Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 16.3 การแข่งขันระหว่างทหารใหม่ (3)

แน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องจริง ลูกศรสำหรับการแข่งขันประเภทนี้ต้องเอาหัวลูกศรออก และมีจำนวนไม่มากนัก ดังนั้นผู้เข้าร่วมแต่ละคนจึงได้รับลูกธนูคนละ 25 ดอก สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ และตอนนี้แล่งธนูของโจวเหว่ยชิงก็ว่างเปล่าแล้ว ดังนั้นเขาจึงกำลังจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เด็กหนุ่มจึงทำได้แค่เพียงวิ่งกลับมาเก็บธนูเพื่อสู้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม โจวเหว่ยชิงก็ไม่ใช่เทพเจ้า ดังนั้นหลังจากที่หยิบลูกธนูขึ้นมาได้ 2 ดอกและใช้พวกมันยิงกลับไปยังฝั่งตรงข้ามจนทำให้ทหารล้มลงได้ 2 คน เขาก็พลาดเปิดทางให้ฝั่งตรงข้ามเข้าใกล้ตัวเองในระยะ 150 หลาแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าระยะดังกล่าวทำให้ลูกธนูของศัตรูสามารถยิงออกมาอย่างรวดเร็วและมีพลังมาก แม้ว่าการเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มจะมีความยืดหยุ่น และคล่องแคล่ว แต่ในสถานการณ์ที่ความสามารถของมณีสวรรค์ถูกจำกัด เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนมองดูลูกธนูมากกว่า 40 ดอกพุ่งมาหาตัวเอง
โจวเหว่ยชิงตระหนักได้ว่าไม่สามารถหลบลูกธนูพวกนี้ได้พ้นอีกต่อไป เด็กหนุ่มจึงหมอบตัวลงอย่างรวดเร็ว ทั้งสองมือโอบรอบตนเองและพยายามขดตัวให้เล็กลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลง ปกปิดร่างกายเกือบทุกส่วนของตนไว้ด้วยหมวกลมที่เขาสั่งทำขึ้นมา
*ปั่ก* *ปั่ก* เสียงดังกึกก้องอยู่เหนือหัวของโจวเหว่ยชิง และหมวกของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยหัวลูกศรทื่อๆ อย่างน้อย 7-8 อันซึ่งตกลงมากระทบหมวก
เมื่อเห็นว่าพวกเขาสามารถกำจัดเป้าหมายสุดท้ายได้สำเร็จแล้ว ทหารที่เหลือจากฝั่งตรงข้ามก็เริ่มส่งเสียงโห่ร้องทันที
“ดีใจ? ดีใจบ้านพวกแกสิ! ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านั่นไม่มีลูกธนู เขาอาจจะค่อยๆ ฆ่าพวกเจ้าทุกคนจนตายกันไปหมด แล้ว!” ผู้บัญชาการกองร้อยสั่งสอนทหารใหม่ใต้บังคับบัญชาของเขา และด่ากราดอย่างเดือดดาล แม้ว่ากองพันที่ 1 และ 2 จะชนะกองพันที่ 3 และ 4 ในท้ายที่สุด แต่หนึ่งในพวกเขาก็ไม่ได้รับรางวัลทหารใหม่ผู้โดดเด่นที่สุดอย่างแท้จริง ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันก็สามารถรับรู้ได้ด้วยสายตา โจวเหว่ยชิงเพียงคนเดียวสามารถกำจัดทหารฝ่ายตรงข้ามไปถึง 25 คน ดังนั้นในการแข่งครั้งนี้จะมีใครที่โดดเด่นไปกว่าเขาได้อีก?
ก่อนที่ผู้บัญชาการกองร้อยจะพูดจบ เขาก็พลันก็ได้ยินเสียง *ปั่ก* และลูกธนูดอกหนึ่งก็กระแทกบนหน้าอกของตนเองอย่างจัง ลูกธนูดอกนั้นถูกยิงออกมาด้วยความเร็วสูงมาก และด้วยเสียง *อุ่ก* ผู้บัญชาการกองร้อยก็ล้มลงด้วยใบหน้าที่ไม่เชื่อในสายตาของตนเอง ลมหายใจของเขาติดค้างอยู่ที่บริเวณหน้าอก ทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง และความอึดอัดที่เกิดขึ้นนั้นก็ทำให้เด็กหนุ่มเกือบจะเป็นลมไปแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?” ในขณะที่เหล่าทหารใหม่จากกองพันที่ 1 และกองพันที่ 2 มองไปรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ ก็มีเสียง *ปั่ก* ดังขึ้นอีกหลายครั้ง จากนั้นหลายคนๆ ก็ล้มลงไปกับพื้นราวกับเทกระจาด เมื่อทั้งหมดรู้สึกตัวหลังจากแตกตื่นอยู่สักพัก และหันหน้าไปมองอีกทาง พวกเขาก็เห็นอ้วนน้อยโจวกำลังยิงธนูมาทางพวกเขาอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบพร้อมกับสวมหมวกที่ถูกปกคลุมไปด้วยหัวลูกศรทื่อๆ
ทันใดนั้น เหล่าทหารใหม่จากกองพันที่ 1 และ 2 ก็กำลังรู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง เจ้าอาจแข็งแกร่งมาก แต่เจ้าก็ยังต้องเชื่อฟังกฎการแข่งขันใช่หรือไม่? หลังจากถูกเราโจมตีจนพ่ายแพ้ ทำไมเจ้าถึงยังยิงลูกธนูต่อไปอีก? การถูกยิงนั้นเจ็บไม่ใช่เล่นๆ นะโว้ย!
ก่อนที่พวกเขาจะพุ่งไปข้างหน้าเพื่อหาเรื่อง ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “หยุด! อ้วนน้อยโจว เจ้าจะทำอะไร?”
เซียวเซ่อพูดอย่างย่ามใจ “ผู้บัญชาการกองพัน ท่านไม่จำเป็นต้องตำหนิเขา ข้าคิดว่าเขาต่อต้านเพราะไม่อยากยอมรับความพ่ายแพ้ อย่างไรก็ตาม ประเทศก็มีกฎของประเทศ ครอบครัวก็มีกฎของครอบครัว นี่จึงถือว่าเป็นการละเมิดวินัยทางทหาร ทหารที่ไม่ฟังคำสั่งไม่ควรได้รับการเลื่อนตำแหน่งง่ายๆ!”
โจวเหว่ยชิงได้ยินซ่างกวนปิงเอ๋อร์ตะโกนใส่ เขาจึงหยุดยิง พาดธนูอุษาม่วงลงบนหลังและถอดหมวกลมออกจากศีรษะเพื่อปัดหัวลูกศรพวกนั้นทิ้ง ก่อนที่จะวิ่งมาหาเธอ
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จ้องมองไปที่โจวเหว่ยชิงอย่างโกรธเคือง “อ้วนน้อยโจว เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว ทำไมเจ้าถึงยังไม่หยุดยิงล่ะ?”
โจวเหว่ยชิงกะพริบตา “การต่อสู้จบลงแล้ว? ไม่ มันยังไม่จบ! ข้าก็ยังอยู่ดีนี่ ทำไมจะโจมตีต่อไม่ได้?”
ผู้บัญชาการกองร้อยลี่จากกองพันที่ 1 ขมวดคิ้ว และกล่าว “อ้วนน้อยโจว การพยายามพิชิตศัตรูเป็นสิ่งที่ดี อย่างไรก็ตามที่นี่คือกองทัพ และทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามกฎ เจ้าถูกยิงด้วยลูกศรอย่างน้อย 7 ดอก หมวกลมของเจ้าก็เต็มไปด้วยหัวลูกศร หากนี่เป็นสนามรบที่แท้จริงเจ้าอาจจะตายไปแล้ว ในช่วงเวลานั้น สิ่งที่ถูกต้องคือเจ้าควรจะรีบหนีไปทันทีแทนที่จะกลับไปยังสนามรบเพื่อหยิบลูกธนู ก็เหมือนกับที่ผู้บัญชาการกองร้อยเซียวพูดก่อนหน้านี้ เจ้าละเมิดวินัยทางทหาร แม้ว่าฝีมือของเจ้าจะโดดเด่นมาก แต่ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่สามารถเลื่อนตำแหน่งเป็นนายหมู่ได้ ฉะนั้นเจ้าสนใจจะเข้าร่วมกองพันที่ 1 ของเราหรือไม่?”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เพิ่งจะได้รับตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองพันไม่นานมานี้ และรัศมีผู้นำของเธอก็ยังไม่มากพอ กองพันที่ 1 นั้นแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาหน่วยธนูทั้ง 4 ในกรม ผู้บัญชาการกองร้อยผู้เจนศึกรายนี้จึงไม่กลัวที่จะชักชวนคนของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไปต่อหน้าต่อตาเธอ
โจวเหว่ยชิงส่ายหัวทันที เขาหันไปหาซ่างกวนปิงเอ๋อร์ด้วยใบหน้าที่ดื้อรั้น “ไม่! ผู้บัญชาการกองพัน ข้าไม่ได้แพ้!” ขณะที่พูดคำเหล่านั้นเขาได้แต่แอบหัวเราะลึกๆ ในใจ จากนั้นก็คิดกับตัวเองว่าคนเหล่านี้ช่างเล่นละครได้ตรงตามบทที่ข้าวางไว้จริงๆ
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ขมวดคิ้ว “อ้วนน้อยโจว เจ้าหยุดก่อเรื่องได้แล้ว เจ้าถูกกำจัดออกจากสนามไปแล้ว”
โจวเหว่ยชิงพูดราวกับว่าเขาได้รับความทรมานจากความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นตรงหน้า “แต่ข้ายังไม่แพ้จริงๆ! ดูสิ!!” ในขณะที่พูด เขาก็ถอดหมวกลมของตนออกและมอบให้กับซ่างกวนปิงเอ๋อร์
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์หยิบหมวกลมจากมือของเขา จากนั้นก็แสดงสีหน้าตกใจ เห็นได้ชัดว่าหมวกใบนี้หนักกว่าหมวกลมทั่วไป เมื่อเธอจับมันด้วยมือตัวเอง เธอก็เข้าใจทันที เมื่อมองดูโจวเหว่ยชิงอีกครั้ง สีหน้าที่แสดงความทรมานของเขาก็ทำให้เธอเกือบหัวเราะออกมาเสียงดัง เจ้าคนหน้าด้านนี่กลัวตายมากจริงๆ…
2-3วันที่ผ่านมานี้ที่เธอคิดว่าเขากลายเป็นคนสุภาพเรียบร้อยไปแล้วเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าเสือยังไงก็คือเสืออยู่วันยังค่ำ จะให้เปลี่ยนเป็นแมวก็คงยากล่ะนะ
เซียวเซ่อมองไปที่สีหน้าแปลกๆ ของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ จากนั้นก็เพ่งความสนใจไปที่หมวกลมในมือของเธอ “หืม? เอ…หมวกลมใบนั้นออกจะใหญ่เกินไปหน่อย…”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ส่งหมวกลมให้เธอ และทันใดนั้นสีหน้าของเซียวเซ่อก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เธอมองโจวเหว่ยชิงด้วยท่าทางที่ค่อนข้างเคร่งขรึมและอ่านยาก นั่นทำให้โจวเหว่ยชิงรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
หมวกลมถูกส่งต่อไปเรื่อยๆ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง สีหน้าของผู้บัญชาการกองร้อยทั้งหมดก็เปลี่ยนเป็นประหลาดใจ ผู้บัญชาการกองร้อยลี่แห่งกองพันที่ 1 ถอนหายใจและกล่าวว่า “มีความสามารถ…มีความสามารถ! เพ้ย! จริงๆ แล้วเจ้าเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากทีเดียว! เจ้าสามารถหาวิธีการเช่นนี้ได้…หมวกใบเล็กๆ นี้ทำจากโลหะผสมไทเทเนียมใช่หรือไม่? ไม่อย่างนั้นมันคงจะไม่เบาขนาดนี้ ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าพูดว่าเจ้ายังไม่ตาย! แม้แต่ลูกธนูธรรมดาก็อาจจะเจาะมันไม่เข้าด้วยซ้ำ! ผู้บัญชาการกองพันซ่างกวน กองพันที่ 1 ของเราแพ้ในการแข่งขันรับทหารใหม่ครั้งนี้แล้ว เจ้าน้องชายอ้วนน้อยโจว พี่ชายคนนี้ประทับใจในตัวเจ้ามาก”
เห็นได้ชัดว่าหมวกลมที่ทำจากโลหะผสมไทเทเนียมนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้กันได้อย่างแพร่หลายในกองทัพ นั่นก็เป็นเพราะต้นทุนการสร้างทั้งหมดมีราคาแพงเกินไป อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสามารถพูดอะไรได้อีก โจวเหว่ยชิงละเมิดกฏหรือไม่? เขาใช้เงินของตัวเองสร้างสิ่งนี้ขึ้นมา นั่นจะถือว่าเป็นการละเมิดกฎได้อย่างไร? นอกจากนี้ ฝีมือการยิงธนูที่น่าประทับใจของโจวเหว่ยชิงก็ได้รับการเห็นพ้องต้องกันทั้งหมดโดยผู้บัญชาการกองร้อยในที่นี้แล้วด้วย
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์มองโจวเหว่ยชิง จากนั้นก็หันกลับไปมองเซียวเซ่อที่ยืนเงียบๆ อยู่ด้านข้าง ทันใดนั้นมุมปากของเธอเหยียดขึ้นเล็กน้อย “ไปกันเถอะ ถึงเวลาที่เราจะต้องไปดูการแข่งขันฝั่งทหารราบเบาและทหารราบหนักแล้ว”
โจวเหว่ยชิงยังคงรับบทผู้ช่วยส่วนตัวของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ต่อไป เขากำลังจะย้ายไปยืนอยู่ข้างหลังเธอเงียบๆ ในขณะเขาเดินผ่านเธอนั่นเอง เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเบาๆ ให้ได้ยินแค่เพียงสองคนเท่านั้นว่า “ปิงเอ๋อร์”
ไหล่ของซ่างกวนปิงเอ๋อร์กระตุกเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอต้องยอมรับความพ่ายแพ้ในการพนันของเธอในครั้งนี้ นอกจากนี้ เธอยังไม่สามารถแสดงออกอย่างเปิดเผยต่อหน้าผู้คนจำนวนมากได้ เกรงว่าโจวเหว่ยชิงจะยิ่งพูดอะไรออกมาเสียงดัง และทำให้เธออับอาย เธอจึงรีบเร่งเดินตามผู้บัญชาการกองร้อยคนอื่นๆ ไปชมการแข่งขันอีก 2 สนามที่เหลือ
โจวเหว่ยชิงกำลังจะเดินตามพวกเขาไป แต่ทันใดนั้นแขนข้างหนึ่งของเด็กหนุ่มก็ถูกใครบางคนจับไว้แน่น เมื่อหันศีรษะไปมอง เขาก็ตระหนักได้ว่าคนๆ นั้นคือเซียวเซ่อ
สีหน้าของเซียวเซ่อค่อนข้างน่าเกลียด เธอพูดเบาๆ “อ้วนน้อยโจว เจ้ากล้าพอจะแข่งกับข้าไหม?”
……………………………………………………………….

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset