Dungeon Defence – ตอนที่ 64

▯ผู้พิทักษ์แดนเหนือ มาร์เกรฟแห่งโรเซนเบิร์ก จอร์จ ฟอน โรเซนเบิร์ก

ปฏิทินเอ็มไพร์: ปี 1506 เดือนที่ 3 วันที่ 1

เทือกเขาเเบล็ค ทางผ่านภูเขา

 

 

 

—ในขณะที่ข้าได้ลืมตาขึ้นมา สายตาก็ไปเห็นผู้ชายและเด็กผู้หญิงหลายคนนั่งและอาศัยไหล่พิงกันและกันเข้ามาในวิสัยทัศน์ ชายคนนั้นสวมชุดสีดำ เขาค่อย ๆ ลูบไล้หญิงสาวผมสีบลอนด์แพลตตินั่มที่กำลังใช้ตักของเขาเป็นหมอน

 

ข้าไม่แน่ใจว่าเธอรู้สึกปลาบปลื้มใจเรื่องอะไร แต่หญิงสาวยังคงเอาหน้าถูตักของชายคนนั้น ถึงเเม้จะมีผ้าพันแผลพันรอบศีรษะของนางก็ตาม

 

อีกด้านหนึ่งของชายคนนั้น มีผู้หญิงอีกคนนั่งอยู่ข้างๆ ข้าได้ยินเสียงของหน้าหนังสือพลิกไปมา

 

ข้าหลับตาลงอีกหนึ่งครั้งแล้วเปิดมันขึ้นมาใหม่ นี่เป็นความจริง? หรือข้าเป็นบ้าหลอนไปเเล้วกันเเน่? โลกรอบตัวของพวกเขาเป็นสีขาวบริสุทธิ์ราวกับถูกหิมะปกคลุม เเต่เพราะแสงแดดสะท้อนออกมาอย่างสลัวๆ ข้าจึงสามารถตีเส้นแบ่งระหว่างโลกความเป็นจริงกับโลกภาพหลอนได้มากขึ้นเรื่อยๆ

 

— ……?

— ……

 

พวกเขาได้กระซิบด้วยภาษาที่ข้าไม่เข้าใจ หญิงสาวผมบลอนด์แพลตตินั่มยังคงหัวเราะ ผู้ชายก็หัวเราะเป็นครั้งคราว และสาวผมบลอนด์ไม่หัวเราะออกมาเลย ราวกับในสถานที่นี้ พวกเขาได้หลอมรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน

 

 

จากระยะไกล หญิงสาวผมสีชมพูเดินเข้ามาหาพร้อมกับถือจาน ชายและหญิงได้รับจานอาหารจากจาน ในขณะนั้น เด็กสาวผมสีชมพูชี้มาทางข้าและพึมพำอะไรบางอย่างออกมา ผู้ชายคนนั้นก็ได้มองมาที่ข้า

 

ซ่าาาาาาา

 

น้ำอุ่นทำให้ศีรษะของข้าเปียกโชก ข้าได้ไอออกมาเป็นเลือด

 

หลังจากคายเลือดออกมาเสร็จ หัวของข้าก็ค่อยๆได้สติและการมองเห็นก็ชัดเจนขึ้น ชายและหญิงไม่ได้นั่งกลางแสงแดด เเต่เป็นกลางซากศพจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายอยู่รอบตัวพวกมัน

 

“มาร์เกรฟ ข้าเห็นว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่”

 

ชายคนนั้นพูด

 

“ถือว่าโชคดีที่เส้นชีวิตของเจ้ายืนยาวไม่น้อยเลยทีเดียวนะ เเต่ถ้าฮัมบาบามาตายที่นี่ล่ะก็ เเกก็ต้องตายด้วยน้ำมือของข้าเช่นกัน”

 

 

“……”

 

ข้ากระอักเลือดในปากและพูดตอบ

 

“ทำไมเเกถึงยังปล่อยให้ข้ามีชีวิตอยู่อีก”

 

“ข้าไม่ได้ไว้ชีวิตเจ้าหรอกนะ เจ้าต่างหากที่เอาตัวรอดได้ด้วยตัวเอง แม้ว่าเราจะใช้เชือกมัดเจ้าที่ตกลงมาจากม้าในกลางสนามรบเเล้ว เเต่นั่นแหละ เราไม่ได้รักษาหรือดูแลเเจ้าเลยเเม้เพียงนิด”

 

เจ้าเอาชีวิตรอดตายได้ด้วยตัวเจ้าเอง

 

หัวใจของข้ารู้สึกชากับคำพูดของจอมมาร ข้าพยายามนึกให้ออกว่าทำอะไรลงไปถึงรอดชีวิตมาได้ หรือส่วนที่ซ่อนอยู่ในจิตใจของข้าพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะมีชีวิตอยู่กันเเน่?

 

“……แกคิดจะทำอะไรกับข้า?”

 

“ข้าเป็นศัตรูของเจ้า และเจ้าเองก็เป็นศัตรูของข้าด้วย เพราะไม่มีความสัมพันธ์ใดมาผูกมัดพวกเราได้อีกเเล้ว ตอนนี้ข้าจึงกำลังแสดงความกรุณาเห็นใจให้อยู่”

 

จอมมารหัวเราะคิกคัก

 

“การเคารพผู้อาวุโสเป็นมารยาทที่ไม่ผูกมัดทั้งเชื้อชาติและสายกำเนิด ข้าเลยคิดว่าจะปล่อยเจ้าไปล่ะนะ”

 

ตัวข้าเเข็งทื่อไปหมด

 

พวกหญิงสาว ที่อยู่ข้างๆชายคนนั้นกำลังจ้องมาทางนี้ด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง

 

รู้สึกราวกับว่าใบหน้าไร้อารมณ์ของพวกมันป็นใบหน้าที่ปลดเปลื้องอาภรของความตายออกมา

 

“……ฆ่าข้าซะ. เอาชีวิตของข้าไป”

 

“ตั้งสติให้ดี มาร์เกรฟ ในเมื่อเจ้าเอาตัวรอดได้ด้วยตัวเองแล้ว เจ้าก็ไม่ควรมาตายอย่างเปล่าเปลี่ยวตรงนี้สิ? อ๊า เจ้าคงขี้เกียจเดินทางกลับสินะข้าเข้าใจเเล้ว ข้าจะให้คนขี่ม้าคนหนึ่งกับเจ้าไปเป็นคนรับใช้ก็ได้นะ อย่าเพิ่งหมดหวังไปสิ”

 

“พวกทหาร… เกิดอะไรขึ้นกับพวกทหารและคนของข้ากัน”

 

“พวกมัน ตาย ไปหมดเเล้ว”

 

“มะ…ไม่มีใครรอด?”

 

ดันทาเลี่ยนแย้มกำสรวลออกมา

 

“พวกเราฆ่าพวกมันทั้งหมดเองเเหละ”

 

อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาก.

 

ข้าอ๊วกออกมาเป็นเลือด อวัยวะภายในของข้ากำลังทำงานย้อนกลับ หลังจากที่ข้าได้อ๊วกอะไรบางอย่างที่นุ่มๆ เปียกๆ ออกมา ข้าก็หมดสติไปอีกครั้ง

 

โอ้พระเจ้า.

โอ้พระเจ้า.

 

 

▯ราชาแห่งไพร่ ลำดับที่ 71 ดันทาเลี่ยน

ปฏิทินเอ็มไพร์: ปี 1506 เดือนที่ 3 วันที่ 1

เทือกเขาเเบล็ค ทางผ่านภูเขา

 

 

ขณะเหลือบมองมาเกรฟที่ถูกนำตัวออกไปด้วยเปลหาม ลาพิส ก็พูดขึ้นมา

 

“ฝ่าบาท มีเหตุผลไหมว่าทำไมถึงปราณีคนๆนั้นไว้? โรเซนเบิร์กเป็นตระกูลอันทรงเกียรติในหมู่ตระกูลอันทรงเกียรติที่ต่อสู้กับกองทัพจอมมารมาหลายชั่วอายุคน หากฝ่าบาทได้ถือเศียรของชายคนนั้นขึ้นมา ความยิ่งใหญ่ของฝ่าบาทจะขจรจนเขย่าสะท้านโลกาทั้งใบได้เลย”

 

“นั่นเเหละคือเหตุผลที่ผมไม่ต้องการบั่นคอของเขา”

 

ผมกำลังหวีผมของฮัมบาบาที่กำลังนอนอยู่บนตักอย่างนุ่มนวล ในขณะที่ฮัมบาบาตัวสั่นขณะเลียนแบบเสียงเหมือนแมว หน่วยสอดแนมพบฮัมบาบา ซึ่งตกลงมาท่ามกลางหิมะใกล้กับป้อมปราการพิสุทธ์ และพาเธอกลับมาได้ โชคดีที่บาดแผลของเธอไม่รุนแรงเท่าใดนัก ผมถามว่าฮัมบาบามีอะไรที่เธออยากได้เป็นรางวัลไหม เธอตอบกลับมาทันที

 

— นอนหนุนหมอนตัก!

 

ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ยอมรับคำขอเล็กน้อยนี้ ลาพิสเองก็ไม่ได้ว่าอะไรออกมาเช่นกัน เราทุกคนยอมรับการมีส่วนร่วมของแม่มดในสงครามเเละวันหนึ่งเมื่อมาถึง ผมจะปลอบขวัญแม่มดทั้งหมดด้วยรางวัลที่แท้จริงให้เอง รางวัลที่ไม่ใช่เพียงเเค่หมอนตัก ขณะยิ้ม ผมก็พูดตอบออกไป

 

“มาร์บาสได้พ่ายแพ้และแม้แต่บาร์บาทอสยังถูกต้อนเข้าจนมุม ผมจะไปกำชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่เกินหน้าเกินตาได้ยังไงกัน ในขณะที่ความคืบหน้าของสงครามช่างน่าสลดใจแบบนี้? ผมจะไปโผล่หน้าออกมาทำไม เดี๊ยวก็โดนเพิ่งเล็งหรอก ถึงแม้ว่าเราจะไว้ชีวิตเเละส่งโรเซนเบิร์กกลับไปก็ตาม……”

 

โรเซนเบิร์กจะถูกเจ้าหญิงจักรพรรดิกวาดล้างไปจนตายอยู่ดี

 

ผมกลืนคำเหล่านั้นลงไป ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องพูดประโยคนั้นออกไป เเละพูดคำที่ไม่น่าสงสัยออกไปเเทน

 

“อาณาเขตที่โรเซนเบิร์กปกครอง ในไม่ช้าก็จะเป็นดินแดนที่เราจะเข้ายึดครอง หากเราจะเข้าปกครองดินเเดนที่มีเจ้าของ มาร์เกรฟที่เป็นเจ้าของคนก่อนจึงมีความจำเป็นในการปกครองปวงประชา ถ้าหากขาดเขาไปสิ่งที่เหลืออยู่กับปวงชนจะมีเเต่ความโกรธกริ้วเท่านั้น เพื่ออนาคตเมื่อเราปกครองเหนือพวกมัน ข้าเลยต้องยอมใจกว้างเสียหน่อยน่ะ”

 

ผมได้เเต่สงสัยว่าเธอยอมรับคำตอบนั้นได้ไหม ลาพิสถึงไม่ถามอะไรต่อมาอีก เเละผมก็พูดต่อไป

 

“แจ้งบาร์บาทอสถึงชัยชนะของเรา เเล้วยิ่งไปกว่านั้น เขียนด่าเธอไปด้วยว่าให้เธอล้างฝีปากของเธอรอไว้ให้ดีเพราะผมจะไปช่วยเธอเเล้ว”

 

“……”

 

ลาพิสหรี่ตาลง

 

“ฝ่าบาท ท่านย้ำเสมอว่าท่านดูถูกผู้หญิงหน้าอกเล็ก แต่แท้จริงแล้ว นั่นเป็นเพียงลมปากหรอกหรือ? ดูเหมือนว่าจิตใจของฝ่าบาทจะไปสถิตอยู่ในบาร์บาทอสเรียบร้อยเเล้ว เราคนนี้กำลังสงสัยในตัวฝ่าบาทจังเลย”

 

 

ลาพิสช่างพูดเสียจริง

 

ทั้งฟาร์นาเซ่ พิงผมและอ่านหนังสือของเธออย่างเงียบ ๆ และ ทั้งฮัมบาบา ที่ส่งเสียงฟี้ร้องออกมาอย่างแมวโดยเอาหัวของเธอวางไว้บนตักของผม เธอคิดว่าผมคงจะหลงระเริงไปกับหน้าอกเล็กๆของทั้ง 2 คนในวันนี้ไปเเล้ว

 

 

▯ผู้พิทักษ์เเดนเหนือ มาร์เกรฟแห่งโรเซนเบิร์ก จอร์จ ฟอน โรเซนเบิร์ก

ปฏิทินเอ็มไพร์: ปี 1506 เดือนที่ 3 วันที่ 1

บริเวณใกล้เคียงเทือกเขาเเบล็ค

 

“……”

 

 

เมื่อข้าลืมตาตื่นอีกครั้งพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง

 

 

ตามคำบอกของทหารม้าที่ตามข้ามาในฐานะคนใช้ เขาบอกว่าแม่มดได้พาตัวข้าไปส่งที่หมู่บ้านใกล้เคียง ที่นี่คือห้องของหัวหน้าหมู่บ้าน และหลังจากนอนมาครึ่งวัน ข้าที่นอนแบบสิ้นสติก็ฟื้นขึ้นมา เมื่อข้าถามเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนที่เหลือของข้า ทหารก็ก้มหน้าลง ข้าไม่สามารถถามอะไรออกไปได้อีกเเล้ว

 

ข้าออกจากบ้านขอหัวหน้าหมู่บ้านโดยได้รับการช่วยเหลือจากทหารคนนั้น

 

 

หมู่บ้านตั้งรกรากอยู่ที่เชิงเขา น่าแปลกใจที่หมู่บ้านนี้เงียบมากๆเงียบเป็นเป่าสาก ในรุ่งเช้านี้ ด้วยเสียงดินปืนด้วยเสียงระเบิดที่ป้อมปราการพิสุทธ์ ชาวบ้านจึงอพยพหนีออกไปหมดเเล้ว เพราะที่นี่ไม่เหมาะจะเป็นที่หลบภัยสงครามหัวหน้าหมู่บ้านจึงอนุญาตให้พักในบ้านของเขาได้ ดูเหมือนว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะรู้สถานะของข้าว่าเป็นขุนนาง

 

เมื่อข้าเดินออกมาจนเข้าใกล้ทางเข้าหมู่บ้านแล้ว ก็สามารถมองเห็น เทือกเขาเเบล็ค ได้ชัดเจน ป้อมปราการพิสุทธ์ถูกห่อหุ้มด้วยไฟนรกโลกันต์ เปลวเพลิงจากป้อมปราการลุกไหม้ไปจนถึงตีนเขา และจากตรงตีนเขานั่นเอง เปลวเพลิงก็ส่งทอดยาวขึ้นไปถึงยอดของภูเขา ทำให้เทือกเขาแบล็คเมาน์เทนกลายเป็นสีดำสนิทไปเเล้ว

 

 

มหาอัคคีพวกนี้ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังของกองทัพดันทาเลี่ยน กองทัพหลายพันคนกำลังออกเดินทัพไปที่ไหนสักแห่ง พวกมันกำลังจากไปเเล้วจริงๆ แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าพวกมันจะไปทิศใด แต่ก็แน่ใจว่าไม่ใช่ดินแดนปีศาจเเน่ๆแต่เป็นดินเเดนของมนุษย์”

 

 

ข้าทรุดตัวจมลงไปในดินที่ปกคลุมไปด้วยหิมะและร้องไห้ออกมาเป็นเวลานาน เข่าของข้าสั่นสะท้านและเส้นเสียงก็ฉีกขาด

 

 

……อ๊าาาา นี่หรือชีวิต? ใครก็ได้บอกข้าทีว่านี่มันเป็นรสชาติของชีวิต?

 

ข้าเป็นมนุษย์ เเต่เป็นมนุษย์ที่ทรยศเผ่าพันธ์ทำให้กองทัพต้องพ่ายเเพ้ ข้าเป็นคนทรยศที่ชั่วร้ายมากกว่าคนฉ้อโกงที่ขายประเทศของตัวเองไปเป็นพันเท่า แผ่นดินนี้จะถูกศัตรูปีศาจเหยียบย่ำ เเละยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นดินแดนที่มนุษย์ในอนาคตต้องเกิดและเติบโตมาอีกนับไม่ถ้วน เพราะข้าเพราะชายชราผู้นี้ คนหนุ่มสาวที่จะเกิดและเติบโตจากนี้ไปจะต้องถูกเหยียบย่ำก่อนที่พวกเขาจะได้เบ่งบานสะพรั่ง ข้าจะทำอะไรได้อีก?ข้ายังพอมีวิธีอะไรให้ใช้ได้อีกกัน……?

 

ข้าแทบจะไม่สามารถยืนขึ้นได้เมื่อราตรีมาถึง ข้าฉีกท่อนล่างของเสื้อผ้าตัวเองออก ข้าได้ใช้เสื้อผ้าที่ขาดนั้นเป็นเเทนกระดาษหนังสัตว์ และยืมเครื่องเขียนจากหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าเขียนส่งรายงานให้ทหารและส่งเขาออกเดินทางไป ข้าบอกให้เขาไปบอกเจ้าหญิงจักรพรรดิถึงความพ่ายแพ้ของเรา ประโยคที่ข้าเขียนออกมาขณะทนมือสั่นไหวคือสิ่งนี้

 

– เดือนที่ 3 วันที่ 1 กองกำลังของศัตรูได้เข้ายึด ปราการพิสุทธ์ ไปแล้ว กองกำลังทหารประมาณของทัพศัตรูมีประมาณ 4,000. นาย จอมมาร ดันทาเลี่ยน เป็นผู้บัญชาการ กองกำลังของเราถูกทำลายล้าง

 

เมื่อข้าเขียนประโยคที่ว่ากองทัพของเราถูกทำลายล้าง ร่างกายของข้าก็สั่นสะท้าน

 

ข้าสาปแช่งโชคชะตาที่ถูกเมตตาปล่อยให้ตายจนแก่เฒ่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากข้าไม่ได้เขียนในสิ่งที่ควรจะบอก ข้าจึงถูกต้อนให้จนมุม และเพราะจากบทเรียนนั้นข้าต้องเขียนรายงานนี้เป็นงานสุดท้ายให้ได้ข้าจึงต้องบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดลงไป

 

 

– เดือนที่ 3 วันที่ 1 กองกำลังของศัตรูได้เข้ายึด ปราการพิสุทธ์ ไปแล้ว กองกำลังทหารประมาณของทัพศัตรูมีประมาณ 4,000. นาย จอมมาร ดันทาเลี่ยน เป็นผู้บัญชาการ กองกำลังของเราถูกทำลายล้าง

 

 เทือกเขากำลังลุกไหม้

 

 

 

ชื่อ: จอร์จ วอน โรเซ็นเบิร์ก

เผ่าพันธุ์: มนุษย์

ต่ำเเหน่ง: ลอร์ด(A+)

ชื่อเสียง: ลอร์ดแห่งสามสมาชิกสภารัฐระดับสูง

ความเป็นผู้นำ: ระดับ A กำลัง: ระดับ B+ ความฉลาด: ระดับ B

การเมือง: ระดับ B+ เสน่ห์: ระดับ B+ เทคนิค: ระดับ D

ฉายา: 1. ผู้พิทักษ์แดนเหนือ 2. ผู้ควบคุมป้อมปราการคู่

ความสามารถ: ขี่ม้า S, ตรรกะ A, ดาบ B+, กลยุทธ์ B

Skill : A Green Old Age(B)

[ความสำเร็จ: 31]

Dungeon Defence

Dungeon Defence

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Dungeon Defenceคุณทราบหรือไม่ว่าโลกนี้สิ้นสุดได้อย่างไร? [Yes] [No] “เจ้าเชื่อในเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติหรือไม่?” “ขออภัยฝ่าบาท แต่หญิงสาวผู้นี้ไม่เชื่อในเรื่องงมงาย” “น่าเสียดาย ทั้งที่เรื่องลี้ลับธรรมชาตินั้นมันออกจะสุดยอดเลยแท้ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมันเป็นข้าผู้นี้คงไม่ได้มีชีวิตชีวาถึงขนาดนี้หรอก” รอบตัวของสองคนนั้นไร้ซุ่มเสียงใด ๆ มีเพียงกลุ่มคนห้าพันคนต่างนิ่งเงียบคอยสดับรับฟังบทสนทนาของคนสองคนเบื้องหน้าพวกเขา ฝ่ายหนึ่งเป็นหญิงสาวสวยสดงดงามตระการตา เธอเป็นทั้งขุนนางปกครองของเมืองนี้ และขุนพลพ่ายศึกในสงครามชิงเมื

Comment

Options

not work with dark mode
Reset