Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 3.4 กล้ามอกของท่านผู้บัญชาการกองพันนั้นไม่เลวจริงๆ! (4)

เถ้าแก่ร้านจ้องมองโจวเหว่ยชิงอย่างตกตะลึง “เอ่อ ท่านจะนับเช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ!! ของชิ้นนี้ต้องใช้ช่างตีเหล็กที่มีประสบการณ์กว่า 2 คนลงแรงเป็นเวลากว่าครึ่งปีจึงจะสร้างออกมาเสร็จสมบูรณ์ นี่ย่อมไม่นับรวมราคาเส้นเอ็นของอสรพิษวิเศษด้วย!” ปกติแล้วเขาตั้งราคาเกราะอ่อนนี้อยู่ที่ 60 เหรียญทอง ซึ่งนั่นคือเงินเดือนเกือบ 20 ปีของพลทหารทั่วไป
โจวเหว่ยชิงเบิกตาด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าซื่อๆ ว่า “เถ้าแก่ ก่อนหน้านี้ท่านไม่ได้บอกว่ากิโลละ 6 เหรียญทองหรอกหรือ? ท่านยังบอกอีกด้วยว่าจะไม่คิดค่าแรง ข้าจะซื้อของชิ้นนี้ให้เป็นของขวัญให้กับท่านผู้บัญชาการกองพัน เรื่องแค่นี้ท่านคงไม่งกหรอกใช่ไหม? การค้าขายนั้นย่อมต้องมีความจริงใจเป็นหลัก ท่านรู้หรือไม่น่ะหา!
เอาอย่างนี้ หากท่านต้องการเพิ่มราคา ข้าก็จะไม่เกี่ยง แต่ตอนนี้ข้ายังไม่มีเงินมากพอ หากข้ามอบสิ่งนี้ให้กับผู้บัญชาการกองพันแล้ว เงินที่เหลือท่านมาสามารถไปเรียกเก็บกับเธอได้เลย เป็นเช่นนี้ท่านว่าดีหรือไม่? ยังไงซะ ผู้บัญชาการกองพันของเราก็เป็นเสาหลักของบ้านเมือง! เพื่อความปลอดภัยของเธอแล้ว ข้าจะยอมมอบเงินเดือนทั้งหมดที่ข้าเก็บไว้หลายปีให้แก่ท่าน แต่ว่าตอนนี้ข้าไม่มีเงินเหลือแล้วจริงๆ” ในขณะที่เขาตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จอยู่นั้น สีหน้าของโจวเหว่ยชิงผู้แสนเจ้าเล่ห์ก็เต็มไปด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์และน่าสงสาร
“นี่… นี่…” เมื่อได้ยินว่านี่เป็นของขวัญสำหรับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ เถ้าแก่ก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วน การได้พบกับโจวเหว่ยชิงในวันนี้ทำให้เขารู้สึกราวกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ในที่สุดเขาก็พลันถอนหายใจ “ได้ ได้เพราะนี่เป็นของขวัญสำหรับผู้บัญชาการหรอกนะ เพราะฉะนั้นข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก แต่คราวหน้า หากว่ามีคำสั่งซื้อขนาดใหญ่อื่นๆ อีก ได้โปรดอย่าลืมร้านของข้าล่ะ!”
โจวเหว่ยชิงลอบหัวเราะในใจอย่างยินดี เขาไม่กล้าจะอยู่ต่อนานจึงรีบร้อนกล่าวลา “ขอบคุณท่านมาก! ข้าจะกลับมาใหม่คืนนี้เพื่อรับหมวก อ้อ ท่านช่วยเย็บผ้าคลุมรอบๆ หมวกด้วยจะได้หรือไม่ มันจะได้ดูเหมือนกับหมวกธรรมดาๆไม่สะดุดตาเกินไป และถ้าเป็นไปได้ ช่วยทำให้หมวกมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมด้วยได้หรือไม่ การป้องกันจะได้เพิ่มมากขึ้น” หลังจากพูดจบ โจวเหว่ยชิงก็คว้าชุดเกราะอ่อนออกไปอย่างพึงพอใจ
หลังออกจากร้านช่างตีเหล็ก โจวเหว่ยชิงก็หันตัวมุ่งหน้าไปยังตรอกซอยแห่งหนึ่งที่เงียบสงัดปลอดผู้คน จากนั้นเด็กหนุ่มก็ถอดเครื่องแบบทหารด้านนอกออกและจัดแจงสวมเกราะอ่อนให้เข้าที่ แม้ว่าเกราะนี้จะยังใหญ่เกินไปสำหรับเขาอยู่บ้าง แต่ความยืดหยุ่นของเส้นเอ็นอสรพิษวิเศษนั้นดีมาก โจวเหว่ยชิงจึงสามารถปรับให้กระชับขึ้นได้อีกเล็กน้อย หลังจากสวมเครื่องแบบทหารกลับคืนก็มองไม่เห็นเกราะอ่อนนั้นแล้ว
“ช่างเป็นอุปกรณ์ป้องกันที่ยอดเยี่ยมจริงๆ! เฮ้อ โชคร้ายที่โลหะผสมไทเทเนียมนั้นไม่ได้ช่วยโคจรพลังปราณสวรรค์ นอกจากนั้นมันก็ยังไม่สามารถใส่ทักษะธาตุลงไปให้มีพลังโจมตีหรือป้องกันใดๆ ได้ หากว่าวัตถุดิบนี้มีความสามารถแบบนั้นด้วย ราคาของมันก็คงจะสูงขึ้นเทียมฟ้า” โจวเหว่ยชิงถอนหายใจ โลหะผสมไทเทเนียมนั้นมีประโยชน์มากมาย แต่มันก็ยังไม่สมบูรณ์แบบเลยซะทีเดียว เพราะอย่างที่โจวเหว่ยชิงได้กล่าวไป ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวนั้นทำมันให้ไม่สามารถกลายเป็นอาวุธสำหรับจ้าวมณีได้ ดังนั้นราคาของมันจึงถูกลงมาก
หลังจากจัดการสิ่งต่างๆเรียบร้อยแล้ว โจวเหว่ยชิงก็ตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังป่าดาราเพื่อนำสมบัติเก่าแก่ที่เขาซ่อนไว้ออกมา นั่นเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในช่วงชีวิต 13 ปีที่ผ่านมาของตนเลยทีเดียว
ขณะที่โจวเว่ยชิงกำลังจะเข้าร่วมกองทัพอย่างไม่ทุกข์ร้อน บรรยากาศกดดันตึงเครียดก็พลันเกิดขึ้นอีกฝั่งในพระราชวังของอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์
“เสด็จพ่อ อย่าได้โกรธเลย ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง” องค์หญิงตี้ฝูหยากำลังคุกเข่าสำนึกผิดพลันร้องไห้สะอื้นออกมา
ด้านหน้าของเธอเป็นชายวัยกลางคนอายุราว 40 ปี เขาอยู่ในชุดคลุมสีทองอร่ามขณะกำลังย่ำเท้ากลับไปมา บนศีรษะประดับด้วยมงกุฎทองคำ ผิวพรรณใสกระจ่างดั่งหยก กลิ่นอายบารมีของชายผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินแผ่กดดันอยู่เหนืออากาศ ทำให้คนรับใช้หมอบอยู่รอบๆ สั่นด้วยความกลัว เขาขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ
ทว่าเมื่อได้ยินเสียงร้องขอของตี้ฝูหยา ชายหนุ่มก็หยุดเดินกะทันหันและตะโกนด้วยความเดือดดาล “ข้าบอกเจ้าแล้วใช่ไหม! หากว่าเหว่ยชิงไม่เป็นอันใดก็แล้วไป แต่ถ้าหากเขาตายจากการกระทำที่ไม่ยั้งคิดของเจ้าขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ เจ้าก็ต้องตายไปกับเขาด้วย!”
ก่อนหน้านี้ ขณะที่ตี้ฝูหยาเพิ่งจะกลับมาถึงราชวัง จิตใจของเธอก็เริ่มหวาดกลัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็เอาชนะความกลัวของตนเองและตัดสินใจบอกความจริงแก่จักรพรรดิตี้เฟิงหลิงผู้เป็นบิดา ในตอนแรกหญิงสาวก็ยังคงพูดอ้อมค้อมไปมา แต่ทันทีที่จักรพรรดิตี้เฟิงหลิงได้ยินว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับโจวเหว่ยชิง เขาก็รีบเรียกตัวหนี่ย่ามาเค้นถามทันที จนกระทั่งในที่สุดเขาก็รับรู้เรื่องราวทั้งหมดโดยละเอียด  และทันทีที่รู้ความจริงทั้งหมด ตี้เฟิงหลิงก็โกรธเป็นอย่างมาก จักรพรรดิหนุ่มเร่งรีบออกคำสั่งส่งจ้าวมณีธาตุชีวิตทั้งหมด 4 คนไปกับหนี่ย่าในการออกตามหาโจวเหว่ยชิงเพื่อรักษาชีวิตของเด็กหนุ่มเอาไว้ให้ได้
ตี้ฝูหยาจ้องมองบิดาของตนด้วยความตกตะลึง เธอไม่คาดคิดว่าโจวเหว่ยชิงจะมีน้ำหนักในใจของบิดาถึงเพียงนี้
“ท่านพ่อ เขาเป็นเพียงข้ารับใช้ของท่าน แต่ว่าข้าเป็นลูกของท่านนะเจ้าค่ะ!” จักรพรรดิตี้เฟิงหลิงมีบุตรชายและบุตรสาวอย่างละคน แน่นอนว่าบุตรสาวเพียงคนเดียวนั้นย่อมเป็นตี้ฝูหยาที่อายุ 16 ปี และเธอก็มีน้องชายอีก 1 คน
ตี้เฟิงหลิงเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียง หลังจากมีลูกชายและมั่นใจว่าลูกชายของเขาสุขภาพแข็งแรงดีแล้ว ตี้เฟิงหลิงก็ตัดสินใจที่จะไม่มีบุตรอีก เหตุผลนั้นก็ง่ายๆ เพราะจักรพรรดิหนุ่มไม่ต้องการให้ลูกๆ ของเขาต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ในอนาคตนั่นเอง ดังนั้นตี้เฟิงหลิงจึงตั้งใจสอนสั่งบุตรชายเพียงคนเดียวของตนด้วยความพยายามทั้งหมดที่มีแทน
ตี้เฟิงหลิงกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้ายังจำได้อยู่หรือว่าเป็นบุตรสาวของข้า? ในอดีต ตอนที่อาณาจักรของเราต่อสู้กับอาณาจักรคาลิเซ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่โจวเสี่ยงชีวิตปกป้องข้า ใช้ร่างของเขาบังห่าธนูของศัตรูให้ข้า เจ้าก็คงจะไม่ได้มีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้! ตอนนั้นพี่ใหญ่โจวโดนธนู 26 ดอกเสียบทะลุร่าง ต้องใช้จ้าวมณีธาตุชีวิตกว่า 4 คนรักษาเขาเป็นเวลาถึงหนึ่งเดือนเต็มกว่าจะยื้อชีวิตกลับมาได้! ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา พี่ใหญ่โจวได้เสี่ยงชีวิตมานับไม่ถ้วน เขาหลั่งเลือดเนื้อต่อสู้เพื่ออาณาจักรของเราอย่างกล้าหาญ หากไม่มีเขา ก็ย่อมไม่มีอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ และหากเป็นเช่นนั้น เจ้ายังจะได้เป็นองค์หญิงอยู่อีกหรือ?
ในฐานะที่เจ้าเป็นคนในราชวงศ์ เจ้าได้ลงแรงทำสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ให้กับอาณาจักรบ้าง? ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ากลับเอาแต่เพ้อฝันถึงแต่วีรบุรุษขี่ม้าขาวมาหาเจ้าไปวันๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าวันนี้โจวเหว่ยชิงอาจจะบังเอิญมาพบเจ้าเข้าจริงๆ หรือแม้กระทั่งว่าหากเขาจะตั้งใจมาแอบดูเจ้า แล้วมันอย่างไรล่ะ? ตามธรรมเนียมแล้วเจ้าก็เป็นคู่หมั้นของเขา และพูดอย่างตรงไปตรงมา แม้เหว่ยชิงจะทำเรื่องน่าอับอายกับเจ้า เขาก็ย่อมมีสิทธิ์ที่จะทำได้ แต่เจ้า! เจ้ากลับทำร้ายเหว่ยชิงด้วยพลังมณีของเจ้า! ข้าขอบอกเจ้าไว้ว่าข้าไม่ได้ล้อเล่น ถ้าหากเขาตายไปจริงๆ เจ้าก็ย่อมต้องชดใช้ด้วยความตายเช่นกัน ไม่เช่นนั้นข้าจะมีหน้าไปพบพี่ใหญ่โจวได้อย่างไร!!”
ตอนนี้ตี้ฝูหยาหวาดกลัวเข้าจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อได้ยินบิดาของเธอพูดถึงความตายสองครั้งสองครา เธอยังไม่พร้อมที่จะถูกฝังไปกับโจวเหว่ยชิงแต่ก็รู้ว่าบิดาได้ตัดสินใจไปแล้ว แม้ว่าเธอเองจะยังไม่อยากเชื่อก็ตาม
“ฝ่าบาท” ทันใดนั้นเองก็มีกลุ่มคนจำนวน 5 คนรุดเข้ามาภายในห้องก่อนจะโค้งคำนับไปยังจักรพรรดิตี้เฟิงหลิง พวกเขาคือกลุ่มจ้าวมณีธาตุชีวิตจำนวน 4 คนที่เขาส่งออกไปก่อนหน้านั้นเอง
“เป็นอย่างไรบ้าง? เหว่ยชิงล่ะ?” ตี้เฟิงหลิงถามอย่างกังวล
ผู้นำคนหนึ่งของกลุ่มจ้าวมณีชีวิตกล่าวอย่างนอบน้อม “ไม่ต้องเป็นห่วงพะยะค่ะ พวกเราไม่พบตัวท่านโจวน้อย เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วพวกเราพบรอยเท้าของเขาเดินออกไปจากป่าดาราพะยะค่ะ ดังนั้นพวกเราจึงสรุปว่า นายน้อยโจวจากไปอย่างปลอดภัยดีพะยะค่ะ”
ตี้เฟิงหลิงขมวดคิ้ว “เป็นไปได้อย่างไร? เหว่ยชิงเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีพลังปราณสวรรค์ หากว่าเขาถูกโจมตีด้วยมณีธาตุไฟ ข้าเกรงว่าเขา…”
จ้าวมณีคนนั้นกล่าวตอบ “ยังไงซะนายน้อยโจวก็เป็นถึงบุตรชายของแม่ทัพใหญ่นะพะยะค่ะ บางทีท่านแม่ทัพอาจจะเคยให้ของวิเศษบางอย่างที่สามารถช่วยชีวิตนายน้อยโจวยามคับขันได้…”
ในที่สุดสีหน้าของจักรพรรดิตี้เฟิงหลิงก็ผ่อนคลายลง เขาหันไปหาตี้ฝูหยาและกล่าวว่า “ลุกขึ้น ตามข้าไปที่ตระกูลแม่ทัพใหญ่โจวเพื่อขอโทษเหว่ยชิง”
ถึงขั้นนี้แล้วตี้ฝูหยาจะยังสามารถพูดขัดไดๆได้อีกหรือ? แม้ว่าเธอจะแอบตำหนิโจวเหว่ยชิงในใจ แต่เธอก็ยังคงลุกขึ้นตามบิดาของเธอออกไป พลันรู้สึกในใจว่าตนคิดผิดจริงๆที่สารภาพความจริงออกไป
ฝั่งโจวเหว่ยชิงนั้นไม่ได้รับรู้เลยว่าเขาได้ก่อปัญหาใหญ่ในเมืองหลวงเสียแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นเด็กหนุ่มจึงรับประทานอาหารเช้าที่โรงเตี๊ยมที่พัก ก่อนจะเดินทางจากไปยังค่ายทหารพร้อมกับคันธนูยาวและอุปกรณ์ใหม่เอี่ยมของตน
……………………………………………………………….

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset