Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 31.2 ศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บ – ระดับดาว (2)

มือของมู่เอินดูเหมือนจะขยับอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นภาพพร่ามัวในอากาศ เขาขว้างลูกศรเหล่านั้นกลับคืนไปแบบส่งๆ อย่างไรก็ตาม ลูกศรที่เขาขว้างกลับไปนั้นกลับเหมือนว่าพวกมันมีดวงตา เสียงกรีดร้องจึงทยอยดังขึ้นมาตามไหล่เขา โจรหลายสิบคนที่เคยง้างธนูใส่พวกเขาต่างก็นอนเรียงรายกันอยู่ทั้งสองฝั่งของภูเขา ทั้งหมดตายคาที่โดยมีลูกศรปักคาอยู่กลางลำคอ โจรธนูเหล่านั้นอยู่ห่างจากบริเวณที่มู่เอินยืนอยู่ประมาณ 50 หลา ทั้งพวกมันยังอยู่บนที่สูง แต่มู่เอินที่ขว้างลูกศรออกไปแบบส่งๆ กลับสามารถโจมตีเป้าหมายได้มากกว่า 20 คนอย่างแม่นยำ ด้วยความยากระดับนี้ พูดได้เพียงแค่ว่าเขาทำได้ดีเกินมนุษย์ไปแล้ว!
นี่เป็นครั้งแรกที่โจวเหว่ยชิงเห็นอาจารย์ของเขาโจมตีเป้าหมาย เขาจึงอดไม่ได้ที่จะจ้องมองด้วยความตกตะลึง
*ผลั่วะ* มู่เอินเตะก้นของโจวเหว่ยชิงอย่างแรงก่อนจะพูดอย่างโมโห “เจ้ามัวแต่จ้องอะไรอยู่!? อยากถูกฆ่าตายเรอะ? รีบไปจัดการกับกลุ่มข้างหน้าซะ ถ้ามีใครหนีไปได้ ข้าจะไม่ให้เจ้าสักแดงเดียว! อ้อ เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ธนู!” เมื่อเขาพูดจบ ธนูอุษาดำที่เคยอยู่ในมือของโจวเหว่ยชิงเมื่อครู่ก็ไปปรากฏอยู่ในมือของมู่เอินทันที
ถึงเวลานี้ กลุ่มโจรก็ตื่นตัวกับสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว แม้แต่คนที่โง่เขลาที่สุดก็คงตระหนักได้ว่ารถม้าคันนี้ไม่ใช่หญ้าที่เคี้ยวได้ง่ายๆ หัวหน้าโจรเพิกเฉยต่ออาการปวดแสบปวดร้อนที่ใบหูของเขาและตะโกนด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “วิ่ง! ส่งสัญญาณเตือนภัยเดี๋ยวนี้!” เมื่อพูดจบเขาก็รีบเผ่นหนีไปทันที เห็นได้ชัดว่ากลุ่มโจรกลุ่มนี้มีประสบการณ์ในการหลบหนีอย่างโชกโชน พวกมันรีบสลายตัวเพื่อหลบหนีไปในทุกทิศทาง แทบจะไม่มีใครวิ่งไปทางเดียวกันด้วยซ้ำ
เมื่อได้รับการเตือนจากมู่เอิน โจวเหว่ยชิงก็กระแทกเท้าขวาลงบนพื้นก่อนจะพุ่งไปข้างหน้าทันที เขารู้ว่าการที่มู่เอินไม่อนุญาตให้เขาใช้ธนู และลูกศรก็เพื่อทดสอบทักษะการต่อสู้ระยะประชิดของเขาบนสนามรบจริงนั่นเอง ถึงแม้เขาจะไม่รู้สึกอะไรมากนักหากต้องเสียหน้า แต่เขาก็ไม่อยากทำให้บิดาของตนต้องขายหน้าเช่นกัน! เมื่อคิดได้ดังนั้น โจวเหว่ยชิงจึงรู้สึกถึงเลือดในกายที่ร้อนเร่าขึ้นมา
ทันทีที่ขาขวาของโจวเหว่ยชิงกระแทกพื้น แรงระเบิดครั้งใหญ่ก็ทำให้มู่เอินชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง เมื่อร่างกายของโจวเหว่ยชิงพุ่งทะยานออกไปดั่งลูกศร ดวงตาของมู่เอินก็เผยความประหลาดใจออกมา
ในชั่วพริบตานั้นโจวเหว่ยชิงจับโจร 2 คนได้เกือบจะทันที โจรพวกนั้นมีร่างกายแข็งแรงกำยำพอๆ กับทหารธรรมดา พละกำลังของพวกเขาจึงไม่อาจจะเปรียบเทียบกับจ้าวมณีสวรรค์เช่นโจวเหว่ยชิงได้ มือแต่ละข้างของเขาคว้าคอโจรทั้ง 2 คนเอาไว้จากนั้นก็จับทั้งคู่กระแทกศีรษะเข้าด้วยกันเพื่อทำให้หมดสติไป ในเวลาเดียวกันร่างของเขาก็กระโดดไปข้างหน้าอีกครั้ง ครั้งนี้มือซ้ายของโจวเหว่ยชิงยื่นออกมาเพื่อยิงแสงสีดำที่คล้ายกับสายฟ้าออกไป เส้นแสงเหล่านั้นพุ่งทะยานไปยังกลุ่มโจรส่วนใหญ่ที่วิ่งอยู่เบื้องหน้า ร่างของเขากระโจนหายวับไปยังอีกทางหนึ่งด้วยแรงส่งอันทรงพลังจากขาขวาปีศาจ เขาจับโจรคนแล้วคนเล่า ก่อนจะโยนร่างที่หมดสติของพวกเขากลับไปยังบริเวณที่มู่เอินยืนอยู่ สำหรับแสงสีดำนั้นแน่นอนว่ามันคือผลจากทักษะสัมผัสมืด ตอนนี้กลุ่มโจรจำนวนมากกว่า 12 คนจึงถูกมันยึดร่างเอาไว้ก่อนจะลากมารวมกันเป็นกลุ่มก้อน มีเพียงแค่หัวหน้าโจรเท่านั้นที่เร็วพอจะวิ่งไปถึงภูเขา
แน่นอนว่าโจวเหว่ยชิงไม่อาจปล่อยมันหนีไปได้ เขาจึงเร่งความเร็วให้สูงขึ้นจากนั้นก็พุ่งทะยานไปหาหัวหน้าโจรผู้นั้นในชั่วพริบตา
ทว่าราวกับหัวหน้าโจรมีตาอยู่ด้านหลัง จู่ๆ ในขณะที่วิ่งอยู่เขาก็เตะสะบัดไปทางขวาอย่างแรง นั่นทำให้ร่างกายของเขาหมุนควงเป็นวงกลมด้วยท่าทางแปลกประหลาด มีดขนาดใหญ่ในมือของเขาหมุนเข้าหาโจวเหว่ยชิงอย่างอาฆาตมาดร้าย จากความแรงของการหมุนและเสียงหวีดหวิวตัดอากาศ เห็นได้ชัดว่ากระบวนท่านั้นมีพลังปราณสวรรค์ผสมอยู่
หัวหน้าโจรมีพลังปราณสวรรค์อยู่ในระดับที่ 2 แม้ว่าเขาจะไม่สามารถปลุกพลังมณีขึ้นมาได้ แต่มันก็ยังเป็นจุดแข็งที่ทำให้เขากลายเป็นหัวหน้าโจร แต่ทว่าคราวนี้เขากลับได้พบจ้าวมณีสวรรค์ของจริงเสียแล้ว
เหลืออีกเพียงครึ่งทางใบมีดขนาดใหญ่ก็หมุนเข้าตัดร่างโจวเหว่ยชิงแล้ว ทว่าจู่ๆ แสงสีเขียวก็สว่างวาบขึ้นมา จากนั้นหัวหน้าโจรพบว่าตนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้! ฉับพลันนั้นเอง โจวเหว่ยชิงก็คว้าคอเสื้อของเขาเอาไว้ ด้วยระดับพลังปราณสวรรค์ที่เพิ่มขึ้นของโจวเหว่ยชิง หัวหน้าโจรผู้ซึ่งมีน้ำหนักอย่างน้อย 200 จินก็ถูกโยนกลับไปไกลกว่า 20 หลา อย่าง ไรก็ตาม โปรดอย่าลืมว่าโจวเหว่ยชิงมีมณียุทธ์บริสุทธิ์ประเภทความแข็งแกร่ง
ตั้งแต่โจวเหว่ยชิงระเบิดพลังขาขวาของเขาจนกระทั่งจับกุมกลุ่มโจรทั้งหมดมาได้ เขาใช้เวลาไปเพียงแค่หายใจเข้าออก 10 ครั้งเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นมู่เอินหรือสมาชิกคนอื่นๆ ในรถม้า ทุกคนต่างก็ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะจบเรื่องได้เร็วขนาดนี้
ดวงตาของหัวเฟิงสว่างวาบขึ้น เขามองไปที่โจวเหว่ยชิงอย่างครุ่นคิด
โจวเหว่ยชิงกลับไปยืนข้างๆ มู่เอินและพูดว่า “อาจารย์ พวกท่านชั่วร้ายเกินไปแล้ว! ถึงขั้นใช้รถม้าล่อโจรและปล้นพวกมันกลับ!”
ในเวลานี้มู่เอินยืนอยู่ต่อหน้าหัวหน้าโจร เขาเตะมันซ้ำๆ ขณะที่พึมพำว่า “เรียกข้าว่าตาแก่งั้นรึ? เรียกข้าว่าตา  แก่…” โจวเหว่ยชิงยืนอยู่ด้านข้างพร้อมกับมุมปากที่กระตุกเบาๆ อาจารย์โหดร้ายเกินไปแล้ว!
“โปรดช่วยข้าด้วย ได้โปรดปล่อยข้าไปเถิดนายท่าน…” หัวหน้าโจรร้องเสียงโหยหวน เขาพยายามจะดิ้นขัดขืนแต่ก็ไม่อาจรวบรวมกำลังทำเช่นนั้นได้เพราะทักษะโซ่ตรวนวายุของโจวเหว่ยชิงไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถจัดการง่ายๆ
มู่เอินมองกลุ่มโจรที่ถูกมัดอยู่ด้านหน้าพร้อมกับพูดว่า “เจ้าเด็กเหลือขอ ทักษะแรกที่เจ้าเก็บไว้ในมณีธาตุมืดของเจ้าคือทักษะสัมผัสมืด?”
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “อาจารย์ ท่านช่างรอบรู้และเก่งกาจมากจริงๆ!”
มู่เอินกล่าวอย่างมีน้ำโห “รอบรู้บ้านเจ้าสิ! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตาแก่นั่นส่งเจ้ามาที่หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ เจ้าไม่รู้หรือว่าทักษะในมณีดวงที่ 8 ของบิดาเจ้าคือทักษะสัมผัสมืด? ด้วยเหตุนั้นเขาถึงไม่มีหน้าจะสั่งสอนเจ้าด้วยตัวเองยังไงล่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ ตาแก่โจวก็มีวันเช่นนี้เช่นกันหรือนี่ ฮ่าๆๆๆๆ เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าเป็นสมาชิกของพวกเราชาวสำนักสวรรค์พิสดารอย่างเป็นทางการแล้ว รู้หรือไม่ว่าเจ้าก็เป็นเด็กแปลกประหลาดคนหนึ่งเช่นกัน! ฮ่าๆๆ”
มู่เอินหันไปหาหัวหน้าโจร จากนั้นก็จับเขาขึ้นมาและพูดว่า “ที่ซ่อนของเจ้าอยู่ที่ไหน! พาพวกเราไปที่นั่นเดี๋ยวนี้”
ประมาณหนึ่งชั่วโมงให้หลัง โจรสิบคนที่มีใบหน้าซีดเซียวก็ช่วยกันถือเหรียญทองกลับไปที่รถม้าและวางกระสอบเข้าไปในช่องลับใต้ท้องรถภายใต้การควบคุมของมู่เอินและโจวเหว่ยชิง ก่อนจากไปมู่เอินตบหน้าหัวหน้าโจรแล้วพูดว่า “จำไว้! แม้ตกนรกไปแล้วเจ้าก็ยังต้องเก็บเงินให้มากกว่านี้ก่อนจะคิดมาปล้นพวกข้า!”
ในชั่วพริบตาต่อมา มู่เอินก็ยิงธนูออกไปอย่างโหดเหี้ยมเพื่อปลิดชีพโจรทั้งหมด “อาจารย์ พวกเขาก็ให้เงินพวกเรามาแล้ว ทำไมถึงต้องฆ่าพวกเขาด้วย?” โจวเหว่ยชิงยังเด็กอยู่พอสมควร เมื่อเห็นมู่เอินสังหารพวกเขาอย่างเลือดเย็น เขาก็รู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง
มู่เอินพูดขึ้นว่า “เจ้าจะไปเข้าใจอะไร เจ้าคิดว่าเราเป็นเป้าหมายแรกของโจรพวกนี้งั้นรึ? หากพวกเราไม่มีความสามารถเช่นนี้ เจ้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น? ไอ้โจรพวกนี้สมควรตายมากกว่า 10 ครั้งด้วยซ้ำ”
ในขณะที่ทั้งคู่กลับไปที่รถม้า หลัวเขอตี้ก็ขยับเข้ามาถามว่า “ตาแก่อันธพาล คราวนี้เจ้าได้เงินเท่าไหร่?”
มู่เอินกล่าวอย่างโกรธเคือง “ไอ้โจรสารเลวพวกนี้มีเงินไม่ถึงแสนเหรียญทอง ไม่มีจ้าวมณี โจรเหล่านี้จะแข็งแกร่งแค่ไหนกันเชียว? หวังว่าเราจะโชคดีและพบกับกลุ่มโจรอีกในภายหลัง”
หัวเฟิงกล่าวว่า “อย่าบ่นนักเลย อย่าลืมส่วนแบ่ง 3 ใน 10 ของข้าด้วยล่ะ”
มู่เอินส่งเสียงครวญครางและกล่าวว่า “เจ้าคนหน้าเลือด!”
ริมฝีปากของปากของฮั่วเฟิงยกยิ้มอย่างสง่างาม “ถ้าไม่มีรถม้าของข้า เจ้าคิดว่าโจรพวกนั้นจะมาปล้นหรือ? เหว่ยน้อย ทักษะแรกในมณีธาตุมืดของเจ้าคือทักษะสัมผัสมืดงั้นหรือ เจ้าวางแผนที่จะฝึกในวิถีการควบคุมหรือ?”
โจวเหว่ยชิงชะงักและพูดว่า “วิถีการควบคุมคืออะไรหรือ?”
ในขณะที่เขาถาม มู่เอินก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาปกปิดใบหน้าของเขาและทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ เกาเฉินรู้สึกประหลาดใจมากจนตาของเขาแทบจะปูดโปนออกมา ขณะที่ลั่วเค่อตี้กล่าวว่า “นี่เจ้าไม่รู้จริงๆรึเหว่ยน้อย? ในฐานะบุตรชายคนเดียวของแม่ทัพโจว เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรคือวิถีการควบคุม? แล้วใครสอนเจ้าเกี่ยวกับมณีสวรรค์?”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์หน้าแดงและกล่าวว่า “ข้าเป็นคนสอนเขาเอง แม่ทัพโจวเพิ่งรู้เรื่องมณีสวรรค์ของเขาก่อนที่เราจะมายังหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ แม่ทัพโจวไม่ได้มีโอกาสสอนเขาเลย”
หัวเฟิงกล่าวว่า “พูดง่ายๆ ก็คือเมื่อจ้าวมณีทุกคนฝึกปราณ พวกเขาจะเลือกวิถีที่เหมาะสมกับทักษะธาตุของตนเอง ตัวอย่างเช่น จ้าวมณีธาตุไฟมักจะเลือกวิถีการโจมตีที่รุนแรง ในขณะที่จ้าวมณีธาตุลมมักจะเลือกวิถีความว่องไวหรือความยืดหยุ่น  เมื่อข้ากล่าวถึงวิถีการควบคุม นั่นหมายถึงการมุ่งเน้นไปที่การควบคุมศัตรูในสนามรบโดยการจำกัดการเคลื่อนไหวและการโจมตีของพวกมัน ทักษะสัมผัสมืดของเจ้ามีทักษะการควบคุมเป็นพื้นฐาน มีข้อได้เปรียบเพิ่มเติมคือการประสาทสัมผัสที่เพิ่มมากขึ้นและอาจมีประโยชน์อื่นๆ อีก ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากักเก็บมันมาได้อย่างไร แต่ข้าต้องบอกว่าข้าไม่เคยเห็นทักษะในมณีดวงแรกอยู่ในระดับที่สูงเช่นนี้มาก่อน”
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “หัวหน้า ก่อนหน้านี้ข้าไม่เข้าใจว่าทักษะกักเก็บและศาสตรามณียุทธ์นั้นแยกแยะพลังอย่างไร ระดับของพวกมันไม่ได้พัฒนาขึ้นตามจำนวนมณีที่เพิ่มขึ้นหรอกหรือ?”
หัวเฟิงตอบกลับเบาๆ ว่า “แน่นอนว่ามีความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นศาสตรามณียุทธ์หรือทักษะที่กักเก็บไว้ พวกมันจะถูกจำแนกตามระดับพลังของมันและถูกกำหนดโดยปัจจัยหลายประการ ประการแรกคือปัจจัยการเพิ่มระดับของพวกมัน เจ้าพูดถูกที่ทักษะทั้งหมดจะพัฒนาขึ้นเมื่อจำนวนมณีเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม พวกมันมีอัตราการวิวัฒน์ที่แตกต่างกัน และเมื่อมณีเพิ่มจำนวนขึ้น แต่ละทักษะอาจมีการเพิ่มระดับที่แตกต่างกันมาก ตัวอย่างเช่นหากเจ้าเก็บทักษะจากอสูรสวรรค์ระดับปฐม เมื่อทักษะนั้นพัฒนาขึ้น ระดับของมันอาจจะเพิ่มขึ้นทีละ 1 ส่วน ในขณะที่ทักษะของอสูรสวรรค์ระดับ  ปรมะอาจเพิ่มขึ้นทีละ 2 ส่วน ระดับเทวะ 4 ส่วน และอื่นๆ ดังนั้นสำนักกักเก็บทักษะจึงมีการจัดระดับดาวสำหรับศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บเพื่อพิจารณาว่ามีความแข็งแกร่งในระดับไหน แน่นอนว่ายิ่งทักษะนั้นแข็งแกร่งมาก จำนวนดาวก็ยิ่งมีมากเท่านั้น  ระดับต่ำที่สุดก็คือ 1 ดาว ส่วนระดับสูงสุดคือ 12 ดาว”
“ยกตัวอย่างเช่นทักษะสัมผัสมืดของเจ้า มันถูกจัดว่าเป็นทักษะระดับ 8 ดาวโดยสมาคมสำนักกักเก็บทักษะ โดยทั่วไปแล้วทักษะของอสูรสวรรค์ระดับปฐมจะมีตั้งแต่ 1-3 ดาว  ระดับปรมะ 4-6 ดาว ระดับเทวะ 7-9 ดาว สำหรับทักษะที่มีระดับเหนือกว่า 9 ดาวนั้นจะมีเพียงจ้าวมณีสวรรค์เท่านั้นที่สามารถครอบครองได้ โดยปกติแล้วเจ้าจะต้องกักเก็บทักษะที่มีระดับดาวใกล้เคียงกันกับจำนวนมณีของเจ้า หากเจ้าเก็บทักษะที่มีระดับดาวต่ำกว่าจำนวนมณีของเจ้า เจ้าก็อาจจะไม่สามารถดึงพลังของเจ้าออกมาได้อย่างเต็มที่ แต่ถึงกระนั้น การกักเก็บทักษะระดับ 8 ดาวในขณะที่มีมณีเพียงชุดเดียวก็เป็นสิ่งที่พวกเราไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพูดถึงการจัดระดับทักษะ ทักษะการควบคุมจะถือว่าเหนือกว่าทักษะอื่นๆ ในระดับเดียวกันถึง 1 ดาว ดังนั้นแม้ว่าทักษะสัมผัสมืดจะเป็นทักษะระดับ 8 ดาว แต่ก็ยังเทียบได้กับทักษะระดับ 9 ดาว สำหรับศาสตรามณียุทธ์เองก็เหมือนกัน ศาสตรามณียุทธ์ที่มีหลุมบรรจุมณีมักจะได้รับการจัดอันดับดาวเพิ่มขึ้นจากศาสตรามณียุทธ์ธรรมดาๆ นอกจากนี้ ยังอาจกล่าวได้ว่าระดับดาวของทักษะจ้าวมณียังเป็นสิ่งที่พวกเราใช้กำหนดความสามารถและความเป็นไปได้ในอนาคตของบุคคลนั้นด้วย”
……………………………

Related

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset