Dungeon Defence – ตอนที่ 39

Ο

มีคำกล่าวว่าชีวิตเปรียบดั่งการพนันนั้นเป็นสิ่งที่เที่ยงเเท้

คนที่เจนจัดด้านสงครามจะจัดการกำลังคนได้เหมือนการวางเงินเดิมพัน หากจัดการชีวิตให้เป็นดั่งสิ่งของเดิมพันไม่ได้ สงครามที่เข่นฆ่าผู้คนไปหลายเเสนจะทำให้ตกลงสู่ห้วงนรกโลกัน บาร์บาทอส กล่าวว่าผู้คนไม่สามารถข้ามผ่านนรกเเห่งนี้ไปได้ถ้าสติยังดีอยู่

“เหนือกว่าไอ้คนที่ขยันคือไอ้คนที่ไร้ความรู้สึก และเหนือกว่าคนที่ไร้ความรู้สึกก็คือไอ้พวกสติฟั่นเฟือง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหากต้องการชนะในสงคราม นายก็ต้องกลายเป็นไอ้สติฟั่นเฟืองนั่นเสียก่อน”

คำพูดของบาร์บาทอสเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ

เสียงหัวเราะและความโหดร้ายบนใบหน้าของเธอนั้นแยกไม่ออก ไม่สามารถบอกได้ว่าเธอทำอย่างนั้นเพื่อแสดงให้ผมเห็นความสนุกสนานของเธอ หรือเป็นเพราะเธอต้องการถ่ายทอดความโหดร้ายของเธอให้ผมเห็นแม้ว่าโดยส่วนตัวแล้ว รู้สึกว่าการที่ผมแยกสีหน้าของเธอไม่ได้นั้นเเหละคือความบ้าคลั่งของบาร์บาทอส

ผมได้มีเซ็กส์กับบาร์บาทอสหลายครั้งทั้งๆที่เราไม่ได้มีความรู้สึกซึ่งกันเเละกัน ผมเข้าใจหัวอกเธอนะเเต่ว่าผมไม่สามารถเข้าถึงจิตใจส่วนลึกที่เก็บซ่อนอยู่ของเธอได้ บาร์บาทอสเธอเป็นอีตัวเเสนขยัน นังตัวเเสบ นังบ้า เเละผมต่อหน้าตัวบาร์บาทอสเองก็เป็นเพียงเเค่ไอ้ตัวขี้เกียจ ขี้้เมา เเละเป็นไอ้โรคจิต เเต่ว่าเรื่องบนเตียงของพวกเรานั้นจัดว่าเข้าขากันได้ดี นับตั้งเเต่อีตัวกับไอ้โรคจิตนั้นได้มาเจอกัน 

Ο

—ได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วย

—จะฆ่าดิฉันก็ได้ เเต่ได้โปรดอย่างน้อยก็ขอเเค่ลูกสาาวคนนี้

—ตะ.ตัวเราจะทำงานรับใช้ตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ ได้โปรดปล่อยเราไปที

Ο

กลุ่มมนุษย์ที่ถูกจับเป็นนักโทษอยู่ต่อหน้าพวกเรา บาร์บาทอสได้เเสยะยิ้มออกมา เธอเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงครามตั้งแต่ก่อนเริ่มฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากพวกมนุษย์เดิมพันกับสงครามในครั้งนี้ บาร์บาทอสมีเหตุผลมากมายที่จะทารุณเหล่านักโทษพวกนี้ เหล่านักโทษนั้นต่างไม่รู้ถึงภัยสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น สำหรับพวกเขาเเล้วรอยยิ้มของบาร์บาทอสกลับฉายเเววความรุนเเรงเเห้งการทำลายล้าง

“ทำสิ่งที่พวกเเกต้องการสิ ทำไมถึงมาถามถึงชีวิตเเละความตายของตัวเเกเองหืม ถ้าอยากมีชีวิตก็มีชึวิตอยู่ ถ้าอยากตายก็ตายไปสะเลยสิ”

“อืม”

ผมพยักหน้า ภาษาที่มนุษย์พูดกับภาษาที่บาร์บาทอสพูดนั้นต่างกัน ดังนั้นผมต้องเป็นคนกลางในการตีความ คนเดียวที่เชี่ยวชาญในภาษามนุษย์ในขณะที่ยังเป็นจอมมารก็คือตัวผมเอง

“เธอสั่งให้ไปตาย”

เหล่านักโทษต่างก้มหัวลงกับพื้นทันที

Ο

—พวกเรามันโง่ นี่มันยากเกินกว่าที่พวกเราจะเข้าใจ

—ได้โปรดบอกพวกเราทีว่าพวกเราควรทำสิ่งใด

Ο

“โอ้ ดูนั่นสิ”

บาร์บาทอสยิ้มเยาะ พวกทหารปีศาจที่อยู่รอบๆตัวเธอต่างก็หัวเราะเช่นกัน

“ดันทาเลียน พวกมันกำลังพูดพล่ามเรื่องอะไร?”

“พวกมันบอกว่าคำพูดของเธอฟังดูเข้าใจยากเกินไป เเละต้องการให้เธออธิบายเป็นขั้นตอนเพิ่มเพื่อให้เข้าใจง่ายมากขึ้น

“อิย๊า นี่เเม่งโคตรไร้สาระเสียเหลือเกิน ถ้าพวกมันอยากมีชีวิตอยู่ นั่นก็เป็นชีวิตของพวกมันเองเเละถ้าพวกมันกล้าบ่นละก็พวกมันก็ต้องตาย ทำไมข้าจะต้องใส่ใจด้วย”

ผมพยักหน้า

จากนั้นผมก็แปลคำพูดของเธอตรงไปยังพวกนักโทษ

“ท่านหญิงตรงนี้บอกว่าพวกเเกมันเป็นพวกทุเรศ”

Ο

—นะ…นายท่านยกโทษให้พวกเราด้วย!

—ขอละ ช่วยเราให้พ้นจากความโกรธของท่านหญิงที

Ο

นักโทษร้องไห้สะอื้นและพวกปีศาจก็หัวเราะอีกครั้ง เสียครวญครางของมนุษย์ที่สั่นระรัวค่อยๆจมหายไปในเสียงหัวเราะของเหล่าปีศาจที่ดังก้องมากขึ้น เสียงร้องไห้เเละเสียงหัวเราะดังผสมปนเปกันก้องกังวาน ทำให้การออกเสียงคำพูดของพวกนักโทษฟังไม่รู้เรื่อง คำพูดต่างๆที่ถูกพูดออกมาได้ถูกเสียงหัวเราะกลบไปจนหมด

. เนื่องจากเป็นเรื่องยากจะพยายามฟังในสิ่งที่ไม่ได้ยิน ผมจึงทำในสิ่งที่ทำได้นั้นก็คือด้นสดนั่นเอง

ถ้าบาร์บาทอสถาม

“สถานการณ์การของจักรวรรดิตอนนี้เป็นยังไง”

ผมจะแปลเป็น

เธอถามว่า“พวกเเกกินอะไรถึงทำให้เเเก้วน้ำเเม่งสกปรกเหมือนกระดาษเช็ดตูด”

และสำหรับคำถามที่ว่า

“ข้าได้ยินมาว่า เจ้าชายและเจ้าหญิงของจักรพรรดิที่ 3 ต่างเเย่งชิงบัลลังกันอย่างดุเดือด ข้าอยากรู้ว่าใครจะเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไปการต่อสู้ชิงบัลลังค์ของพวกราชวงค์ส่งผลต่อบ้านเมืองมากน้อยเเค่ไหน“

ผมแปลเป็น

พวกเขาบอกว่าองค์ชายหลังจากยิงสังหารน้องสาว 2คน เเละหลังจากนั้นก็พยายามที่จะฆ่าน้องสาวคนที่ 3 พวกเเกคิดยังไงกับเรื่องพวกนี้

แม้ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการสื่อสารก็ตาม

นี่มันไม่ใช่เรื่องน่าตลกนัก

ในตอนแรก บาร์บาทอสวางแผนไว้ว่าจะประหารนักโทษทั้งหมด เเต่ตอนนี้เธอเเค่เเกล้งเเละล้อเล้นใส่นักโทษที่อยู่ที่นี่นิดหน่อย คงจะดีกว่านี้ถ้าเธอบอกว่าให้พวกเขารีบเตรียมตัวตายได้เเล้วมากกว่ามอบความหวังลมๆเเล้งๆให้

ถ้าหากไร้ซึ่งเสียงหัวเราะของเหล่าปีศาจ คงเหลือเเต่เพียงเศษซากน้ำตาที่ออกมาผ่านถ้อยคำ

Ο

—ตายซะ

—พวกเราเเค่ต้องการจะมีชีวิตอยู่

—ยังไงพวกเเกก็ต้องตาย

—เราเเค่ต้องการที่มีชีวิตรอด

Ο

ความต้องการที่อยากมีชีวิต

เป็นเรื่องที่ง่ายเเสนง่าย

ในบางครั้งตอนที่กำลังแปลความคำพูดอยู่ผมจะถามคำถามพิศดารเรื่อยเปื่อยออกไป

“เเกชื่ออะไร“

“อยากจะสั่งเสียอะไรก่อนตายไหม“

“พวกเเกน่ะเตรียมตัวตายได้เเล้ว“

ไม่นานนัก บาบาร์ทอสก้เริ่มเบื่อเเละตัดสินใจประหารพวกนักโทษ หัวถูกตัดกระเด็นไปคนละทิศละทาง ทุกหัวที่ถูกตัดออกมาทำท่าเหมือนกำลังจะพูดบางอย่างที่กำลังคั่งค้างอยู่ในปากของพวกมัน

Ο

—……

—……

Ο

ผมได้จ้องมองเข้าไปในปากพวกนักโทษมันมีเเต่ความมืดที่ผมเห็นอยู่ ถึงจะมองขนาดไหนก็ไม่เห็นตูดผ่านลำคออยู่ดี

ผมมองลึกลงไปมากกว่าลิ้น ประตูสู่นรกเปิดรออยู่……เป็นความคิดที่เเล่นผ่านเข้ามาในหัวผม

บาบาร์ทอสพูดว่าจะทำสงครามโดยไม่ให้ตัวเองก้าวไปสู่ขุมนรกต้องจัดการชีวิตของผู้อื่นเหมือนการพนัน

“ดันทาเลียน จำนวนมนุษย์ที่พวกเราฆ่ามีถึงเกือบพันแล้วหรือยัง?”

“ใครจะไปนับ นี่มันหมู่บ้านที่ 22 เเล้วนะที่พวกเราเผาไป มันควรจะอยู่เเถวๆนี้

บาาบาร์ทอสได้หันไปมองในที่ๆไม่มีอะไร

เธอบ่นพึมพำ

ถ้าอย่างงั้นมันก็ยังไม่พอน่ะสิ…..มาเผาหมู่บ้านกันเพิ่มกันอีกสักหน่อยเถอะ ถ้าพวกเราไม่ทำจะมีคนของเราหลายคนจะต้องตายเเทน

Dungeon Defence

Dungeon Defence

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Dungeon Defenceคุณทราบหรือไม่ว่าโลกนี้สิ้นสุดได้อย่างไร? [Yes] [No] “เจ้าเชื่อในเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติหรือไม่?” “ขออภัยฝ่าบาท แต่หญิงสาวผู้นี้ไม่เชื่อในเรื่องงมงาย” “น่าเสียดาย ทั้งที่เรื่องลี้ลับธรรมชาตินั้นมันออกจะสุดยอดเลยแท้ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมันเป็นข้าผู้นี้คงไม่ได้มีชีวิตชีวาถึงขนาดนี้หรอก” รอบตัวของสองคนนั้นไร้ซุ่มเสียงใด ๆ มีเพียงกลุ่มคนห้าพันคนต่างนิ่งเงียบคอยสดับรับฟังบทสนทนาของคนสองคนเบื้องหน้าพวกเขา ฝ่ายหนึ่งเป็นหญิงสาวสวยสดงดงามตระการตา เธอเป็นทั้งขุนนางปกครองของเมืองนี้ และขุนพลพ่ายศึกในสงครามชิงเมื

Comment

Options

not work with dark mode
Reset