Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 32.2 หมีสวรรค์ญาณน้ำแข็ง (2)

“ช่างเป็นอสูรสวรรค์ที่เฉลียวฉลาดจริงๆ!” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาอย่างตื่นตะลึง
“หลังจากถูกซุ่มโจมตี มันก็ยังรู้วิธีเก็บกวาดสิ่งกีดขวางรอบๆ ตัวเพื่อเปิดทางให้ตัวเองมองเห็นรอบด้านได้ชัดเจน ทั้งยังสามารถป้องกันไม่ให้ศัตรูเข้ามาใกล้ได้ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่อาจารย์พูดว่าอสูรสวรรค์ระดับเทวะมีสติปัญญาเกือบจะอยู่ในระดับเดียวกันกับมนุษย์แล้ว”
ขณะที่เธอพูดอยู่นั้น ในสนามรบก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แสงสีแดงดูเหมือนจะพุ่งทะยานเข้าใส่พายุหมุนลูกนั้น ก่อนจะกระแทกใส่เกราะพลังสีฟ้ารอบๆ ตัวหมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งอย่างแรงจนทำให้มันคำรามอีกครั้งด้วยความโกรธเกรี้ยว
โจวเหว่ยชิงสังเกตเห็นว่าแสงสีแดงนี้คือลูกศรอีกดอกซึ่งยิงมาจากทิศทางตรงกันข้ามกับลูกศรดอกแรก หมีตัวใหญ่จึงหมุนตัวไปรอบๆ เพื่อเปลี่ยนทิศทาง เห็นได้ชัดว่ามันถูกดึงดูดด้วยลูกศรดอกที่ 2 เนื่องจากพลังของลูกศรดอกนี้แข็งแกร่งกว่าดอกแรกมาก
หมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งคำรามด้วยโทนเสียงโกรธจัด มันทุบอุ้งเท้าลงบนพื้น แสงสีฟ้าเรืองรองจากตัวมันค่อยๆขยับออกไปกอบโกยหิมะบนพื้นให้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า หิมะเหล่านั้นรวมตัวกันกลายเป็นก้อนน้ำแข็งแหลมๆ นับพันเล่ม ก่อนจะพุ่งไปในทิศทางที่ลูกศรดอกนั้นจากมา เสียงลมโหยหวนดังขึ้นขณะก้อนน้ำแข็งแหลมๆ พวกนั้นพุ่งตัดผ่านอากาศ ภาพนั้นราวกับว่าพลธนูจำนวนหลายร้อยคนกำลังยิงลูกศรออกมาพร้อมๆ กัน
ทว่าในขณะนั้นเอง พายุหมุนสีเขียวก็ปรากฏขึ้นกีดขวางเส้นทางของเศษน้ำแข็งพวกนั้นอย่างไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า จากที่เห็น ความรุนแรงของพายุหมุนสีเขียวลูกนั้นถือว่ามีพลังน้อยกว่าเมื่อเทียบกับมวลน้ำแข็งจำนวนมหาศาลพวกนั้น แต่จุดประสงค์ของพายุลูกนี้ไม่ใช่เพื่อหยุดยั้งพวกมัน แต่เพื่อเปลี่ยนแปลงเส้นทางให้เบี่ยงออกไปเล็กน้อยต่างหาก นี่คือพลังธาตุลม และเห็นได้ชัดว่ามาจากหัวเฟิง
ในขณะนี้มู่เอินอยู่ห่างจากหมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งในระยะไม่เกินหนึ่งร้อยหลา มณียุทธ์ของเขาเปล่งพลังความแข็งแกร่งและความว่องไวออกมา จากนั้นธนูยาวสีดำขนาดใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นในมือของเขา ในพริบตาถัดไป ลูกศรที่เปล่งประกายสีทองเรืองรองก็ปรากฏขึ้นมาเช่นกัน มู่เอินพาดมันไว้กับสายธนู เขากำลังจะง้างสายขึ้น  ทันใดนั้นภาพแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าซ่างกวนปิงเอ๋อร์และโจวเหว่ยชิง
มู่เอินไม่ได้ง้างสายธนูขึ้นโดยตรง แต่กลับทำสิ่งที่ทำให้ทั้งโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์มึนงง มือขวาของเขายังคงง้างสายธนูไว้อย่างนั้น แต่มือซ้ายที่ถือคันธนูกลับไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งเดิมเหมือนอย่างเคยเนื่องจากเขาหมุนคันธนูทั้งคันขึ้นเป็นวงกลม 1 ทบ!
สายธนูของเขาก็มีสีดำเช่นกัน ในขณะที่เขาหมุนคันธนูขึ้น มันก็ถูกง้างขึ้นถึงขีดสุดจนอยู่ในรูปกระแสน้ำวน โจวเหว่ยชิงมองเห็นได้ไม่ชัดเจนว่านิ้วของมู่เอินถือสายธนูอยู่ตรงไหนเพราะมันถูกบิดเป็นเกลียวโดยที่ก้านลูกศรนั้นถูกบิดจนเป็นวงกลมอยู่ตรงกลาง!
นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้เห็นวิธีการยิงธนูที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ยังไรก็ตาม คนทั้งคู่รู้ว่าสายธนูนั้นแข็งมาก หากไปบิดมันเหมือนที่มู่เอินทำ นิ้วนั่นจะต้องรองรับแรงดึงมากแค่ไหน?! นอกจากนี้ หากว่าลูกศรถูกบิดเป็นวงกลมในขณะที่สายธนูเองก็พันกันอยู่เช่นนั้น เมื่อมู่เอินปล่อยมันออกไป โดยธรรมชาติแล้วลูกศรดอกนั้นย่อมจะต้องพุ่งสะบัดออกไปเป็นวงกลม และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาจะควบคุมทิศทางของมันได้อย่างไร? คำถามมากมายถาโถมเข้ามาในจิตใจของพวกเขา ขณะที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์และโจวเหว่ยชิงกำลังจดจ่ออยู่กับความคิดเหล่านั้น สายตาก็จับจ้องไปที่มู่เอินเมื่อเฝ้ามองดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป
ขณะที่มู่เอินกำลังง้างธนูขึ้นในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของเขานั้นเอง ห่าลูกศรจากจาก 4 ทิศทางก็พุ่งเข้าหาหมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งไปพร้อมกันด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ลูกศรเหล่านั้นล้วนถูกเตรียมการมาเป็นอย่างดี หากมันปัดป้องไว้ได้ทางหนึ่ง ลูกศรจากทิศตรงกันข้ามก็เตรียมพุ่งเข้าซ้ำทันที สิ่งนี้ทำให้มันเกิดความสับสนอยู่ชั่วขณะจนไม่รู้ว่าจะปัดป้องในทิศทางใดก่อน
อย่างไรก็ตาม หมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งก็เป็นถึงอสูรสวรรค์ระดับเทวะที่มีสติปัญญาเกือบเท่ามนุษย์ มันไม่ใช่อสูรสวรรค์ธรรมดาที่เคี้ยวได้ง่ายๆ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดมันก็ตัดสินใจได้ แต่ในขณะที่มันกำลังจะปัดป้องลูกศรที่มาจากทิศทางหนึ่งนั่นเอง ธนูของมู่เอินก็แหวกอากาศออกมาแล้ว
เสียงของลูกศรดอกนี้แปลกประหลาดมาก มันไม่ใช่เสียงหวีดหวิวคล้ายกับลูกศรที่พุ่งเสียดอากาศออกมาเป็นเส้นตรง แต่กลับเป็นเสียงลมพัดคำรามคล้ายกับพายุหมุนลูกใหญ่ โจวเหว่ยชิงมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งที่มู่เอินยิงออกมาไม่ใช่แค่ลูกธนู แต่เป็นลูกบอลแสงสีดำดวงหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น เสียงของมันก็ดูเหมือนจะเพิ่มระดับความดังขึ้นเรื่อยๆ ขณะพุ่งทะยานออกไป
*ตูม*! หมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งที่กำลังจะพุ่งเข้าโจมตีใส่ห่าธนูฝั่งหนึ่งถูกก้อนแสงสีดำพุ่งเข้าชนอย่างแรง และสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นก็ทำให้กรามของโจวเหว่ยชิงแทบจะอ้าค้างจนหุบไม่ลง
ก่อนหน้านี้ ลูกศรจำนวนนับไม่ถ้วนที่พุ่งเข้าหามันจากทั้ง 4 ทิศทางนั้นถูกยิงออกมาโดยสมาชิกคนอื่นๆ ของหน่วยหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ แต่ทว่าห่าธนูพวกนั้นก็ไม่อาจทำให้ร่างของหมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งระแคะระคายได้แม้แต่ส่วนเดียว อย่างไรก็ตามลูกศรของมู่เอินกลับทำให้มันสะดุดถอยหลังไปสองสามก้าว เกราะป้องกันสีฟ้าสดใสที่อยู่กางอยู่รอบๆตัวมันกำลังอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ทันทีที่เกิดเสียงระเบิดขึ้น ความสนใจของหมีตัวนั้นจึงพุ่งตรงไปยังมู่เอินอย่างเต็มที่
พลังระเบิดทำลายล้าง! นั่นคือพลังระเบิดทำลายล้าง! และแน่นอนว่านั่นคล้ายกับพลังของธนูราชันมาก! เนื่องจากเขายิงธนูราชันมาหลายครั้ง โจวเหว่ยชิงคุ้นเคยกับพลังของมันเป็นอย่างดีและทำให้เขาตระหนักถึงบางอย่างได้
“โฮกกกกก!” หมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว อุ้งเท้าหน้าทั้งสองข้างของมันกระแทกลงกับพื้นอีกครั้งจนทำให้เกิดเสียงตูมตามครั้งใหญ่ พายุหิมะพัดกรรโชกเข้าหามู่เอินราวกับว่านั่นคือพายุความโกรธของมัน โจวเหว่ยชิงมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหมีตัวนั้นมีร่องรอยบาดแผลที่ได้รับจากการโจมตีของมู่เอิน ลูกศรของอาจารย์ทำร้ายมันได้จริงๆ หรือนี่? ร้ายกาจจริงๆ
หลังจากที่มู่เอินยิงลูกศรดอกนั้นออกไป เขาก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที ด้วยรูปร่างที่ผอมแห้งและต่ำเตี้ย มู่เอินจึงสามารถเคลื่อนไหวไปในหิมะด้วยท่าทางว่องไวและปราดเปรียวคล้ายลิงหิมะตัวหนึ่ง ไม่นานเขาก็หายตัวไปท่ามกลางพายุหิมะอันหนาวเหน็บ แม้แต่โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่จดจ้องเขาตาไม่กระพริบก็ไม่รู้ว่าเขาหายตัวไปเช่นนั้นได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุนั้นการโจมตีของหมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งจึงคลาดไปจากตัวมู่เอินเช่นกัน ทว่าการโจมตีเรียกเลือดของเขาก็ทำให้อสูรสวรรค์ตัวนี้โมโหเป็นอย่างมาก ดวงตาสีฟ้าเยือกเย็นของมันจึงฉายแววอำมหิตออกมา ร่างกายขนาดมหึมาดูเหมือนจะหดลงเล็กน้อย ในพริบตาเดียวมันก็กระโจนออกไป ร่างยักษ์ของมันดูเหมือนจะวูบไหวเป็นเงามัวๆ ขณะที่มันกระโจนเข้าใกล้มู่เอินด้วยความเร็วสูงเพื่อปิดช่องว่าง 100 หลาระหว่างทั้งคู่ ขณะที่มันวิ่งผ่านต้นไม้ที่เหลือรอดจากการโจมตีครั้งก่อน ต้นไม้เหล่านั้นต่างก็โดนลูกหลงจนโค่นล้มระเกะระกะเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เมื่อมันมาถึงที่หมาย หมียักษ์ก็ยืดตัวขึ้นยืนตรง ในอุ้งมือของมันเต็มไปด้วยแสงสีฟ้าที่ดูแข็งแกร่ง ทันใดนั้นมันก็ฟาดอุ้งมือกระแทกลงกับพื้นอีกครั้ง
ภาพที่น่าประหลาดใจปรากฏสู่สายตาของซ่างกวนปิงเอ๋อร์และโจวเหว่ยชิงอีกครั้ง ขณะที่หมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งกระแทกอุ้งมือลงกับพื้นพร้อมกับคำรามออกมาเสียงดังกึกก้อง ทันใดนั้นเศษน้ำแข็งแหลมคมขนาดใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนก็ลอยขึ้นก่อนจะพุ่งทะยานออกไปสู่ทุกทิศทางเป็นรูปวงกลมในรัศมี 50 หลา
เศษน้ำแข็งเหล่านั้นมีความยาวอย่างน้อย 3 เมตร พวกมันส่องแสงประกายวิบวับและมีบริเวณส่วนปลายคมกริบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งมีชีวิตในรัศมีรอบๆนั้นจะต้องถูกเศษน้ำแข็งเหล่านี้เจาะทะลุร่างแน่ๆ
เห็นได้ชัดว่าหมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งเองก็หามู่เอินไม่พบเช่นกัน ทว่าเพื่อร่นระยะทางระหว่างกัน มันจึงวิ่งเข้ามายังบริเวณที่มู่เอินเคยยืนอยู่ก่อนหน้าและปลดปล่อยเศษน้ำแข็งรูปร่างแหลมคมออกไปเพื่อหวังกำจัดมู่เอินไปพร้อมกับการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งขนาดอะไรนี้! โจวเหว่ยชิงคิดกับตัวเองขณะที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ยกมือขึ้นปิดปากไม่ให้ตัวเองร้องออกมาด้วยความตกตะลึง
เมื่อพลังมหาศาลของหมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งระเบิดออกมา กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวก็แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ เศษน้ำแข็งคมกริบก็พุ่งทะลุออกมาจากพื้นดินอีกครั้ง แต่ทว่ามันก็ยังหามู่เอินไม่พบและชัดเจนว่าเขายังอยู่ดี
ขณะที่หมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งได้ปลดปล่อยระเบิดน้ำแข็งอันทรงพลังออกมา สมาชิกคนอื่นๆของหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ก็เริ่มจู่โจมมันอีกครั้ง คราวนี้พวกเขาโจมตีพร้อมกันในครั้งเดียว ห่าลูกศรที่เรืองรองไปด้วยแสงสีแดงและเงาสีดำทั้งหมดต่างก็พุ่งทะยานออกมาจากทุกทิศทางตรงเข้าหาสัตว์ร้ายที่กำลังโกรธเกรี้ยว เป้าหมายของลูกศรพวกนั้นอยู่ที่ตาและหูของมัน เนื่องจากระดับความแข็งแกร่งในปัจจุบันของมัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจุดอ่อนทั้ง 2 นี้เป็นวิธีเดียวที่พวกเขาจะสามารถจัดการกับหมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งได้
ขณะที่หมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งพยายามจะหมุนร่างหลบหนี เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวดังก้องขึ้นมาอีกครั้ง ทว่าลูกศรเหล่านี้ราวพวกมันกับมีตา ไม่ว่าอสูรสวรรค์จะขยับหนีและหลบเร็วแค่ไหน ลูกศรเหล่านั้นก็ยังคงพุ่งตรงไปยังเป้าหมายอย่างไม่ลดละ พริบตาเดียวก็สามารถเข้าใกล้ตาและหูของมันแล้ว แม้จะมีโล่พลังปราณคอยปกป้อง แต่การโจมตีจากลูกศรเหล่านั้นก็จำกัดการมองเห็นและการได้ยินของมันเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นเอง เสียงพายุหมุนก็พัดคำรามขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับว่าในครั้งนี้แสงสีดำฉวยโอกาสในขณะหมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งกำลังจดจ่อกับการปกป้องศีรษะของมันพุ่งกระแทกเข้าที่ ‘ส่วนล่าง’ ลำตัวของหมียักษ์ตัวนั้นอย่างจัง เกิดระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง และแม้จะหมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งมีร่างกายที่ใหญ่โตแค่ไหน มันก็ยังต้องเดินโซซัดโซเซไปมา
ก่อนหน้านี้หมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งเพิ่งจะร้องขู่คำรามออกไปอย่างเกรี้ยวกราด แต่ทว่าเมื่อลูกศรดอกนี้พุ่งเข้าใส่    ‘ส่วนนั้น’ ของมัน ในชั่ววินาทีนั้นเสียงของหมียักษ์ก็พลันเงียบกริบลงทันที ดวงตาของมันปูดโปนออกมาพร้อมๆ กับที่มันยกอุ้งมือขึ้นมาปกป้องส่วนล่างของมันไว้คล้ายกับท่าทางของมนุษย์ กรามของมันอ้าค้าง ราวกับว่ามีบางอย่างติดคออยู่จนไม่อาจจะส่งเสียงใดๆ ออกมาได้
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของโจวเหว่ยชิงส่งเสียงในลำคอเบาๆ ใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อยขณะที่เธอหันหน้าหนีไปอีกด้านอย่างไม่เต็มใจมอง ในทางกลับกัน โจวเหว่ยชิงกลับจ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยดวงตาที่ปูดโปนออกมาเหมือนหมียักษ์ตนนั้นแทน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตระหนักได้ว่าการที่สมาชิกของหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ยืนกรานจะโจมตีแค่ดวงตาและหูของหมีตัวนั้นก็เพื่อลวงให้มันเพ่งความสนใจทั้งหมดไปกับการป้องกันส่วนศีรษะ ทุกอย่างนั้นถูกจัดฉากเอาไว้ก็เพื่อรอลูกศรปิดท้ายจากมู่เอินนั่นเอง
จริงๆ แล้วการโจมตีที่จุดอ่อนแบบนั้น…ตรงส่วนนั้น…เอ่อ…’ส่วนลับ’ ของหมี…แม้ว่าเกราะพลังปราณของมันจะสามารถป้องกันลูกศรได้ แต่แค่แรงระเบิดเพียงอย่างเดียวก็ทำให้หมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งไม่มีปัญญาจะสนใจอย่างอื่นได้แล้ว ช่างไร้ยางอาย…ขี้โกง…เจ้าเล่ห์…สัปดน…พวกเขาถึงกับยิงตรงนั้นของหมีจริงๆ!
ทันใดนั้นโจวเหว่ยชิงก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างในอกของเขากำลังเคลื่อนไหว จากนั้นก้อนขนสีขาวน้อยๆ ก็โผล่ออกมาส่งเสียงร้องอย่างไม่พอใจ มันคือเสือสีขาวตัวน้อย เจ้าแมวอ้วนนั่นเอง
หลายวันนี้มานี้เจ้าหนูน้อยกระหายการนอนหลับมาก มันไม่กินอะไรเหมือนอย่างเคยและเอาแต่นอนหลับสนิทอยู่ในอกเสื้อของโจวเหว่ยชิง นั่นทำให้โจวเหว่ยชิงแทบจะลืมเรื่องของเจ้าตัวน้อยไปซะสนิท แต่ทว่าในตอนที่เขาโอบกอดซ่าง กวนปิงเอ๋อร์ เขาก็ได้บีบอัดเจ้าตัวน้อยๆ ที่น่าสงสารนี้ไว้ตลอด ทำให้ตอนนี้มันสะดุ้งตื่นและโผล่หัวออกมาเพื่อแสดงความไม่พอใจ อุ้งเท้าเล็กๆ ที่น่ารักของมันโผล่ออกมายึดไหล่ของโจวเหว่ยชิงเอาไว้ จากนั้นมันก็ดิ้นรนพาตัวออกมาจากอกเสื้อของเขาแล้วปีนขึ้นไปนั่งบนนั้น มันหย่อนก้นลงบนไหล่ของโจวเหว่ยชิงด้วยท่าทีผ่อนคลาย จากนั้นก็สังเกตเห็นท่าทางแปลกประหลาดของหมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งที่กำลังใช้อุ้งมือปกปิดอวัยวะ ‘บางอย่าง’ ของมันไว้โดยไม่อาจส่งเสียงร้องใดๆออกมาได้
สิ่งที่น่าแปลกคือ หลังจากการโจมตีของมู่เอิน สมาชิกหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์คนอื่นๆ ก็หยุดชะงักลงหลังจากนั้นเช่นกัน ไม่นานความเงียบก็โรยตัวขึ้นภายในป่า
“อู้วววววววววว!!!!” เสียงร้องโหยหวนแปลกๆคล้ายเสียงหอนของหมาป่าดังออกมาจากริมฝีปากของหมียักษ์ หากหมีต้องร้องโหยหวนออกมาเหมือนหมาป่าเช่นนี้ ทุกคนก็จินตนาการได้แล้วว่ามันจะเจ็บปวดแค่ไหน
หมีสวรรค์ญาณน้ำแข็งเจ็บปวดเป็นอย่างมาก หลังจากที่ร่างกายแข็งค้างไปชั่วครู่ มันก็ร้องโหยหวนออกมา ในเวลาถัดมาดวงตาสีฟ้าเยือกเย็นของมันเปลี่ยนไปเป็นสีแดงเลือด ไอพลังที่บ้าคลั่งดูเหมือนจะระเหยออกมาจากร่างกายของมันก่อนจะหลอมรวมเข้ากับแสงสีเขียวเหลือบน้ำเงิน เห็นเป็นแสงวูบวาบราวกับน้ำพุกำลังพวยพุ่งออกมา ร่างกายของมันเหมือนพายุหมุนขนาดใหญ่ที่สามารถทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวให้สิ้นซากได้ แม้ว่าโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะอยู่ห่างออกไปมากกว่า 200 หลา  แต่พวกเขาก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลและกลิ่นอายอำมหิตเยือกเย็นที่ดูเหมือนจะแผ่ใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
……………………………….

Related

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset