Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล – ตอนที่ 29 ก้าวแรก (2)

บทที่ 29  ก้าวแรก (2)
ทอดด์,กอร์ดอนและฮัมฟรี้ย์
ทั้งสามคนเป็นเพื่อนที่มาจากบ้านเกิดเดียวกันและเป็นพ่อมดที่อยู่ภายใต้การดูแลของอาจารย์คนเดียวกัน
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้มีภูมิหลังที่มีชื่อเสียงหรือมีอำนาจทางการเงิน ทักษะของพวกเขาก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรมากมาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถหางานทำเป็นเป็นแหล่งได้
จากนั้นในเวทีประลองกิกันท์พวกเขาก็ได้แพ้พนันให้กับลุคและถูกจับไปเป็นทาสของเขา
“พระเจ้าช่วย! นี่มันน่าเบื่อจริงๆ!”
“แฮ่ก แต่เราจะไม่ตายหรอ ถ้ายังรับใช้เขาต่อไป”
จอมเวทเหล็กไหลทั้งสามถอนหายใจอย่างแรง
ลุคนั้นรู้วิธีที่ใช้พวกเขาอย่างไรให้เกิดประโยชน์
เป็นเพราะจอมเวทเหล็กไหลเหล่านี้ที่มีวงเวทย์ 2 หรือ 3 วง นั้นเป็นคนที่สามารถบำรุงรักษาและซ่อมแซมกิกันท์ได้ลุคจึงเก็บพวกเขาเอาไว้
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ถูกใช้แรงงานเยี่ยงทาสตั้งแต่วันแรกที่มาถึงคฤหาสน์
เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาไม่สามารถทำงานได้ตามที่ลุคสั่ง มันก็จะมีหมัดพระราชทานมอบให้กับพวกเขาเสมอ เช่นเดียวกัน เมื่อพวกเขาทำการประท้วง มันก็จะมีลูกเตะพระราชทานมอบมาให้พวกเขาเช่นกัน
ในที่สุดพวกเขาก็ยอมจำนนต่อความรุนแรงและทำตามที่ลุคสั่งอย่างโดยดี หากพวกเขาพูดมากเกินไปหมัดและลูกเตะก็จะถูกประเคนเข้ามาหาพวกเขาอย่างถาโถม นั่นจึงเป็นสาเหตุที่พวกเขาทนทำงานอย่างหนัก
“เ*รเอ้ย! ใครมันเป็นคนเริ่มการเดิมพันกัน!”
“แต่เจ้าก็เห็นด้วย!”
“ข้ามันบ้าเอง ที่ทำตามคำพูดของเจ้า!”
ถ้าทำได้พวกเขาก็อยากจะวิ่งหนีออกไปทันที อย่างไรก็ตามทั้งสามก็ไม่สามารถทำได้ มันเป็นเพราะคำสัตย์มานาที่พวกเขากล่าวไว้ว่าจะรับใช้ลุคไปตลอดชีวิต
คำสัตย์มานานั้นเป็นพิธีกรรมเวทย์มนตร์ชนิดหนึ่งที่เหล่าพ่อมดแม่มดจะวางไว้บนวงเวทย์ของพวกเขา และมันก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้
มานาเหล่านั้นจะได้รับอิทธิพลจากเจตจำนงและคำพูดของมนุษย์
ดังนั้นเมื่อใครสักคนคิดที่จะทำคำสัตย์มานา พวกเขาก็จะต้องคิดให้ดีอย่างมีสติ เพราะหากเขาเลือกที่จะต่อต้านมันในภายหลัง มานาเหล่านั้นและวงเวทย์ของพวกเขาก็จะถูกทำลายไป
ความเจ็บปวดที่ได้รับเนื่องจากการผิดคำสัตย์นั้น กล่าวได้ว่าเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย
นั่นเป็นสาเหตุที่ถ้าพ่อมดเหล่านี้สามารถย้อนเวลากลับไปได้ พวกเขาก็จะไม่มีทางทำคำสัตย์มานากับลุคแน่นอน
“หึ!ถึงอย่างนั้น ข้าก็ไม่ควรทำตามคำสัตย์มานากับเขาจริงๆ”
“แต่เราก็ไม่สามารถจะผิดคำสัญญาที่ให้ไว้ในตอนแรกได้หรอก จริงไหม?”
“พวกเรามันโง่เองแหละ โง่ที่โดนเจ้าหนุ่มคนนั้นหลอก”
ไม่นานหลังจากการต่อสู้ของเจ้าหญิงเรย็น่าสิ้นสุดลง พ่อมดทั้งสามก็ต้องเผาเสื้อคลุมของพวกเขาเพื่อเป็นการไถ่โทษ มันมีจอมเวทเหล็กไหลจำนวนมากที่เฝ้าดูพวกเขาในตอนที่ทำสัญญาดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารภทำผิดสัญญาได้
‘เ?ย! ข้าทำไม่ได้จริงๆ!
ไม่ว่าพ่อมดอิสระจะเก่งกาจเพียงใด แต่หลังจากที่เผาเสื้อคลุมของตัวเองไปแล้ว มันก็จะทำให้การกลับมาทำหน้าที่ในฐานะพ่อมดอีกครั้งเป็นเรื่องยากอย่างแน่นอน
ข่าวลือจะแพร่กระจายไปทั่วเกี่ยวกับการไม่มีเสื้อคลุม
พวกเขาทั้งสามได้เคยพยายามพูดคุยกับลุคเกี่ยวกับเรื่องคำสัตย์ว่ายังพอมีทางเลือกอื่นอีกไหมที่พวกเขาจะสามารถทำแทนคำสัตย์ได้ แต่ลุคก็ให้แค่ทางเลือกที่เลวร้ายแก่พวกเขา
“โถ่ๆ เจ้าพ่อมดตัวน้อยของข้า พวกเจ้านั้นมีเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้น นั่นก็คือการทำคำสัตย์มานาว่าจะรับใช้ข้าไปตลอดชีวิต”
ในเวลานั้นใบหน้าของพ่อมดทั้งสามจ่างก็มีสีหน้าที่ซีดเซียว
อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องการที่จะหลีกเลี่ยงการทำตามคำสัตย์มานาข้อนี้จริงๆ
อย่างไรก็ตาม วิธีเดียวที่พวกเขาจะสามารถปกป้องความภาคภูมิใจในฐานะพ่อมดแม่มดของพวกเขาไว้ได้ก็คือ การปล่อยวางในเรื่องของวงเวทย์ ซึ่งมันหมายความว่าสื่งที่พวกเขาทำมาตลอดนั้นจะลูญเปล่าไป
“แม้ว่าเราจะพยายามหลบหนียังไง แต่การกระทำเล็กๆของพวกเราก็คงจะไม่สามารถรอดพ้นจากการเฝ้าสังเกตุของทหารยามไปได้หรอก…”
“ตอนนี้พวก_งกำลังทำอะไรวะ? นี่พวก_งลืมคำสั่งที่ที่สั่งให้พวก_งวิ่งไปอีก 50 รอบของนายน้อยไปแล้วรึยังไง?”
ทอดด์บ่นกับตัวเองเมื่อเห็นฟิลิปที่คอยจับตาดูพวกเขาอยู่ห่างๆ รีบวิ่งเข้ามาและเตือนพวกเขาเกี่ยวกับคำสั่งของลุค
การกระทำของฟิลิปนั้นเหมือนกับตอนที่คุณครูผู้ชั่วร้ายกำลังลงโทษเด็กนักเรียนของเขา
“เร็วขึ้น เร็วขึ้นอีก เร็วขึ้นอีกเรื่อยๆ ถ้า_งช้าแบบนี้พวก_งก็จะไม่สามารถรักษาคำสัตย์ที่ให้ไว้กับนายน้อยได้หรอกนะ”
“เซอร์ฟิลิปได้โปรดเถิด เพียงช่วยข้าครั้งนี้ พวกเราไม่ใช่อัศวินนะ พวกเราเป็นพ่อมด!”
“ _ไม่สนว่าพวก_งจะเป็นใคร  วิ่ง! วิ่งให้เร็ว!! วิ่งให้เร็วเร็วไปเลย!!! ถ้าพวก_งไม่วิ่ง _ก็จะเอาเรื่องนี้ไปรายงานนายน้อยแน่นอน”
กอร์ดอนผู้น่าสงสารถูกคุณครูผู้โหดเหี้ยมข่มขู่และทำร้ายร่างกายจนต้องลงไปนอนกองกับพื้น
“ไม่! ข้าทำไม่ได้! ข้ารู้สึกเหมือนกำลังจะตาย…”
ขณะลุกขึ้นจากพื้น กอร์ดอนที่พยายามจะบอกว่าเขาทำไม่ได้ก็ต้องเงียบไป
ในตอนนี้ลุคกำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่น่าขนลุกบนใบหน้าของเขา และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือไม้เรียวยาวที่อยู่ในมือของเขาในตอนนี้
“หากการตายเป็นความปรารถนาของเจ้า ข้าก็จะเป็นคนมอบสิ่งนั้นให้กับเจ้าด้วยมือของข้าเอง!”
“ไม่ไม่! ข้าจะวิ่ง ข้าจะวิ่งอย่างสุดกำลัง! ข้าอยากจะวิ่งจนตายไปเลย!”
เมื่อบ่นเสร็จพ่อมดทั้งสามรวมถึงกอร์ดอนก็เริ่มวิ่งอีกครั้ง
ในตอนที่พวกเขาประท้วงอย่างรุนแรงเมื่อสี่วันก่อน พวกเขาก็ได้ถูกลุคทุบตีอย่างหนัก จนพวกเขาคิดว่าพวกเขาจะตายไปแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาถูกซ้อมอย่างสะบัดสะบอม
นอกจากนี้ลุคยังเลือกสถานที่ที่เป็นจุดอ่อนของมนุษย์เช่นข้อต่อ
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขากลัวที่สุดคือรูปลักษณ์ของลุค รอยยิ้มที่น่าขนลุกซึ่งไม่มีใครสามารถทำได้ มันเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขากลัวแม้กระทั่งในยามที่พวกเขาหลับฝัน
“หุหุหุ ถ้าพวกเจ้าวิ่งต่อไปอีกหน่อย พวกเจ้าก็จะได้มีประโยชน์มากขึ้นไง” ลุครู้สึกพอใจมาก
ในตอนแรกเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะนำพาจอมเวทเหล็กไหลทั้งสามกลับมา เขาแค่คิดจะทำให้พวกเขาอับอาย
แต่เมื่อไม่นานมานี้ เขาก็ได้เปลี่ยนใจ
เพื่อที่จะได้แก้แค้นให้สำเร็จ เขาจำเป็นต้องพัฒนากองกำลังของตนและสิ่งต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกิกันท์
“ข้ายังต้องการพ่อมดที่ดีอีกเป็นจำนวนมาก”
ลำพังเขาเพียงคนเดียวนั้นไม่สามารถที่จะเติมความรู้และเวทมนตร์ได้เพียงพอ
ซึ่งด้วยความคิดเหล่านั้น เขาจึงต้องการคนที่จะกระโดดลงไปในน้ำเดือดได้โดยไม่ต้องคิดหรือถามอะไร
เพราะฉะนั้นการให้พวกเขาออกวิ่ง จึงเป็นการเริ่มต้นที่เหมาะสมที่สุด เมื่อพวกเขาได้ทนทุกข์เช่นนั้นแล้ว ความคิดอื่นๆทั้งหมดก็จะเริ่มหายไปและในที่สุดพวกเขาก็จะเริ่มยอมรับความเป็นจริง
และนี่คือสิ่งที่ลุคได้เรียนรู้จากนักบวช ใช่แล้ว มันคือนักบวชมนุษย์ที่เป็นคนสอนเรื่องนี้ให้กับเขา ไม่ใช่ปีศาจแต่อย่างใด
ลุคยืนอยู่ที่ข้างทางและมองดูพ่อมดทั้งสามวิ่งไปมา จากนั้นเขาจึงมุ่งหน้าไปที่ห้องทำงานของเขา
บนโต๊ะทำงานของคฤหาสน์ ที่ซึ่งกองบันทึกเอกสารถูกลุครวบรวมไว้ตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของตระกูล เขาจำเป็นที่จะต้องเข้าใจสถานะของอสังหาริมทรัพย์ดั้งเดิมซะก่อน ดังนั้นเขาจึงรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับมัน
ลุคอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในขณะที่อ่านเอกสารที่กองอยู่
“อ่า นี่มันแย่กว่าที่คิด!”
ประชากรในที่ดินแห่งนี้มีเกือบ 20,000 คนตี่บุคคลที่มีรายได้หรือทำเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้นมีน้อยมาก แถมสองในสามของที่ดินก็เป็นที่รกร้างว่างเปล่า และในป่าก็ยังมีสัตว์ประหลาดซุ่มซ่อนอยู่อีกมากมาย
เพราะฉะนั้นสถานที่ที่ดีที่สุดก็คือจุดที่อยู่ใกล้กัยคฤหาสน์และปราสาทราชาปีศาจ
“มีทหารประจำการน้อยกว่า 500 นายและมีกิกันท์เพียง 3 ตัว…”
ถึงแม้กิกันท์ทั้งสามตัวที่เขามีนั้นจะเป็นคลาสนักรบ แต่พวกมันในตอนนี้ก็จัดว่าอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเป็นอย่างมาก หากมีชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่งของมันพังลง ลุคก็จะไม่แปลกใจกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย
“อ๋อใช่ ข้าไม่ลืมเรื่องพลังของอัศวิน”
นายพลอัศวินโรเจอร์นั้นจัดเป็นผู้เชี่ยวชาญและภายในกองกำลังของเขาก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกมากถึง 10 คน
จำนวนอัศวินคือ 30 นายและเมื่อรวมเด็กฝึกงานที่มีอยู่ด้วยเข้าไป มันก็จะมีประมาณ 50 นาย มันเป็นจำนวนมากกว่าที่ลุคคาดคิดไว้
“สมแล้วที่ครั้งหนึ่งสถานที่แห่งนี้คือที่อยู่ของนักรบผู้ยิ่งใหญ่ มันจะต้องเป็นสถานที่ที่ดีที่ใช้ในการฝึกอบรมอย่างแน่นอน”
แม้กระทั่งเซย์ม่อนในสมัยก่อนก็ยังมีกองอัศวินและผู้เชี่ยวชาญเพียงไม่กี่นายเท่านั้นที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
พวกเขาบางส่วนก็เป็นพวกที่ไม่เป็นที่ต้องการของที่ที่พวกเขาจากมาหรือไม่ก็เป็นพวกที่ถูกทอดทิ้งหรือถูกขับไล่โดยผู้บังคับบัญชา
พวกเขาฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องจนในที่สุดกลุ่มของพวกเขาก็เริ่มเติบโตอย่างรวดเร็ว
…..
ลุคมองดูเอกสารอีกครั้ง
รายได้จากภาษีทั้งปีแทบจะไม่เกิน 100,000 เปโซ ในเวลาเดียวกันพวกเขาได้รับความทุกข์ทรมานจากการขาดอาหารและความอดอยากเรื้อรัง
เนื่องจากสถานการณ์ที่เป็นเช่นนี้ มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะรักษาสถานะดั้งเดิมของตระกูลและเพิ่มกำลังทหาร
“ข้าจะสามารถสู้กับจักรวรรดิและหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัสด้วยกองกำลังเหล่านี้ได้ไหมนะ”
ไม่นานนักลุคก็เปลี่ยนความคิดของเขา เขาตัดสินใจที่จะลองดูก่อน
“เมื่อวัตถุดิบมาถึงแล้ว ข้าก็จะได้เริ่มสร้างโกเลมขึ้นสักที และเมื่อโกเลมถูกสร้างเสร็จแล้วการพัฒนาดินแดนแห่งนี้ก็จะเริ่มต้นขึ้น”
ลุคกำลังวางแผนล่วงหน้าในอนาคตของเขาทั้งหมดไว้ในหัว
ก็อก!
เสียงของคนรับใช้ดังมาจากด้านนอกประตู
“เรียนนายน้อย ชายคนหนึ่งที่มาจากหอการค้าฮาเดสได้นำเอาของที่สั่งมาส่งเรียบร้อยเล้ว”
“จริงหรอ?”
ในที่สุดสิ่งที่เขารอคอยก็มาถึง ลุครู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เมื่อคิดว่าจะได้เริ่มสร้างโกเลมอีกครั้งในบ้านของเขา
 

Emperor of Steel

Emperor of Steel

กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล เซย์ม่อน เขาคือชายผู้ซึ่งอยู่บนจุดสูงสุดของของศาสตร์มนต์ดำ เขาคือชายผู้ถูกขนานนามว่าปราชญ์แห่งความมืด เขาคือชายผู้ถูกตีตราว่าเป็นราชาปีศาจ สิ่งเหล่านี้ได้ทำให้ผู้คนต่างพากันหวาดกลัวเขา และทำให้เขาถูกสังหารลงโดยจักรพรรดิดาบในที่สุด “ไม่ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้มันจบลงแบบนี้!” ในที่สุดแล้ว ด้วยความปรารถณาอันแรงกล้าที่อยากจะมีชีวิตต่อของเขา มันได้ทำให้เขากลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง แต่โชคชะตาและความจริงนั้นโหดร้าย เขากลับมาเกิดใหม่หลังจากเวลาได้ล่วงเลยไปแล้วกว่า 500 ปี.. ชีวิตในครั้งนี้ของเขาจักถือกำเนิดใหม่ในฐานะผู้สืบทอดของศัตรูคู่แค้นของเขา จักรพรรดิดาบ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset