Dungeon Defence – ตอนที่ 82

มันคล้ายกับปากของสัตว์ร้าย

 

ของเหลวสีดำสนิทพุ่งออกมาจากเงาของบาร์บาทอส จากนั้นมวลความมืดก็แยกเขี้ยวของมันและพุ่งเข้ามาหาผม ฟันแต่ละซี่ของมันหนาพอๆ กับปลายแขน  

กร๊าสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส อากาศกรีดร้องเพราะถูกตัดขาด สัตว์ร้ายแห่งเงาเติบโตใหญ่ขึ้นจนเป็นมวลน้ำเหมือนสึนามิ ราวกับว่ามันกำลังจะกลืนผมเข้าไปทั้งตัวในไม่ช้านี้

 

“······!?”

 

 

ด้วยสมองของตัวเองที่ได้รับรู้ว่ากำลังอยู่ในอันตราย  สภาพแวดล้อมของผมเริ่มเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่ช้าลงกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด ที่ไหนก็ได้. ผมต้องหลบฉากออกไปที่ไหนสักที่ แม้ว่าผมจะไม่แน่ใจว่าสึนามิสีดำทำมาจากของเหลวชนิดใด แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่น่ารักเท่า H2o เเน่ๆ

 

ขึ้นลงซ้ายขวา. ตาของผมมองหาด้านที่เงามีมวลน้อยกว่าส่วนอื่นๆ ในขณะที่ผมกำลังจะหลบฉากไปทางขวา ผมก็ต้องพบกับความจริงบางอย่าง

 

ฟาร์นาเซ่

 

ฟาร์นาเซ่ ยืนอยู่ข้างหลังผม

 

ถ้าผมขยับออกจากตำแหน่งเดิม เงาจะเข้ากลืนเธอทันที

 

หัวของผมร้อนขึ้นขณะต้องพยายามแยกแยะลำดับความสำคัญของตัวเอง ความปลอดภัยของผมหรือความปลอดภัยของ ฟาร์นาเซ่ จิตสำนึกของผมกำหนดว่าสิ่งใดมีลำดับความสำคัญสูงกว่ากัน

 

‘ทิ้งเธอซะ’

 

สุดขอบสติตัวเองประกาศกร้าว ตัวเองย่อมสำคัญกว่าฟาร์เนเซ่ ถ้าตัวเองตายมันจะไม่มีค่าอะไรเลย อย่างไรก็ตาม การตัดสินที่ละเอียดและซับซ้อนได้ทำให้การกระทำที่ออกมาล่าช้าเกินไป

 

‘ผมทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับที่คิดไว้ทั้งหมด เอาตัวบัง ฟาร์นาเซ่ และปกป้องเธอ’

 

‘เหลวไหลสิ้นดี’

 

‘ไม่มีทางที่ บาบาร์ทอส จะฆ่าผมตายคาที่ทันทีหรอก บาร์บาทอสไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการทำแบบนั้น อย่างมากที่สุด ทั้งหมดที่เธอทำเเค่ทำร้ายผม แต่ฟาร์เนเซ่แตกต่างออกไป ในสถานะตำแหน่งของ บาบาร์ทอส ไม่ได้สนใจเลยว่า ฟาร์นาเซ่ จะตายไปสักกี่ครั้งก็ได้ ดังนั้นเเล้ว ฟาร์นาเซ่ จะตายถ้าผมหลบออกไปตอนนี้’

 

‘และ?’

 

‘และ.’

 

ฟาร์นาเซ่ เป็นลูก ลาพิส และเป็นลูกของผมด้วย

 

 

 

“·······”

 

สิ้นสุดการพิเคราะห์สถานการณื.

 

 

หมดสิ้นประเด็นจะหยิบยกมาโต้เเย้ง เมื่อถึงจุดนั้น จิตสำนึกของผมก็สิ้นสุดการคำนวณทันที

 

ผมหยุดการเคลื่อนไหวที่จะทำให้ร่างกายหลบไปทางขวา เมื่อรู้ตัวช้าไปเเล้ว ร่างกายของผมก็เคลื่อนไหวอย่างเร่งรีบราวกับว่ามันช้าเกินไป ผมหันหลังไปทั้งอย่างนั้นและกอด ฟาร์นาเซ่ เนื่องจากผมกอด ฟาร์นาเซ่ ไว้ทั้งตัว ผมเกือบจะสามารถสวมกอดทั้งร่างกายฟาร์นาเซ่ได้สมบูร์ เจ้าตัวเล็กฟาร์นาเซ่ดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมอกของผม

 

“ฝ่าบ······”

 

ก่อนที่เธอจะพูดคำว่า ‘ฝ่าบาท’ จบ

 

ผมสัมผัสได้ถึงเงาของสัตว์ร้ายที่เเผ่กระจายอยู่เหนือเราในอากาศ ฟาร์นาเซ่ ยังคงมีชีวิตเเละปล่อยลมหายใจออกมาอยู่ เเม้สภาพแวดล้อมของเราจะกลับมาเป็นปกติ เเต่ตอนนี้วิธีหลบหลีกการโจมตีก็ไม่สามารถทำได้เเล้ว

 

มันช่วยไม่ได้ เมื่อใดก็ตามที่มีภัยใกล้เข้ามา ผมจะเป็นคนที่ทำตามลำดับความสำคัญของของตัวเองเสมอ ผมเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆๆเเล้ว

 

ผมจะทำอะไรได้บ้างกัน ได้แต่หวังว่าบาร์บาทอสจะยอมใจอ่อนให้ผมหน่อย ผมกอดฟาร์นาเซ่แน่นและหลับตาลง

 

⎯⎯⎯ในทันใดนั้น บางสิ่งที่คล้ายกับสายลมพัดมาที่แก้มของเรา

 

ดูเหมือนว่าเงาของสัตว์ร้ายที่จะเข้ามาปกคลุมเราในไม่ช้า ได้หยุดอยู่ที่ไหนสักแห่งในอากาศ และไม่มีสัญญาณของสิ่งอื่นใดกำลังเข้ามาใกล้เราอีกต่อไป เมื่อผมเงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวัง ผมก็เห็นเสื้อคลุมสีดำ 7 ตัวพริ้วไสวอยู่ข้างหน้าผม

 

หมวกทรงกรวย 7 ใบ

 

ไม้เท้า 7 อัน.

 

“ฮะฮะฮะฮะฮะ”

 

ราชองครักษ์ของผม

 

เหล่าพี่น้องเบอร์เบเร่

 

“ท่านทำแบบนี้ไม่ได้ ท่านทำแบบนี้ไม่ได้ มันเป็นปัญหาสำหรับพวกเราเเน่ๆ ถ้ามาสเตอร์คนเดียวของเราได้รับบาดเจ็บ”

 

กลุ่มแม่มดมีฮัมบาบาเป็นหัวหน้า กำลังยกไม้เท้าขึ้นและมีเสื้อคลุมสีดำพัดปลิวอยู่ซึ่งผมได้ให้มันเป็นของขวัญแก่พวกเธอในคราวที่แล้ว

 

สัตว์ร้ายเงาถูกไม้เท้าขวางกั้นไว้และไม่สามารถเข้าใกล้ได้อีก มันแค่ดิ้นไปมาอย่างน่าขนลุกและกำลังทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อค้นหาเส้นทางอื่นเพื่อเข้ามาด้วยการดิ้นไปมารอบๆ ทุกครั้งที่ทำเช่นนั้น แม่มดจะเปลี่ยนทิศทางของไม้เท้าเล็กน้อยและขัดขวางสัตว์ร้ายไว้

 

โฮกกกก(ปิ๊ป) ฮ๊ากก เสียงคำรามผิดหวังไหลออกมาจากกระเพาะของสัตว์ร้าย ฮัมบาบาหัวเราะโดยไม่สะทกสะท้าน

 

“นี่อะไร? ปีศาจของ อจิลิส? อ่าฮะฮ่า? นี่มันปีศาจโบราณที่เราเคยรู้จักนี่ คิดว่ามันเมื่อประมาณ 300 ปีที่แล้วตั้งแต่ที่เราเห็นครั้งสุดท้าย สมกับที่เป็นบาบาร์ทอสของ ท่านจริงๆ อ่าฮะฮะฮะ เราพูดได้ไหมว่าบาร์บาทอสเป็นของท่านน่ะ? โปรดอย่าใส่ใจเสียงอันรุนเเรงของเราเลย พวกเราก็เเค่คนเซ่อซ่าเเต่ก็มีความพิเศษ พวกเราก็มีจิตเคารพอย่างธรรมชาติต่อคนที่อยู่สูงกว่าเรา”

 

This is really an ancient familiar. I think it’s been around 300 years since I’ve last seen one. Should I say that’s indeed Her Highness Barbatos for you? It’s not only high-toned for the likes of us but since even the familiar’s grub is extraordinary as well, respect forms naturally in low people like us.”

 

“·······”

 

บาร์บาทอสขมวดคิ้ว

 

“พวกเเก. พวกเเกกล้าดียังไงไม่รู้จักเจียมตัว รู้สถานะของตัวเองเสียบ้าง”

 

“ใช่ เราเข้าไปยุ่งทั้งที่ไม่รู้ว่าสถานะของเราคืออะไร เราขอโทษ แม้ว่าคนอย่างเรานั้นจะต้อยต่ำที่สุด แต่เราก็มีโรคร้ายแรงที่เราจะตายหากไม่สามารถปกป้อง ฝ่าบาทดันทาเลี่ยน ได้หรอกน้า โดยธรรมชาติแล้ว โรคนี้เป็นโรคที่รักษาไม่หายเหมือนเป็นเรื่องโง่เง่ามากๆเลยหล่ะ แต่คนอย่างเราที่ขึ้นชื่อไปเเล้วว่าเป็นพวกโง่เง่าไม่ใช่หรอกหรือ? เราหวังว่าสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่อย่าง เช่น ฝ่าบาท จะเข้าใจอย่างโอบอ้อมอารีนะเพคะ”

 

ฮัมบาบาหัวเราะ ขณะที่เธอทำเช่นนั้น แม่มดคนอื่นๆ ก็หัวเราะคิกคักตามเช่นกัน

 

เมื่อการประจันหน้าดำเนินไปนานขึ้น แม่มดจำนวนมากในกองทัพของผมก็เริ่มมารวมตัวกันอย่างช้าๆ ก่อนที่ผมจะรู้ตัว ราชองครักษ์ของผมซึ่งเป็นแม่มด 20 คน รายรอบตัวผมไว้โดยไม่เว้นแม้แต่มีช่องว่าง

 

“อ๊า เด็กอย่างพวกเราที่อาศัยอยู่ในความมืดรู้จักเจ้านี่ดี เเละพวกเราผู้ต่ำต้อยยังรู้วิธีกำจัดเจ้าสิ่งนี้อีก รู้ไหมล่ะ? แม้ว่าว่าเราจะสามารถกำจัดมันได้ในทันที แต่เราก็รออย่างอดทนเพราะความเคารพที่มีต่อฝ่าบาทนะเพคะ”

 

กร๊าสสสส······สัตว์เงาร้องคร่ำครวญ ของเหลวสีดำตกลงบนพื้น

 

สัตว์ร้ายได้หดตัวลงจนไม่สามารถขยับได้สักนิ้วและสั่นราวกับว่ามันกำลังถามเจ้านายของมันว่าควรทำอย่างไรในตอนนี้

 

“ชิส์”

 

บาบาร์ทอส จิ้มลิ้นของเธอ ทันทีที่เธอดีดนิ้ว สัตว์ร้ายก็แยกตัวออกจากกันในทันที ของเหลวสีดำซึมเข้าไปในดินและหายไปทั้งอย่างนั้น

 

“ข้าจัดการมันไปเเล้ว ข้าฆ่ามันก่อนที่มันจะร้องเเละคลุ้มคลั่งไปมากกว่านี้ ·································· น่าประทับใจ ไอ้ดันทาเลี่ยน น่าประทับใจอย่างมากๆ ข้านึกว่าจริงๆแล้วเเกกลายเป็นบ้าไปคนเดียว เเต่ดูเหมือนว่าพวกเเกเเม่งถ้าจะบ้าไปทั้งกลุ่มเเล้ว”

 

บาร์บาทอสถ่มน้ำลายลงบนพื้น

 

“พูดจาได้ไพเราะเหลือเกินนะเจ้าพวกเหล่าหนอนวิญญาณที่เน่าเปื่อยทั้งหลาย เเกทำยังไงถึงทำให้พวกเเม่งเชื่องเหมือนสัตว์เลี้ยงได้กัน? หืม? คู่หมั้นของเเกเป็นลูกครึ่ง แม่ทัพของเเกเป็นมนุษย์ตัวเมีย และราชองครักษ์ของเเกเป็นแม่มดใช่ไหม? มองไปที่เหรียญตราที่ติดอยู่ที่หัวของพวกมันสิ พวกมันทั้งหมดเป็นควาทดิไฟลัส เช่นกันไหมล่ะ? ว้าว.เเกกำลังสนุกอยู่ที่เลี้ยงพวกมันไว้อยู่เหรอ นี่เเกรู้ไหมว่าสุนัขตัวเมียพวกนั้นมันยอมพลีกายเพื่อเหล่าจอมมารไปกี่ครั้งเพื่อที่จะได้ ควาทดิไฟลัสมา? ควายเอ้ย เฮ้ย ไอ้รูตูดไอ้พวกผู้หญิงบ้ากามพวกนั้นมันมันทุ่มเทมากจนขนาดข้ายังได้รู้ได้เลย”

 

 

 

 

ฮัมบาบาพยักหน้าเห็นด้วย

 

 

“อ่าฮะ ถ้อยคำอันสง่างามของฝ่าบาทบาร์บาทอสนั้นถูกต้องทีเดียว มาสเตอร์ อันที่จริง เราเสียใจจริงที่เราได้เเค่เป็นที่สองในทวีปปีศาจเพราะรูตูดเรามันหลวมน้อยไปหน่อย อย่างไรก็ตามไม่ต้องกังวล! เราสัญญาว่าตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป และจนถึงวันที่เราตาย เราจะขยายรูก้นของเราให้เจ้านายของเราและเพื่อเจ้านายของเราเท่านั้น ท้ายที่สุดนี้! นี่คือสิ่งที่เราต้องทำเพื่อมาสเตอร์

 

บาร์บาทอสกัดฟันของเธอ

 

“ไอ้พวกเเม่มดหัวขวด ไอ้พวกผู้หญิงเลวบ้ากาม พวกมันไม่รู้ร้อนรู้หนาวห่าอะไรเลยแม้ว่ามันจะสาบานตนออกมาหน้าด้านๆก็ตาม·······”

 

อืมม.

 

นั่นเป็นสิ่งที่ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง

 

ผมถอนหายใจและพูดกับฮัมบาบา

 

“ขอบคุณ. ดูเหมือนว่าผมจะเป็นหนี้เธอในตอนนี้”

 

“อ่าฮะ มันจะไปเป็นหนี้ได้ไงเล่า? ราชองครักษ์คือสิ่งที่ท่านแต่งตั้งเพื่อใช้ในเวลาเช่นนี้ แต่ถ้าฝ่าบาทรู้สึกขอบคุณต่อเราจริงๆ ได้โปรดประทานพระหฤษทานแก่เราในวันนี้ได้มั้ยน้าา”

 

เจ้าพวกเเม่มดพวกนี้ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

 

·····ตอนนี้ ผมสามารถผ่านวิกฤตนี้ไปได้เเน่ๆ ผมควรทำอย่างไรต่อจากนี้ดี ก่อนอื่นเลย ต้องหาคำตอบว่าทำไมบาร์บาทอสถึงทำตัวก้าวร้าวก่อน

 

นกการ้อง บินไปมาและเกาะอยู่บนหมวกและไม้เท้าของแม่มด เนื่องจากแม่มดเป็นชาวไพร่จึงไม่กล้าปริปากต่อว่าบาร์บาทอสได้ รู้สึกเหมือนกับว่าอีกาที่ร้องก๊า ก๊า กำลังทำตัวกบฏต่อบาร์บาทอสเเทน ยิ่งไปกว่านั้น แม่มดซึ่งร่างกายถูกปกปิดโดยเสื้อคลุมสีดำของตัวเอง ปรากฏราวกับว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายและจิตวิญญาณเหมือนกับอีกา เหนือหมวกทรงกรวยและอีกา บาบาร์ทอส ตะโกนเสียงดัง

 

“เฮ้ ดันทาเลี่ยน! เเกจะเอาแบบนี้กับข้าจริงๆใช่มั้ย ฮะ? พวกเราจะตบตีกันและเลิกร้างกันไปแบบนี้เลยเอาไหม? แค่นับอาชญากรรมที่เเกก่อไว้ตอนนี้ ไอ้เชี่ยเอ้ย การทรยศต่อเผ่าพันธุ์ การขัดคำสั่งต่อหน้าศัตรู การก่อการกบฏของกลุ่มตัวเอง หรือแม้แต่ความนอกรีตของเเกก็ด้วย! ไม่มีใครบ่นอะไรได้เลยนะเว้ยถ้าข้าฉีกทิ้งเเกและตรวจดูสีลำไส้ของเเกตอนนี้น่ะ! ข้าเสนอเเค่เด็กผู้หญิงคนนั้นให้เราก็เท่านั้นเเล้วเรื่องทุกอย่างมันก็จะจบด้วยดีในขณะที่ข้ายังพูดดีกับเเกด้วยอยู่!”

 

“·······”

 

นั่นมันคือไอ้นั่นสินะ?

 

ผมเข้าใจเเล้วว่าทำไมบาร์บาทอสถึงทำตัวหยาบคายเกินความจำเป็น บาร์บาทอส ต้องการให้ ฟารนนาเซ่ แบกรับโทษทั้งหมดไป ทำให้ บาบาร์ทอส สามารถลดโทษทั้งหมดที่เข้ามาหาผมเเทนได้ ในมุมมองของ บาบาร์ทอส เธอทำอย่างนั้นเพื่อผมเอง นี่เป็นวิธีแสดงความอาทรที่บาร์บาทอสยื่นให้ผม

 

ยังไงก็ตามเเต่

 

“ผมขอโทษด้วย ท่านเจ้าคุณ บาร์บาทอส”

 

ผมก้มหัวลง

 

ผมซาบซึ้งในความรู้สึกของเธอ แต่คงต้องขอปฏิเสธ

 

“แม้ว่าเด็กคนนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่เธอก็เป็นเด็กที่ผมตัดสินใจเลี้ยงและเธอเป็นข้าราชบริพารที่ผมต้องรับผิดชอบ เนื่องจากผมเป็นผู้แต่งตั้งให้เด็กคนนี้เป็นผู้รักษาการแทนแม่ทัพ ผมจึงเป็นคนส่งเธอออกไปกล่าวสุนทรพจน์ด้วยตัวเอง หากนายพลฟาร์เนเซทำผิดพลาด นั่นเป็นความผิดพลาดของผมเช่นกัน และหากมีบางสิ่งที่นายพลฟาร์นาเซ่ต้องรับผิดชอบ นั่นเป็นภาระที่ผมต้องแบกรับไปด้วยกัน”

 

“······ฝ่าบาท”

 

ฟาร์นาเซ่ ที่อยู่ในอ้อมแขน กำลังมองตรงมาที่ผม ผมสงสัยว่าคงเธอเป็นห่วงผม ผมตกใจจนแทบจะสำลักอากาศออกมาเสียงดัง

 

พ่อกับผมเราต่างกัน

 

ผมจะไม่แบกรับใครไว้ ถ้าผมไม่สามารถรับผิดชอบพวกเขาได้ตั้งแต่แรก และถ้าผมรับพวกเขาเข้ามาเเล้ว ผมก็ต้องแบกรับภาระนั้นไว้จนถึงที่สุด

 

แน่นอน ถ้าผมรับผิดทั้งหมดแทนฟาร์นาเซ่ แผนการของผมที่จะลบ ไพม่อนออกไป คงต้องยอมเเพ้ไปก่อน อย่างไรก็ตาม ผมมันเป็นอัจฉริยะ ผมมีแผนเสมอ ผมยังมีไพ่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อ หากมีสิ่งใดสิ่งกีดขวางทาง  มันก็รังเเต่จะทำให้ผมรู้สึกสนุกมากขึ้นเท่านั้น

 

ผมลูบหลังฟาร์นาเซ่ด้วยแขนขวา เธอยังเด็กเกินไปที่จะกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของผมนะ เด็กน้อยเอ๋ย หากเธอยังเป็นเด็ก ก็จงทำตัวให้เหมือนเด็กและได้รับการคุ้มครองโดยผู้ใหญ่อย่างเชื่อฟังซะ

 

“·······”

 

ฟาร์นาเซ่ พยักหน้าเล็กน้อย เธอค่อย ๆ วางศีรษะของเธอซบหน้าอกของผม แม้ว่าเราจะไม่ได้เกี่ยวพันกันด้วยสายเลือดหรืออย่างอื่น ลูกสาวที่ผมกับลาพิสตกลงใจที่จะเคียงบ่าเคียงไหล่ก็พึ่งพาผมดั่งลูกเช่นนั้น

 

สายตานั้นคงทำให้เธอไม่พอใจมากที่สุด บาร์บาทอสถ่มน้ำลายออกมาอย่างรุนแรง

 

“ฮะ แล้วไง? เเกจะดิ้นหนีเหมือนงูเลื้อย โดยไม่ต้องรับผิดชอบใด ๆ ทั้ง ๆ ที่เเกขัดขืนวินัยทหารต่อหน้าต่อตาข้างั้นเรอะ? เเกคิดว่าเเค่ฉี่ใส่ตาข้าจนข้ามองอะไรไม่เห็นเเต่ข้าก็ยังเห็นเว้ยดันทาเลี่ยน? เพราะข้าไม่อยากเห็นวินัยทหารพังทลายแม้ว่าข้าจะต้องตายก็ตาม”

 

ผมส่ายหัว

 

“เเม้เเต่ผมเองก็รู้ดีว่า ท่านเจ้าคุณ ให้ความสำคัญกับกฎเกณฑ์ทางการทหารมากแค่ไหน ผมไม่มีความตั้งใจแม้แต่น้อยที่จะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบของผมเอง ผมจะแบกรับความผิดของเเม่ทัพ ฟาร์นาเซ่ เองด้วยเช่นกัน ท่านเจ้าคุณ ได้โปรดประหารผมด้วย”

 

“อะไรวะ?”

 

“ผมได้ร้องขอให้ประหารชีวิตผมเอง”

 

ผมมองไปรอบๆ อย่างใจเย็น บรรยากาศโดยรอบต่างตึงเครียด ด้วยเหตุผลบางอย่าง ดูเหมือนว่า ไพม่อนเองก็ กำลังมองมาทางนี้ด้วยใบหน้าที่ดูเหมือนกังวลอะไรบางอย่างด้วย ผมประกาศกร้าวโดยไม่ไตร่ตรองถึงความหมายเบื้องหลังการแสดงใดๆนั้นออกมาทันที

 

“อันดับ 71 จอมมารดันทาเลียน ขอสละอำนาจของตนเองในฐานะจอมมารและนำตัวเองเข้ารับการพิจารณาคดีทางทหารที่นี่”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

…………………………………………………………………………………………….

ผมลงเล่ม 2 ให้ครบเเล้วนะครับไปลองย้อนอ่านกันได้เลย 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Dungeon Defence

Dungeon Defence

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Dungeon Defenceคุณทราบหรือไม่ว่าโลกนี้สิ้นสุดได้อย่างไร? [Yes] [No] “เจ้าเชื่อในเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติหรือไม่?” “ขออภัยฝ่าบาท แต่หญิงสาวผู้นี้ไม่เชื่อในเรื่องงมงาย” “น่าเสียดาย ทั้งที่เรื่องลี้ลับธรรมชาตินั้นมันออกจะสุดยอดเลยแท้ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมันเป็นข้าผู้นี้คงไม่ได้มีชีวิตชีวาถึงขนาดนี้หรอก” รอบตัวของสองคนนั้นไร้ซุ่มเสียงใด ๆ มีเพียงกลุ่มคนห้าพันคนต่างนิ่งเงียบคอยสดับรับฟังบทสนทนาของคนสองคนเบื้องหน้าพวกเขา ฝ่ายหนึ่งเป็นหญิงสาวสวยสดงดงามตระการตา เธอเป็นทั้งขุนนางปกครองของเมืองนี้ และขุนพลพ่ายศึกในสงครามชิงเมื

Comment

Options

not work with dark mode
Reset