Emperor of Steel-กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล – ตอนที่ 45 ความตื่นเต้นในหอคอยเวทมนตร์ (4)

ตอนที่ 45 ความตื่นเต้นในหอคอยเวทมนตร์ (4)
“ฟู่.. ข้าเกือบโดนจับได้แล้วสิ”
เจมสันถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะที่เขาเดินเข้าไปในห้องในห้องสมุด
“เขาคงไม่รู้หรอกเนื่องจากเขาเป็นจอมเวทแห่งการรักษา”
สิ่งที่วาดบนม้วนหนังสือก็คือพิมพ์เขียวของกิกันท์อย่างที่ปีเตอร์คิด นอกจากนี้มันยังเป็นพิมพ์เขียวของ “แอทลาส” เวอร์ชันล่าสุดซึ่งกำลังได้รับการพัฒนาที่สำนักงานใหญ่ของเมืองหลวงของจักรวรรดิ
สิ่งนี้เป็นผลมาจากความพยายามครั้งยิ่งใหญ่ของเจมสัน
เมื่อสามสิบปีก่อนเจมสันพ่อมดผู้แข็งแกร่งในวัยยี่สิบกลางๆนั้นได้รับการยกย่องว่าเป็นพ่อมดอัจฉริยะที่จะเป็นผู้นำโลกแห่งเวทมนตร์ร่วมกับอัลเบิร์ตซึ่งเป็นผู้นำแห่งหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัสคนปัจจุบัน
พ่อมดอัจฉริยะทั้งสองต่างก็ช่วยกันศึกษามันกันอย่างใกล้ชิด
จากนั้นพวกเขาก็เข้าร่วมทีมพัฒนาของแกนเครื่องยนต์อันใหม่
‘แต่วงเวทย์ที่อัลเบิร์ตใช้อย่างมั่นใจนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหา’
อัลเบิร์ตยืนยันอย่างหนักแน่นว่าวงเวทย์ที่เขาใช้ใหม่นั้นจะดีและไม่เกิดข้อผิดพลาดแน่นอน
ท้ายที่สุดแล้ว แกนเครื่องยนต์ก็ยังคงเกิดปัญหาและทำให้ทั้งเวิร์คช็อปติดอยู่ในกระแสย้อนกลับของมานาขนาดใหญ่
ในขณะที่พ่อมดหลายคนล้มลงด้วยแรงกระแทก เจมสันก็สามารถปิดการทำงานของแกนเครื่องยนต์และป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุลุกลามสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม เพื่อหยุดยั้งการทำงานของแกนเครื่องยนต์ มันจึงต้องแลกมาด้วยการที่วงเวทย์ของเขาจะถูกจำกัดอยู่ในขั้น 5 ตลอดไป
แต่อัลเบิร์ตกลับเป็นคนที่ได้รับการสรรเสริญและกลายเป็นผู้นำคนถัดไปของหอคอย และแน่นอนเขาไม่ได้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ในเวลานั้นผู้นำแห่งหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัสก็คือพ่อของอัลเบิร์ตและเจมสันไม่สามารถทนต่อการกระทำนั้นได้
อุบัติเหตุในครั้งนั้นเกิดขึ้นเพราะอัลเบิร์ตอย่างเห็นได้ชัด
ท้ายที่สุดเขาจึงเลือกที่จะพัฒนามันต่อเพียงคนเดียวเท่านั้น
“หอคอยเวทมนตร์ที่กลืนกินผู้คน!”
เมื่อพิจารณาว่ามันเกิดขึ้นมานานแล้วความโกรธของเขาก็ยังคงหวนกลับคืนมาเสมอ
หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น อัลเบิร์ตก็หันหลังให้เจมสัน
เนื่องจากเจมสันดีขึ้นเล็กน้อยพวกเขาคิดว่าเขาสามารถมีส่วนร่วมในหอคอยเวทย์มนตร์ได้ และพวกเขาสามารถให้เขาเป็นผู้อาวุโสได้ แต่พวกเขาเลือกที่จะส่งเขาไปที่สาขาที่ห่างไกลจากเมืองหลวงของจักรวรรดิ
การผลักไส
ในเวลานั้นเจมสันได้แต่ทำตามคำสั่งอย่างเงียบๆ แม้ลึกๆแล้วเขาจะยังคงมีความแค้นอยู่เต็มหัวใจ
เรื่องทั้งหมดนี่ทำให้เขาต้องการที่จะลบล้างหอคอยเวทมนตร์เวอร์ริทัสออกไป
หลังจากถูกขับไล่มานาน ในที่สุดความพยายามก็ทำให้เขาสามารถคว้าพิมพ์เขียวของแอทลาสได้สำเร็จ
‘ถ้าข้าตีความตัวเลขและวงเวทย์ที่ใช้กับการออกแบบ และส่งออกไปยังหอคอยเวทมนตร์ 10 อันดับแรกอื่นๆได้ ข้าก็จะได้รับการปฏิบัติอย่างมาก แน่นอนว่าเวอร์ริทัสจะต้องดิ้นรนเหมือนหมาบ้าแน่!
เจมสันอยากรู้ว่าตอนนั้นอัลเบิร์ตจะทำสีหน้าเช่นไรอย่างไร
เมื่อนึกถึงอนาคตที่กำลังจะมาถึง เจมสันเริ่มทำการตีความพิมพ์เขียวเพื่อใช้ในการแก้แค้นของเขา
แต่แล้ว…
กร๊ากกก!
ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกอย่างน่าประหลาดใจ เจมสันก็รีบซ่อนพิมพ์เขียว และถามอย่างแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ห้ะ ใครอยู่ข้างนอกนั่นนะ”
แต่ไม่มีคำตอบกลับมา
เขาลุกขึ้นและเดินเข้าไปใกล้ๆกับประตูห้องสมุดด้านใน
เขามองไปรอบๆแต่ไม่มีใครอยู่ในสายตาของเขา
“มันแปลกจริงๆ.. มันไม่ควรจะเปิดเองแบบนี้ได้”
บนประตูนั้นมีเวทมนตร์รักษาความปลอดภัยประทับอยู่
ดังนั้นลมจึงไม่สามารถเปิดประตูได้ด้วยแรง
“แปลกจริงๆ…เอ่อ!”
ทันใดนั้นเจมสันรู้สึกประหลาดใจเมื่อเขาหันกลับไปที่จุดของเขาเบื้องหน้าของเขาคือผู้ชายที่ดูเหมือนตัวเขาเองเป๊ะ
*เจมสันอีกคนมองเจมสันอีกคนซึ่งทำให้เจมสันอีกคนกลัว
** ชายที่อยู่ตรงหน้าเขากำลังมองเขาด้วยรอยยิ้มซึ่งทำให้เจมสันที่มองดูอยู่เริ่มรู้สึกกลัว
“เห้ย เจ้าคือตัวอะไร?”
“ช้าไป..”
กระสุนเวทมนตร์ที่ทรงพลังพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของสิ่งมีชีวิตลึกลับ มันพุ่งเร็วกว่าลูกศรใด และแล้วกระสุนสีม่วงก็พุ่งเข้าใส่เจมสัน
“อ๊ะ!”
เขาสำลักออกมา แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าก็คือกระสุนเวทมนตร์นัดนี้สามารถที่จะสั่นสะเทือนวงเวทย์ที่อยู่ในจิตใจของเขาได้
มันคล้ายกับความตกใจที่พ่อมดจะได้รับเมื่อถูกกระแทกที่หัวใจ
ท้ายที่สุดร่างปริศนาที่ปรากฏขึ้นมาก็คือ ลุค นั่นเอง เขาเริ่มหัวเราพอย่างน่ากลัวใส่เจมสัน
“หึหึ พ่อมดขั้น 6 ที่ไม่สามารถทนต่อกระสุนเวทมนตร์ของพ่อมดขั้น 3 ได้อย่างนั้นหรอ”
ในแง่ของการทำลายล้างและการรุกราน เวทมนตร์แห่งความมืดนั้นแข็งแกร่งกว่าเวทมนตร์ทั่วไปเสมอ
ถึงอย่างนั้น การที่พ่อมดขั้น 3 จะสามารถล้มพ่อมดขั้น 6 ได้ก็ไม่ใช่เรื่องปกติอยู่ดี
แต่เหตุผลนั้นง่ายมาก ก็แค่ฝ่ายตรงข้ามนั้นอ่อนแอมากก็แค่นั้น
“เชอะ ข้าได้ยินมาว่าจอมเวทเหล็กไหลถูกสร้างขึ้นมาให้แข็งแกร่งเหมือนกำแพงสำหรับสงคราม แต่ทำไมเจ้าช่างเปราะบางเสียเหลือเกิน”
ในอดีตแม้จะมีสาขาของพ่อมดที่เฉพาะเจาะจง แต่ทุกคนก็จะต้องได้รับการฝึกฝนขั้นพื้นฐานในลักษณะที่หลากหลายมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว
ท้ายที่สุดลุคก็ถอดมนต์ลล่องหนของเขาและกลับสู่ร่างเดิม
จากนั้นเขาก็มองไปที่คอลเลกชันในห้องสมุด
“มันมีแต่หนังสือเวทมนตร์ขั้น 5 ขึ้นไปเท่านั้น นี่พวกเขาใช้มันทำอะไรกัน”
ริมฝีปากของลุคบิดเป็นวินาที
เขามองไปที่หนังสือสองสามเล่ม หนังสือที่เก็บไว้ในห้องสมุดนั้นมีจำนวนที่เยอะและหลากหลายมากกว่าที่เขาคาดไว้
“หนังสือเวทย์มนตร์ของหอคอยเวทมนตร์อันอื่นๆ ดูเหมือนวิสัยทัศน์ของพวกเขาจะถูกพัฒนาขึ้นไปเยอะมากในช่วง 500 ปีที่ผ่านมา”
ไม่ว่าจะเรื่องความเชี่ยวชาญในเวทมนตร์ของโกเลมหรือการสร้างแกนเครื่องยนต์สำหรับกิกันท์ในยุคแรกๆ ลุคก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมพวกเขาถึงใช้เวลาตั้ง 500 ปี
“เพื่อที่จะเรียนรู้แก่นแท้ของวิศวกรรมเวทย์มนตร์ที่สั่งสมมาจนถึงตอนนี้และในการผลิตกิกันท์ที่มีในระดับปัจจุบันนั้น เราคงจะต้องทำงานและเรียนรู้อย่างหนักซะแล้วสิ”
ลุคทิ้งทุกสิ่งที่ดูเหมือนจะมีประโยชน์ในพื้นที่ซัปสเปสที่อยู่ในสร้อยข้อมือของเขา
ขณะที่เขาเดินผ่านที่นั่งที่เจมสันนั่งก่อนหน้านี้ เขาก็ได้พบเข้ากับหนังสือและม้วนหนังสือ
หนังสือเล่มนั้นดูเหมือนจะสรุปหลักการของการศึกษาทางวิศวกรรมเครื่องกลที่สะสมมาหลายปีของหอคอยเวทมนตร์เวอริทัส
นอกจากนี้มันง่ายกว่ามากที่จะเข้าใจเพราะสิ่งที่เจมสันบันทึกไว้
“ด้วยสิ่งนี้ข้าก็จะสามารถสร้างกิกันท์ที่ไม่เหมือนใครได้”
สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือม้วนคัมภีย์ที่ทำมาจากกระดาษ
ด้วยภาพวาดที่ซับซ้อนและสูตรเวทมนตร์ที่วุ่นวาย เมื่อเขามองดูมันดีๆเขาก็พบว่ามันคือพิมพ์เขียวของกิกันท์
มันดูเหมือนจะเป็นกิกันท์ที่มีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม มันเกือบจะทรงพลังเท่าที่กิกันท์ตัวหนึ่งจะสามารถเป็นไปได้
“แอทลาส สิ่งนี่จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่ออสังหาริมทรัพย์และหอคอยเวทมนตร์ของเราในอนาคต”
ในที่สุดหลังจากรับพิมพ์เขียวของแอทลาสไป
ในที่สุดลุคก็เสร็จสิ้นการซื้อของที่เขาต้องการแล้ว แต่ขู่ๆเขาก็หยุดเดินกลางคันเหมือนกับว่าเขายังไม่เต็มใจที่จะออกไป
“มันจะไม่ทำให้ข้าเสียใจได้ หากออกไปทั้งๆแบบนี้…”
เมื่อพูดเสร็จลุคก็ดีดนิ้วของเขา เปลวไฟปรากฎขึ้นเหนือนิ้วของลุคพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของเขา…..
อ่านจนหิวข้าว อ่านประหยัด อ่านอย่างยืนหยัดอดทน

Emperor of Steel

Emperor of Steel

กำเนิดใหม่จักรพรรดิเหล็กไหล เซย์ม่อน เขาคือชายผู้ซึ่งอยู่บนจุดสูงสุดของของศาสตร์มนต์ดำ เขาคือชายผู้ถูกขนานนามว่าปราชญ์แห่งความมืด เขาคือชายผู้ถูกตีตราว่าเป็นราชาปีศาจ สิ่งเหล่านี้ได้ทำให้ผู้คนต่างพากันหวาดกลัวเขา และทำให้เขาถูกสังหารลงโดยจักรพรรดิดาบในที่สุด “ไม่ ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้มันจบลงแบบนี้!” ในที่สุดแล้ว ด้วยความปรารถณาอันแรงกล้าที่อยากจะมีชีวิตต่อของเขา มันได้ทำให้เขากลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง แต่โชคชะตาและความจริงนั้นโหดร้าย เขากลับมาเกิดใหม่หลังจากเวลาได้ล่วงเลยไปแล้วกว่า 500 ปี.. ชีวิตในครั้งนี้ของเขาจักถือกำเนิดใหม่ในฐานะผู้สืบทอดของศัตรูคู่แค้นของเขา จักรพรรดิดาบ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset