Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 29.1 ทักษะการยิงธนูดั่งเทพเจ้า (1)

หลัวเขอตี้ถูกลูกธนูของโจวเหว่ยชิงกระแทกกลับจนกระเด็นออกไป โชคดีที่เขาเป็นจ้าวมณียุทธ์ที่มีมณี 5 ดวง ร่างกายของเขาจึงแข็งแกร่งและทนทานเป็นอย่างยิ่ง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ยังสามารถตอบสนองได้อย่าง ทันท่วง ทีและลดทอนความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ ในขณะที่โจวเหว่ยชิงยิงลูกศรดอกสุดท้ายออกมา เขาได้ดึงหัวลูกศร ออกไปแล้วเช่นกัน ดังนั้นหลัวเขอตี้จึงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ มิฉะนั้น หากถูกยิงอย่างกะทันหันด้วยธนูราชัน ที่ทรงพลังเช่น นี้ แม้ระดับการฝึกฝนของเขาจะสูงกว่าโจวเหว่ยชิงมาก แต่เขาก็ต้องได้รับบาดเจ็บหนักแน่นอน และนี่ก็คือราคาที่หลัวเขอตี้ ต้องจ่ายเมื่อเข้ากล้าประเมินศัตรูต่ำไป
แท้จริงแล้วการยิงหลัวเขอตี้ให้โดนเป็นเรื่องยากมากสำหรับโจวเหว่ยชิง ลูกศร 4 ดอกแรก คือการทดสอบและ ประเมินสถานการณ์ทั้งหมด มีเพียงลูกศรดอกที่ 5 ซึ่งพุ่งเป้าไปที่พื้นจึงจะนับว่าเป็นกุญแจสำคัญในแผนการณ์ของเขา หลัวเขอตี้ไม่รู้เกี่ยวกับพลังศาสตรามณียุทธ์ของโจวเหว่ยชิงและพลังระเบิดทำลายล้างของธนูราชัน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกตื่น ตกใจกับแรงระเบิดจนพุ่งตัวออกไปลอยคว้างอยู่กลางอากาศ แน่นอนว่าเมื่อมาถึงจุดนั้น แผนของโจวเหว่ยชิงก็สำเร็จไป ครึ่งทางแล้ว
ในวินาทีต่อมา ขณะที่โจวเหว่ยชิงยิงลูกศรดอกถัดไป เขาก็ได้ปลดปล่อยทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาจากมณีธาตุ ของเขาออกมาหลอมรวมเข้ากับธนูราชันด้วย ก่อนหน้านี้เขาตระหนักได้ว่าหลัวเขอตี้เคลื่อนไหวได้จำกัดมากขณะที่ลอย อยู่กลางอากาศ ด้วยเหตุนั้น ลูกเล่นของลูกศรราชันเคลื่อนย้ายพริบตาจึงค่อนข้างเรียบง่ายมาก มันไม่ได้มีอำนาจทะลุ ทะลวงเพิ่มมากขึ้น แต่มันสามารถทำให้ลูกศรพุ่งออกไป จากนั้นก็หายตัวไปกลางอากาศ และไปปรากฏตัวอีกฝั่งได้ในชั่ว พริบตา หรือก็คือเมื่อลูกศรพุ่งไปถึงระยะ 250 หลาจากหลัวเขอตี้ มันก็จะหายตัวไปปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ด้วยระยะ ทางที่ร่นขึ้นมาใกล้เช่นนี้ พลังระเบิดทำลายล้างของธนูราชันจะไม่แสดงผลได้อย่างไร? ที่จริงการตัดสินใจของหลัวเขอตี้ ก็ไม่ได้ผิดพลาดอะไรเลย แต่ทว่าเขากลับไม่นึกเผื่อไว้ว่าลูกศร อาจจะเคลื่อนย้ายตัวเองมาอยู่ตรงหน้า เขาในชั่วพริบตา เช่นนี้! แม้โจวเหว่ยชิงจะยังควบคุมลูกศรราชันเคลื่อนย้ายพริบตาได้ไม่ค่อยดีนัก แต่เขาก็ยังโชคค่อนข้างดี ดังนั้นเขาจึง ประสบความสำเร็จในการลองเพียงครั้งเดียว
หัวกลมๆ เล็กๆ สีขาวน่ารักโผล่พรวดออกมาจากหน้าอกของโจวเหว่ยชิงทันที เจ้าตัวน้อยกระพริบตาสีน้ำเงินเข้ม ปริบๆ อย่างสงสัยแม้จะไม่ส่งเสียงอะไรออกมาก็ตาม นั่นไม่ใช่เสือขาวตัวน้อยที่ทุกคนหลงลืมไปหรอกหรือ? ไม่มีใครรู้ว่า ทำไมเสือขาวตัวน้อยถึงติดหนึบอยู่กับโจวเหว่ยชิง และแม้ว่ามันจะถูกเขา“กลั่นแกล้ง” อยู่บ่อยครั้ง แต่เจ้าตัวน้อยนี้ก็ยัง ปฏิเสธที่จะผละจากข้างกายเขาไป ด้วยเหตุนี้ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จึงรู้สึกหดหู่อยู่บ่อยครั้ง
ขณะที่ร่างของหลัวเขอตี้กำลังจะร่วงลงไปกระแทกพื้น เขาก็จัดการม้วนตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบก่อนจะกระโดด กลับไปยืนอย่างมั่นคง แต่ทว่าก็ยังรู้สึกเจ็บปวดและอึดอัดที่หน้าอกเล็กน้อย ไม่นานเขาก็ตกอยู่ในอารมณ์อึมครึม ท้ายที่สุด แล้วเขาก็ยังไม่รู้ว่าเขาถูกลูกศรดอกนั้นโจมตีได้อย่างไร! หูของเขาผิดปกติไปหรือ!? นั่นเป็นไปไม่ได้! ความสามารถในการ แยกแยะระยะทางและการโจมตีจากการได้ยินเพียงอย่างเดียวนั้น กระทั่งคนอื่นๆ ในหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ก็สู้เขาไม่ได้!
เขาได้แต่คิดกับตัวเองว่า ข้าคือนายพรานล่าห่านป่าที่โดนห่านจิกจนตาปูด ไต้ก๋งเรือที่พลาดจมเรือในสระน้ำ เล็กๆ!! เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดและเต็มไปด้วยดินทราย ตอนนี้ใบหน้าสุภาพเรียบร้อยของหลัวเขอตี้จึงค่อนข้างบึ้งตึงเป็น อย่างมาก
โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์เดินเข้ามาหาเขาอีกครั้ง จากนั้นซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ถามด้วยน้ำแสียงแสดงความ กังวลอย่างชัดเจน “ท่านอาวุโส ท่านสบายดีหรือไม่?”
หลัวเขอตี้ยิ่งได้ฟังคำพูดปลอบโยนของเธอก็ยิ่งรู้สึกแย่ขึ้นไปกว่าเดิม หากเธอเย้ยหยันหรือหัวเราะเยาะเขา เขาก็ อาจจะยังไม่รู้สึกแย่มากนัก แต่เมื่อถูกเด็กหญิงตัวเล็กๆ มาเอ่ยปากปลอบโยนเช่นนี้ แม้ว่าผิวของเขาจะหนา แต่ก็ยังอดไม่ ได้ที่จะหน้าแดงด้วยความอับอาย เขามองไปยังใบหน้าซื่อๆของโจวเหว่ยชิงด้วยสีหน้าล้ำลึกก่อนจะกล่าวว่า “หึ เจ้าเด็ก เหลือขอตัวน้อย! ไม่เลวเลยนี่หว่า! ดูเหมือนข้าจะมองเจ้าผิดไป!” ด้วยทักษะการยิงธนูของเขา เขาจึงรู้ว่าหัวลูกศรดอกสุด ท้ายนั้นถูกถอดออกไป มิเช่นนั้นเขาอาจจะได้รับบาดเจ็บไปแล้วก็เป็นได้
โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างร่าเริงและพูดว่า “ท่านอาวุโส ข้าแค่โชคดีเท่านั้นแหละ ตอนที่ข้ายิงลูกศรดอกสุดท้าย ออกไป มือของข้าดันลื่นพอดี มันเลยพุ่งออกไปกระยึกกระยือไม่ตรงเป้าเท่าไหร่ ใครจะรู้ว่าท่านจะไปกระแทกโดนมันโดย ไม่ตั้งใจ เฮ้อ สรุปว่าข้าผ่านการทดสอบด่านแรกหรือไม่?”
มือลื่น? คิ้วของหลัวเขอตี้กระตุกขณะที่เขาสบถในใจว่า เจ้าคิดว่าเจ้าโกหกใครอยู่รึ?? ลูกศรดอกก่อนหน้าเจ้า ไม่ได้เอาหัวลูกศรออก แต่ดอกสุดท้ายนี้เจ้ากลับเอาออก เจ้าคงจะไม่ทำเช่นนั้นหากไม่มั่นใจว่าลูกศรดอกนั้นจะพุ่งโดนร่าง ข้าแน่นอน  ฮึ่ม! จอมเจ้าเล่ห์ตัวน้อยนี้รู้วิธีแสร้งเป็นหมูหลอกกินเสือจริงๆ[1]  ทำไมท่าทางของเขาถึงได้ดูคุ้นๆ นักนะ?
หลัวเขอตี้กัดฟันพูดว่า “ใช่ เจ้าทั้งคู่ผ่านด่านทดสอบแรกแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาเข้าสู่ด่านที่ 2 เจ้าเด็กเหลือขอ ส่งธนู อุษาม่วงมาให้ข้าพร้อมกับแล่งธนูของเจ้า”
โจวเหว่ยชิงมองเขาอย่างระมัดระวัง “เอาไปทำอะไรหรือ?”
แววตาของหลัวเขอตี้เผยเล่ห์เหลี่ยมออกมาขณะที่เขาอมยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนที่โจวเหว่ยชิงจะได้ทันตอบโต้หรือ แม้แต่เห็นหลัวเขอตี้ขยับตัว เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่วูบวาบเบื้องหน้า จากนั้นร่างของเขาก็ถูกยกขึ้น พริบตา เดียวธนูอุษาม่วงและแล่งธนูก็ไปปรากฏอยู่ในมือของหลัวเขอตี้เรียบร้อยแล้ว
“ก่อนหน้านี้เจ้าทั้งคู่ยิงลูกศร 20 ดอกใส่ข้าแล้ว ตอนนี้ถึงตาข้ายิงลูกศร 20 ดอกใส่พวกเจ้าทั้ง 2 คนบ้างหากลูก ศรของข้ายิงไม่โดนพวกเจ้าครบทั้ง 2 คน พวกเจ้าทั้งคู่ก็จะผ่านด่านทดสอบที่ 2 ไปได้ทันที ไม่ต้องกังวล ข้าจะถอดหัวลูกศร ออกแน่นอน ตอนนี้พวกเจ้าวิ่งออกไปได้เลย ข้าจะนับถึง 1 ถึง 5”
“1…”
ปัดโถ่เอ้ย! นี่คือการใช้อำนาจแก้แค้นส่วนตัวอย่างไม่ถูกต้องชัดๆ! โจวเหว่ยชิงพลันสบถด่าอยู่ในใจ แต่ก็ไม่กล้า จะชักช้าอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว เขาและซ่างกวนปิงเอ๋อร์แลกเปลี่ยนสายตากันว่าให้แยกไปคนละทิศ จากนั้นทั้งคู่ก็หัน หลังกลับและวิ่งออกไปด้วยความเร็วสูงสุดอย่างไม่ลังเลฃ
ในขณะเดียวกัน หลัวเขอตี้ก็รีบหยิบลูกธนูออกจากแล่ง เขาใช้นิ้วมือแตะที่หัวลูกศร จากนั้นพวกมันก็ปริแตกออก จากกันทันที เขาหักมันออก จากนั้นก็ง้างธนูขึ้น ก่อนจะนับอย่างช้าๆ “2  3  4  5…นี่คือลูกศรดอกแรก!”
โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้ยินเสียงของเขาจึงกระโดดหลบและพลิกตัวไปด้านข้างทันที อย่างไรก็ตามทัน ทีที่พวกเขาทำเช่นนั้น พวกเขาก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเนื่องจาก ไม่มีใครได้ยินเสียงของลูกศรที่แหวกผ่าน อากาศมาเลย
หรือว่านั่นคือศรไร้เสียง?
“เจ้าโง่! ถ้าข้าบอกว่าลูกศรกำลังจะพุ่งออกไป นั่นหมายความว่ามันจะพุ่งออกไปจริงๆรึไง?” ในขณะที่โจวเหว่ย ชิงม้วนตัวกับพื้นและกำลังจะกระโดดขึ้นเพื่อเปลี่ยนทิศทาง เขาก็รู้สึกเจ็บที่บั้นท้ายขึ้นมาอย่างฉับพลัน แรงปะทะนั่นทำให้ เขากระเด็นไปไกลถึง 3 ฟุตทันที
นั่นคือศรไร้เสียง? เห็นได้ชัดว่าลูกศรดอกนั้นถูกยิงออกมาหลังจากพูดเตือนพวกเขาจริงๆ แต่ถึงแม้ว่าลูกศรนั่นจะ มีเสียง เขาก็ยังไม่อาจหลบมันพ้นอยู่ดี ท้ายที่สุดแล้ว ลูกศรดอกนั้นก็มาถึงตัวเขาในขณะที่ร่างของเขายังอยู่บนพื้นด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น หากเขาไม่ได้ใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา เขาก็ไม่อาจจะหลบมันพ้นแน่ แต่อย่างไรก็ตาม โจวเหว่ยชิงไม่ต้อง การเปิดเผยความลับของมณีธาตุของเขาในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะใช้ทักษะนี้ในการทดสอบด่านแรก แต่นั่นก็ยังอยู่ภายใต้ เงื่อนไขที่ว่าหลัวเขอตี้ไม่สามารถมองเห็นลูกศรดอกนั้นได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ถ้าหากเขาใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาอีก แน่นอนว่าหลัวเขอตี้ต้องรู้แน่
แม้ว่าหัวลูกศรจะถูกถอดออกแล้ว แต่ด้วยพลังของธนูอุษาม่วง ขณะที่ลูกศรนั้นกระแทกเข้าที่ก้นของเขา โจว เหว่ยชิงก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงปะทะขนาดย่อมๆ อย่างไรก็ตาม ลูกศรดอกนั้นก็ได้พุ่งชนเข้ากับเกราะเทพอมตะที่ถูกกางออก เพื่อปกป้องเขาไว้ในเวลาเดียวกัน พลังโจมตีนั้นจึงถูกเกราะเทพอมตะกระจายออกไปทั่วร่างกายของเขา อีกทั้งแรงปะทะ ส่วนใหญ่ยังถูกสลายออกไปอีกด้วย เช่นนี้เขาจึงกระเด็นกลับไปด้านหน้าเพียง 2-3 ฟุต ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดเพียงเล็ก น้อย
นี่คือวิธีการใช้ประโยชน์จากเกราะเทพอมตะอย่างแท้จริง! โจวเหว่ยชิงตระหนักได้ถึงพลังของของเกราะเทพ อมตะทันที เมื่อร่างกายของเขาถูกโจมตี เกราะป้องกันจากหลุมดำพลังปราณทั้ง 5 เป็นเพียงแค่การป้องกันในระดับพื้น ฐานเท่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่าคือการกระจายแรงปะทะออกไปทั่วร่างกาย แม้ว่าร่างกายของเขาจะยังคงได้รับความเสียหาย แต่พลังโจมตีที่รุนแรงก็ได้ถูกกระจายออกไปแล้ว และนั่นก็ช่วยลดอาการบาดเจ็บของเขาลงได้มากเลยทีเดียว
“ฮึ? เจ้ารับลูกศรได้เก่งจริงๆ!” หลัวเขอพูดด้วยความประหลาดใจเมื่อมองไปยังโจวเหว่ยชิงที่พลิกตัวกลับไปยืน แล้ววิ่งต่อได้หลังจากโดนลูกศรของเขายิงใส่ครั้งแรก
ตามแผนเดิมของเขา ลูกศรดอกแรกควรจะทำให้ก้นของโจวเหว่ยชิงชาหนึบจนขยับไม่ได้ จากนั้นก็เปิดโอกาสให้ หลัวเขอตี้ยิงลูกศรตามไปอีก 20 ดอกตามความตั้งใจของเขาเพื่อเป็นการลงโทษเจ้าเด็กเหลือขอคนนั้น แท้จริงแล้วเขา สงวนลูกศรทั้ง 20 ดอกไว้สำหรับโจวเหว่ยชิงโดยเฉพาะเลยทีเดียว ท้ายที่สุดเขาก็เพียงแค่ต้องการจะระบายความโกรธที่ ตนถูกโจวเหว่ยชิงยิงจนกระเด็นออกไปก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ตอนนี้โจวเหว่ยชิงก็ยังคงอยู่ดีหลังจากโดนลูกศรแรกของ เขายิงเข้าใส่ และสิ่งนี้ก็ท้าทายอารมณ์โกรธของหลัวเขอตี้อย่างมา
*สวบ* ลูกศรอีกดอกพุ่งออกมา คราวนี้โจวเหว่ยชิงได้ขยายประสาทสัมผัสของเขาให้ตึงถึงขีดสุด และเมื่อทำเช่น นั้นเสร็จ เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าลูกศรอีกดอกได้มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว นั่นทำให้ใจของเขาร่วงไปอยู่แทบเท้าเลยทีเดียว เป็นเพราะเขาพบว่ามันไม่ใช่ศรไร้เสียง!!
ลูกศรที่หลัวเขอตี้ยิงออกมานั้นมีเสียงดังออกมาจริงๆ แต่มันก็เบาบางมากๆ แม้กระทั่งประสาทสัมผัสที่ถูกขยาย ออกจนถึงขีดสุดของโจวเหว่ยชิงก็ยังเพิ่งจะได้ยินเสียงของมันเพียงแผ่วเบาเมื่อลูกศรดอกนั้นพุ่งมาใกล้เขาในระยะ 10 หลา แล้ว
เขาทำแบบนั้นได้อย่างไร? โจวเหว่ยชิงคิดอย่างสับสนขณะที่บั้นท้ายของเขาปะทะเข้ากับลูกศรอีกดอก ในคราวนี้ ขณะที่ร่างกายของเขาเพิ่งจะโผทะยานไปข้างหน้าด้วยแรกผลัก ลูกศรดอกที่ 3 ก็ตามมาถึงแล้ว ยังไม่ทันที่เขาจะได้ กระเด็นออกไปจากแรงปะทะครั้งที่ 2 ลูกศรดอกที่ 3 4 และ 5 ก็ตามมาติดๆ อย่างไม่ให้โอกาสเขาได้ขยับเคลื่อนไหวแม้แต่ น้อย!
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เริ่มวิ่งออกไปในเวลาเดียวกันกับโจวเหว่ยชิงและทั้งคู่ก็ได้แยกย้ายกันไปคนละทางก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ไม่ช้าภาพเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดที่สุดก็โผล่เข้ามาในสายตาของเธอ
โจวเหว่ยชิงถูกหลัวเขอตี้ระดมยิงอย่างต่อเนื่อง ลูกศรเหล่านั้นพุ่งใส่เขาติดๆกันในขณะที่เขาลอยคว้างอยู่กลาง อากาศ และเขาก็ยังไม่ทันจะได้ยันตัวกับพื้นเลยด้วยซ้ำ!!
นี่มันทักษะการยิงธนูแบบไหนกันแน่? ร่างของซ่างกวนปิงเอ๋อร์แข็งค้าง เธอจ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตก ตะลึง ยังไงซะ ทั้งสองฝ่ายก็อยู่ห่างกันตั้ง 300 หลา และเพื่อให้เกิดผลเช่นนั้น ขณะที่ลูกศรดอกแรกปะทะเข้ากับร่างของ โจวเหว่ยชิง ลูกศรดอกที่ 3 ของ หลัวเขอตี้ก็ต้องทะยานอยู่กลางอากาศแล้ว! มีเพียงลูกศรที่ยิงออกไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่ หยุดพักเท่านั้นจึงจะสามารถขึงเขาไว้กลางอากาศเช่นนั้นได้  นี่ก็หมายความว่า ทันทีที่หลัวเขอตี้ยิงลูกศรดอกแรกออกไป เขาก็ต้องขบคิดไว้แล้วว่าโจวเหว่ยชิงจะขยับไปที่ไหนและขยับอย่างไร จากนั้นก็ยิงลูกศรดอกถัดไปในเส้นทางนั้นทันที นี่จึง ไม่ใช่แค่เพียงทักษะการมองเห็นที่เฉียบคมและการคิดคำนวณอย่างง่ายๆแน่!
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเธอหันไปมองหลัวเขอตี้ เธอก็เห็นว่าเขากำลังเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ทั้งๆ ที่ยิงธนูออกไป อย่างรวดเร็วเช่นนั้น อีกทั้งเธอแทบจะมองตามไม่ทันว่าเขายิงธนูออกไปอย่างไร ท่าทางของเขาดูสบายๆ มาก เขา อารมณ์ดีกระทั่งหันกลับมายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนและแทบจะไม่มองกลับไปที่โจวเหว่ยชิงแม้แต่น้อย สิ่งที่น่าตกใจยิ่ง กว่านั้นคือหลัวเขอตี้ไม่ได้ใช้ศรไร้เสียง แต่เขาก็สามารถลอกเลียนทักษะของศรไร้เสียงได้มากกว่า 8 ใน10 ส่วน!
ทักษะที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้! มันคือทักษะการยิงธนูดั่งเทพเจ้าชัดๆ!!
คำเหล่านั้นคือสิ่งที่ใช้อธิบายทักษะการยิงธนูของเขาได้เพียงอย่างเดียว ทักษะการยิงธนูดั่งเทพเจ้า! แม้ว่าเขาจะ มีมณีเพียง 5 ดวง แต่ด้วยการทักษะการยิงธนูเช่นนี้ นั่นก็ทำให้เขาเกือบจะเกินความสามารถของมนุษย์ไปแล้ว! นี่คือจุด แข็งที่แท้จริงของหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์งั้นหรือ?
ถึงตอนนี้ ระดับพลังปราณสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงก็กำลังลดลงอย่างต่อเนื่องจนอาจเป็นอันตรายได้ หลังถูกยิง ด้วยลูกศร 8 ดอกหรือมากกว่านั้น แม้ว่าเขาจะมีพลังการดูดกลืนปราณสวรรค์ที่น่าประทับใจจากหลุมดำทั้ง 5 พลังปราณ สวรรค์ของเขาก็ยังคงแห้งเหือดลงอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้เขาได้เผาผลาญปราณสวรรค์ไปกับธนูราชัน และลูกศรราชัน เคลื่อนย้ายพริบตาไปส่วนหนึ่งแล้ว ประกอบกับการใช้เกราะเทพอมตะ ทำให้พลังปราณสวรรค์ของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว
โจวเหว่ยชิงทำการตัดสินใจหยุดการป้องกันจากเกราะเทพอมตะในทันที เนื่องจากเขาต้องการสำรองพลังปราณ สวรรค์ไว้เพื่อใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาในครั้งสุดท้าย เขาไม่อยากจะล้มเหลวในการทดสอบครั้งที่ 2 นี้!
หลังจากระงับพลังของเกราะเทพอมตะเอาไว้ได้ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งแรกคือความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้น อย่างมาก ปกติแล้วโจวเหว่ยชิงจะถูกลูกศรแต่ละดอกผลักให้กระเด็นออกไปเพียง 3 เมตรเท่านั้น แต่หลังจากเขาปลด เกราะเทพอมตะออก ลูกศรดอกต่อมาก็ทำให้เขากระเด็นออกไปไกลถึง 5 เมตร ส่วนความเจ็บปวด และอาการชาหนึบที่ ก้นของเขาก็ทำให้โจวเหว่ยชิงต้องร้องออกมาเสียงดัง
……………………………………………………..
[1] แสร้งเป็นหมูหลอกกินเสือ แปลว่า คนที่แท้จริงแล้วมีความสามารถ แต่กลับแกล้งเซ่อซ่าหลอกให้ผู้อื่นหลงกลเพราะมุ่งหวังผลประโยชน์จากอีกฝ่าย

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset