Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล – ตอนที่ 25 คริสตัลเมไจ (3)

บทที่ 25 คริสตัลเมไจ (3)
เมื่อลุคเดินเข้าไปในห้องของเขา เขาก็ได้ทิ้งตัวลงบนเตียงและพยายามเข้านอนทันที ร่างกายของลุคนั้นเหนื่อยล้าจากการเดินทางเป็นอย่างมากและเขาก็รู้ถึงความจริงในข้อนี้ดี แต่เขาก็นอนไม่หลับ
มันเป็นเพราะเขายังต้องคิดตัดสินใจว่าจะทำอะไรไปในอนาคต
เขาได้ประสบความสำเร็จในจุดมุ่งหมายประการแรกเรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือการชำระหนี้และปกป้องกิกันท์ไม่ให้ถูกขายออกไป อย่างไรก็ตามมันก็ยังเหลืออยู่อีกสองประการใหญ่นั่นก็คือ
“การโค่นล้มจักรวรรดิบาร็อคและหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัส!”
“ข้าจะไม่มีวันให้อภัยพวกเจ้าแน่!”
พวกมันทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่ทำลายชีวิตที่เขาและคาธารีน่าควรจะได้ใช้ร่วมกัน และยังเป็นพวกที่ขโมยผลงานการวิจัยของเขาที่ศึกษามาจากเวทมนตร์แห่งความมืดเพื่อใช้ในการขยายอำนาจและกดขี่ข่มเหงผู้คนอีก
“แม้ว่าพ่อมดแห่งหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัสในตอนนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกพ่อมดที่ชั่วร้ายในอดีต แต่พวกมันก็ยังเป็นคนที่ทำบาปที่ยิ่งใหญ่ไว้ นั่นก็คือการพรากสิ่งสำคัญของผู้คนไป”
เช่นเดียวกับพวกบาล็อค
พวกมันสนุกกับการสร้างอาณาจักรของตนเองด้วยความช่วยเหลือของหอคอยเวทมนตร์เวอริทัส
ลุคมองว่าอำนาจและการกระทำที่ไม่ยุติธรรมเช่นนี้สมควรที่จะถูกกำจัดออกไป
“แต่จะทำอย่างนั้นได้ ข้าก็ต้องมีพลังที่แข็งแกร่งกว่านี้ซะก่อน”
และเพื่อให้ได้มาซึ่งพลังที่แข็งแกร่ง เขาจึงต้องเพิ่มพลังของทั้งตัวเขาเองและกองกำลังของเขาด้วย
เหล่าอัศวินที่อยู่ใต้การปกครองของเขานั้นล้วนมีศักยภายที่สามารถพัฒนาได้ เพราะฉะนั้นปัญหาใหญ่ที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือร่างกายที่ลุคนั้นครอบครองอยู่
มันเป็นอะไรที่ยากมากที่ลุคจะสามารถเติบโตและพัฒนาได้ เนื่องจากคำสาปมนต์ดำที่ติดอยู่ในร่างกายของเขา
“ข้าต้องการบางสิ่งบางอย่างที่มันเฉพาะเจาะจง..”
ลุคทำความสะอาดเสื้อผ้าและออกไปที่คอกม้าและนำม้าของเขาออกมา
“นายน้อยนี่ท่านกำลังจะไปไหนกัน?”
ทหารยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์กล่าวขณะเคลื่อนมาบังหน้าของลุค
มันเป็นเวลาไม่นานนักตั้งแต่เขากลับมา แต่ตอนนี้เขาก็กำลังจะออกไปที่ไหนก็ไม่รู้โดยไร้ผู้ติดตามอีก มันจะต้องเกิดปัญหาแน่นอนถ้าเขาเผลอไปพบเข้ากับศัตรูระหว่างทาง
“ไม่ต้องกังวลหรอก ข้าจะกลับมาในอีกไม่ช้า และถ้ามีคนถามก็ให้ตอบไปว่าข้าไปเยี่ยมชมปราสาทข้างหน้านะ”
“รับทราบขอรับ แต่อัศวินผู้พิทักษ์ของท่านละ…!”
ก่อนที่ทหารยามจะได้พูดเสร็จ ลุคก็ได้วิ่งออกไปพร้อมกับม้าของเขาเรียบร้อยแล้ว
“นายน้อย! กรุณารอสักครู่เถิด..นายน้อย!”
เหล่าทหารยามต่างก็พยายามร้องเรียกและไล่ตามนายน้อยของพวกเขา แต่ลุคก็ยังคงมุ่งไปข้างหน้าต่อไปโดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกของเหล่าทหารยาม
เพราะเวลาที่ผ่านไปกว่าร้อยปี มันจึงทำให้ทั้งป่ามืดทึบด้วยเงาของต้นไม้ใหญ่ และเมื่อเคลื่อนผ่านป่าไปลึกเท่าไหร่ โครงสร้างของปราสาทที่ทำมาจากหินสีดำก็เริ่มปรากฎให้เห็นมากขึ้นเท่านั้น
ปราสาทที่มีหอคอยสูงชันตั้งอยู่ตรงกลางนี้ เคยเป็นบ้านของลุคในอดีต ซึ่งตอนนี้มันก็เป็นสถานที่ที่ผู้คนเรียกกันว่า ‘ปราสาทราชาปีศาจ’
ตำนานเล่าว่าปราสาทราชาปีศาจถูกสร้างขึ้นโดยราชาปีศาจย์ม่อน และปราสาทนี้ก็ทำมาจากหินที่เขาได้รับมาจากสาวกปีศาจของเขา บางตำนานก็เล่าว่ามีชีวิตของผู้บริสุทธิ์นับพันที่ถูกใช้ในพิธีกรรมสังเวยหรือบูชายัญเพื่ออัญเชิญปีศาจเหล่านั้นออกมา
“หึ มันคงจะมีค่าใช้จ่ายสูงมากแน่ๆถ้าข้าจะทำให้เรื่องมันซับซ้อนแบบนั้น งี่เง่าเอ้ย!”
ลุคเย้ยหยันป้ายที่บอกชื่อของปราสาทและตำนานเกี่ยวกับที่มาของมัน
แม้ว่าเซย์มอนจะต้องการ แต่ก็ไม่มีปีศาจตัวไหนที่มีค่าพอให้เขาบูชาหรือยอมรับใช้เขาแต่โดยดี
ปีศาจที่ถูกเซย์ม่อนอัญเชิญมาทั้งหมด ล้วนแต่ก็ถูกเขาทุบตี และจับขังไว้เพื่อเป็นแหล่งพลังงานให้เขาดูดซับอีกทีหนึ่ง แต่ก็จะมีพวกมันบางส่วนที่ถูกเขาจับไปทำการทดลองเช่นกัน
ความเป็นจริงแล้ววัสดุที่ใช้ในการสร้างปราสาทก็คือหินบะซอลโง่ๆที่เหล่าคนแคระมอบให้กับเขาเพื่อใช้ในการสร้างบ้านเฉยๆ
มันไม่ได้มีการสังเวยหรือบูชายัญบ้าบออะไรเกิดขึ้นที่นี่ แม้ว่าจะมีบ้างแต่พวกมันก็เป็นเพียงพวกพ่อค้าทาสที่จับเอาผู้คนที่อ่อนแอกว่าตัวเองไปขาย ดังนั้นสิ่งที่เซย์ม่อนทำจึงเป็นอะไรที่เขาเห็นพ้องแล้วว่าสมควรและไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
แต่ผู้ชนะก็คือคนเขียนประวัติศาสตร์ ท้ายที่สุดเซย์ม่อนก็ถูกจดจำในฐานะของราชาปีศาจ
….
“งานวันนี้ก็จบลงแล้วสินะ…อา นายน้อย ท่านมาทำอะไรที่นี่กัน?”
“ข้าก็แค่อยากจะมาชมปราสาทแค่นั้นแหละ”
ลุคควบม้าไปยังจุดที่ภารโรงที่ยืนอยู่
เมื่อใกล้ถึงเวลาปิดทำการเยี่ยมชมปราสาท มันก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้เข้าชมเหลืออยู่เลย แต่สิ่งนี้ก็นับเป็นเรื่องดีสำหรับลุค เพราะเขาจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคใดๆ
เขาเดินไปตามทางเดินที่ทอดยาวและมองดูสิ่งต่างๆทั้งหมด
“ตอนนั้นข้ายังอยู่กับคาทาริน่า’
ลุคไปตามความทรงจำ
ในช่วงเวลานั้น เขาได้พบกับปราสาทหลังนี้ขณะที่กำลังหาที่หลบฝนร่วมกับคาธารีน่า
ในตอนแรกพวกเขาเข้ามาที่นี้เพื่อหาที่หลบฝนเท่านั้น แต่ต่อมามนุษย์ผู้รักการผจญภัยทั้งสองก็ได้เดินไปสำรวจรอบๆปราสาท และลงเอยด้วยการค้นพบหนังสือเวทมนตร์ที่ถูกทิ้งเอาไว้
“ในตอนนั้น ข้าพยายามที่จะกำจัดมัน แต่เพราะหนังสือเล่มนี้มีพลังเวทย์มนต์คอยป้องกันอยู่รอบตัว พวกเราจึงล้มเหลวในการที่จะทำลายหนังสือลงในที่สุด”
ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาทั้งสองจึงตัดสินใจที่จะซ่อนหนังสือเวทมนตร์แห่งความมืดเล่มนี้ไว้ในที่ที่มีแต่พวกเขาเท่านั้นที่รู้
ในภายหลังลุคซึ่งสูญเสียคาธาริน่าไปก็ได้กลับมาที่นี่อีกครั้งเพื่อปลดล็อกหนังสือเวทมนตร์แห่งความมืดและนำมันไปใช้ในการแก้แค้น
แก่นแท้ของหนังสือเวทมนตร์แห่งความมืดนั้นประกอบไปด้วยความมืดและความโกลาหล
แน่นอนว่าเวทมนตร์แห่งความมืดขั้นที่ 9 นั้นสามารถที่จะทำลายหนังสือเล่มนี้ได้อย่างแน่นอน แต่เขาไม่ได้กำจัดมันเพราะหนังสือเล่มนี้นั้นเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่สิ่งที่เขาได้แบ่งปันร่วมกับเธอผู้เป็นที่รัก
“เกิดอะไรขึ้นกับหนังสือเล่มนี้หลังจากที่ข้าตายกันนะ? รากันต์ได้กำจัดมันไปรึเปล่านะ?”
ลุคเดินเข้าไปเรื่อยๆจนถึงห้องโถงใหญ่ ในขณะนั้นเองที่เขาได้พบเข้ากับสัญลักษณ์ประหลาดบนกำแพง
“สถานที่ต่อสู้ที่ผู้กล้าใช้ต่อสู้กับราชาปีศาจเซย์มอน”
ประโยคนี้ถูกขีดเส้นใต้ด้วยสีแดง
ในความเป็นจริงการต่อสู้ระหว่างรากันต์และเซย์ม่อนนั้นเกิดขึ้นที่บริเวณด้านหน้าของปราสาทซึ่งในตอนนี้มันก็คือที่ตั้งของคฤหาสน์ในปัจจุบัน
“ไอ้พวกเ*ยนี้มันจะบิดเบือนความจริงไปอีกมากแค่ไหนกันวะ? ฮะ? แล้วนี่มันอะไรกัน? นี่พวกมันคิดว่าข้าจะนั่งไอ้บัลลังค์เด็กเล่นแบบนี้รึไงวะ?”
ลุคกล่าวขณะชี้ไปบัลลังก์ทองอันสง่างาม
มันไม่มีทางที่บัลลังก์ของเขาจะเป็นอะไรแบบนี้
อย่างไรก็ตามเมื่อลุคเข้าไปเพื่อตรวจสอบว่ามันคือทองคำแท้รึเปล่า เขาก็ได้พบว่ามันเป็นแค่บัลลังค์ธรรมดาๆที่ทาสีทองและประดับไปด้วยเศษแก้วโง่ๆเท่านั้น
“ถ้ามันเป็นของข้าจริงๆ ข้าก็คงจะซื้อมาในตอนที่มันลดราคา…”
ลุคหันหลังเข้าหากำแพงที่อยู่ข้างหลังเขา
“ไหนดูซิ ดันตรงนี้แล้วก็ต่อด้วยตรงนั้น…”
ลุคมองไปที่อิฐทั้งเจ็ดก้อนในกำแพง แล้วกดมันเป็นจังหวะ
เนื่องจากไม่ได้ใช้งานมาเป็นเวลานาน อิฐจึงเคลื่อนตัวได้ไม่ค่อยดี
นัก
คุคุคุ!
ทันใดนั้นกำแพงหินก็แยกออกจากกันและเผยให้เห็นถึงทางเดินลับที่ซ่อนอยู่
“ทักษะการสร้างของพวกคนแคระนี่ยอดเยี่ยมจริงๆ แม้จะผ่านไปกว่า 500 ปีแล้วแต่มันก็ยังสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์”
ฝุ่นที่เกาะตลอดทางเดินนั้นแสดงให้เห็นถึงว่ามันไม่มีใครเลยที่เข้ามาที่นี่ตลอด 500 ปีที่ผ่านมา มันมีเพียงแค่ ฝุ่น แมงมุมและใยแมงมุมเท่านั้น ที่ต่างไปจากที่เขาจำความได้ นอกนั้นทุกๆอย่างยังคงอยู่ที่เดิมที่เซย์ม่อนได้วางไว้
เนื่องจากทางเดินลับนี่ถูกสร้างขึ้นโดยได้รับความช่วยเหลือมาจากความรู้ของพวกคนแคระ พวกนักล่าสมบัติหรือพ่อมดที่มาเยี่ยมชมจึงไม่สามารถที่จะตรวจพบกับทางเดินนี้ได้
ในเวลาต่อมา ลุคได้เดินตามทางเดินลับไปเรื่อยๆ จนได้พบเข้ากับประตูทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่
“ในความมืดมิด ข้ากล่าวกับวิญญาณที่ส่องสว่างเพื่อเปิดทางสู่ความจริง”
เมื่อลุคกล่าวคำร่ายเสร็จ เวทมนตร์ที่ประทับอยู่บนประตูทองสัมฤทธิ์ก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง
และในที่สุด มันก็เริ่มเปิดเผยให้เห็นถึงห้องทดลองใต้ดินของลุค
“500 ปีแล้วสินะ…”
ลุคมองไปที่ห้องทดลองใต้ดินด้วยหางตา
มันมีใยแมงมุม,ฝุ่นและเชื้อราอยู่ทั่วทุกมุมห้อง นอกจากนั้นแล้วสิ่งอื่นๆทั้งหมดที่อยู่ข้างในนั้นก็ดูปกติดี
หนังสือคาถา,ขวดที่มีน้ำยาวิเศษหรือการทดลองที่เขาได้ทำค้างไว้ เมื่อเขาได้อ่านบันทึกการทดลองที่เขาได้ทำค้างเอาไว้ เขาก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“มันเป็นการทดลองที่ทำเสร็จไปแล้วเกือบ 90% …ถ้ายังงั้นข้าก็คงยังออกไปตอนนี้ไม่ได้สินะ”
ลูคเปิดหนังสือที่บันทึกการทดลองทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห้องทดลองแห่งนี้ขึ้นมาเพื่อค้นหาสิ่งที่เขาต้องการ
“ตู้เซฟที่สามนับจากขวามือ!’
ลุคเปิดตู้เซฟซึ่งอยู่ภายในตู้  สิ่งที่เขาหยิบออกมาจากตู้เซฟคือขวดที่ปิดสนิท ของเหลวสีดำโปร่งแสงในแก้วเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต
“ในที่สุดข้าก็พบเจ้า คริสตัลเมไจ!”

Emperor of Steel

Emperor of Steel

กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล เซย์ม่อน เขาคือชายผู้ซึ่งอยู่บนจุดสูงสุดของของศาสตร์มนต์ดำ เขาคือชายผู้ถูกขนานนามว่าปราชญ์แห่งความมืด เขาคือชายผู้ถูกตีตราว่าเป็นราชาปีศาจ สิ่งเหล่านี้ได้ทำให้ผู้คนต่างพากันหวาดกลัวเขา และทำให้เขาถูกสังหารลงโดยจักรพรรดิดาบในที่สุด “ไม่ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้มันจบลงแบบนี้!” ในที่สุดแล้ว ด้วยความปรารถณาอันแรงกล้าที่อยากจะมีชีวิตต่อของเขา มันได้ทำให้เขากลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง แต่โชคชะตาและความจริงนั้นโหดร้าย เขากลับมาเกิดใหม่หลังจากเวลาได้ล่วงเลยไปแล้วกว่า 500 ปี.. ชีวิตในครั้งนี้ของเขาจักถือกำเนิดใหม่ในฐานะผู้สืบทอดของศัตรูคู่แค้นของเขา จักรพรรดิดาบ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset