงโกรธจนควันออกหัวเลย อย่างไรก็ตามเธอต้องมองการณ์ไกลหน่อยนะ เพราะความโกรธเป็นเส้นทางสู่ความฉิบหายนะเออ

 

ไม่นานหลังจากนั้น ก๊อบลินวัยชราตัวหนึ่งก็เข้ามายังห้องบอลรูม

 

ไพม่อนได้ชี้ไปที่ก๊อบลินและกล่าวว่า

 

“ใช่แล้ว เจ้านั่นคือโทรูเคล! “

 

เธอเริ่มถามคำถามของเธอด้วยน้ำเสียงที่ยังคงโกรธแค้นอยู่

 

“โทรูเคล เจ้าเป็นพยานของพวกเรา เจ้า, ภายใต้คำสั่งของอีวาน ล๊อทบรอคได้ทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสาร นั่นเป็นคำกล่าวที่ถูกต้องหรือไม่? “

 

“…… “

 

โทรูเคลค่อยๆมองไปรอบๆห้อง

 

เจ้าก๊อบลินได้ผยุงร่างกายของเขาไว้ด้วยไม้เท้า บนหน้าผากของเขามีริ้วรอยเหี่ยวย่นต่างๆมากมาย แต่ดวงตาของเขากลับทอประกายอย่างเฉลียวฉลาด ผมแปลกใจอย่างมากตรงที่ว่าเขาไม่ได้แก่แบบเลอะเลือน แต่เขาแค่ใช้ชีวิตอยู่เป็นเวลานานมากแล้วเท่านั้นเอง

 

ก๊อบบลินมองไปที่อีวาน ล๊อทบรอคชั่วครู่และพยักหน้าให้ ไม่มีการแลกเปลี่ยนคำพูดกันระหว่างพวกเขาเลย

 

โทรูเคลได้เปิดปากของเขาอย่างระมัดระวัง

 

“…… เป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับอนุญาตให้มาอยู่ต่อหน้าเหล่าจอมปีศาจทั้งหลายครับ เครุ กระผมผู้นี้ แน่นอนว่าเป็นผู้บริหารจากบริษัทกึนคัสก้า และกระผมยังมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับอีวาน ล๊อทบรอคอีกด้วยครับ “

 

ทันทีที่โทรูเคลได้เปิดเผยสถานภาพของเขาเอง ใบหน้าของไพม่อนก็เปล่งประกายด้วยความยินดี เธอคงจะคิดว่าเธอได้กำชัยชนะไว้แล้ว เธอเริ่มถามคำถามของเธออย่างรวดเร็วหยั่งกับปืนกล

 

“ผู้หญิงคนนี้ขอกล่าวอย่างไม่อ้อมค้อมเลยนะ โทรูเคลเจ้าเคยบอกผู้หญิงคนนี้ว่าดันทาเลี่ยนได้มีส่วนช่วยในการแพร่กระจายของโรคระบาดโดยใช้วิธีการบางอย่างที่ไม่อาจทราบได้ของเขา อีกทั้งเขายังมีส่วนร่วมในการสร้างเชื้อความตายสีดำด้วย ผู้หญิงคนนี้กล่าวถูกต้องหรือเปล่า? “

 

“ใช่ครับ แน่นอนว่าเป็นเช่นนั้นครับฝ่าบาท “

 

บรรดาผู้ชมต่างปั่นป่วนขึ้นมาอีกครั้งนึง

 

อีวาน ล๊อทบรอคได้ปิดตาของเขาอย่างแนบแน่นราวกับว่าเขากำลังกระวนกระวายใจอยู่ ในทางกลับกัน, ไพม่อน ด้วยบรรยากาศแห่งชัยชนะ ได้ฉีกยิ้มกว้างออกมา มันเป็นโฉมหน้าของบุคคลผู้ที่เอาชนะการปั่นหัวได้และคงไว้ซึ่งความยุติธรรมอย่างอุตสาหะ

 

อย่างไรก็ตาม

 

“สิ่งที่ฝ่าบาทกล่าวมานั้นถูกต้องแล้วครับ แน่นอนว่ากระผมได้กล่าวหาว่าดันทาเลี่ยนเป็นตัวการที่อยู่เบื้องหลังความตายสีดำ แต่ทว่า นั่นคือคำกล่าวเท็จอย่างสิ้นเชิงครับ มันเป็นการใส่ร้ายป้ายสีโดยปราศจากหลักฐานใดๆ “

 

“ว่าไงน้า……?”

 

มันใช้เวลาไม่ถึง 10 วินาทีเลยที่อาการตกใจได้เข้ามาแทนที่รอยยิ้มของไพม่อน

 

โทรูเคลได้พูดออกมาอย่างราบเรียบว่า

 

“กระผมผู้นี้ปรารถนาสมุนไพรสีดำที่อยู่ในความครอบครองของฝ่าบาทดันทาเลี่ยนครับ แน่นอนว่ามันคงเป็นไปไม่ได้สำหรับกระผมผู้นี้, เพียงคนเดียว, ที่จะรีดไถผลประโยชน์จากฝ่าบาทดันทาเลี่ยนได้ ถึงยังงั้นก็ตาม กระผมผู้นี้มีสองผู้สนับสนุนที่ดีไว้ในการครอบครอง ซึ่งก็คือฝ่าบาทไพม่อนและหัวหน้าผู้บริหารอีวาน ล๊อทบรอคนั่นเอง บางทีถ้ากระผมผู้นี้แอบอ้างชื่อของทั้งสองคนนี้แล้ว มันอาจจะเป็นไปได้ที่จะฝ่าทางตันนี้ได้ นั่นคือสิ่งที่กระผมคิดครับ “

 

“โทรูเคล…… นี่เจ้าพึ่งพูดอะไรออกมา …… “

 

ไพม่อนได้อ้าปากของเธอ

 

มันเป็นสีหน้าที่บ่งบอกถึงการสูญสิ้นความเชื่อมั่น

 

โทรูเคล ได้ใช้ไม้เท้าของเขาเพื่อพยุงตัวเองไว้และโค้งคำนับอย่างต่ำ

 

“ต้องขออภัยด้วยครับ กระผมผู้นี้รู้ซึ้งอยู่แก่ใจถึงความห่วงใยของฝ่าบาทต่อทุกคนในทวีป กระผมผู้นี้ได้หลอกใช้หัวใจอันเมตตาของฝ่าบาทเพื่อปลุกระดมความเกลียดชังต่อฝ่าบาทดันทาเลี่ยน ยังไงซะฝ่าบาทดันทาเลี่ยนก็เป็นเพียงแค่จอมปีศาจอันดับที่ 71เท่านั้นเอง กระผมผู้นี้เลยวินิจฉัยว่าเมื่อการพิจารณาคดีได้เริ่มต้นขึ้นมันน่าจะจบลงด้วยดีตอนช่วงลงคะแนนเสียงข้างมากน่ะครับ “

 

“…… “

 

“ตามเรื่องที่ได้เกิดขึ้น ฝ่าบาทดันทาเลี่ยนได้สังหารฝ่าบาทแอนโดรมาเรียส และกระผมผู้นี้เห็นว่ามันเป็นโอกาสทองที่จะกดดันฝ่าบาทดันทาเลี่ยนด้วยคดีที่ชั่วช้าสามานย์จากการฆาตกรรมจอมปีศาจ ด้วยโอกาสนี้, กระผมผู้นี้จึงได้วางแผนที่จะฉกฉวยสมุนไพรสีดำทั้งหมด แต่ฝ่าบาทดันทาเลี่ยนกลับรับมือกับมันได้อย่างเกินความคาดหมายของกระผมผู้นี้ ทั้งยังสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขาได้อีกด้วย ช่างน่ารำคาญซะจริงๆ …… “

 

โทรูเคลเหลือบมองผมเล็กน้อย

 

ผมจ้องมองกลับด้วยใบหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ

 

สุดท้ายผมอดเดาะลิ้นดัง ‘ชิ’ ออกมาไม่ได้ ผมพอจะเดาถึงสิ่งที่พ่อค้าวัยชรานั่นกำลังพยายามทำอะไรอยู่ เขาตั้งใจที่จะทำลายการแสดงละครสัตว์อันตระการตานี้นั่นเอง

 

ผู้ตัดสินคดี, หรือก็คือมาร์บาส, ได้ไต่ถามโทรูเคลอย่างเคร่งเครียดว่า

 

“ก๊อบลินน้อย เจ้ายอมรับด้วยตนเองว่าเจ้าได้หลอกลวงไพม่อนเพื่อสนองความต้องการอันเห็นแก่ตัวของเจ้าเอง เจ้ายอมรับในความผิดของเจ้าแล้วใช่มั้ย? “

 

“ใช่ครับฝ่าบาท กระผมผู้นี้รู้ว่าต้องยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดีเมื่อใด กระผมผู้นี้ได้พยายามหากำไรโดยหลอกใช้ฝ่าบาทไพม่อนและหัวหน้าผู้บริหารของบริษัทกึนคัสก้า และกระผมก็ได้คว้าน้ำเหลวในที่สุด นั่นคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดครับ “

 

เจ้าก๊อบลินได้ส่ายหัวของเขาและกล่าวว่า

 

“ถ้ามีบางสิ่งที่ฝ่าบาทไพม่อนได้กระทำผิดพลาดไป งั้นมันก็คือการที่เชื่อมั่นในตัวก๊อบลินแก่ๆและชั่วร้ายตัวนี้นี่แหละครับ เพราะฉะนั้น ในเมื่อความผิดทั้งหมดตกอยู่ที่กระผมผู้นี้เต็มๆ— ถึงแม้ว่าจะเกิดมาต่ำต้อย “

 

อย่างรวดเร็ว

 

ก่อนที่ใครๆจะทันทำอะไรได้

 

โทรูเคลได้นำกริชออกมาจากเสื้อของเขา—–

 

“กระผมผู้นี้จะขอขมาโทษด้วยชีวิตอันไร้ค่านี้ครับ”

 

—- และแทงคอหอยของเขาเอง

Dungeon Defence

Dungeon Defence

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Dungeon Defenceคุณทราบหรือไม่ว่าโลกนี้สิ้นสุดได้อย่างไร? [Yes] [No] “เจ้าเชื่อในเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติหรือไม่?” “ขออภัยฝ่าบาท แต่หญิงสาวผู้นี้ไม่เชื่อในเรื่องงมงาย” “น่าเสียดาย ทั้งที่เรื่องลี้ลับธรรมชาตินั้นมันออกจะสุดยอดเลยแท้ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมันเป็นข้าผู้นี้คงไม่ได้มีชีวิตชีวาถึงขนาดนี้หรอก” รอบตัวของสองคนนั้นไร้ซุ่มเสียงใด ๆ มีเพียงกลุ่มคนห้าพันคนต่างนิ่งเงียบคอยสดับรับฟังบทสนทนาของคนสองคนเบื้องหน้าพวกเขา ฝ่ายหนึ่งเป็นหญิงสาวสวยสดงดงามตระการตา เธอเป็นทั้งขุนนางปกครองของเมืองนี้ และขุนพลพ่ายศึกในสงครามชิงเมื

Comment

Options

not work with dark mode
Reset