Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 14.5 ศาสตรามณียุทธ์ครบชุด (5)

“อืม เพราะมันกลายมาเป็นเช่นนี้แล้ว ดังนั้นเจ้าก็รอที่นี่ไปพลางๆ ก่อนระหว่างที่ข้ากำลังหลอมรวมศาสตรามณียุทธ์ให้เสร็จสมบูรณ์ จากนั้นเราก็ค่อยออกไปจากที่นี่กัน ในเมื่อตอนนี้ท่านอาวุโสฮูเหยียนกลายมาเป็นอาจารย์ของเจ้าแล้ว ดังนั้นหนทางการฝึกตนของเจ้าในอนาคตก็คงจะราบรื่นขึ้นไม่น้อย”
โจวเหว่ยชิงพูดพร้อมกับยิ้ม “ไม่ใช่แค่ข้า เราต่างหาก อาจารย์สัญญาแล้วว่าจะช่วยพวกเราทั้งคู่เกี่ยวกับศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บธาตุ”
“ข้าไม่ต้องการ” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พูดอย่างเฉยเมย “ตอนนี้ข้าอาจไม่มีเงินมาก แต่เมื่อข้ามีเงินพอ สำหรับคัมภีร์รองเท้าวายุประสานนั้นข้าจะคืนเงินให้ผู้อาวุโสฮูเหยียนแน่นอน นอกจากนี้ อ้วนน้อยโจว จะให้ข้าย้ำอีกกี่ครั้งว่าเจ้าคือเจ้า และข้าคือข้า พวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ข้าจะฝึกปราณด้วยความพยายามของตนเอง และข้าไม่ต้องการให้เจ้าช่วยข้า”
เมื่อมองเห็นความมุ่งมั่นจริงจังในสายตาของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ โจวเหว่ยชิงก็เงียบลงทันที
เมื่อซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ หัวใจของเธอไม่ได้รู้สึกดีเช่นกัน แต่ทว่าเธอก็ไม่ต้องการให้โจวเหว่ยชิงเอาเปรียบเธอเพียงเพราะเขาช่วยให้เธอได้รับศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บธาตุไปแบบไม่ต้องจ่ายเงิน ถึงแม้เขาจะเอาเปรียบเธอเพียงแค่คำพูดหยอกล้อก็ตาม เพราะแม้ว่าเธอจะเสียครั้งแรกให้เขาไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ยอมให้ใครมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอเด็ดขาด ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จำได้แม่นยำว่าเมื่อเธอยังเด็กมาก  มารดาของเธอได้พูดกับเธอไว้ว่า หากต้องการให้คนอื่นเคารพเจ้า เจ้าก็ต้องเคารพตัวเองก่อน
เมื่อเห็นโจวเหว่ยชิงดูเงียบไป ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็คิดว่าเขาโกรธเสียแล้ว เพียงแต่เธอก็ได้แต่ขอโทษภายในใจเท่านั้น ขณะที่เธอกำลังจะพยายามจะพูดบางอย่างเพื่อทำให้บรรยากาศดีขึ้น โจวเหว่ยชิงเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
โจวเหว่ยชิงยกนิ้วให้กับซ่างกวนปิงเอ๋อร์พลางกล่าวว่า “เยี่ยมยอดเลยผู้บัญชาการกองพัน!! สมเป็นขุนนางขั้นที่ 4 ของอาณาจักรเกาทัณฑ์อย่างแท้จริง! มีความเคารพในตัวเอง มุ่งมั่นขัดเกลาตนเอง และรักตนเองอยู่เสมอ! เพราะคำพูดที่ท่านพูดเมื่อกี้ ข้าคิดว่าข้าเริ่มเข้าใจท่านลึกซึ้งยิ่งขึ้นกว่าเดิมแล้ว ทั้งยังชื่นชมท่านมากขึ้นอีกด้วย นี่ทำให้ข้าตัดสินใจแน่วแน่แล้วจะว่าจะจีบท่านให้จงได้ และทำให้ท่านกลายเป็นภรรยาของข้า!”
เมื่อมองเห็นเขาพูดด้วยสีหน้าจริงจังแต่มีใจความหยอกล้อเช่นนั้นซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็รู้สึกอับจนหนทาง เธอนี่โง่จริงๆ ที่คิดมากถึงขนาดนั้น ตัวไร้ยางอายเช่นเขาจะรู้สึกโกรธได้อย่างไร?
“เจ้าคนหน้าด้าน จะไปไหนก็ไปเลย! ข้าไม่ให้โอกาสเจ้าหรอก!”
ก่อนหน้านี้โจวเหว่ยชิงนั้นดูจริงจังมาก แต่ทว่าในวินาทีต่อมาการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นแสดงความรักลึกล้ำเมื่อเขาจ้องมองซ่างกวนปิงเอ๋อร์ “เจ้ารู้จักชื่อเล่นในวัยเด็กของข้าได้อย่างไร?”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรจึงมองเขาด้วยใบหน้างุนงง “เจ้าว่าอะไรนะ?”
โจวเหว่ยชิงยังคงจ้องมองเธออยู่อย่างนั้น “ข้าหมายความว่าชื่อเล่นในวัยเด็กของข้าคือ’เจ้าคนหน้าด้าน’ อ๊าาาาาาาาา!”
“ไปตายซะไป๊!” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ปล่อยลูกเตะใส่โจวเหว่ยชิง ไม่รู้ว่าหากเธอต้องอยู่ในห้องเดียวกับเขาไปเรื่อยๆ แบบนี้ สักวันเธอจะกลายเป็นบ้าหรือไม่
โจวเหว่ยชิงรีบพลิกตัวหลบอย่างรวดเร็ว เขาหมุนตัวหนีด้วยท่าทีเกียจคร้าน จากนั้นก็สะดุดกลิ้งไป 2-3 เมตรและรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มไม่ได้รีบเผ่นหนีออกจากห้อง แต่กลับชะโงกหัวออกไปนอกประตูแล้วมองไปรอบๆ อย่างมีพิรุธ
ขณะที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กำลังจะยกเท้าขึ้นเตะเขา โจวเหว่ยชิงก็หันศีรษะกลับมาด้วยท่าทางน่าสงสัย เขาพูดด้วยเสียงที่เบาลง “ผู้บัญชาการกองพัน ตอนนี้ข้าไม่ได้ล้อเล่นนะ ให้ข้ายืมเงินหน่อย ข้ามีความจำเป็นจะต้องใช้”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ถามอย่างสงสัย “เจ้าจะยืมเงินไปทำอะไร?”
โจวเหว่ยชิงก้าวไปข้างหน้า และกำลังจะกระซิบกระซาบเข้าที่ใบหูของเธอ แต่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ก้าวถอยหลังอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาระยะห่าง ก่อนจะพูดว่า “เจ้ายืนอยู่ตรงนั้นและพูด หากเจ้าไม่บอกเหตุผลให้ชัดเจน ข้าจะไม่ให้เจ้ายืมเงิน”
โจวเหว่ยชิงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ข้าต้องการไปกักเก็บทักษะธาตุด้วยตัวเอง”
“เอ๋?” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์มองเขาอย่างประหลาดใจ และพูดว่า “ทำไมล่ะ? เจ้าไม่ได้บอกว่าผู้อาวุโสเฟิงหยูจะช่วยเจ้าในการกักเก็บทักษะหรอกหรือ?”
โจวเหว่ยชิงพูดด้วยใบหน้าสำนึกในความชอบธรรม “ข้าคิดว่าสิ่งที่ท่านพูดก่อนหน้านั้นถูกต้อง เราไม่ควรติดหนี้ผู้อื่นมากเกินไป ดังนั้น ข้าจึงตัดสินใจไปไปกักเก็บทักษะธาตุด้วยตัวเอง”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไหนลองพูดความจริงมาซิ”
ใบหน้าของโจวเว่ยชิงห่อเหี่ยวลงทันที “ข้ารู้ว่าปกปิดเจ้าไม่ได้จริงๆ เฮ้อ จริงๆ แล้วข้าแค่อยากขอยืมสัก 2,000 เหรียญทอง เจ้าไม่ได้บอกหรือว่าการกักเก็บทักษะนั้นมีค่าใช้จ่าย 500 เหรียญทองต่อครั้ง? ข้าแค่ต้องการทดสอบว่าทักษะธาตุมืด และทักษะธาตุปีศาจของข้าจะหลอมรวมกันเองอีกครั้งหรือไม่ และมันช่วยในการกักเก็บทักษะธาตุของมณีข้าด้วยหรือไม่เท่านั้นเอง และถ้านั่นเป็นเรื่องจริงก็หมายความว่าข้าสามารถกักเก็บทักษะธาตุได้ภายในครั้งเดียวน่ะสิ?”
ดวงตาของซ่างกวนปิงเอ๋อร์สว่างวาบขึ้นทันที “นั่นสมเหตุสมผลอยู่ แต่ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
โจวเหว่ยชิงกล่าว “ท่านไม่เชื่อใจข้างั้นหรือ?  ข้าไม่นำเงินของท่านไปใช้ในทางไม่ดีหรอกน่า เงินที่ภรรยามอบให้ ข้าต้องใช้มันในทางที่ถูกต้องแน่นอน”
ความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นมาในดวงตาของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ จากนั้นรังสีสังหารก็ปะทุขึ้น “อ้วนน้อยโจว…เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?!”
“ผู้บัญชาการกองพัน!! ข้าเรียกท่านว่าผู้บัญชาการกองพันจริงๆนะ!!!”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ส่งเสียงในลำคอ “ข้าจะไปกับเจ้าเพื่อช่วยให้เจ้าปกปิดตัวตน มิฉะนั้น เจ้าไปเพียงคนเดียวอาจจะกระตุ้นความสงสัยจากคนอื่นได้” อันที่จริง ความตั้งใจดั้งเดิมของเธอก็คือตรวจสอบว่าคนเจ้าเล่ห์นี้ไปจะที่วังกักเก็บทักษะจริงหรือไม่
โจวเหว่ยพยักหน้าและกล่าว “ตกลง งั้นเราไปลองวันรุ่งขึ้นเถอะ ปกติจ้าวมณีสามารถกักเก็บทักษะได้เพียงวันละครั้งเท่านั้น และตอนนี้ข้าก็ไม่มีปราณสวรรค์เหลือเพียงพอแล้วด้วย”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ตอบ “ตกลง พรุ่งนี้เราจะเดินทางแต่เช้าตรู่”
“ดี งั้นวันนี้เราควรจะพักผ่อนก่อน” โจวเหว่ยชิงกล่าว
“กลับไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อคืนห้อง ห้ามพูดอะไรไร้สาระกับคนอื่น แล้วกลับมาที่นี่เพื่อฟื้นฟูพลังปราณต่อ” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ค้นพบว่า ยิ่งเธอใช้เวลากับโจวเหว่ยชิงนานเท่าไหร่ จำนวนครั้งที่เธอโกรธก็เพิ่มขึ้นหลายเท่ามากเท่านั้น หลังจากที่เธอเข้าร่วมกับกองทัพเธอก็พยายามจริงจังให้มากขึ้นและเธอก็ดุด่าลูกน้องของเธอบ้างเป็นระยะๆ อย่างไรก็ตาม นั่นเปรียบเทียบไม่ได้กับคนไร้ยางอายที่ทำให้เธอต้องโมโหซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นเขาได้

โจวเหว่ยชิงไปบอกกล่าวฮูเหยียนเอ้าป๋อว่าเขากำลังจะไปที่ไหน และมุ่งหน้าไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อคืนห้อง จากนั้นเขาก็กลับมาที่เรือนของฮูเหยียนเอ้าป๋ออีกครั้ง ครั้งนี้เด็กหนุ่มไม่ได้เข้าไปรบกวนซ่างกวนปิงเอ๋อร์ แต่กลับมุ่งหน้าไปที่ห้องของตัวเองแทน
โจวเหว่ยชิงเพ่งสมาธิไปยังปราณสวรรค์ในร่างของตนเอง เขาค้นพบว่าปราณสวรรค์ที่ใช้ในการหลอมรวมคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ รวมไปถึงการทดลองเชื่อมประสานกับธนูราชันนั้นฟื้นฟูด้วยตัวเองแล้วประมาณ 1 ใน 3 ส่วน ด้วยหลุมดำบริเวณจุดตายต่างๆที่เขาทะลวง เมื่อตั้งสมาธิเพ่งไปที่มณีสวรรค์ ในใจก็แทบจะอดทนรอใช้ความสามารถใหม่ไม่ไหว
“หวังว่าจะหาสถานที่ทดสอบพลังของธนูราชันได้นะ เฮ้อ ข้ามีปราณสวรรค์ไม่พอจริงๆ นั่นแหละ สงสัยนักว่าปริมาณปราณสวรรค์ปัจจุบันของข้าจะทำให้ข้าสามารถใช้ธนูราชันยิงลูกศรออกไปได้กี่ดอกกันแน่ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้บัญชาการกองพันผู้งดงามของข้าจะกล่าวไว้ว่าปราณสวรรค์เป็นพื้นฐานสำคัญของจ้าวมณี การมีปราณสวรรค์ไม่เพียงพอนั่นน่าเจ็บปวดใจจริงๆ!!”
หลังจากมาถึงเมืองภูเขาลอยฟ้าแล้ว อาจกล่าวได้ว่าโจวเหว่ยชิงได้เปิดหูเปิดตามากขึ้นกว่าเดิมและได้เรียนรู้เกี่ยวกับจ้าวมณีสวรรค์มากยิ่งขึ้น สิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุดก็คือตนจะสามารถนำสิ่งที่บังเอิญพบในวันนี้ไปใช้กับทักษะกักเก็บที่จะลองในวันพรุ่งนี้ได้หรือไม่ แล้วไข่มุกดำที่เขากลืนเข้าไปนั้นล่ะ จริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่? ยิ่งไปกว่านั้น เหตุใดทักษะธาตุมืด และทักษะธาตุปีศาจของเขาจึงสามารถซ้อนทับกันเองได้?
………………………………………………………………….

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset