Dungeon Defence – ตอนที่ 72

▯ราชาแห่งไพร่ ลำดับที่ 71 ดันทาเลี่ยน

ปฏิทินเอ็มไพร์: ปี 1506 เดือน 4 วันที่ 2

โพลส์, ที่ราบบรูโน  

 

 

 

ทันทีที่ไก่ตัวแรกขันออกมาในตอนเช้า ผมก็เดินออกไปที่ทุ่งราบ

 

ที่เต็นท์ เจ้าหญิงจักรพรรดิมาถึงและนั่งบนเก้าอี้อยู่ก่อนเเล้ว

 

“……”

 

คราวนี้เราทักทายให้กันเเละเบาๆ  ต่างจากวันแรกที่จบลงด้วยการพยักหน้าแบบห้วนๆให้กัน คราวนี้เราทั้งคู่ก็ก้มหน้าลงอย่างสุภาพเหมาะสม เราไม่ได้ทำเช่นนั้นโดยมีเจตนาเเอบแฝงในการเเสดงความเคารพต่ออีกฝ่ายหนึ่ง มันเป็นเพียงมารยาทที่ออกมาเองตามธรรมชาติ เมื่อผมเงยศีรษะขึ้น แม้แต่เจ้าหญิงจักรพรรดิก็ยังขมวดคิ้วราวกับมีบางอย่างแปลก ๆไป

 

“……”

 

ทันใดนั้น เจ้าหญิงจักรพรรดิลุกขึ้นยืนและคว้าข้อมือของผม เธอหันมือของผมไปมาเพื่อตรวจดู แต่ยิ่งเธอมองมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งขมวดคิ้วมากขึ้นเท่านั้น ผมไม่ได้ห้ามเจ้าหญิงจักรพรรดิทำ เนื่องจากความการกระทำอันเเปลกประหลาดของเธอ ทำให้ผมสามารถสังเกตนิ้วของเจ้าหญิงได้อย่างละเอียดมากพอ

 

มือของเจ้าหญิงจักรพรรดินั้นหยาบกร้าน เเต่จิตใจของผมยังคงราบเรียบต่อความหยาบนั้น ผมเข้าใจเเล้วความจริงที่ว่าความหยาบของมือและความเรียบเนียนของจิตใจนั้นสอดคล้องกัน มันเป็นความจริงที่น่าประหลาดใจ แม้ว่าเมื่อก่อนผมเองก็รู้ถึงความจริงข้อนี้แล้ว แต่รู้สึกราวกับว่าผมเพิ่งจะรับรู้มันได้เป็นครั้งเเรกก็ตอนนี้ ขณะที่มือขวาของผมถูกคว้าไว้ด้วยมืออีกข้างหนึ่ง เราสองก็จ้องมองกันและกัน

 

“……”

 

“……”

 

อันที่จริงมีบางอย่างที่แปลกประหลาด แม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าอะไรแปลกไป แต่มันก็สะกิดใจผมอยู่ดี

 

คล้ายกับเมื่อวาน กระดาน หมากล้อม ถูกนำมาวางบนโต๊ะ เเน่นอนอยู่เเล้วว่าคราวนี้ผมได้หมากหินสีขาวในขณะที่เจ้าหญิงจักรพรรดิได้หมากสีดำไป

 

ผลที่ได้คือความพ่ายแพ้ของผม

 

ในตาเดินที่ 232 ผมยอมรับความพ่ายแพ้โดยยอม บุลเกีย คำนวณเท่าไหร่ก็เสียเปรียบไป 1 แต้มผมพึมพำออกมาตรงๆ

 

“มันต่างกัน 1 แต้มใช่ไหม”

 

“มันต่างกัน 1 แต้มจริงๆ เราเข้าใจ”

 

“อืม”

 

“อยากทบทวนไหม”

 

“แม้ว่าผมจะอยากทำเช่นนั้นนะ เเต่ว่า……”

 

ผมมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เราเริ่มการแข่งขันกันในยามเช้า แต่ที่ท้องฟ้าในตอนนี้นั้น ท้องฟ้าก็ยังคงสว่างไสวอยู่เเต่มันเป็นท้องฟ้าที่มีดวงอาทิตย์กำลังตกดินเเทน การแข่งขันวันนี้ใช้เวลามากขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อวาน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหญิงจักรพรรดิหรือตัวผม เราไม่ได้หยอกล้อหรือเยาะเย้ยกันแม้แต่ครั้งเดียว แต่กลับจัดการวางหมากหินของเราอย่างจริงจังตั้งแต่ต้นจนจบ มันเป็นสถานการณ์ที่เราเเสดงฝีมือทั้งหมดออกมาในการแข่งขันที่ยุติธรรม นอกจากนี้ เนื่องจากลักษณะการเดินหมากของเจ้าหญิงจักรพรรดินั้นเป็นของโบราณสำหรับผม ผมก็เลยไม่คุ้นเคยกับมัน และเนื่องจากตาเดินของผมนั้นแปลกประหลาดสำหรับเจ้าหญิงจักรพรรดิด้วยเช่นกัน มันจึงเป็นสิ่งที่แปลกสำหรับเธอ เพราะการเคลื่อนไหวที่ตรงไปตรงมาของผมกลายเป็นกลอุบายสำหรับเธอ และทักษะอันยอดเยี่ยมของเธอกลายเป็นสิ่งไม่ดีสำหรับผม มันจึงเป็นเกมที่ยากขึ้นเรื่อยๆยากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการเสียเวลาเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ในเเต่ละตาเดิน

 

“……ด้วยผลการต่อนี้ ดูเหมือนว่าการเจรจาจะไร้ผลในวันนี้เช่นกัน มันน่าหนักใจเพราะจอมมารคนอื่นๆ จะซักฟอกใส่ผมเกี่ยวกับสิ่งที่ผมทำลงไปซึ่งทำไมต้องใช้เวลามากขนาดนี้”

 

“ฝั่งเราเองก็เป็นเหมือนกัน  แม้ว่าเราจะออกมาตอนรุ่งสางด้วยความตั้งใจที่จะเจรจาอย่างสบาย ๆ หลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขันธงดำ ธงขาว เเต่เราเองก็ไม่ได้คาดไว้ว่ามันจะใช้เวลามากขนาดนี้……”

 

“เอ่อ ผมขอโทษด้วยละกัน ผมคงจะออกมาช้าไปหน่อย”

 

“ไม่เลย ไม่มีเหตุผลที่จะต้องขอโทษเลย เราเองก็เพิ่งมาถึงเพียงช่วงเวลาก่อนที่นายจะมาเอง ระยะเวลาที่เรารอน่าจะไม่ถึง 20 นาทีด้วยซ้ำ”

 

“อืม”

 

“อืม……”

 

เรามองกลับไปกลับมาระหว่างกระดาน หมากล้อม สลับกับใบหน้าของอีกฝ่าย เราไม่ได้แสดงออกทางเสียง แต่เราได้แบ่งปันความคิดเดียวกันอยู่ รู้สึกว่าจะเป็นมารยาทที่เหมาะสมที่ผมจะเป็นคนแรกที่พูดออกมาเพราะผมเป็นคนที่พ่ายแพ้ในวันนี้ ผมเปิดปาก

 

 

“เจ้าหญิง  เธอไม่มีเจตนาที่จะสงบศึกใช่ไหม”

 

“อา ไม่มี จะยังไงก็ได้”

 

เธอตอบออกมาทันที

 

เราสองคนพยักหน้าพร้อมกัน

 

“งั้นผมถือว่าการเจรจาจบลงแล้ว”

 

“ดี. การเจรจาสิ้นสุดลงแล้ว”

 

ด้วยเหตุนี้การเจรจาจึงสิ้นสุดลง

 

ไม่มีความไม่พอใจแม้แต่น้อยเเสดงออกมาจากเจ้าหญิงจักรพรรดิหรือตัวผมเอง การเจรจาสงบศึกที่สิ้นสุดภายใน 5 วินาทีหลังจากเริ่มต้น นี่อาจเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่สิ่งนี้เคยเกิดขึ้นเลยล่ะมั้งเนี่ย? ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม มีบางอย่างที่สำคัญกว่าสำหรับเราสองในตอนนี้

 

“มาทบทวนการแข่งขันกันเถอะ”

 

“มาดูกัน”

 

เราแก้ไขปรับปรุงตาเดินของการแข่งขันจนถึงก่อนเที่ยงคืน ทางเเยกในเกมจำลองเล็กๆนี้ จะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ตามที่มีคำถามว่า ‘จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราวางมันไว้แบบนี้’ เกิดขึ้นมาตลอดการทบทวน ถ้าเราพยายามหาวิธีที่จะสานต่อรากฐานของความอยากรู้อยากเห็นของเราเพื่อที่จะติดตามผลการกระทำของชอนวอนจนถึงช่วงกลางเกม เเต่น่าเศร้าคำตอบยังคงห่างไกล วิธีการไปถึงจุดที่น่าเป็นการแก้ปัญหายังไม่ปรากฏขึ้น

 

วันนี้ก็เช่นกัน พวกจอมมาร รอผมด้วยสายตาที่ตื่นตัว สำหรับคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการเจรจาในวันนี้ ผมตอบออกไป

 

“4 ชั่วโมงต่อจากนี้ ผมกับทูตมนุษย์ได้นัดพบกันอีกครั้งในช่วงเช้าตรู่ ก่อนที่วันนี้จะสิ้นสุดลงในวันพรุ่งนี้ ผมจะทำมันให้สำเร็จ ผมวางแผนที่จะตัดสินใจว่าเราจะทำลายการเจรจาหรือเจรจาสงบศึกกัน”

 

แม้ว่าผมจะได้ดำเนินการเจรจาตั้งแต่เช้าวันนี้ไปเเล้ว แต่เหล่าจอมมารคนอื่น ๆ ก็ประหลาดใจกับคำกล่าวของผมที่ดำเนินการประชุมต่อส่วนที่เหลือของการประชุมในวันพรุ่งนี้เวลาตี 04.00 น. ในหมู่พวกจอมมารเอง จอมมารบางคนถึงกับชมเชยผมออกมาเพราะ ผมทำตัวเเบบจริงจังและจริงใจ ซึ่งมันเป็นตัวอย่างของคนที่หาได้ยากยิ่ง  

 

แน่นอนว่าความจริงเเล้วการเจรจาได้จบลงไปเรียบร้อยเเล้ว เราทั้งคู่ไม่ได้มีเจตนาแม้แต่น้อยที่จะยุติสงคราม เเต่เราทั้งคู่มีความจำเป็นต้องดำเนินการประชุมต่อเพื่อเกมสุดท้ายของเราเพียงเพราะผลการแข่งขันปัจจุบันของเราอยู่ในสถานะเสมอ 1:1 ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่คือแมทช์ที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

 

ผมกลัวว่าตัวเองอาจพ่ายแพ้เพราะนอนไม่พอ ผมจึงเข้านอนทันทีที่เข้าไปห้องพัก แม้ว่า ฟาร์นาเซ่ จะจับตัวผมไว้และขอให้ผมช่วยทำอะไรสักอย่างกับ ลาพิส ให้หน่อยที เเต่ผมก็เพิกเฉย จัดการการศึกษาของเธอเองเถอะนะ

 

เพราะจอมมารผู้นี้มีการต่อสู้ที่สำคัญที่สุดรออยู่ตรงหน้าของเขาเเล้ว อย่าเพิ่งมารบกวนเลย เจ้าเด็กน้อยเอ๋ย

 

 

 

 

………………………………………………………………………………………………………………..

บอกเลยว่าตอนหน้าพีคไม่รู้จะพีคยังไงดี เลยตัดมาให้อ่านสั้นๆก่อนนะครับ ตอนหน้าจะได้อ่านยาวๆแบบจุใจจนจบ Chapter เเน่ จะได้ไม่ค้างคากัน

Dungeon Defence

Dungeon Defence

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Dungeon Defenceคุณทราบหรือไม่ว่าโลกนี้สิ้นสุดได้อย่างไร? [Yes] [No] “เจ้าเชื่อในเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติหรือไม่?” “ขออภัยฝ่าบาท แต่หญิงสาวผู้นี้ไม่เชื่อในเรื่องงมงาย” “น่าเสียดาย ทั้งที่เรื่องลี้ลับธรรมชาตินั้นมันออกจะสุดยอดเลยแท้ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมันเป็นข้าผู้นี้คงไม่ได้มีชีวิตชีวาถึงขนาดนี้หรอก” รอบตัวของสองคนนั้นไร้ซุ่มเสียงใด ๆ มีเพียงกลุ่มคนห้าพันคนต่างนิ่งเงียบคอยสดับรับฟังบทสนทนาของคนสองคนเบื้องหน้าพวกเขา ฝ่ายหนึ่งเป็นหญิงสาวสวยสดงดงามตระการตา เธอเป็นทั้งขุนนางปกครองของเมืองนี้ และขุนพลพ่ายศึกในสงครามชิงเมื

Comment

Options

not work with dark mode
Reset