Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 27.1 ทักษะธาตุที่ 6 ของโจวเหว่ยชิง (1)

“เจ้าจะปลิดชีวิตตัวเอง หรือจะให้ข้าช่วยจัดการให้?” แม่ยายในอนาคตของเขา ลากซ่างกวนปิงเอ๋อร์มาที่หน้า ประตูบ้าน และสิ่งแรกที่เธอพูดก็คือสิ่งนี้ นั่นทำให้โจวเหว่ยชิงตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แม้ว่าเขาจะเดาได้ว่าแม่ยายใน อนาคตของเขาอาจจะโกรธมาก หลังจากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าเธอจะกล้ามาหาเขา ด้วยตัวเองเช่นนี้
เมื่อมารดาของโจวเหว่ยชิงมองเห็นมารดาของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ เธอก็รู้สึกราวกับว่าตนถูกสายฟ้าฟาดเข้าอย่างจัง เธอยืนทื่ออยู่ที่เดิมด้วยอารามตกใจและมีสีหน้าแปลกประหลาดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านแม่!” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์รีบวิ่งมาขวางมารดาของตนเองอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ท่านแม่ ฟังข้าก่อน! ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด นั่นไม่ใช่ความผิดของอ้วนน้อย!” แม้ว่าเธอจะรู้ชื่อที่แท้จริงของโจวเหว่ยชิงแล้ว แต่เธอก็ยังเคย ชินกับการเรียกเขาว่าอ้วนน้อย
วันนี้ขณะเธอกลับถึงบ้าน แม่ของเธอก็ได้ค้นพบว่าเธอได้เปลี่ยนจากเด็กสาวเป็นหญิงสาวเรียบร้อยแล้ว แม่ที่ใจ ดีและอ่อนโยนผู้นั้นโมโหมากและบังคับให้เธอสารภาพว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นเธอก็ถูกลากมาจนถึงคฤหาสน์ของแม่ ทัพโจวมารดาของซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวอย่างเย็นชา “ฆ่าคนโดยบังเอิญก็ยังหมายความว่าฆ่าคนอยู่ดี
เจ้าเป็นใครถึงกล้าใช้ความบริสุทธิ์ของลูกสาวข้าเป็นเครื่องสังเวยปลุกมณีสวรรค์ของเจ้า? โจวเหว่ยชิงหากเจ้า ยังเป็นลูกผู้ชายอยู่ เจ้าควรรีบฆ่าตัวตายต่อหน้าข้าเพื่อรับผิดชอบการกระทำของเจ้า!”
เมื่อได้ฟังคำพูดของเธอ โจวเหว่ยชิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธขึ้นมาเช่นกัน “ท่านน้า ท่านอย่าได้กังวลไป ข้าจะ ต้องรับผิดชอบปิงเอ๋อร์อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ข้าก็จะไม่บ่ายเบี่ยงเด็ดขาด ข้าได้พรากสิ่งที่มีค่าของเธอมาแล้ว  แต่ข้าจะไม่ฆ่าตัวตายต่อหน้าท่านเด็ดขาด นั่นไม่ได้ช่วยแสดงความรับผิดชอบอะไรเลย ทั้งยังเป็นการทำร้ายปิงเอ๋อร์อีก ด้วย ข้าจะใช้ทั้งชีวิตของข้าเพื่อตอบแทนเธอ รักเธอและดูแลเธอ”
มารดาของซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวอย่างเหยียดหยาม “เจ้านะรึ!? เจ้าคิดว่าสารรูปอย่างเจ้าเหมาะสมกับบุตรสาว ข้าแล้วหรือ!?”
“ท่านแม่!!” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กังวลเป็นอย่างมาก ฝั่งหนึ่งคือมารดา ส่วนอีกฝั่งก็เป็นผู้ชายที่เธอตกลงใจด้วยการ ต้องเป็นคนกลางเช่นนี้ทำให้เธอปวดใจมาก
โจวเหว่ยชิงมองไปที่มารดาของซ่างกวนปิงเอ๋อร์อย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ท่านพูดถูก ข้ารู้ว่าด้วยรูปร่างหน้าตา ของข้า ข้าอาจจะไม่เหมาะสมกับปิงเอ๋อร์เท่าใดนัก แต่ท่านคิดว่าผู้ชายรูปร่างหน้าตาดีพวกนั้นจะทำอะไรเพื่อเธอได้บ้าง? พวกเขาจะปฏิบัติต่อเธออย่างดีหรือไม่? ข้าสามารถเป็นหมีให้เธอได้ ในวันธรรมดาข้าจะเป็นหมีโง่ตัวใหญ่ นอนนิ่งๆ ทำตัว โง่ๆ แต่ดูน่ารักให้ปิงเออร์กอดข้าเพื่อความอบอุ่นหรือใช้ข้าต่างหมอน ในฤดูหนาวอันแสนโหดร้าย เมื่อพวกเราไม่มีอะไรจะ กิน ข้ายินดีที่จะเสียสละ เฉือนเนื้อตัวเองเป็นอาหารสำรองให้เธอ ในยามที่อันตรายมาเยือน ข้าก็จะยืนหยัดต่อสู้และกลาย เป็นสัตว์ร้ายที่เหี้ยมโหดเพื่อเธอ” เมื่อซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้ยินคำพูดของโจวเหว่ยชิง เธอก็คล้ายถูกคำพูดของเขาแทรกซึมทำ ให้รู้สึกอ่อนไหว ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ฉายชัดถึงความมั่นใจในตัวเขา
เมื่อมารดาของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้ยินคำพูดของเขา ร่างกายของเธอก็สั่นสะท้านไปเล็กน้อยการแสดงออกของ เธอพลันเปลี่ยนไปทันที ดวงตาที่เคยจ้องมองเขาอย่างโหดเหี้ยมก็ดูเหมือนจะอ่อนลงเล็กน้อย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะระลึก ถึงเรื่องบางอย่างที่ไม่อยากนึกถึงขึ้นมา จากนั้นไม่นาน กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกมาจากร่างของเธอ และนั่นเป็น สิ่งที่โจวเหว่ยชิงไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“หึ! เล่นลิ้นเก่งดีนัก งั้นจงแสดงให้ข้าดูว่าเจ้ามีอะไรให้ลูกสาวข้าพึ่งพาได้บ้าง” ขณะที่เธอพูดดวงตาของเธอก็มี แสงวาบผ่านขึ้นมา เธอกวาดมือซ้ายขึ้น จากนั้นซ่างกวนปิงเอ๋อร์ ก็ถูกผลักออกไปด้านข้าง และพบว่าตนเองไม่สามารถ ขยับได้ เธอตาค้างอย่างตกตะลึงเนื่องจากไม่เคยรู้มาก่อนว่ามารดาของตนมีพลังที่น่ากลัวเช่นนี้
วินาทีต่อมา หญิงวัยกลางคนผู้งดงามก็มาปรากฏตัวต่อหน้าโจวเหว่ยชิง มือของเธอกำลังพุ่งเข้าหาไหล่ของเขา แม้ว่าการพูดจาของเธอจะฟังดูรุนแรงและป่าเถื่อน แต่เธอก็รู้ว่าตอนนี้ลูกสาวของตนกำลังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กหนุ่ม คนนี้ อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดี เพราะฉะนั้นหากเธอคิดจะระบายความโกรธกับเขาเสียหน่อย เธอก็รู้สึกว่าตน เองไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปแม้แต่น้อย
โชคดีที่โจวเหว่ยชิงฝึกฝนอย่างหนักหน่วงในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ดังนั้นเมื่อเขาถูกจู่โจมกะทันหันเช่นนี้ เกราะเทพอมตะที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวหนังของเขาจึงถูกเปิดใช้งานทันที หลุมดำพลังปราณทั้ง 5 ของเขาเริ่มหมุนด้วยความเร็ว สูงสุด จากนั้นมณีสวรรค์ของเขาก็ปรากฏขึ้นเหนือข้อมือ ทันใดนั้นแสงสีเงินสว่างวูบขึ้นมา เขาเผลอใช้ทักษะเคลื่อนย้าย พริบตาเพื่อหลบหลีกการโจมตีของมารดาซ่างกวนปิงเอ๋อร์โดยไม่รู้ตัว
โจวเหว่ยชิงรู้สึกว่าขนอ่อนทั่วทั้งร่างกายของเขากำลังลุกชันและไอเย็นสายหนึ่งก็ไหลลงมาตามแนวกระดูกสัน หลัง เขารู้สึกว่าหากร่างกายของเขาปะทะเข้ากับแรงโจมตีเมื่อสักครู่ เขาจะต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัสแน่ หญิงวัย กลางคนผู้งดงามคนนั้นดูค่อนข้างบอบบาง แต่ความกดดันที่เธอมอบให้เขานั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่พบเจอที่ไหนมาก่อน แม้แต่ ตอนที่บิดาของเขาพยายามจะทุบตีเขาอย่างจริงจัง บิดาของเขาก็ยังไม่แผ่รังสีกดดันออกมาน่าหวาดกลัวขนาดนี้
“ฮึ!? ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา?!” หญิงวัยกลางคนมองโจวเหว่ยชิงด้วยสายตาประหลาดใจ ปกติแล้วการที่เขา จะหลบหนีจากการโจมตีที่เปลี่ยนทิศทางได้ของเธอเช่นนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก
“ช้าก่อน!” ขณะเดียวกันนั้นเอง อีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ เป็นหลิงจื่อหานนั่นเองที่ตื่นขึ้นมาจากอาการ ตกตะลึง เธอก้าวไปข้างหน้าเพื่อขวางทางลูกชายของเธอเอาไว้และพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น “ท่าน…ท่านคือพี่ถังเซียนใช่หรือ ไม่?”
เมื่อหลิงจื่อหานพูดประโยคนั้นจบ ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งโจวเหว่ยชิง เขา คิดในใจว่า จริงๆ แล้วท่านแม่ของเขาดูแก่กว่าผู้หญิงคนนี้อย่างน้อย 7-8 ปีด้วยซ้ำ ที่แปลกยิ่งกว่าคือพวกนางรู้จักกัน! ถัง เซียนมองไปยังหลิงจื่อหานด้วยสีหน้างงงวย เธอกล่าวว่า “ท่านคือ…?”
หลิงจื่อหานรีบพูดอย่างกระตือรือร้นขณะที่เธอก้าวเข้าไปหาอีกคน “ท่านพี่ถังเซียน! ดูให้ดี นี่ข้าเอง จื่อหาน! เมื่อ หลายปีก่อน ท่านกับพี่ชายซ่างกวนช่วยชีวิตข้าไว้ที่ริมแม่น้ำหลุมมังกร ท่านยังพักอยู่ที่บ้านของข้าเป็นเวลาหนึ่งเดือน ใน เวลานั้นท่านบอกว่าท่านชอบสภาพแวดล้อมของบ้านของข้ามากอีกด้วย ตอนนั้นข้ายังเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ และชุยหนิว ก็กำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนเจ้ามณี” ดวงตาของถังเซียนเผยความประหลาดใจและดีใจออกมาขณะที่เธอพูดว่า “เจ้าคือจื่อ หานตัวน้อยหรือ? ดูเหมือนว่าเรื่องราวทั้งหมดเพิ่งเกิดเมื่อวาน แต่จริงๆ แล้วกลับผ่านไปถึง 20 ปี”
หลิงจื่อหานจับมือของถังเซียนและพูดว่า “ใช่! ข้าเอง! เวลาผ่านไปถึง 20 ปีแล้ว ส่วนข้าก็โตขึ้นมาก แต่ดูสิท่าน พี่ถังเซียนยังคงงดงามอยู่เหมือนเดิม”
ริมฝีปากของโจวเหว่ยชิงกระตุกขึ้น เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่ามารดาของตนและท่านแม่ยายในอนาคตจะรู้จักกัน แต่อย่างน้อยก็โชคดีที่พวกเขารู้จักกัน แม่ยายในอนาคตผู้นี้ดูเหมือนจะมีพลังบางอย่างที่น่าเกรงขามมาก ถ้าเมื่อสักครู่ ท่านแม่ของเขาไม่พูดแทรกขึ้นมา เขาก็คงจะต้องเผชิญหน้าปัญหาร้ายแรงแน่
ขณะที่โจวเหว่ยชิงกำลังกรุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ค่อยๆ ขยับไปด้านข้างและช่วยประคองซ่างกวนปิงเอ๋อร์ลุก ขึ้นมาจากพื้นอย่างเงียบๆ ในขณะนี้เธอสามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว และทั้งคู่ต่างก็แลกเปลี่ยนสายตากันด้วยท่าที ประหลาดใจ ทัฉับพลันนั้นเอง ดวงตาของถังเซียนก็เปลี่ยนไป เธอตวัดสายตาไปจ้องที่โจวเหว่ยชิง “จื่อหานน้อย เจ้าเด็ก คนนี้เป็นอะไรกับเจ้า?”
หลิงจื่อหานรู้ดีว่าพลังของถังเซียนนั้นน่าเกรงขามมาก เธอรีบกุมมือถังเซียนไว้แน่นก่อนจะกล่าวว่า “ท่านพี่ถัง เซียน นี่คือบุตรชายของข้า เขาเป็นบุตรชายของข้ากับชุยหนิว โจวเหว่ยชิงเป็นบุตรชายคนเดียวของพวกเรา เพราะฉะนั้น หากเขาทำสิ่งใดผิดไป ท่านพี่ได้โปรดลงโทษข้าแทนเถิด”
ถังเซียนสูดหายใจเข้าลึกแล้วค่อยๆ ปล่อยออกมาขณะที่เธอยังคงจดจ้องไปยังโจวเหว่ยชิงอย่างไม่ละสายตา “จื่อ หาน ถ้าเป็นเรื่องอื่นข้าอาจจะให้อภัยเขาได้ แต่ทว่าบุตรชายของเจ้าคนนี้พรากความบริสุทธิ์ของลูกสาวข้าไป ข้าจะปล่อย เขาไปได้อย่างไร?”
“หา? เขาเพิ่งจะกลับมาถึงบ้าน ข้าไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหว่ยชิง มานี่แล้วคุกเข่าให้ท่านป้าถังเซียนของ เจ้าเดี๋ยวนี้” หลิงจื่อหานกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดกับโจวเหว่ยชิง
โจวเหว่ยชิงปลอบตัวเองขณะที่เขาเดินไปข้างหน้า คุกเข่าให้ท่านแม่ยายก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียเกียรติอะไร อย่างน้อย เธอก็ไม่ได้เป็นคนนอก
เขาก้มศีรษะ เดินไปข้างหน้าเธอแล้วคุกเข่าลงต่อหน้าถังเซียน หลิงจื่อหานกล่าวต่อว่า “ท่านพี่ถังเซียนเราไม่ได้ เจอกันมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ท่านพักที่ไหน? แล้วพี่ชายซ่างกวนอยู่ที่ไหนหรือ? เขาสบายดีหรือไม่?”
“อย่าพูดถึงเขา” ถังเซียนเผยสีหน้าโกรธเกรี้ยวและทุกข์ทรมานออกมา “ข้าพาปิงเอ๋อร์มายังเมืองหลวงเกาทัณฑ์ สวรรค์ แต่ข้าไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่ และข้าก็ยังคิดไม่ถึงว่าชุยหนิวที่เจ้าพูดถึงเมื่อหลายปีก่อนจะกลายเป็นแม่ทัพ โจวแห่งอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์”
หลิงจื่อหานยกขาขึ้นเตะลูกชายของเธอแล้วพูดว่า “เด็กเหลือขอตัวน้อย พูดซิว่าเกิดอะไรขึ้น?”
โจวเหว่ยชิงเล่าเรื่องของเขาอีกครั้ง  ขณะที่ได้ฟังเรื่องราวจากเขา ใบหน้าของถังเซียนยังคงเย็นยะเยือกเช่นเดิม แต่ทว่าฝ่ายหลิงจื่อหานกลับตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
ฉับพลันนั้นเอง ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ก้าวไปด้านข้างของโจวเหว่ยชิงและคุกเข่าลงต่อหน้าแม่ของเธอด้วย “ท่านแม่ ข้าก็ชอบอ้วนน้อยเช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นความผิดพลาดและไม่ใช่ความผิดของเขา ยิ่งกว่านั้นในสนามรบ อ้วน น้อยก็ยังช่วยชีวิตข้าไว้ถึง 2 ครั้ง เขายินดีที่จะเสียสละชีวิตของเขาเพื่อข้า ครั้งที่พวกเราถูกฝูงหมาป่าโลกันตร์ล้อมไว้ เขาก็ เสียสละตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้ข้าหลบหนีไป ท่านแม่ ในชีวิตของข้า ข้าคงจะไม่สามารถชอบผู้ชายคนอื่นอีกแล้ว ถ้าท่านฆ่า เขา ท่านต้องฆ่าข้าด้วย”
คำพูดของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ทำให้ทั้งโจวเหว่ยชิงและหลิงจื่อหานซาบซึ้งไปด้วย ความตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นภายใน หัวใจของโจวเว่ยชิงเกือบทำให้เขาสูญเสียความเยือกเย็นไป นี่เป็นครั้งแรกที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พูดยอมรับว่าเธอชอบเขาจาก ปากของเธอจริงๆ โดยเฉพาะประโยคที่เธอพูดว่าจะไม่ชอบผู้ชายคนอื่นอีก นั่นสั่นสะเทือนจุดอ่อนไหวในหัวใจของโจว เหว่ยชิงเข้าอย่างจัง ในขณะเดียวกันหลิงจื่อหานก็รู้สึกประทับใจในตัวซ่างกวนปิงเอ๋อร์มากเช่นกัน เธอคิดกับตัวเองว่าเด็ก หญิงตัวน้อยคนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้รับถ่ายทอดนิสัยโมโหร้ายมาจากมารดาของเธอ ช่างเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ
“เจ้า…” ถังเซียนขมวดคิ้วแน่นเป็นปม เธอถอนหายใจออกมาและพูดว่า “ยากนักที่จะเก็บหญิงสาววัยออกเรือน เอาไว้แต่ในบ้าน…เฮ้อ ไม่ต้องกังวลไปหรอก ข้าจะไม่ทำอะไรเขา แสดงมณีสวรรค์ของเจ้าออกมาซิ”
แต่เดิมนั้น ถังเซียนนำลูกสาวของเธอมาที่นี่ไม่ใช่แค่เพราะอารมณ์โกรธของเธอ แต่เป็นเพราะต้องการข่มขู่และ แสดงให้เห็นถึงพลังที่เหนือกว่าของเธอด้วย ในฐานะคนเป็นแม่ เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าลูกสาวของเธอชอบโจวเหว่ยชิง จริงๆ แต่ด้วยฐานะแม่นั้นเอง เธอจึงต้องแสดงความโกรธของเธอออกมาและทดสอบจอมเจ้าเล่ห์ตัวน้อยคนนี้เช่นกัน เมื่อ สักครู่นี้ความสามารถของโจวเหว่ยชิงทำให้เธอประทับใจอยู่บ้าง และด้วยท่าท่างขอประนีประนอมของหลิงจื่อหาน นั่นทำ ให้เขาสามารถเอาตัวรอดไปจากเธอได้หวุดหวิด ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็เป็นถึงจ้าวมณีสวรรค์ที่มีทักษะธาตุมิติ และบางทีเขา อาจจะเหมาะสมกับลูกสาวของเธอก็เป็นได้ เธอแค่ต้องการตรวจสอบว่าทักษะธาตุทั้งหมดของเขาคืออะไร
โจวเหว่ยชิงยกข้อมือของเขาขึ้นมาแสดงมณีธาตุให้เธอดู และเมื่อถังเซียนเห็นไพฑูรย์ตาแมวที่มีสีฟ้าเหลือบเขียว ลอยวนอยู่รอบข้อมือของเขา สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปในชั่วพริบตา เธอจับข้อมือซ้ายของโจวเหว่ยชิงขึ้นมาก่อนจะพูด ด้วยความตกใจ “ไพฑูรย์ตาแมวสองสี?”
โจวเหว่ยชิงรู้สึกว่ามือของถังเซียนแข็งราวกับคีมเหล็ก นั่นจึงทำให้เขารู้สึกเจ็บมากเมื่อเธอจับข้อมือของเขา เขา ยิ้มอย่างขมขื่นขณะพยักหน้า “ใช่! ท่านป้า นั่นคือไพฑูรย์ตาแมวสองสี”
ถังเซียนรู้สึกตื่นตระหนก เธอพูดอย่างขาดสติ “มีทักษะธาตุอะไรบ้าง?”
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “ธาตุลม ธาตุสายฟ้า ธาตุมิติ ธาตุมืด ธาตุปีศาจ…” เมื่อเขาพูดถึงตรงนั้น เขาก็หยุดครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดต่ออย่างแน่วแน่ “และอีกชนิดเป็นทักษะธาตุที่ข้ายังไม่รู้จัก” ในเวลานี้ แม้แต่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เองก็แปลกใจ  เธอไม่รู้เช่นกันว่าโจวเหว่ยชิงมีทักษะธาตุที่ 6 ด้วย
โจวเหว่ยชิงมองหน้าเธอ เขาพยักหน้าให้อย่างขอโทษขอโพย เขาไม่อยากจะปกปิดอะไรจากซ่างกวนปิงเอ๋อร์ อีกเนื่องจากตอนนี้คำพูดของเธอทำให้เขาซึ้งใจเป็นอย่างมาก
………………………………

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset