Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล – ตอนที่ 32 การพัฒนาเหมือง (1)

บทที่ 32 การพัฒนาเหมือง (1)
ที่คฤหาสน์ทางตอนเหนือของเมืองลาเมอร์
มีเสียงดังมาจากคฤหาสน์ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของเคานต์โมนาร์ช
“อะไรกัน? ท่านจะทำแบบนี้ตั้งแต่เช้าไม่ได้นะ”
“ หุหุหุ ไม่ได้เหรอจ้ะ? ข้าทำอะไรไม่ได้! ข้าสามารถทำอะไรก็ได้ที่ข้าต้องการ”
ในห้องทำงาน เคานต์โมนาร์ชกำลังทะเลาะกับทุกคน เรื่องการจีบนางบำเรอคนใหม่ที่เพิ่งพาเข้ามาในคฤหาสน์
ในขณะที่เขากำลังสนุกสนานนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงของผู้ดูแลพร้อมกับเคาะประตู
“ท่านครับผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงาน!”
“ไอ้เ?ยเอ้ย ทำไมต้องตอนนี้วะ…?”
เคานต์โมนาร์ชรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก แต่ข่าวดังกล่าวไม่ได้มาจากใครคนอื่นนอกจาก โกทผู้ซึ่งเป็นที่ปรึกษาพิเศษของเขา
เขาส่งนางบำเรอของเขาออกไปยังประตูเล็กๆ ไปยังห้องถัดไปเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขา
“ ฮึ่ม! เข้ามา!”
เมื่อมีคำสั่งเข้ามาในทางเข้าประตูก็เปิดออกและโกทก็เข้ามาทันที
“อะไรคือสิ่งสำคัญที่เจ้าอยากจะรายงาน? พวกขุนนางและราชวงศ์ทะเลาะกันอีกแล้วรึไง”
ย้อนไปเมื่อ 300 ปีที่แล้ว ในตอนที่อาณาจักรพึ่งจะถูกก่อตั้งในทวีปแห่งนี้ มันได้ทำให้พวกเขากลายมาเป็นราชวงศ์ที่มีอำนาจ
พวกขุนนางที่เริ่มรู้สึกถึงวิกฤต ก็เริ่มรวมตัวกันทีละน้อยๆ ปละเรียกตัวเองว่า – ขุนนางผู้สูงศักดิ์
อย่างไรก็ตามพวกขุนนางเหล่านี้ก็ยังคงมีอำนาจน้อยกว่าขุนนางของจักรวรรดิ และอิทธิพลของพวกมันก็มักจะรุนแรงขึ้นตามกิจกาจที่จักรวรรดิครอบครอง
เป็นผลให้ขุนนางและราชวงศ์ต่างๆ เริ่มย้ายออกไปอยู่ที่อื่น
เคานต์โมนาร์ชซึ่งเป็นญาติของทางราชวงศ์ ก็ถูกบังคับให้ดูแลภูมิภาคที่สำคัญที่สุด
ดินแดนทางใต้ของจักรวรรดินั้นมีขุนนางชั้นสูงอยู่เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมีหนึ่งในสามขุนนางซึ่งก็คือ มาร์ควิสมาเยอร์แห่งดินแดนทางใต้ หากเรื่องที่พวกเขาทำผิดถึงหูของเมเยอร์สแล้วละก็ พวกเขาก็อาจจะถูกเนรเทศได้
“นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เราได้ค้นพบตัวตนของอัศวินทมิฬที่ทำให้ท่านต้องสูญเสียเงินไปเมื่อวันก่อน”
“อะ.. อัศวินทมิฬ!”
ความกลัวปรากฏออกมาในสายตาของเขา เคานต์โมนาร์ชถามขณะที่เขากระโดดขึ้นจากที่นั่ง
การเดิมพันกับเรย์น่านั้นเป็นอะไรที่มีความสำคัญอยู่พอสมควร
เงินหลายแสนเปโซถูกใช้ไปในเงินเดิมพันที่วางเอาไว้
แต่แล้วคนขับกิกันท์รับจ้างคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาในเกมและขว้างโคลนด้วยความพยายามของพวกเขา
“ใครกันที่รู้ว่ามันเป็นใคร? นี่มันทำงานให้กับขุนนางที่อยากจะขัดขวางข้าอย่างนั้นหรอ?”
“ไม่ใช่เลย…”
โกทเปิดเผยข้อมูลที่เขารวบรวมในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ใบหน้าของเคานต์โมนาร์ชเปลี่ยนไปอย่างบิดเบี้ยวหลังจากได้ยินข้อมูลที่โกทรวบรวมมา
“อัศวินทมิฬคนนั้นเป็นคนรับใช้ของตระกูลรากันต์อย่างนั้นหรอ?”
“ใช่. ในช่วงเวลานั้นเขาได้ปรากฏตัวในเวทีพร้อมกับเจ้านายของมัน”
“ …ไม่  ไอ้เจ้าลุคคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง?”
เคานต์ถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจว่าเป็นไปได้อย่างไร
เขาได้รับข้อมูลมาว่าผู้สืบสายเลือดคนสุดท้ายของตระกูลรากันต์นั้นได้เสียชีวิตไปแล้วจากอาการบาดเจ็บที่สมองเพราะอุบัติเหตุขณะควบคุมกิกันท์
“นั่นนั่นนั่น…”
เมื่อเห็นว่าโกทตอบไม่ได้เคานต์โมนาร์ชที่มีสีหน้าบิดเบี้ยวจึงถามว่า
“ทำไมเจ้าถึงตอบไม่ได้! ไหนเจ้าบอกว่าผู้ชายคนนั้นได้ตายไปแล้วไง?”
“นั่นคือสิ่งที่ข้าคิด เป็นเรื่องจริงที่เขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ”
แต่เขายังมีชีวิตอยู่และสบายดี
การรอดชีวิตจากอุบัติเหตุของลุคนั้นไม่ได้ทำให้เคานต์โมนาร์ชโกรธแต่อย่างใด แต่การที่เขาไปที่เมืองลาเมอร์และเข้าไปยุ่งการเดิมพันต่างหากที่ทำให้เคานต์โกรธ
“ว้ากก!  พวก_งกำลังทำอะไรอยู่วะ? ถ้าพวก_งส่งมันให้ไปตายตั้งแต่แรก มันก็คงไม่ได้ช่วยเหลือเจ้าหญิงและเข้าใกล้เธอมากขนาดนี้หรอก!”
ย้อนไปเมื่อสองเดือนก่อน เคานต์โมนาร์ชได้วางแผนที่จะกำจัดลุคทิ้ง เพื่อหวังที่จะหุบเอาที่ดินของรากันต์มาเป็นของตัวเอง
เขาได้ทำการซื้อหัวหน้าภาคสนามคนหนึ่งและตัดสินใจที่จะฆ่าลุคด้วยการเปลี่ยนเครื่องยนต์หลักของกิกันท์ที่เขาขับ
แต่แผนล้มเหลว
ขณะที่เคานต์โมนาร์ชกำลังสบทอย่างโกรธเกรี้ยว โกทคุกเข่าลงบนพื้น
“ข้าต้อฃขออภัยเป็นอย่างสูงจริงๆท่านเคานต์! ครั้งนี้ข้าจะไปฆ่าไอ้ขยะนี่เอง!”
ในความเป็นจริงแล้วโกทไม่ได้อยากที่จะฆ่าใครมากนัก แต่เมื่อใดก็ตามที่เคานต์โมนาร์ชหมดอารมณ์ เขาก็มักจะชอบให้คนรับใช้ทำเช่นนั้น
ว้า! พุก!
เคานต์โมนาร์ชที่กำลังโกรธก็ได้พูกขึ้นมา
“หึ! เจ้ายังไม่ได้ทำลายหลักฐานหรือเบาะแสใช่ไหม?”
โกทที่ยืนขึ้นก็หันกลับมาและตอบว่า
“ข้าได้จัดการกับพวกเขาเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะตรวจสอบสักแค่ไหน พวกเขาก็จะไม่รู้แน่นอนว่าเราเป็นคนทำ”
“งั้นก็ดีแล้ว”
หากพวกของลุครู้ว่ามือขวาของเขาเป็นคนทำเรื่องแบบนี้ ปัญหาเล็กใหญ่ก็จะตามมาทีหลังแน่นอน
มันไม่ใช่ว่าเขากลัวสายเลือดของรากันต์
แต่หากมาร์ควิสเมเยอร์สและลอร์ดคนอื่นๆของทางใต้จับได้ว่าพวกเขาเป็นคนลงมือทำเรื่องเหล่านี้ สิ่งต่างๆก็อาจจะเปลี่ยนไปในทางที่เลวร้ายแน่นอน
แม้ว่าเขาจะเป็นขุนนางใหญ่อันดับสองในภาคใต้ แต่เขาก็ไม่สามารถรับมือได้แน่นอนหากต้องเป็นศัตรูกับทุกคน
“อึก! ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมจักรพรรดิถึงยังคงนิ่งเฉยต่อเรื่องของขุนนาง ข้าละอยากจะระดมกองทัพและกวาดล้างพวกเขาจริงๆ”
‘ถ้าพวกเราทำอย่างนั้นสาธารณรัฐโวลก้าและจักรวรรดิอาร์เทเนียศักดิ์สิทธิ์ก็คงจะไม่อยู่นิ่งแน่นอน’
มันเป็นเรื่องปกติที่จะต้องการโจมตีศัตรู แต่ว่าการกระทำแบบนั้นก็จะดึงดูดศัตรูจากภายนอกมาเช่นกัน
เพราะเหตุนี้จักรพรรดิรูดอล์ฟจึงไม่สามารถกวาดล้างขุนนางคนอื่นๆได้
อย่างไรก็ตามโกทตัดสินใจที่จะไม่พูดคำพูดของเขาในตอนนี้ ถ้าเขาทำแบบนั้นต่อหน้าเคานต์โมนาร์ช สิ่งที่เขาจะได้รับก็จะมีเพียงความเสียหายเท่านั้น
และสาเหตุที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งที่ทำให้เคานต์โมนาร์ชต้องการที่ดินของตระกูลรากันต์ก็เป็นเพราะความก้าวหน้าในการทำลายการปิดล้อมของขุนนางฝ่ายใต้
เมื่อมีการเปิดถนนใหม่ทางด้านตะวันตกของจักรวรรดิ มันจึงมีความเป็นไปได้ที่จะเชื่อมต่อที่ดินของรากันต์กับทางตะวันตกเฉียงใต้ด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อย
แน่นอนว่าหมู่บ้านในที่ดินของรากันต์นั้นไม่เคยรู้ถึงเรื่องนี้เลย
“แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่เจ้าก็ต้องจัดการกับลุคให้ได้”
“ไม่ต้องห่วงนายท่าน เราจะทำการเคลื่อนพลอัศวินเงาในอีกไม่กี่วันและนำคอของเขามาให้ท่านเอง”
“อัศวินเงา?”
“ใช่แล้ว ข้าคิดว่าคนที่กล้าท้าทายอำนาจของท่าน ต้องได้รับอะไรแบบนี้”
“ฮ่าๆ เจ้าแน่มาก ทำได้ดี! ทำได้ดี!”
อัศวินเงาเป็นหนึ่งในพลังลับของเคานต์โมนาร์ช ซึ่งเป็นกองกำลังทหารหรือทหารรับจ้างและอัศวินอิสระที่ถูกเกณฑ์ไปยังเวทีกิกันท์
พวกเขาดูแลงานที่ยุ่งเหยิงของเคานต์เป็นหลัก และทักษะในการควบคุมกิกันท์ของคนเหล่านี้ก็ยังเหนือกว่าพวกอัศวิน
เคานต์โมนาร์ชพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และถามบางอย่างที่อยู่ในใจของเขา
“แล้วตอนนี้เจ้าหญิงเรย์น่าเป็นยังไงบ้าง”
เขายังคงหมกมุ่นอยู่กับเจ้าหญิง และยังคงคิดหาวิธีกดดันเธอและทำให้เธอเป็นของเขา
เขาเริ่มต้นด้วยการเพิ่มภาษีให้กับผู้คนที่เข้ามาจากอาณาจักรโวลก้าและหากพวกเขาทำอะไรที่ไม่สบายใจหรือแสดงพฤติกรรมไม่พอใจทหารตำรวจจะจับพวกเขาทันที
ส่งผลให้คนรับใช้เก่าที่เคยทำงานกับเจ้าหญิงออกมาประท้วงหลายครั้ง แต่เคานต์โมนาร์ชก็ไม่ได้สนใจพวกเขา
“เธอกำลังพบปะผู้คนที่นู่นและที่นั่น แต่ในไม่ช้าเธอก็จะหมดทางเลือก”
“ดีมาก! ในท้ายที่สุดเธอจะต้องยอมจำนนและเข้ามาโอบกอดข้า”
ทั้งโกทและเคานต์โมนาร์ชที่รู้สึกหงุดหงิดก็เริ่มยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเจ้าหญิงที่วิ่งเข้ามาในอ้อมแขนของพวกเขา….
 
 

Emperor of Steel

Emperor of Steel

กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล เซย์ม่อน เขาคือชายผู้ซึ่งอยู่บนจุดสูงสุดของของศาสตร์มนต์ดำ เขาคือชายผู้ถูกขนานนามว่าปราชญ์แห่งความมืด เขาคือชายผู้ถูกตีตราว่าเป็นราชาปีศาจ สิ่งเหล่านี้ได้ทำให้ผู้คนต่างพากันหวาดกลัวเขา และทำให้เขาถูกสังหารลงโดยจักรพรรดิดาบในที่สุด “ไม่ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้มันจบลงแบบนี้!” ในที่สุดแล้ว ด้วยความปรารถณาอันแรงกล้าที่อยากจะมีชีวิตต่อของเขา มันได้ทำให้เขากลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง แต่โชคชะตาและความจริงนั้นโหดร้าย เขากลับมาเกิดใหม่หลังจากเวลาได้ล่วงเลยไปแล้วกว่า 500 ปี.. ชีวิตในครั้งนี้ของเขาจักถือกำเนิดใหม่ในฐานะผู้สืบทอดของศัตรูคู่แค้นของเขา จักรพรรดิดาบ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset