God Level Demon ระบบความเกลียดชังปีศาจ – ตอนที่ 1153

ณ ส่วนลึกของผืนป่า มีแคมป์ตั้งอยู่

สถานที่แห่งนี้มีเต็นท์ปรากฏอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นแคมป์พักผ่อนชั่วคราวของนักวิทยายุทธของจักรวาล

เต็นท์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของที่นี่นั้นมีขนาดเท่ากับบ้านก็ว่าได้ ซึ่งในช่วงเวลานี้มีผู้คนจำนวนมากที่รวมตัวกันอยู่ที่เต็นท์แห่งนี้

ทว่าในตอนนี้ฉางเซวียและลูกศิษย์ของนิกายเมฆาทะยานคนอื่นๆก็ได้นำตัวเซี่ยปิงและหลิวหยูหลานมา พวกเขานั้นได้เดินทางมาไกลและเหน็ดเหนื่อย วิ่งมาเป็นระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มๆกว่าที่จะมาถึงได้

“ที่นี่คือสถานที่รวมตัวของพวกปีศาจต่างถิ่นหรือ?!”

หลิวหยูหลานติดตามเซี่ยปิงมา เธอนั้นตึงเครียดอย่างมาก ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยเข้ามาในสถานที่ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาก่อน ทุกๆที่มีแต่ปีศาจต่างถิ่น เป็นสถานที่รวบรวมความชั่วร้ายก็ว่าได้

หากมีบางอย่างผิดปกติไป บางทีเธออาจจะตายไปโดยที่ร่างกายหายไปตลอดกาล

โชคดีที่เซี่ยปิงก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ไม่อย่างนั้นต่อให้ตายเธอก็ไม่กล้าที่จะเข้ามาในสถานที่ที่อันตรายเช่นนี้ แน่นอนว่าหากไม่มีเซี่ยปิงอยู่ เธอก็จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสถานที่ชุมนุมเช่นนี้อยู่เหมือนกัน

ทว่าบรรยากาศตอนนี้นั้นดูเคร่งขรึมอย่างมาก ผู้คนจำนวนมากกำลังจ้องมองเซี่ยปิงและหลิวหยูหลานทั้งสองคน เผยให้เห็นสีหน้าที่เยาะเย้ย

“ฉางเซวีย นี่มันหมายความว่าอะไรกัน?”

ผู้ที่พูดออกมานั้นก็คือชายหนุ่มที่สวมชุดสีขาว “พวกเราคิดว่าการที่พวกเจ้าเป็นลูกศิษย์ของนิกายเมฆาทะยานนั้น คงจะมีฝีมืออยู่บ้าง ดังนั้นจึงได้เชิญชวนพวกเจ้ามาเข้าร่วมกับแผนการของพวกเรา”

“ทว่าพวกเจ้ากลับนำพาคนแปลกหน้าสองคนมาที่นี่อย่างไม่คาดคิด คนหนึ่งเป็นนักบ่มเพาะอิสระที่ดูอ่อนแอและไม่คาดคิดว่าอีกคนจะเป็นชาวพื้นเมืองของทวีปโลหิตวิญญาณ นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน!”

เขานั้นเป็นลูกศิษย์ของนิกายหวนคืนปรโลก มีชื่อว่าเฟิงเจ๋อ มีแกนพลังฉีอยู่ในระดับสมปรารถนาขั้นสูงสุด มีท่าทางการพูดที่ยโสโอหังอย่างมาก

ส่วนคนอื่นๆที่อยู่ที่นี่นั้นต่างก็เป็นผู้คนจากนิกายเมฆาทะยาน นิกายหวนคืนปรโลก นิกายเซียนเหินเวหาและนิกายห้าธาตุ พวกเขาต่างก็เป็นลูกศิษย์ของนิกายที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมด มีอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่หนุนหลังอยู่

ยิ่งไปกว่านั้นการที่กล้าเข้าร่วมในภารกิจของทวีปโลหิตวิญญาณแห่งนี้นั้น พวกเขาแต่ละคนต่างก็มีพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีความมั่นใจในตนเองอย่างเต็มเปี่ยมเช่นกัน

“เฟิงเจ๋อ โปรดเชื่อข้า ถึงแม้ว่าสหายอู๋จะเป็นนักบ่มเพาะอิสระ ทว่าพลังอำนาจของเขานั้นก็ไม่ได้อ่อนแออย่างที่เจ้าคิด เขาจะต้องเป็นประโยชน์ต่อแผนการของพวกเราอย่างแน่นอน” ฉางเซวียตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

“ประโยชน์ตูดข้าสิ”

เฟิงเจ๋อแสยะออกมา “พวกเราแต่ละคนนั้นต่างก็เป็นลูกศิษย์ของนิกายที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเขานั้นเป็นเพียงแค่นักบ่มเพาะอิสระที่แม้แต่นิกายก็ไม่สามารถที่จะเข้าร่วมได้ บุคคลไร้ค่าเช่นนี้จะมีพลังอำนาจอะไรกัน”

“บอกตามตรง พวกเรานั้นมีจำนวนมากกว่าร้อยคน อย่างน้อยก็อยู่ในระดับสมปรารถนา อีกทั้งยังมีผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นเริ่มต้นเป็นจำนวน7-8คน การที่เจ้าบอกให้เขาเข้าร่วมกับพวกเรานั้น เขาเพียงแค่คนเดียวจะไปมีประโยชน์อะไรต่อพวกเรากัน”

ท่าทางของเขานั้นยโสโอหังอย่างมาก เห็นได้ชัดว่ามีอคติกับเซี่ยปิงซึ่งเป็นผู้บ่มเพาะอิสระ อีกทั้งยังพูดจาเหยียดหยามออกมาอย่างเปิดเผยเช่นนี้

ภายในจักรวาลนั้น ความแตกต่างของระดับก็เป็นสิ่งที่เข้มงวดเช่นกัน หากเป็นนักบ่มเพาะอิสระ จะถือว่าเป็นคนที่ไม่ได้มีพลังอำนาจ ไม่มีภูมิหลัง ไม่ว่าใครก็สามารถที่จะรังแกได้

หากพูดเปรียบเปรยนั้น ผู้บ่มเพาะอิสระนั้นก็เหมือนกับคนจรจัด เทียบเท่ากับขอทานที่ไม่ได้มีประกาศนียบัตรจากมหาวิทยาลัย ทำได้เพียงแค่หาเงินเลี้ยงตนเองไปวันๆ ไม่ได้มีความสามารถใดๆทั้งสิ้น

ทว่าผู้คนของนิกายที่ยิ่งใหญ่นั้น พวกเขาเทียบเท่าได้กับนักศึกษาที่จบจากมหาลัยชื่อดัง เป็นไปได้อย่างไรที่บุคคลในระดับนี้จะมีปฏิบัติต่อคนจรจัดอย่างเป็นมิตร?!

“แท้ที่จริงแล้วนี่ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา แต่กลับเป็นประโยชน์ต่อเขา”

“เดิมทีเขานั้นคงจะต้องการทำภารกิจของทวีปโลหิตวิญาณและพบว่ามันยากเกินไปเหมือนกับการทะยานขึ้นสวรรค์ก็ว่าได้ ทว่าหลังจากที่เขาได้เข้าร่วมกับพวกเรานั้น จะสามารถเกาะแข้งเกาะขาพวกเราได้ ใช้ประโยชน์จากพวกเราเพื่อให้ภารกิจของตนเองสำเร็จ”

“เขาต้องการที่จะเกาะแข้งเกาะขาของพวกเรา ทว่าการที่พวกเราจะปล่อยให้เขาเกาะไหมนั้นมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”

“หากคุกเข่าและโค้งคำนับ บางทีข้าอาจจะพิจารณา”

ผู้คนจำนวนมากต่างก็พูดจาดูถูกถากถาง ยืนกอดอกด้วยมือทั้งสองข้าง มีสีหน้าที่กำลังเยาะเย้ยเซี่ยปิง

“พวกเจ้า!”

ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็โมโห พวกไม่คาดคิดว่าเจตนาที่ดีของพวกเขาในการเชิญชวนยอดฝีมือมาเข้าร่วมนั้น จะทำให้เซี่ยปิงถูกคนกลุ่มนี้ดูถูกเช่นนี้ ดูถูกถากถางอย่างที่ไม่เกรงใจใคร

“ฉางเซวีย เห็นแก่หน้าของนิกายเมฆาทะยาน ข้าจะไม่ต่อล้อต่อเถียงอะไรกับเจ้า ทว่าการที่เจ้าต้องการให้เจ้านักบ่มเพาะอิสระนี่เข้าร่วมนั้น มันเป็นการถ่วงแข้งถ่วงขาพวกเราเกินไป นี่ไม่ใช่เป็นเกมส์การสานสัมพันธ์ ทว่าเป็นการต่อสู้ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย แม้แต่การก้าวพลาดเพียงแค่ก้าวเดียว พวกเราก็อาจจะตายได้”

“พูดถูก ยิ่งไปกว่านั้นข้างกายของเขาก็มีชาวพื้นเมืองของทวีปโลหิตวิญญาณอยู่ ถึงแม้ว่าจะบอกว่าเป็นทาส ใครจะไปรู้กันว่าเธอก็อาจจะเปิดโปงแผนการของพวกเราออกไปได้และบอกชาวพื้นเมืองคนอื่นๆ เมื่อใดที่แผนการของพวกเรารั่วไหลออกไปล่ะก็ พวกเราจะต้องจบสิ้นกันจริงๆ”

“ผู้คนที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ ไม่ได้มีความน่าเชื่อถือแม้แต่น้อย”

ผู้คนจำนวนมากต่างก็ตะโกนออกไป บ่งบอกว่าตนเองนั้นไม่ยอมรับการเข้าร่วมของเซี่ยปิง สำหรับพวกเขานั้น เจ้านี่ไม่ใช่เพียงแค่ไม่มีพลังอำนาจเท่านั้น ทว่ายังเป็นตัวตนที่อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อแผนการของพวกเขาได้

ไม่ว่าจะมองอย่างไร พวกเขาก็คิดว่าการที่เซี่ยปิงเข้าร่วมนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดี หนำซ้ำยังมีข้อเสียที่มากมาย

“กลับไปซะ”

เฟิงเจ๋อโบกมือ “ออกไปจากที่นี่ มองดูรูปลักษณ์ของเจ้านั้น ให้ความรู้สึกที่เกะกะลูกตาจริงๆ การที่อยู่ร่วมกับคนอย่างเจ้านั้น คงจะทำให้อากาศของที่นี่เป็นมลพิษได้”

“สหายอู๋”

ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็มองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด เดิมทีพวกเขานั้นมีเจตนาที่ดีต้องการที่จะเชิญชวนเซี่ยปิงมาเข้าร่วมด้วยกัน ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ ทำให้เซี่ยปิงถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม

“ไม่เป็นไร ในเมื่อไม่ต้องการให้ข้าเข้าร่วม ข้าก็จะไม่เข้าร่วม ไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตอะไร” เซี่ยปิงมีสีหน้าที่นิ่งเฉย ไม่ได้กังวลแต่อย่างใด

พลังอำนาจที่แท้จริงนั้นมาจากตัวเอง คำดูถูกเหยียดหยามจากคนอื่นๆนั้นไม่สามารถที่จะทำร้ายเขาได้แม้แต่นิดเดียว

สำหรับเขา การที่มาพบเจอกับคนกลุ่มนี้ก็เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ ในเมื่อฝ่ายตรงข้าไม่ต้องการให้เขาเข้าร่วมและมีท่าทางที่ไม่เป็นมิตรเช่นนี้ เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อไป

คิดได้แบบนี้ เขาก็หันหลังและต้องการที่จะกลับออกไปพร้อมกับหลิวหยูหลาน

“ช้าก่อน เจ้าหนู เจ้าไปได้ แต่ว่าผู้หญิงของเจ้าจะต้องอยู่ที่นี่” ทันใดนั้นเฟิงเจ๋อก็เริ่มพูดออกมาพร้อมกับมองหลิวหยูหลานด้วยสีหน้าที่แฝงด้วยเจตนาที่ชั่วร้าย ดวงตานั้นเผยให้เห็นถึงความละโมบ

ชายหนุ่มที่อยู่ใกล้ๆกับเขาหลายคนก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย

อะไรนะ?!

ฉางเซวียและคนอื่นๆต่างก็สะดุ้งตกใจ มองเฟิงเจ๋อด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อ พวกเขาล่วงรู้ได้อย่างกะทันหันว่าเฟิงเจ๋อนั้นมีความคิดอะไรอยู่ เป็นการประกาศออกมาว่าสนใจในตัวผู้หญิงของเซี่ยปิง ต้องการที่จะแย่งชิงไปอย่างซึ่งๆหน้า

หลิวหยูหลานก็รู้สึกใจสั่น ในตอนนี้เธอนั้นตื่นตัวอย่างมาก หลังจากได้ยินว่าให้ออกไปนั้น ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ถูกเรียกให้หยุดอย่างกะทันหัน

การที่มีปีศาจต่างถิ่นจำนวนมากเช่นนี้อยู่ล้อมรอบนั้น ต่อให้เธอจะต้องการหลบหนีออกไป ก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยากมาก

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

เซี่ยปิงหยุดเดินและหันไปมองเฟิงเจ๋อ ออร่าที่อันตรายแผ่ออกมาจากร่างของเขา

“หมายความตามที่พูด ผู้หญิงคนนี้เป็นชาวพื้นเมืองของทวีปโลหิตวิญญาณ เป็นศัตรูของพวกเรา ใครจะไปรู้กันว่าเธอจะนำแผนการของพวกเราไปบอกกับชาวพื้นเมืองคนอื่นๆหรือไม่”

เฟิงเจ๋อพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ “ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการที่ความลับของพวกเราจะรั่วไหลออกไปและหลีกเลี่ยงการที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เธอจะต้องอยู่ที่นี่ หลังจากที่รอให้แผนการของพวกเราเสร็จสิ้น เธอจึงจะสามารถกลับไปได้”

คนอื่นๆก็เหมือนกับกำลังมองดูเรื่องที่สนุกสนาน พวกเขาก็ล่วงรู้เช่นกัน หากหลิวหยูหลานถูกขังอยู่ที่นี่ทั้งคืนนั้น เห็นได้ชัดว่าจะเกิดอะไรขึ้น

พวกเขาก็ล่วงรู้ว่าเฟิงเจ๋อนั้นมีเจตนาที่ชั่วร้ายแอบแฝงอยู่

God Level Demon | ระบบความเกลียดชังปีศาจ

God Level Demon | ระบบความเกลียดชังปีศาจ

บุคคลที่ 1: “เซี่ยปิง!!! เจ้าขโมยวิทยายุทธของข้าไม่พอ เจ้ายังเอาความเป็นอมตะและคู่หมั้นของข้าไปด้วย เจ้ากับข้าจะได้เห็นดีกัน!”บุคคลที่ 2: “เขาช่างเป็นความอับอายของวงการศิลปะการต่อสู้จริงๆ”บุคคลที่ 3: “ปีศาจ! แม้แต่ลูกกวาดของเด็กเล็กๆก็ไม่เว้น”นักวิทยายุทธต่างๆของดวงดาวหยานหวงที่มีความฝันที่จะหักกระดูกของเจ้าเซี่ยปิงให้เป็นล้านๆชิ้นและดื่มเลือดของเขาให้หมดเซี่ยปิงเกาคาง: “ด้วยคะแนนความเกลียดชังที่มากขนาดนี้ ข้าจะเอาไปใช้ทำอะไรดี ข้าจะแลกเปลี่ยนคัมภีร์ที่ไร้เทียมทาน สิ่งประดิษฐ์จากสวรรค์หรือว่าวิชาบ่มเพาะอมตะ”

Options

not work with dark mode
Reset