Dungeon Defence – ตอนที่ 76

นี่เป็นภาษาของชาวไพร่ที่ผมได้รับสืบทอดมา

 

เพราะเรื่องที่พูดออกมาเป็นเรื่องด่วนสุดเเสนจะสิ้นหวัง เธอได้พูดออกมาด้วยเสียงกรีดร้องอันร้อนแรงและพูดในขณะที่ร่ำไห้อยู่

 

มาร์เกรฟ โรเซนเบิร์ก และผมเราสองคนมันต่างกัน ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเชื่อฟังต่อพวกเจ้าทุกคน และผมไม่ต้องการที่จะได้รับการปกป้องจากพวกเจ้า ข้าราชบริพารที่ผมรักมากที่สุดคือผู้ที่รู้วิธีทรยศต่อผู้อื่น ดังนั้นผมจึงสามารถรักลาพิสลาซูลีได้ ผมสามารถยืนยันได้ว่าในวันหนึ่ง ลาพิส จะมอบถ้วยยาพิษให้ผมดื่มได้แน่นอน ผมอดใจรออยากให้วันนั้นมาถึงไวๆจริงๆ

 

 

ในทางกลับกัน การทรยศของฮัมบาบานั้นช่างน่าผิดหวัง การทรยศต้องไม่ถูกจับได้สิเพราะหากพวกที่ต้องการทรยศต่อผู้อื่น อย่างน้อยที่สุดพวกเธอควรเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทั้งหมดที่จะได้รับเมื่อการทรยศถูกเปิดเผยไปเเล้วสิ แม้ว่าผมจะคิดว่า ฮัมบาบา ยอมให้ตัวเองถูกจับได้โดยผมเพื่ออยากได้เงินอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือก็เถอะ! เเล้วทำไมพวกเธอถึงได้ต้องการค่าทรยศเพียงครึ่งเดียวกันล่ะ!? นั่นล่ะคือเหตุผลค่าโง่ที่พวกเธอต้องสูญเสียเงินส่วนนั้นไป ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องดูแลเด็กหลงทางพวกนี้ ผมจะทำอะไรได้บ้างล่ะ พวกเธอช่างเป็นเผู้ติดตามที่น่าละอายใจจริงเชียว

 

……เจ้าหญิงเอลิซาเบธก็เป็นเหมือนกับผม

 

เราสองต่างก็รู้ดีว่าคำพูดเป็นเพียงเเค่เครื่องมือและต่างรู้ด้วยว่าคำพูดเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์เสียด้วย

 

 

เจ้าหญิงจักรพรรดิเป็นผู้หญิงที่จะฉีกใบหน้าของมนุษย์ที่ถูกเเต่งเเต้มไปด้วยหน้ากาก บังคับให้ทุกคนเเสดงใบหน้าที่เปลือยเปล่าไร้การเเต่งเเต้มออกมา อย่างแท้จริง,. ไม่มีใครเก่งหรือโดดเด่นเกินเท่าเจ้าหญิงแห่งจักรพรรดิในการลอกผิวออกจากใบหน้าเเล้ว

 

แต่ว่าเอลิซาเบธ

 

เธอมีชีวิตอยู่ในฐานะเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิซึ่งเกิดในจักรวรรดิเท่านั้น

 

 

นั่นคือขีดจำกัดสูงสุดของเธอ เวลาเธอไปไหนก็ต้องมีขุนนางติดตามไปตลอดเพราะต้องนำกลุ่มขุนนาง

 

แต่ผมนั่นแตกต่าง

 

หลังจากที่ผมตกลงมาในโลกนี้ ก็ได้ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาว่าผมจะเอาชนะเธอได้ยังไง ผมคือจอมมารอันดับที่ 71 ที่หลบซ่อน และเธอเป็นองค์หญิงผู้ทรงอิทธิพลในจักรวรรดิที่ทรงพลัง ผมต่ำต้อยและเธอสูงส่ง ผมมันกระจอกและเธอโคตรจะเก่ง

 

เพื่อที่จะลากเธอลงจากตำแหน่งที่สูงนั้นลงมาและผลักไสเธอลงไปในโคลนตม ผมจึงได้จัดทำแผนอันยิ่งใหญ่

 

อย่างแรกเลยก็คือ ลาพิส ลาซูลี

 

 

– เรา ลาพิส ลาซูลี เกิดมาจากซัคคิวบัส เติบโตในตรอกหลังเมืองและหลังหมู่บ้าน ผู้ที่เคยทำงานเป็นพ่อค้าระดับ 3 ให้กับบริษัท คึนคัสก้า มาเป็นเวลา 10 ปี จะลืมอดีตของเธอและใช้ชีวิตเพียงเพื่อจุดประสงค์ ของการเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ จอมมารดันทาเลี่ยน หัวใจของเรา. ศีรษะของเรา. วิญญาณของเรา จะอยู่ในความครอบครองของฝ่าบาทตลอดไป

 

ผมได้นำลูกครึ่งเลือดเย็นคือเธอผู้นี้ซึ่งได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นคนนอกคอก มาอยู่เคียงข้างโดยจงใจและทำให้เธอเป็นคู่หมั้นของผม ไม่ใช่เพียงเพราะเธอมีความสามารถ เเต่เป็นเพราะเธอมีประโยชน์ต่ออุบายอันยิ่งใหญ่ของผม ผมได้หมั้นกับไพร่คนหนึ่ง

 

ต่อมาคือลอร่า เดอ ฟาร์นาเซ

 

 

— ลอร่าเดอฟาร์นาเซ่ ในฐานะธิดาคนที่สามของดัชชีแห่งปาร์มาและทายาทโดยชอบธรรมของปิอาเซนซา ในคืนนี้ ในปฏิทินทวีป ปีที่ 1505 เดือนที่ 9 และวันที่ 10 โดยมีเทพทั้งหมดเป็นพยานในที่นี้ เราขอปฏิญาณว่า ถ้าเจ้านายของเราสั่งให้กลายเป็นดาบหญิงสาวจะกลายเป็นดาบเเด่ท่าน หากสั่งให้กลายเป็นศีรษะเราจะกลายเป็นศีรษะเเด่ท่าน หากสั่งให้เป็นขาของท่าน เราจะกลายเป็นขาเเด่ท่าน เจตจำนงของหญิงสาวคนนี้ ความรู้ของหญิงสาวคนนี้ และความพยายามของหญิงสาวคนนี้จะอุทิศให้กับเจ้านายคือท่านตลอดไป

 

 

 

ผมได้นำเด็กนอกกฎหมายคนนี้ซึ่งเกิดเป็นลูกของทาสและโดดเดี่ยวจากโลกใบนี้มาเลี้ยงดูผู้อุปถัมภ์และแต่งตั้งเธอเป็นแม่ทัพรักษาการของผมเเทน เธอเองก็มีประโยชน์กับแผนใหญ่ของผมเช่นกัน ผมได้แต่งตั้งพวกไพร่ขึ้นมา

 

 

เเละสุดท้ายพวกเเม่มด

 

 

— “พวกเรา พี่น้องเบอร์เบเร่ กำเนิดมาโดยไม่มีบ้านให้อาศัย เติบโตในตรอกหลังเมืองเเละตรอกหลังหมู่บ้าน ใช้ชีวิตเป็นทหารรับจ้างเป็นเวลาหลายสิบปีและหลายศตวรรษ พวกเราปรารถนาที่จะลืมอดีตและค้นหาคุณค่าในชีวิตนี้ ในฐานะที่เป็นผู้ติดตามของจอมมารในฐานะที่เป็นสาวกของ ดันทาเลี่ยน หัวใจของเรา ศีรษะของเรา จิตวิญญาณของเราจะเป็นส่วนหนึ่งของสมบัติฝ่าบาทตลอดไป ดังนั้น ฝ่าบาท ได้โปรดดูแลหัวใจของเรา ศีรษะของเรา และจิตวิญญาณของเรา ที่สูญหายไปเเล้วด้วยเถิด”

 

 

 

 

ผมยอมรับแม่มดเหล่านี้ซึ่งถูกดูหมิ่นเเละถูกหลงลืมไปเพราะว่าขาดจิตวิญญาณสถิตกับตัว ในฐานะลูกน้องของผมเลยแต่งตั้งพวกเธอให้เป็นราชองครักษ์ของผม แม่มดก็มีประโยชน์ต่ออุบายอันยิ่งใหญ่ของผมเช่นกัน ผมจึงโอบกอดไพร่นั้นไว้

 

โอ้เอลิซาเบธ

 

นี่คือรากฐานของผม

 

กับเด็กเหล่านี้ผู้ซึ่งถูกไฟแห่งโลกห้อมล้อมด้วยความมืดมิดและจิตใจของพวกเธอถูกเผาไหม้ ผมจะคว่ำขุนนางและสามัญชนของเธอ ผมจะเผาทุกๆอย่าง ฐานะเจ้าหญิงจักรพรรดิช่างเเสนสีขาวบริสุทธิ์และสูงตระหง่านโดดเด่น มันยังคงอยู่บนยอดเขาจนถึงตอนสุดท้าย จากนั้นเธอจะสำลักควันที่เราเป็นคนก่อและถูกเผาจนตาย

 

จากนี้ไป พวกไพร่ที่ต่ำต้อยที่สุดจะเป็นหมากหินสีดำของผม

 

ส่วนพวกขุนนางศักดินาน่ะเหรอ? เธอเอาพวกขุนนางทั้งหมดไปเลย นำทุกสิ่งที่เป็นเหมือนหมากหินสีขาวมาเป็นพวกเพื่อตัวเธอเองเลย เพราะผมจะเป็นคนเริ่มตาเดินเเรกนำไปก่อน

 

 

โอ้ พวกไพร่ รากฐานของผมที่เป็นหมากก้อนหินที่ตายแล้วของผม พวกเเกเป็นอะไร? อะไรคือสิ่งที่พวกเเกอยากจะเป็น

 

 

หมากหินแต่ละก้อนที่วางอยู่บนกระดานเป็นหมากหินที่จะฆ่าศัตรูและจะถูกศัตรูฆ่า หากชีวิตของเจ้ากำลังจะแตกสลายเหมือนก้อนหิน ก็จำเป็นต้องมั่นคงเหมือนก้อนหินเสียก่อน เมื่อใดก็ตามที่เจ้าถูกกระแทกเเละกระเเทกมันกลับ เสียงที่ดังก้องออกมามันจะดังกังวานก้องกังวานไป

 

 

 

– – ไว้ชีวิตเราไปเถอะ ได้โปรดอย่าฆ่าเราเลย

 

— ใครก็ตามที่อยากฆ่าเรา  เราก็เเค่ต้องฆ่ามันผู้นั้นก่อน

 

 

 

เสียงค่อยๆอ่อนเเรงลง พวกเจ้าช่างอ่อนแอ ไม่เหลือเพียงแค่เสียงร้องธรรมดา รูปแบบของคำได้เปลี่ยนไปเปลี่ยนไปเป็นข่มขู่คนที่พยายามจะปลิดชีวิตของเจ้า มันแสดงให้เห็นว่าแม้เเต่เจ้าที่มีความแข็งแกร่งเพียงเล็กน้อย ยังเเสดงถึงความเเข็งกร้าว แทนที่จะร้องไห้ เจ้ายังสามารถถ่มถุยคำพูดออกมาได้

 

“พวกเรารวมกันเป็นหนึ่ง. พวกเราสามัคคีเพื่อต่อต้านศัตรูของเรา หากพวกศักดินาคิดแขวนชีวิตไว้หนึ่งคนเพียงผู้เดียว เราก็จะกลายเป็นหนึ่งพันคนและตอบโต้มันกลับไป มาดูกันว่าเจ้าจะจัดการกับศัตราวุธนับพันได้ไหม”

 

โอ้ พวกไพร่ เเกอยากเป็นอะไรกัน เจ้าจะรอดจากการเป็นคนที่น่าสงสารได้เหรอ ขอโทษนะ และเสียใจด้วย? ผมหันหูไปทางเสียงของพวกไพร่ พวกมันพูดอีกครั้ง

 

 

 

– ฉันเป็นคน ฉันก็เป็นคนเช่นกัน

 

 

— เราก็เหมือนกัน! เรายังต้องการอำนาจ……

 

 

 

เสียงที่ยอดเยี่ยมถูกเปล่งออกมา มันเริ่มกลายเป็นรูปเป็นร่าง เพราะคำพูดคืออำนาจ และผู้คนตกอยู่ในความพินาศหากพวกใช้อำนาจกันอย่างไม่ใส่ใจ ผู้คนจะล่มสลายหากพวกเขาใช้คำพูดอย่างไม่ระมัดระวังเช่นกัน เพื่อไม่ให้ผู้ใดเข้ามาใกล้ เราจึงให้สร้างป้อมปราการและกำเเพงปราสาทด้วยคำพูด

 

“มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน สิทธิในการสังหารใครก็ตามที่พยายามจะสังหารเรานั้นอยู่ในความครอบครองของเราเองและตัวผมเเละพวกเจ้าต่างเท่าเทียมกัน หากอำนาจคือความสามารถในการฆ่าผู้อื่น เราก็จะกลายเป็นผู้มีอำนาจเช่นกัน”

 

ดีมาก. นั่นคือกำเเพงปราสาทที่มีรากฐานที่มีโครงสร้างที่มั่นคง เป็นการก่อตัวที่เข้มแข็งเเละมันจะยังคงอยู่ตลอดไป

 

ถ้าพวกเจ้าทั้งหมดสร้างป้อมปราการ สิ่งนั้นก็จะเป็นป้อมปราการของผมเช่นกัน

 

ถ้าพวกเจ้าทุกคนโบกธงโจมตี กองทัพของผมก็จะบุกไปโจมตีเช่นกัน

 

ถ้าพวกเจ้าทั้งหมดต้องการสร้างโลก โลกของผมก็จะอยู่ที่นั่นเช่นกัน

 

ปรารถนาสิ่งที่เจ้าต้องการอย่างชอบธรรม ผมจะบอกพวกเจ้าเองว่าควรทำอย่างไร

 

จงกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างถูกวิถี ผมจะจัดหาอาวุธให้พวกเจ้าทั้งหมดเอง

 

ผมเห็นอกเห็นใจพวกเจ้าทุกคน ผมจะเป็นความปรารถนาของพวกเจ้า ความกลัวของพวกเจ้า และความตายของเจ้า

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เพราะผมคือดันทาเลียน

 

ราชาของพวกเจ้ากษัตริย์ของชาวไพร่

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

……………………………………………………………………………………………..

ตอนสั้นๆครับ เพราะตอนหน้าจะแปลยาวจนจบ chapter 6 เลย

 

 

โดเนทชานมตามกำลังศรัทธา

Dungeon Defence

Dungeon Defence

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Dungeon Defenceคุณทราบหรือไม่ว่าโลกนี้สิ้นสุดได้อย่างไร? [Yes] [No] “เจ้าเชื่อในเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติหรือไม่?” “ขออภัยฝ่าบาท แต่หญิงสาวผู้นี้ไม่เชื่อในเรื่องงมงาย” “น่าเสียดาย ทั้งที่เรื่องลี้ลับธรรมชาตินั้นมันออกจะสุดยอดเลยแท้ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมันเป็นข้าผู้นี้คงไม่ได้มีชีวิตชีวาถึงขนาดนี้หรอก” รอบตัวของสองคนนั้นไร้ซุ่มเสียงใด ๆ มีเพียงกลุ่มคนห้าพันคนต่างนิ่งเงียบคอยสดับรับฟังบทสนทนาของคนสองคนเบื้องหน้าพวกเขา ฝ่ายหนึ่งเป็นหญิงสาวสวยสดงดงามตระการตา เธอเป็นทั้งขุนนางปกครองของเมืองนี้ และขุนพลพ่ายศึกในสงครามชิงเมื

Comment

Options

not work with dark mode
Reset