Dungeon Defence – ตอนที่ 60

▯ผู้พิทักษ์เเดนเหนือ มาร์เกรฟแห่งโรเซนเบิร์ก จอร์จ ฟอน โรเซนเบิร์ก

ปฏิทินเอ็มไพร์: ปี 1506 เดือนที่ 3 วันที่ 1

เทือกเขาดำ ป้อมปราการพิสุทธ์

— Victory(勝). ชัยชนะ

ข้า ตกตะลึงจนพูดไม่ออก ราวกับถูกตีเข้าที่หัว

ข้อความแห่งชัยชนะที่เจ้าหญิงจักรพรรดิได้ส่งมามีเพียงคำว่า ‘ชัยชนะ’ ที่เขียนไว้เท่านั้น ฉันข้านึกไม่ออกว่าหญิงจักรพรรดิกำลังพยายามจะสื่ออะไรกันเเน่

……นางบอกว่านางชนะหรือเเค่บอกให้ข้าชนะกันเเน่? หรือเธอสั่งให้ข้ายอมจำนนต่อเธอตั้งแต่เธอได้รับชัยชนะใช่ไหม? สำหรับข้าเเล้วต้องเเยกเเยะยังไงดีว่าความหมายของคำว่าชนะหมายความว่ายังไงหรือจะตีความว่า เจ้าหญิงจักรพรรดิเป็นผู้ชนะในขณะที่ข้าเป็นผู้เเพ้ใช่ไหม?

คำเดียวบนกระดาษเเผ่นนี้หรือจริงๆจะมีความหมายทั้งหมดที่ข้าคิดไว้ข้างต้น เจ้าหญิงแห่งจักรพรรดิไม่ได้โม้หรืออวดอ้างถึงความสำเร็จของตัวเอง เธอใช้ชัยชนะของเธอเพื่อข่มขู่ขเา ด้วยการทำให้ชัยชนะของเธอมาเป็นตัวอย่าง นางกำลังกระตุ้นให้ข้าประสบความสำเร็จแบบเดียวกัน ถ้าดูเหมือนว่าชัยชนะนั้นอยู่ไกลเกินเอื้อม นางก็แนะนำให้ข้ายอมจำนนซะ ความกดดันที่จะเอาชนะได้ผลักร่างของข้าจากด้านหลังไปทางด้านหน้าที่กองกำลังของศัตรูอาศัยอยู่ และคำแนะนำในการยอมแพ้ดึงร่างของข้ากลับมายังตำแหน่งที่กองกำลังของเรายึดไว้ ศัตรูและพันธมิตรต่างกันอย่างชัดเจน แต่ข้ายังไม่เห็นความแตกต่างระหว่างการถูกผลักและการถูกดึงอยู่ดี

ผู้ปกครองโดยชอบธรรมของจักรวรรดิคือพระจักรพรรดิและรัชทายาทที่ถูกต้องคือมกุฎราชกุมาร แต่เจ้าหญิงจักพรรดิได้เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของจักรพรรดิและหัวเราะเยาะอำนาจของมกุฎราชกุมาร เธอเหยียบย่ำพวกเขาเเล้วการก้าวเดินผ่านไปพร้อมทั้งหัวเราะไปด้วยนั้นมันช่างน่าประทับใจเหลือเกิน ……เธอบอกให้ข้าเข้าร่วมเป็นพรรคพวกไปด้วยกันกับนาง? หรือนั่นก็คือความหมายของชัยชนะ (勝) ใช่ไหม? ชายชรากำลังดิ้นรนที่จะประสบความสำเร็จในช่วงชึวิตสุดท้ายของตัวเอง เเละกำลังคาดเดาถึงคำว่าชัยชนะนั้นเป็นอย่างไร? เมื่อแหงนมองท้องฟ้า ข้าได้หวังว่าอย่างน้อยร่างกายที่แก่ชราของข้าจะไม่ถูกทำให้แปดเปื้อนไปเสียก่อน

ข้าได้เรียกนายทหารไปที่ห้องและออกคำสั่งเเก่พวกเขา

“กองทัพที่นำโดยเจ้าหญิงจักรพรรดิได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ในการต่อสู้ ข่าวชัยชนะได้มาถึงเราแล้ว พวกศัตรูที่อยู่ใน ปราการทมิฬ น่าจะได้รับรายงานความพ่ายแพ้ในไม่ช้านี้เช่นกัน จงจัดระเบียบกองกำลังเตรียมตัวเผื่อตอนที่ศัตรูพยายามถอนทัพไว้ให้ดี”

นายทหารก้มศีรษะลง

“ตอนนี้ท่านวางแผนที่จะไล่ตามศัตรูใช่ไหม ท่านแม่ทัพ?”

“ไม่. มันยังคงอันตรายอยู่ในตอนกลางคืน พิจารณาให้ดีความเป็นไปได้ที่จะถูกซุ่มโจมตีหากเราไล่ตามพวกมันไปอย่างเร่งรีบ เเต่ถ้าเมื่อรุ่งสางมาถึง ไก่ตัวแรกออกขัน ถึงตอนนั้นก็ให้กระจายหน่วยสอดแนมออกไปก่อน”

“ตามที่ท่านสั่ง”

หลังจากส่งนายหทารออกไป ข้าก็ไปเปลี่ยนชุดไป มีเด็กหนุ่มช่วยข้าสวมชุดเกราะ พ่อของเด็กคนนี้ช่วยข้าสวมเกราะมาตลอดชีวิต แต่เมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว เขาเสียชีวิตระหว่างสู้รบกับดันทาเลียน เเละลูกชายของเขาก็มาสืบทอดงานของพ่อราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ

นิ้วของลูกชายต่างจากพ่อของเขาซึ่งเงอะงะและงุ่มง่ามขณะช่วยข้าสวมอุปกรณ์ ข้าไม่สามารถตำหนิเขาได้สำหรับเรื่องงุ่มง่าม แม้ว่าเด็กคนนี้จะมองว่าเป็นเรื่องน่าอัปยศที่ไม่ถูกตำหนิ แต่ข้าก็คิดว่าเขาเขินอายมากกว่าจะเป็นเรื่องอัปยศอดสูเสียมากกว่า

“ไม่เป็นไร ที่เหลือข้าจะจัดการเอง”

“ผมขอโทษด้วย ท่านผู้ทรงเกียรติ”

ขอโทษเรื่องอะไร……? เจ้าออกไปได้แล้ว”

“รับทราบขอรับ”

ข้าสวมใส่อุปกรณ์ที่เหลืออย่างแน่นหนาและนั่งที่โต๊ะ

เพราะเจ้าหญิงจักพรรดิมีน้ำใจที่กว้างขวางจึงเขียนเเละส่งข่าวชัยชนะมาให้ ในฐานะข้าราชบริพารของราชวงศ์ ข้าจึงต้องส่งจดหมายแสดงความยินดีกลับไป ก่อนหน้านี้ ข้าแทบจะไม่สามารถเขียนอะไรออกมาได้สักสองสามบรรทัดเลย แต่คราวนี้ ไม่มีอะไรมาตะขิดตะขวงใจแบบนั้น อีกเเล้วอย่างแน่นอน

……ฝ่าบาท เจ้าหญิงจักรพรรดิ โปรดอย่าฆ่าพ่อและพี่ชายของท่านเลยและอย่าดูถูกถ่มถุยพวกเขา ข้าขอให้ท่านอย่าทิ้งความกตัญญูที่มีต่อวงศ์ตระกูลของท่านด้วย

เมื่อข้ากำลังจะเขียนประโยคเหล่านั้นออกมา ข้าได้กำหมัดไว้แน่น ทันทีที่ข้านึกถึงใบหน้าของเจ้าหญิงจรรพรรดิ รอยยิ้มของจอมมารดันทาเลียนก็ปรากฏออกมาด้วยเช่นกัน ข้าทุบไปที่หน้าอก คำพูดที่อ่อนแอของข้ากำลังแผดเผาเนื้อในของตัวเองอยู่

มันเป็นยากแค่ไหนกัน

หรือเป็นเพราะข้าอายุมากเเล้ว ดูเหมือนว่าข้าจะไม่มีกำลังเหลือพอที่จะจัดการกับประโยคเดียวที่จะสื่อออกมาได้

ข้าได้หลับตาลง เมื่อข้าหลับตาลงไปเเล้ว ข้าได้นึกถึงตัวเองที่สะกดเสน่ย์ดึงดูดใจคนเเดนเหนือไว้ได้

ข้าพยายามนึกภาพตัวเองกำลังเข้าใกล้พระจักรพรรดิหลังจากขับไล่กองทัพของจอมมารและกลุ่มเจ้าหญิงจักรพรรดิ์ออกไปได้ เเต่อย่างไรก็ตาม ภาพเดียวที่ข้านึกออกได้มีเพียงพระหัตถ์ของเจ้าหญิงจักรพรรดิที่ถลกหนังจระเข้ออกมา นิ้วที่เปื้อนเลือดนั้น ที่มือของเธอ หนังถูกถลกราวกับถูกลิขิตให้แยกออกจากร่างตั้งแต่แรกเริ่ม ร่างกายของข้ากำลังสั่นเทาเพราะการเคลื่อนไหวของมือที่ไหลลื่นนั้น……

จระเข้ตัวนั้นถูกจับได้จากที่ใดกัน?

▯ราชาแห่งไพร่ ลำดับที่ 71 ดันทาเลี่ยน

ปฏิทินเอ็มไพร์: ปี 1506 เดือนที่ 3 วันที่ 1

เทือกเขาเเบล็ค ป้อมปราการพิสุทธ์

มีข้อความด่วนมาถึงเมื่อคืนนี้

มันเป็นข้อความเข้ารหัสที่ถอดออกได้ยาก เมื่อมองเข้าไปในลูกเเก้วคริสตัลของพวกนาง แม่มดก็ดึงจังหวะออกจากคำพูดออกมา

ผมคอยดูขณะที่แม่มดถอดรหัสรายงาน เมื่อจังหวะมารวมกันและเริ่มสร้างคำที่สอดคล้องกัน สายตาของแม่มดก็สั่น ฮัมบาบาอ่านออกเสียงบรรทัดนั้น

“……เดือนที่ 2 วันที่ 29 ได้พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ กองทัพที่ 2 ของ มาร์บาส ถูกบดขยี้”

ผิวบนใบหน้าของ ฮัมบาบา ขณะที่เธอหันมามองที่ผมนั้นกลายเป็นสีซีดเซียว ผมพยักหน้าออกไป.

“อย่าหยุด. อ่านต่อไป.”

“……จากทหารชั้นยอดที่ได้รับเลือก 15,000 นาย เหลือประมาณ 9,000 นาย ที่รอดออกมา ฝ่ายศัตรูเป็นพันธมิตกันระหว่างจักรวรรดิฮับส์บูร์กและอาณาจักรโปแลนด์-ลิทัวเนีย กองกำลังทหารของศัตรูโดยประมาณคือ 40,000 นาย ที่นี่คือที่ราบเนริส กองทัพของศัตรูกำลังค่อยๆรุกคืบเข้ามา อ้า! ไอ้มาร์บาสไอ้เจ้างี่เง่าเอ้ย ข้าจะรอที่นี่อยู่อีก 13 วัน ดันทาเลี่ยนเจ้าจง  เจาะทะลุ  มาซะ……”

ฮัมบาบากลืนน้ำลาย

“ข้อความมีแค่นี้ มาสเตอร์”

ผมเกาคางตัวเอง

พ่ายแพ้และถูกบดขยี้โดยสมบูรณ์ เป็นคำที่หนักหน่วงจริงๆ แม้ว่าบาร์บาทอสจะเป็นผู้หญิงที่ชอบมั่วเซ็กกับผมและชอบหัวเราะออกมาได้อย่างหยาบคาย แต่เมื่อเปลี่ยนประเด็นให้มันเกี่ยวข้องกับสงคราม เธอก็กลายเป็นคนที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง บาบาร์ทอส จะไม่พูดเกินจริงเมื่อพูดถึงสงคราม สงครามที่พ่ายแพ้และถูกบดขยี้อย่างสมบูรณ์ 

“13 วันใช่ไหม? บาบาร์ทอส บอกว่าเธอจะอยู่ตรีงกำลังต่อไปอีก 13 วันใช่ไหม”

“ใช่ มาสเตอร์”

ผมรู้สึกเหมือนได้เห็นบาร์บาทอสหรี่ตาลงจากการที่เธอแจ้งวันที่แน่นอนให้ผมรู้ มันคืออีก 13 วัน ควรจะเรียกว่าเกือบสองสัปดาห์ ดังนั้นมันคงจะดีถ้าเขียนออกมาเป็นสองสัปดาห์เเทน

โดยที่ไม่ฟังใคร บาบาร์ทอส บอกไว้ชัดเจนว่าจะอยู่เเค่ 13 วัน เธอคำนวณวันที่เธอทนได้และวันที่เธอทนไม่ได้ออกมา เเละสรุปได้ว่าควรเป็นเป็น 13 วัน อย่างไรดี มันไม่สามารถมีเวลามากหรือน้อยไปกว่านั้นได้อีกเเล้วนั่นเอง

ตามชื่อของพวกเขา กองทัพแรกของ บาบาร์ทอส และกองทัพที่สองของ มาร์บาส เป็นกองกำลังโจมตีหลักของกองกำลังพันธมิตร จอมมาร หากพวกเขาพังทลายลงไป สงครามครั้งนี้ก็จะจบลงอย่างสมบูรณ์

บาบาร์ทอส สั่งให้ผม ‘เจาะทะลุ’ หมายความว่าเธอขอให้ผมโจมตีกองกำลังพันธมิตรของศัตรูจากด้านหลังหลังจากเจาะทะลุ ปราการพิสุทธ์ ได้เเล้ว เราไม่เพียงต้องเข้ายึดปราการเเค่นั้น แต่เราต้องเดินทัพไปจนถึงด้านหลังของกองกำลังศัตรูอีก ดังนั้นเส้นตายในการตีตลบหลังคืออีก 13 วัน มันน้อยซะจนจะไม่เหลือเวลาเเล้ว ขณะประเมินโอกาสในการประสบความสำเร็จในหัว ผมจึงถามออกไป

“ฮัมบาบา เราจะต้องใช้เวลากี่วันในการขึ้นเหนือจากภูเขาไปถึงที่ราบเนริส”

“อืม. ถ้าเราเคลื่อนที่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก็ สี่ถึงห้าวัน……? นั่นจะเป็นการเดินขบวนที่ยากลำบากเเน่ๆ เเละหากเราก้าวไปข้างหน้าในขณะที่ต้องบดขยี้ เผา และกำจัดสิ่งกีดขวางในเส้นทางของเรา ค่าเสียเวลาที่ออกมาคงประมาณ 10 วัน?”

“ตั้งแต่หนึ่งวันผ่านไป การเพิ่มวันเข้าไปใน 10 วันนั้นจะทำให้เป็น 11 วัน หากเรารวมวันที่จำเป็นในการเดินทัพ เราต้องยึด ปราการพิสุทธ์ ให้ทันภายใน 3 วัน แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ต้องยึดให้ได้ภายใน 2 วัน”

“ฮ๊ี้้้– สองวัน งานมันไม่หยาบไปหน่อยเหรอน้าาาาา-……?”

พวกแม่มดพึมพำด้วยความสิ้นหวัง เดิมที กองกำลังของเรากำลังวางแผนที่จะพิชิต ปราการพิสุทธ์ ภายในหนึ่งสัปดาห์ แม้แต่สัปดาห์เดียวก็ยังเป็นเวลาสั้นๆ ในการยึดป้อมปราการที่มั่นนั้น เเต่เพราะคำสั่งที่ได้รับมาระยะเวลาบุกยึดมันสั้นกว่านั้นอีกเยอะ แม่มดจึงหมดคำที่จะพูดออกไป สองวันต่อจากนี้ก็คือวันมะรืนนี้ เห็นได้ชัดว่าแม่มดกำลังจะมีปัญหาเเล้ว

ถึงอย่างนั้นผมก็ยิ้มออกมาได้

มุมปากของผมได้บิดเบี้ยวไปเอง

“—ผมเห็นว่าตอนนี้สวรรค์กำลังช่วยเราอยู่เเน่ๆ”

“ขอโทษ ฝ่าบาทว่าอย่างไรนะ?”

“ในช่วงเวลานี้ โรเซนเบิร์กคงกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้เต็มที่เเน่ๆ เพราะจากตอนนี้เราได้รับรายงานว่ากองกำลังพันธมิตรจอมมารพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์มาเเล้ว ดังนั้นมาร์เกรฟจึงควรได้รับสารชัยชนะเร็วกว่าเราอีกเเน่นอน มาร์เกรฟน่าจะมีอารมณ์ที่รุนแรงมากขึ้นเพราะสิ่งที่ผมได้ทำลงไป และเพราะจากสถานการณ์ที่เอื้ออำนวยนี้เอง  สวรรค์กำลังเป็นใจให้เราอยู่ ก้นของมาร์เกรฟน่าจะคันมากจนเขาไม่สามารถอยู่นั่งนิ่งๆได้เเล้วมั้ง”

ผมยืนขึ้นจากที่นั่งของตัวเอง หลังจากยืนขึ้น รู้สึกราวกับว่าไม่ใช่ชายขอบที่ก้นมันสั่น แต่เป็นทั้งตัวของผมเองทั้งหมดที่กำลังสั่น ข่าวร้ายอะไรไม่มีหรอกเรื่องพรรน์นั้น? ไม่มีใครที่จะตำหนิผมหรอกหากก้นที่เซ็กซี่ของผมกำลังสั่นออกมาเล็กน้อย ( if my sexy derriere were to tremble a bit.) ผู้แปล:ทำไมต้องเซ็กซี่ทำไมต้องเป็นก้นด้วยฟระ

“ฮัมบาบา ไปตามหาฟาร์นาเซ่เเล้วพากลับมาจากป่าสนซะ เรากำลังจะเริ่มประชุมสภาสงครามในทันที อืม……ไม่ ไม่เป็นไร! เดี๊ยวผมจะไปที่ป่าเองก็ได้ นั่นจะทำให้เร็วขึ้นด้วย ช่วยพาขี่ไม้กวาดให้หน่อยได้ไหม?”

“รับทราบ. ไม้กวาดนี้จะมีที่ว่างสำหรับ มาสเตอร์ เสมอ”

แม่มดบินขึ้นไปบนท้องฟ้ายามราตรีในขณะที่ยกผมขึ้นไปด้วย

มันเป็นคืนที่สวยงามด้วยเหมันต์ที่ปลิวไสว ทุกๆครั้งที่แสงจันทร์กระทบกับแผ่นน้ำแข็งเล็ก ๆ อาภาเเห่งเเสงที่ตกกระทบก็สะท้อนขจรลอยออกมา แสงจันทร์พร่างพรายสาดส่องลงมา นับไม่ถ้วนตกลงมาบนหิมะนับแสนๆชิ้น แม้ว่ามันจะเป็นคืนที่มืดมิด เเต่ความมืดก็ปรากฏอยู่เหนือพื้นพสุธาเท่านั้น

แม่มดพาผมลงมาข้างๆต้นสน สภาพแวดล้อมทั้งหมดยังคงสงบนิ่ง แสงจันทร์ไม่สามารถสาดส่องเข้ามาอยู่ในป่าสนนี้ได้ เมื่อ 4 วันก่อน ฟาร์นาเซ๋ ได้นำทหารม้ามาที่นี่เพื่อดักรอซุ่มโจมตี

ฮัมบาบาได้เป่านกหวีดยาว

— ฮวี้ววววววววววววววววววววว

ในไม่ช้าเสียงก็จมหายไปในพายุหิมะและหายไปในอีกด้านหนึ่งของป่า ไม่นานหลังจากนั้น ขณะทิ้งร่องรอยของฝุ่นหิมะไว้ กลุ่มเซนทอร์ก็เดินเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว เซนทอร์ไม่ได้สวมอะไรเลย ดังนั้นหน้าอกของพวกเขาจึงเปลือยเปล่า พวกเขาจำผมได้และก้มหน้าลงเพื่อทักทาย

“เเม่ทัพรักษาการอยู่ที่ไหน”

ไม่มีการตอบสนอง

ผมขมวดคิ้ว

ความหนาวเย็นอันไม่เป็นที่พอใจกำลังซึมลงสู่กระดูกสันหลังของผม

“แม่ทัพของเรา? ฟาร์นาเซ๋อยู่ที่ไหน”

 

 

 

 

 

 

……………………………

เอ้าน้อง AFK เฉย

Dungeon Defence

Dungeon Defence

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Dungeon Defenceคุณทราบหรือไม่ว่าโลกนี้สิ้นสุดได้อย่างไร? [Yes] [No] “เจ้าเชื่อในเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติหรือไม่?” “ขออภัยฝ่าบาท แต่หญิงสาวผู้นี้ไม่เชื่อในเรื่องงมงาย” “น่าเสียดาย ทั้งที่เรื่องลี้ลับธรรมชาตินั้นมันออกจะสุดยอดเลยแท้ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมันเป็นข้าผู้นี้คงไม่ได้มีชีวิตชีวาถึงขนาดนี้หรอก” รอบตัวของสองคนนั้นไร้ซุ่มเสียงใด ๆ มีเพียงกลุ่มคนห้าพันคนต่างนิ่งเงียบคอยสดับรับฟังบทสนทนาของคนสองคนเบื้องหน้าพวกเขา ฝ่ายหนึ่งเป็นหญิงสาวสวยสดงดงามตระการตา เธอเป็นทั้งขุนนางปกครองของเมืองนี้ และขุนพลพ่ายศึกในสงครามชิงเมื

Comment

Options

not work with dark mode
Reset