Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล – ตอนที่ 3 ผู้สืบสายเลือดของไวท์เคานต์รากันต์ (2)

บทที่ 3 ผู้สืบสายเลือดของไวท์เคานต์รากันต์ (2)
“ข้าไม่สามารถที่จะเชื่อในคำพูดของคนพวกนี้ได้ ข้าต้องไปยืนยันมันด้วยตัวข้าเอง”
เซย์ม่อนยังไม่ปักใจเชื่อคำพูดของทั้งสองคน เขาจึงได้สั่งให้คนรับใช้ของเขาพาเขาไปยังห้องสมุดของราชวงศ์
โดยปกติแล้วห้องสมุดจะมีหนังสือที่จดบันทึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไว้เป็นจำนวนมาก และรวมถึงแผนผังตระกูลของเขาด้วย
เมื่อมาถึงห้องสมุด เซย์ม่อนก็พบเข้ากับหนังสือสองเล่มที่วางอยู่บนชั้นวางของหนังสือ ตรงหน้าปกของหนังสือทั้งสองเล่มนั้นเขียนว่า“ลำดับวงศ์ตระกูลรากันต์” และ “ประวัติศาสตร์ของทวีปโรดีเซีย”
เขาเปิดหนังสือและเริ่มศึกษาเกี่ยวกับแผนผังตระกูลของรากันต์
ทันทีทีเขาเห็นภาพของรากันต์ในส่วนแรกของหนังสือและรูปของเขาเองในส่วนสุดท้าย เขาก็ทำได้แค่ยอมรับกับตัวเองเท่านั้น
มันคือความจริงที่เขาอยู่ในร่างของเด็กหนุ่มผู้สืบสายเลือดของรากันต์
“เ_ี้ยเอ้ย!”
เมื่อเขาทำการยืนยันเสร็จเขาก็เปลี่ยนมาอ่านหนังสืออีกเล่มหนึ่ง
…..
500ปีก่อน
ในตอนนั้น ดยุกบาล็อคยังเป็นเพียงขุนนางระดับสูงของอาณาจักรลิเบียย่าที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของทวีป
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขารวบรวมขุนนางที่เชื่อใจได้เรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้ทำการแย่งชิงบัลลังก์และเปลี่ยนชื่อมาเป็น “อาณาจักรบาล็อค”
หลังจากการเสียชีวิตของเซย์ม่อนผ่านไปได้ 10 ปี   ชายที่น่ารังเกียจและลูกหลานของเขาก็ได้ทำการก่อตั้งราชวงศ์ขึ้นมาใหม่ และทำสงครามพิชิตดินแดน กลืนกินทุกชาติพันธุ์ที่อยู่รอบๆ
และเมื่อสงครามในทวีปโรดีเซียสิ้นสุดลง อาณาจักรใหม่ๆก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา มันมีพลังเทียบเท่ากับจักรวรรดิอาร์เธเนียอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งชื่อของมันก็คือจักรวรรดิบาล็อคในปัจจุบันนั่นเอง
“อาณาจักรบาล็อคเติบโตขึ้นจนกลายเป็นจักรวรรดิภายใต้การสนับสนุนของหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัสที่สามารถสร้างหุ่นรบตัวแรกที่ชื่อ กิกันท์(Gigant) ได้สำเร็จ”
เซย์ม่อนยิ้มมุมปากขณะที่กำลังอ่านประวัติศาสตร์ของทวีปโรดีเซีย  มันเป็นเพราะสิ่งที่เรียกว่า กิกันท์ นั้นดูเป็นอะไรที่น่าสนใจและน่ารำคาญในเวลาเดียวกัน
“นี่คือวอล์คเกอร์ที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์อย่างนั้นเหรอ หรือว่ามันคือโกเลมกันแน่? ฉันจะต้องศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ในภายหลัง”
แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ความสำเร็จของอาณาจักรบาล็อคและหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัสตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ปัจจุบัน พวกเขาถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธที่รู้จักกันในชื่อ กิกันท์  ขนาดของมันนั้นใหญ่กว่าหอคอยเวทมนตร์ของจักรวรรดิอาร์เธเนียถึง 2 เท่า
“นึกย้อนกลับไปในสมัยนั้นพวกมันไม่ได้ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของหอคอยที่มีชื่อเสียงด้วยซ้ำ นี่พวกมันไปค้นพบดันเจี้ยนโบราณเข้ารึยังไงกันนะ?”
หากพวกเขาเป็นคนพัฒนาอาวุธหุ่นนักรบนี่เอง อย่างนั้นแล้วเซย์ม่อนที่เคยทำงานอยู่ในนั้นก็ควรจะเคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาบ้างสิ
บางทีพวกมันอาจจะค้นพบดันเจี้ยนโบราณเข้าจริงๆหลังจากที่เขาเสียชีวิต และพวกมันก็คงจะเจอพิมพ์เขียวนี้ข้างในนั้นแน่ๆ
“ไม่ ไม่มีทาง..”
หลังจากทำการค้นข้อมูลเสร็จ เซย์ม่อนก็เดินออกจากห้องสมุดและมองออกไปนอกหน้าต่างตรงโถงทางเดิน ทันใดนั้นเองเขาก็พบเข้ากับสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ดูคุ้นเคย เพื่อยืนยันสิ่งที่เขาคิด เขาจึงถามคนรับใช้ของเขา
“เฮ้! ปราสาทหลังนั้นมันคืออะไร?”
“ปราสาทหลังนั้นเคยเป็นที่อยู่อาศัยของราชาปีศาจที่บรรพบุรุษของท่านได้ทำการสังหารมัน นายน้อยอยากเข้าไปชมมันหรือไม่”
“ราชาปีศาจ?”
“ราชาปีศาจเซย์ม่อนที่พ่ายแพ้ต่อบรรพบุรุษของท่าน และหลังจากเขาได้เอาชนะกองกำลังแห่งความมืดของราชาปีศาจเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้รับการยกย่องในฐานะของนักรบผู้ยิ่งใหญ่”
หัวหน้าพ่อบ้านฮานส์เชื่อว่านายน้อยของเขาได้ความจำเสื่อมไปแล้วจริงๆ เขาจึงเลือกคนรับใช้ผู้ภักดีให้คอยติดตามนายน้อยและให้คำอธิบายในสิ่งที่เขาอยากรู้โดยละเอียด
“ข้า..? ข้าเนี่ยนะราชาปีศาจ? แล้วนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? กองกำลังแห่งความมืด?”
เซย์ม่อนนับได้ว่าเป็นมนุษย์ผู้บริสุทธิ์คนหนึ่ง มันไม่มีทางที่เขาจะทำการอัญเชิญปีศาจและปล้นชิงผู้คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แต่แล้วความเป็นจริงนั้นก็ได้ถูกบิดเบือนไปในทิศทางตามที่คนรับใช้ได้เล่ามา
คนรับใช้ยังคงพูดต่อไปและทุกประโยคนั้นก็ไหลเข้ามาในหัวของเซย์ม่อน และเนื้อหาทั้งหมดมันก็ทำให้เขาตัวแข็งทื่อไป
“ตอนนี้ปราสาทของราชาปีศาจเซย์ม่อนได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อเป็นเกียรติสำหรับบรรพบุรุษของท่าน หลังจากการตายของราชาปีศาจ ทุกๆปีจะมีเด็กหนุ่มมากมายที่ใฝ่ฝันจะเป็นอัศวิน เดินทางมาที่แห่งนี้เพื่อเยี่ยมชมและค่าเข้าชมที่พวกเราสามารถเก็บจากมันก็นับเป็นรายได้หลักของตระกูลรากันต์”
ในการต่อสู้เพื่อล้างแค้นของเซย์ม่อน โกเลมจำนวนมากที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเขา ได้ทำให้อัศวินหนุ่มมากมายเดินทางมารวมตัวกัน  วอล็อคนั้นเลื่อมใสและชื่นชมพวกเขาที่มีเส้นทางเป็นของตนเอง แต่อย่างไรก็ตามอัศวินของตระกูลที่เข้าร่วมเหล่านั้น บ้างก็ถูกทำลาย บ้างก็ถูกขับไล่
เซย์ม่อนกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ เขาพยายามที่จะไม่แสดงมันออกมาต่อหน้าคนรับใช้
“ไปเอาเหล้าแรงๆมาให้ข้า!”
“ท่านอยากดื่มสุราอย่างนั้นเหรอครับ?” คนรับใช้ถามอย่างสงสัย
“ใช่!”
“แต่ท่านพึ่งตื่นจากการหลับใหล ข้าเกรงว่าการดื่มสุราในเวลานี้จะไม่เป็นการดีสำหรับท่าน..”
“ถ้า_ูบอกให้_ึงเอาเหล้ามา _ึงก็ไปเอาเหล้ามาสิ _ึงจะมางงอะไรกับคำสั่งของ_ูกันห้ะ?”
ขณะที่เซย์ม่อนกำลังตะโกน คนรับใช้ก็เริ่มถอยหลังไปสองสามก้าวและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็วิ่งกลับมาพร้อมกับไวน์รสเข้มข้น  เซย์ม่อนหยิบขวดไวน์ขึ้นมาและเดินตรงไปที่ระเบียงเพื่อชมวิวยามค่ำ
ในตอนนี้เขารู้สึกเหมือนเขาจะเป็นบ้าถ้าไม่ได้ดื่มเหล้าจนเมา
“มันเป็นเรื่องดีที่ข้าได้ฟื้นขึ้นมาแทนที่จะนอนตายอยู่เฉยๆ แต่ทำไมกัน ทำไมถึงต้องมาเกิดใหม่ในร่างของลูกหลานไอ้เจ้ารากันต์”
เซย์ม่อนถอนหายใจอย่างหนักขณะกำลังพยายามจะเปิดจุกไวน์ แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามซักแค่ไหนจุกมันก็ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
“ร่างกายนี้มันอ่อนแอจริงๆ”
“ท่านต้องการให้ข้าช่วยเปิดให้ไหม?”
“ไม่จำเป็น..”
 
มนุษย์นั้นมีทั้งพวกที่ฉลาดและตรงกันข้าม…
หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากคนรับใช้ เซย์ม่อนก็เริ่มดื่มไวน์ของเขา
“ไอ้เ_ี้ยเอ้ย เ_ี้ยจริงๆ ไอ้ร่างทายาทของนักรบผู้ยิ่งใหญ่นี่มันไม่มีพละกำลังอะไรเลยจริงๆสินะ”
ทันใดนั้นเซย์ม่อนก็ยุติการบ่นของเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงพลังงานประหลาดในร่างของเขา ซึ่งพลังนั้นก็น่าจะมาจากภายในร่างกายของเขาเอง
“นี่มันเป็นเพราะคำสาปแห่งมนต์ดำรึเปล่านะ?”
คลื่นพลังนี้บางเหมือนกับด้าย การปรากฎขึ้นของมันนั้นพร่ามัวอย่างมาก แต่เขาก็มั่นใจว่ามันอยู่ในร่างกายของเขาแน่ๆ
เซย์ม่อนผู้เคยเป็นถึงพ่อมดมนต์ดำขั้น 9 เขาสามารถตรวจจับมันได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่าพลังเวทย์จะหายไปแล้วแต่รอยจารึกในจิตวิญญาณของเขานั้นยังคงอยู่
“ไม่สามารถตรวจพบได้.. มันเป็นคำสาปที่รุนแรงและอันตรายมากจริงๆ นี่คงจะเห็นสาเหตุที่ทำให้ลูกหลานของรากันต์ล้มหายตายจากไปเป็นจำนวนมาก”
จากการที่เขาได้เคยไปศึกษาลำดับวงศ์ตระกูล เขาจึงได้ทราบว่ารากันต์นั้นเสียชีวิตในวัย 33 ปีและลูกหลานของเขาก็เสียชีวิตในวัยไล่เลี่ยกัน
แม้ว่ารากันต์จะเป็นถึงจักรพรรดิดาบ แต่ก็ไม่มีลูกหลานคนใดเลยที่สามารถไต่เต้ามาจนถึงขั้นปรมาจารย์ดาบได้ แม้แต่คนเดียวก็ไม่
พวกเขามักจะต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคภัยหรือจากอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง
“อย่าบอกนะว่านี่เป็นเพราะข้า?”
เซย์ม่อนเริ่มนึกย้อนกลับไปถึงคำสาปแช่งที่เขากล่าวไว้ก่อนจะเสียชีวิต
พวกวอล็อคที่เป็นพ่อมดขาวหรือพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่มักจะมีดวงวิญญาณที่แข็งแกร่ง ด้วยเหตุนี้การสาปแช่งของพวกเขาในตอนที่ใกล้ตายจึงเป็นสิ่งที่น่าเกรงกลัว
“ไม่น่าจะเป็นไปได้ ตอนนั้นวงเวทย์ได้แตกไปแล้ว แล้วคำสาปนี้มันคืออะไรกันแน่?”
แม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จในการสาปแช่งรากันต์ แต่คำสาปนั้นก็ทำได้แค่ให้รากันต์ฝันร้ายไปตลอดทั้งชีวิต  ยิ่งไปกว่านั้นเซย์ม่อนก็ยังไม่มั่นใจว่าเวทมนตร์แห่งความมืดนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับคำสาปหรือไม่  เพราะเขาไม่เคยเรียนรู้คำสาปแบบนี้และคำสาปแบบนี้เมื่อถูกร่ายมันก็จะทำลายจิตวิญญาณของผู้ใช้ไปทีละนิด
“หรือมันจะถูกสาปโดยพ่อมดคนอื่น?”
พ่อมดที่รากันต์สังหารนั้นไม่ได้มีเพียงเขาแค่คนเดียว ในบรรดาผู้ที่ถูกเขาสังหารนั้นยังมีสมาชิกของหอคอยมนต์ดำที่ติดตามเซย์ม่อนมา และพวกสาวกที่นับถือในราชาปีศาจตัวจริงและพยายามจะทำลายโลก
บางทีพวกเขาอาจจะเป็นคนสาปรากันต์
“ฉันเข้าใจแล้ว แต่ทำไมมันถึงซับซ้อนอย่างนี้ละ”
เซย์ม่อนปาไวน์ที่เหลืออีกครึ่งขวดทิ้งไปด้วยความผิดหวัง  แม้ว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาในฐานะผู้สืบสายเลือดของรากันต์แต่เขาก็มีร่างกายที่อ่อนแอและเพื่อทำให้เรื่องมันแย่ขึ้นไปอีกร่างกายนี้ของเขายังถูกสาป
ตอนนี้เขาคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขาควรใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรในอนาคต เขาควรอยู่ต่อในฐานะของผู้สืบสายเลือดของรากันต์ต่อหรือไม่
“เห้อ.. ไอ้เจ้าบ้ารากันต์นั่น..”
เซย์ม่อนถอนหายใจทิ้งอีกครั้ง เขาตัดสินใจว่าจะคิดเรื่องเอายังไงต่อไป หลังจากตื่นในวันรุ่งขึ้น…
 

Emperor of Steel

Emperor of Steel

กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล เซย์ม่อน เขาคือชายผู้ซึ่งอยู่บนจุดสูงสุดของของศาสตร์มนต์ดำ เขาคือชายผู้ถูกขนานนามว่าปราชญ์แห่งความมืด เขาคือชายผู้ถูกตีตราว่าเป็นราชาปีศาจ สิ่งเหล่านี้ได้ทำให้ผู้คนต่างพากันหวาดกลัวเขา และทำให้เขาถูกสังหารลงโดยจักรพรรดิดาบในที่สุด “ไม่ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้มันจบลงแบบนี้!” ในที่สุดแล้ว ด้วยความปรารถณาอันแรงกล้าที่อยากจะมีชีวิตต่อของเขา มันได้ทำให้เขากลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง แต่โชคชะตาและความจริงนั้นโหดร้าย เขากลับมาเกิดใหม่หลังจากเวลาได้ล่วงเลยไปแล้วกว่า 500 ปี.. ชีวิตในครั้งนี้ของเขาจักถือกำเนิดใหม่ในฐานะผู้สืบทอดของศัตรูคู่แค้นของเขา จักรพรรดิดาบ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset