Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 15.2 การกักเก็บทักษะธาตุ (2)

“เจ้าต้องระวังให้ดี อย่าเผลอไปทำลายตราประทับบนตัวของอสูรสวรรค์โดยเด็ดขาด อสูรสวรรค์พวกนั้นแข็งแกร่งกว่าจ้าวมณีสวรรค์ในระดับเดียวกันมาก” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ตนเองกล่าวคำเตือนเช่นนั้นกับโจวเหว่ยชิง
โจวเหว่ยชิงหันไปยิ้มให้เธอ ก่อนจะส่งสัญญาณมือว่าให้เธอวางใจได้ ก่อนที่จะเดินผ่านทางเข้าไป
เมื่อมองดูร่างที่จากไป คิ้วของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ขมวดขึ้นมาเล็กน้อย เกิดอะไรขึ้นกับอ้วนน้อยโจวในวันนี้กันแน่? ก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มใช้ทุกโอกาสเอาเปรียบเธอด้วยคำพูดของเขา และพยายามทดสอบขีดจำกัดของเธออย่างต่อเนื่อง แต่วันนี้เหมือนกับว่าโจวเหว่ยชิงกลายเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง ดูเรียบง่าย และซื่อสัตย์เหมือนกับภาพลักษณ์ที่เขามี
อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังรู้สึกได้ว่าโจวเหว่ยชิงนั้นพยายามหยิกทึ้งใบหน้าของตนเองอยู่ตลอดเวลาหลังจากก้าวเท้าเข้ามาในวังแห่งนี้ เขาเหมือนพยายามห้ามปรามตัวเองมาตลอดทั้งวันให้ไม่เผลอพูดจาไร้สาระ หรือลามกออกมา และนั่นก็ดูเป็นความพยายามที่ลำบากเป็นอย่างมากสำหรับเขา
“อืมม…ดูเหมือนว่าจะได้ผลแฮะ! คำพูดของตาแก่นิสัยเสียก็มีความจริงอยู่บ้างนี่หว่า! เพื่อทำให้ผู้บัญชาการกองพันผู้งดงามของข้ายอมรับในตัวข้า วิธีการแบบเก่าๆของข้าก็ควรโละทิ้งไป!”
ในขณะที่เดินไปตามอุโมงค์ทางเข้า โจวเหว่ยชิงก็รู้สึกได้ว่าทางที่เขากำลังเดินอยู่นั้นเอียงลงไปข้างล่างเรื่อยๆ จากนั้นประมาณ 200 เมตรทางก็เริ่มคดเคี้ยว หลังจากหักเลี้ยวไปมาหลายรอบ ในที่สุดเด็กหนุ่มก็มาถึงห้องโถงที่เปิดโล่งแห่งหนึ่ง
ห้องโถงนี้ไม่ได้ถูกตกแต่งอะไรเลย แต่ก็มีทางเข้าอีก3ทางปรากฏอยู่ต่อหน้าโจวเหว่ยชิง เหนือทางเข้าพวกนั้นถูกจารึกไว้ตัวอักษรขนาดใหญ่ตามลำดับ ปฐม ปรมะ เทวะ
ด้านข้างมีชายชราสวมเสื้อคลุมจ้าวมณีสวรรค์ระดับปฐมนั่งอยู่ แม้ว่าบนเสื้อคลุมของเขาจะไม่มีสัญลักษณ์ดาบไขว้กันปักอยู่ก็ตาม ในเวลานี้ อาจเป็นเพราะโจวเหว่ยชิงมาค่อนข้างเช้าเกินไป ดังนั้นจึงไม่มีผู้คนอยู่เลย
“จ่ายค่าเข้า” ชายชราพูดอย่างเฉยเมยกับโจวเหว่ยชิง
โจวเหว่ยชิงเดินไปข้างหน้าและส่งบัตรเก็บเหรียญทองสีแดงที่เขาได้รับจากซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไปให้ชายชรา พร้อมกับกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ข้าต้องการเข้าสู่กรงของสัตว์อสูรระดับเทวะ”
“ระดับเทวะ?” ชายชราชะงักด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ใช้สายตากวาดประเมินโจวเหว่ยชิง
โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้างและพูดว่า “ที่จริงแล้วข้าแค่อยากเห็นอสูรสวรรค์ระดับเทวะตัวเป็นๆ เท่านั้น อยากรู้ว่ามันจะให้ความรู้สึกเช่นไรบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังได้ยินมาว่าอสูรสวรรค์ระดับเทวะนั้นแข็งแกร่งมากอีกด้วย”
ชายชราพูดอย่างใจเย็น “นั่นขึ้นอยู่กับเจ้า ตราบใดที่เจ้าจ่ายเงิน เจ้าก็สามารถทำได้ตามใจ” ในขณะที่พูด เขาก็หยิบอุปกรณ์ธาตุมิติที่ทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรูดบัตรเก็บเหรียญทองและบันทึกการจ่ายเงินของโจวเหว่ยชิงลงไป ผู้คุมประตูรูดบัตรนำเงินออกจำนวน 10,000 เหรียญทองอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่าโจวเหว่ยชิงจะเปลี่ยนใจ เมื่อเขาคืนบัตรเก็บเหรียญทองให้โจวเหว่ยชิง ชายชราก็มอบเหรียญกลมเล็กๆ เพื่อใช้เป็นบัตรผ่านให้กับเขาด้วย
“เจ้าจะต้องออกมาภายในเวลา 4 ชั่วโมง และตอนจะดำเนินการกักเก็บทักษะ เจ้าแค่เพียงวางมือลงบนหัวของอสูรสวรรค์ตัวนั้น ไปเถอะๆ”
“ขอบคุณผู้อาวุโส”
ชายชรามองตามโจวเหว่ยชิงขณะที่เขากำลังเดินเข้าไปในกรงของอสูรสวรรค์ระดับเทวะ จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ช่างเป็นเด็กหนุ่มไม่ประเมินตัวเองเสียจริง ข้าสงสัยนักว่าเด็กโง่คนนั้นกำลังพยายามจะลองเสี่ยงดวงดูหรือ? หรือเขาจะเป็นลูกชายไม่ได้เรื่องของตระกูลร่ำรวยบางตระกูลกันนะ”
ผ่านไปน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง ชายชราผู้เพิ่งจะเผลองีบหลับไปก็สังเกตเห็นว่าโจวเหว่ยชิงกำลังเดินออกมาจากกรงอสูรสวรรค์ระดับเทวะอย่างรีบเร่ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าสลด
โจวเหว่ยชิงคืนเหรียญกลมเล็กๆ ให้กับชายชราแล้วถอนหายใจพูดว่า “อสูรสวรรค์ระดับเทวะนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว…”
ชายชราให้เสียงหึในลำคออีกครั้ง แล้วจึงกล่าวว่า “ชายหนุ่มอย่างเจ้าไม่ควรประเมินตัวเองสูงเกินไป ครั้งต่อไปเพียงแค่เข้าสู่กรงระดับปฐม เจ้าก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่ามาก  เหรียญทอง 10,000 เหรียญต่อการทดลองกับสัตว์อสูรระดับเทวะหนึ่งครั้ง…ดูจากอายุของเจ้าแล้ว แม้ว่าบิดาของเจ้าจะเป็นกษัตริย์ เขาก็ยังช่วยสนับสนุนเงินให้เจ้าลองเล่นหลายๆรอบไม่ไหวหรอก”
“ถูกต้อง ถูกต้อง คำสอนของท่านถูกแล้ว” โจวเหว่ยชิงพูดอย่างสุภาพ ก่อนที่จะหันหลังกลับและเดินหนีออกไปจากบริเวณนี้
ขณะที่เด็กหนุ่มเดินกลับเข้าไปในทางเดินก่อนหน้า  ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีทันใด มันเต็มไปด้วยความพึงพอใจและภาคภูมิใจในตนเอง จากนั้นโจวเหว่ยชิงก็ยกกำปั้นขึ้นชูในอากาศ ท่าทางบ่งบอกถึงชัยชนะ
ในวันหลายวันต่อๆ มา โจวเว่ยชิงก็ยังคงไปที่วังกักเก็บทักษะอีก และทุกครั้งเขาก็จะเข้าไปในอุโมงค์ที่แตกต่างกันเสมอ มีเพียง2วันสุดท้ายเท่านั้นที่เข้าไปในอุโมงค์เดิม
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่กำลังหลอมรวมกับศาสตรามณียุทธ์แทบจะไม่ออกจากห้องเลย เธอต้องพยายามรวบรวมพลังปราณอย่างหนักเพื่อหลอมรวมเข้ากับรองเท้าวายุประสานของเธอให้ได้
5 วันต่อมา หลังจากโจวเหว่ยชิงใช้จ่ายเหรียญทองจากบัตรที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ให้ยืมไปจนเกลี้ยง เขาก็หมกตัวอยู่ในห้องเพื่อรวบรวมและฟื้นฟูปราณสวรรค์ของตนอย่างเงียบๆ ราวกับว่าเหตุการณ์ทั้ง 5 วันที่ผ่านมาก่อนหน้านั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริง
ระยะเวลาที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ใช้ในทดลองหลอมรวมศาสตรามณียุทธ์นั้นพิสูจน์ให้โจวเหว่ยชิงเห็นถึงความยากลำบากแสนสาหัสของการหลอมรวมศาสตรามณียุทธ์ เธอใช้เวลาไปทั้งหมดถึง 2 เดือนเต็ม หรืออาจจะกล่าวได้ว่า 61 วันถ้วน ก่อนที่เธอจะสามารถหลอมรวมกับศาสตรามณียุทธ์ได้สำเร็จ
การฝึกทหารใหม่กำลังจะเสร็จในไม่ช้า และในฐานะผู้บัญชาการกองพัน ปกติแล้วซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุด ดังนั้นทั้งคู่จึงกล่าวคำอำลากับเฟิงหยูและฮูเหยียนเอ้าป๋อ ก่อนออกจากเมืองภูเขาลอยฟ้าเพื่อมุ่งหน้ากลับไปยังอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์
“อ้วนน้อยโจว ก่อนหน้านี้ข้าไม่มีเวลาถามเจ้า แต่ทักษะการกักเก็บของเจ้าประสบความสำเร็จหรือไม่?” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ถามโจวเหว่ยชิงขณะที่พวกเขาเดินไปด้วยกัน
ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา นอกจากเวลาอาหารที่บางครั้งพวกเขาพูดกันสองสามคำแล้ว เวลาที่เหลือพวกเขาแทบจะไม่มีการสื่อสารระหว่างกันเลย และขณะที่พักอยู่ในลานเล็กๆ ของฮูเหยียนเอ้าป๋อ เธอก็ไม่อยากจะถามโจวเหว่ยชิงเกี่ยวกับทักษะการกักเก็บของเขาออกมาต่อหน้าคนอื่น สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจมากก็คือตอนนี้โจวเหว่ยชิงดูเหมือนว่าจะกลายเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่วางตัวเหมาะสมมาก ตั้งแต่วันที่พวกเด็กหนุ่มกลับไปยังวังกักเก็บทักษะด้วยกันเป็นครั้งที่สอง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่พูดคุยอะไรไร้สาระกับเธออีกเลย
“มันเป็นความลับ เข้าใจหรือไม่? ผู้บัญชาการกองพัน ท่านไม่ได้บอกก่อนหน้านี้หรือ? ทักษะธาตุนั้นเป็นความลับที่สำคัญที่สุดของจ้าวมณีสวรรค์” โจวเหว่ยชิงกล่าวอย่างมีลับลมคมใน
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์พูดด้วยความประหลาดใจ “นี่เจ้าทำสำเร็จจริงเหรอ?”
โจวเหว่ยชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ “ท่านจะรู้เองในอนาคต”
“หึ! ถ้าเจ้าไม่อยากพูดก็ช่างมันเถอะ!” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์หันหลังกลับและทำท่าทีหมางเมินต่อเขาขณะที่เร่งฝีเท้าวิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ
เมื่อเวลาผ่านไป ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็รู้สึกได้ว่าปราณสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงนั้นพัฒนาขึ้นในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงมาก แม้ว่าจะยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับเธอได้ แต่เขาก็สามารถรักษาระดับความเร็วของเขาไว้ได้นานขึ้น
ในความเป็นจริง ตอนที่โจวเหว่ยชิงได้ปลุกมณีของเขาขึ้นมานั้น จริงๆ แล้วตอนนั้นเด็กหนุ่มยังไม่มีพลังปราณอยู่ในเกณฑ์ปกติของขั้นพื้นฐานระดับ 4 เลยด้วยซ้ำ เนื่องจากตอนนั้นเขาเพิ่งจะผ่านไปถึงขั้นนั้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ หลังจากการฝึกฝนตลอดสองเดือนที่ผ่านมา เขาก็รับรู้ได้ว่าพลังปราณสวรรค์ในร่างกายของโจวเหว่ยชิงมีขีดจำกัดเพิ่มมากยิ่งขึ้น
เช่นเดียวกับการเดินทางสู่เมืองภูเขาลอยฟ้า โจวเหว่ยชิงทำหน้าที่เป็นคนเตรียมอาหารสำหรับพวกเขา แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะพูดคุยกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์เป็นครั้งคราวอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ อาจกล่าวได้ว่าเขาทำตัวราวเป็นอีกคน เมื่อทั้งสองถึงค่ายทหารหลังจากเดินทางมาเป็นเวลา 10 วัน ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็พบว่าเหตุการณ์นี้ช่างแปลกประหลาดและผิดธรรมชาติมาก หากเอ่ยถึงโจวเหว่ยชิงแล้ว เขาเป็นคนที่พรากครั้งแรกของเธอไป คนที่ทำให้เธอโกรธและมีความสุขในบางครั้ง เธอจึงต้องทำตัวดีกับเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และการเปลี่ยนแปลงของโจวเหว่ยชิงในครั้งนี้ เธอไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่ามันดีหรือไม่ดี
ณ ค่ายทหารนอกเมืองหลวงเกาทัณฑ์สวรรค์
“ผู้บัญชาการกองพัน ท่านกลับมาแล้ว” เซียวเซ่อมองไปยังซ่างกวนปิงเอ๋อร์ด้วยรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าของเขาเพื่อแสดงความเคารพอย่างเหมาะสม
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์และโจวเหว่ยชิงเพิ่งจะกลับไปที่กระโจมและเปลี่ยนเป็นชุดทหารเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเธอจึงเดินทางไปที่กระโจมบัญชาการ
หลังจากออกเดินทางเกือบ 3 เดือน เธอก็กระตือรือร้นที่จะรับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของการเกณฑ์ทหารใหม่มาก
“ผู้บัญชาการกองร้อยเซียว สถานการณ์ของทหารใหม่เป็นอย่างไรบ้าง ควรจะฝึกเสร็จในไม่ช้านี้ใช่หรือไม่?”
เซียวเซ่อตวัดสายตาไปยังโจวเหว่ยชิงที่ยืนอยู่ด้านหลังซ่างกวนปิงเอ๋อร์ จากนั้นเขาก็พูด “การฝึกทหารใหม่จะแล้วเสร็จในอีกสามวัน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้าว่าท่านถามผิดคนแล้ว ก่อนออกเดินทาง ท่านไม่ได้สั่งให้ผู้บัญชาการกองร้อย  เหมาหลี่สอดส่องดูแลทหารใหม่พวกนี้หรือ?”
……………………………………………………….

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset