Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 19.1 ขาขวาของปีศาจ (1)

ความเย็นชาพาดผ่านในดวงตาของโจวเว่ยชิง เขากล่าวว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถูกบีบคั้นให้อยู่ตรงกลางระหว่างสงครามของอาณาจักรใหญ่ทั้ง 2 อาณาจักรเช่นนี้ เราไม่มีทางหลบหนีไปได้ คนอื่นอาจวิ่งหนีได้ แต่ทั้งท่านและข้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ พ่อบุญธรรมเป็นราชาที่ยิ่งใหญ่ เขาทำเพื่อชาติบ้านเมืองมามากมาย รวมทั้งปรับปรุงระบอบการปกครองและทำทุกวิถีทางเพื่อให้อาณาจักรของเราแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เฮ้อ พวกเรายังเด็กเกินไปและอ่อนแอไร้พลัง ตอนนี้พวกเราแค่ต้องค่อยๆ ขัดเกลา พัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ทีละขั้นและพยายามให้ถึงที่สุด”
เซียวหรูเซ่อยิ้มตอบเบาๆ และพยักหน้ารับ “เป็นเรื่องดีที่เจ้าคิดเช่นนี้ได้ นั่นทำให้พี่สาวคนนี้มีความสุขมาก เหว่ยน้อย ตอนนี้มีแค่พวกเราสองคน แค่พี่สาวกับน้องชายกำลังพูดคุยกัน แม้ว่าเจ้าจะยังเด็ก แต่ก็มีบางคำที่ข้าต้องการจะเตือนเจ้าไว้”
“อะไรหรือ?” โจวเหว่ยชิงถามด้วยสีหน้าสงสัยใคร่รู้
เซียวหรูเซ่อพูดอย่างเคร่งขรึม “สงครามครั้งนี้ ถ้าวันหนึ่งสถานการณ์เลวร้ายมากเกินไปจนยากจะยับยั้งแล้ว ทุกคนสามารถตายได้เพื่ออาณาจักรของเรา แต่สำหรับเจ้า…ห้ามทำแบบนั้นเด็ดขาด”
โจวเหว่ยชิงได้แต่ทำสีหน้าตกใจ “ทำไมล่ะ?”
ดวงตาที่งดงามของเซียวหรูเซ่อหรี่ลงเล็กน้อย “หากมีชีวิตอยู่ก็หมายความว่ายังมีความหวัง เจ้าแตกต่างจากคนอื่นๆ เจ้าเป็นถึงลูกบุญธรรมของกษัตริย์ เป็นลูกชายคนเดียวของแม่ทัพใหญ่โจว เจ้ามีอำนาจในการรวบรวมผู้คนในอาณาจักรให้เป็นหนึ่งเดียวอีกครั้งอย่างที่ไม่มีใครจะทำได้ ที่สำคัญกว่านั้นคือเจ้าเป็นจ้าวมณีสวรรค์ ผู้ที่มีศักยภาพและความสามารถไร้ขีดจำกัด ข้ายังเคยได้ยินเกี่ยวกับไพฑูรย์ตาแมวสองสีมาก่อน และมันก็เป็นสิ่งที่มีอยู่แค่ในตำนานเท่านั้น แน่นอนว่ามันคือมณีที่น่าเกรงขามอย่างไม่มีใครเทียบได้ ข้าเชื่อว่าตราบใดที่เจ้าฝึกฝนให้มากพอ วันหนึ่งเจ้าจะต้องสามารถเปลี่ยนแปลงเส้นทางในอนาคตได้อย่างแน่นอน อย่าคิดว่าพี่สาวอย่างข้าล้อเจ้าเล่น ตอนนี้ระดับการฝึกปราณของเจ้าอาจจะยังต่ำและเจ้าก็ยังอ่อนแออยู่ ดังนั้นเจ้าอาจไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าจ้าวมณีสวรรค์ที่มีพลังมหาศาลนั้นเป็นเช่นไร จ้าวมณีสวรรค์มักจะเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ที่ต้องจารึกไว้บนทวีปแห่งนี้เสมอมา และครั้งล่าสุดก็ผ่านมาแล้วประมาณ 15 ปี เพื่อตามหาคนรักของเขา จ้าวมณีสวรรค์ที่น่าเกรงขามผู้หนึ่งบุกเข้าจู่โจมอาณาจักรวั่นโซ่วด้วยตัวคนเดียวอย่างไม่กลัวตาย ตลอดทางที่เขาเดิน ถนนทุกเส้นที่เขาเหยียบย่ำ ทุกสถานที่ที่เขาไปเยี่ยมเยียน เขาฆ่าล้างทุกคนที่พยายามจะหยุดยั้งเขาอย่างไม่เหลือซาก เมื่อเขามาถึงเมืองหลวงของอาณาจักรวั่นโซ่ว เขาไล่สังหารหมู่จ้าวมณี และอสูรสวรรค์ไปเป็นจำนวนนับพัน ท้ายที่สุดเมื่อเขามาอยู่ต่อหน้าจักรพรรดิแห่งอาณาจักรวั่นโซ่ว เขาก็ได้รับข่าวว่าคนรักของเขาไม่ได้ถูกอาณาจักรวั่นโซ่วจับมา เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงจากไปทันที และแน่นอนว่าไม่มีใครสามารถหยุดยั้งเขาได้ ข้าจะบอกเจ้าไว้ว่าในเวลานั้น ข้างกายองค์จักรพรรดิมีจ้าวมณียุทธ์ และจ้าวมณีธาตุระดับเทวะกว่า 100 คน จ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะกว่า 30 คน แต่ก็ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้ ว่ากันว่าชายผู้นี้มีมณีสวรรค์ถึง 11 ชุด”
ขณะที่เธอกำลังเล่าเรื่องราว ดวงตาของเซียวหรูเซ่อก็ทอประกายที่ดูน่าหลงใหลออกมา มันเต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนใจ และบางทีอาจจะเรียกได้ว่า…น่ารัก “เหว่ยน้อย ข้าเชื่อว่าความสามารถของเจ้าสามารถเทียบได้กับท่านอาวุโสผู้นั้นอย่างแน่นอน บางทีเจ้าอาจจะเอาชนะเขาได้ด้วยซ้ำ ถ้าวันหนึ่งเจ้าสามารถไปถึงระดับของเขาได้ ใครจะกล้าแตะต้องอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของเราอีก? และแม้ว่าอาณาจักรจะตกอยู่ในภาวะวิกฤติแค่ไหน เจ้าก็จะสามารถเปลี่ยนทิศทางลมได้อย่างง่ายดาย ข้าเชื่อว่าเจ้าจะทำได้ดีกว่าท่านลุงโจวในอนาคต เพราะฉะนั้นสัญญากับพี่สาวเช่นข้า ในอนาคตไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าจะต้องจิตใจสงบนิ่งอยู่เสมอ”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าอย่างเงียบเชียบ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เขาเกิดที่รู้สึกได้ถึงน้ำหนักบนไหล่ เพราะมณีสวรรค์ของตนได้ตื่นขึ้นมา ดังนั้นภาระนี้จึงถูกวางไว้ที่บ่าสองข้างของเขา แต่ว่าเขาก็จะไม่หวาดกลัวหรือหลบเลี่ยง นิสัยแต่เกิดของโจวเหว่ยชิงคือรักอิสระ และไม่ต้องการถูกผูกมัด แต่ลึกลงไปในกระดูกดำของเขา เด็กหนุ่มก็ดื้อรั้นเหมือนแม่ทัพโจวผู้เป็นบิดาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
เซียวหรูเซ่อยิ้มแล้วตอบว่า “เด็กโง่ ทำตัวสบายๆ เถอะ พี่สาวแค่ชี้ให้เห็นถึงกรณีที่สถานการณ์เลวร้ายถึงที่สุด เพราะถ้าหากมีลุงโจวอยู่ด้วยเช่นนี้ มันก็ไม่ง่ายหรอกที่เราจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น เอาเถอะ ข้าขอพูดนอกเรื่องสักหน่อย เจ้าวางแผนจะทำยังไงกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์? อย่าลืมว่าที่เมืองหลวงเจ้ายังมีองค์หญิงตี้ฝูหยาอยู่”
โจวเหว่ยชิงเหยียดริมฝีปากแล้วพูดว่า “ตี้ฝูหยา? ลืมไปเสียเถิด ผู้หญิงคนนั้น ข้าไม่เอาด้วยหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะไข่มุกดำปรากฏตัวออกมา ข้าอาจจะถูกเธอฆ่าตายไปแล้วก็ได้ ตอนที่ข้าออกจากบ้าน ไม่ใช่ว่าข้าก็ทิ้งจดหมายบอกบิดาไปแล้ว? เพราะฉะนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วนี่นา”
เซียวหรูเซ่อหัวเราะขณะที่เธอพูดว่า “ฝันไปเถอะ พ่อของเจ้าอาจเห็นด้วยอย่างไม่มีปัญหาใดๆ แต่เจ้าคิดว่าองค์จักรพรรดิจะเห็นด้วยงั้นหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าลุงโจวร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับองค์จักรพรรดิกี่ครั้ง? เขาเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยองค์จักรพรรดิกี่รอบ? แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้เป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่มีความสามารถดั่งที่เจ้าเป็นอยู่ตอนนี้ ข้าหมายถึงว่าหากเจ้ายังเป็นเศษสวะเหมือนเดิม องค์จักรพรรดิก็จะยังคงบังคับให้ตี้ฝูหยาแต่งงานกับเจ้าอยู่ดี เพราะท้ายที่สุดแล้ว กษัตริย์ก็ตรัสแล้วไม่คืนคำ”
ใบหน้าของโจวเหว่ยชิงมืดครึ้มทันที เขาอ้อนวอน “แล้วข้าจะทำเช่นไรดี? ท่านพี่ ท่านต้องช่วยข้าหาทางออก! ท่านคงไม่อยากให้ข้าต้องเผชิญหน้ากับตี้ฝูหยาทุกวันหรอกนะ หึ ยัยผู้หญิงที่มีตาที่สามงอกบนหน้าผากคอยเหยียดหยามคนอื่นแบบนั้นน่ะ ข้าไม่เอาด้วยหรอก”
เซียวหรูเซ่อส่งเสียงหึในลำคออย่างเย็นชา “ข้าไม่ช่วยเจ้าคิดเปล่าๆ หรอกนะ ข้าควรจะได้ของตอบแทนบ้างสิ?”
โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้างและพูดว่า “เฮ้ ท่านพี่ ถ้าท่านพยายามจะปอกลอกข้าละก็ ท่านคิดผิดแล้วล่ะ น้องชายคนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวสะอาดหมดจด ไม่มีเงินสักเหรียญเดียว”
เซียวหรูเซ่อกล่าวว่า“ ข้าไม่ได้ต้องการเงินของเจ้า เหว่ยน้อย เอาแบบนี้เป็นไง เจ้ายอมรับเงื่อนไขข้อหนึ่งจากข้า แล้วข้าก็จะให้คำแนะนำแก่เจ้า”
โจวเหว่ยชิงมองดูใบหน้าที่งดงามของเซียวหรูเซ่อ ก่อนจะพูดหยอกเย้า “จูบท่านอีกครั้งน่ะเหรอ? ไม่มีปัญหา!”
“ฮึ! เจ้ากำลังขอให้ข้าตีเจ้าอีกรอบ? จริงจังหน่อยจะได้มั้ยหา! เจ้าต้องสัญญากับข้าว่าถ้าวันหนึ่งเจ้ากลายเป็นเสาหลักของอาณาจักร เจ้าจะต้องสนับสนุนข้าให้เป็นเสนาบดี”
โจวเหว่ยชิงจ้องมองเธออย่างประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าข้อแลกเปลี่ยนที่เซียวหรูเซ่อต้องการจะเป็นเช่นนั้น เขาจึงรู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านพี่ ความทะเยอะทะยานของท่านยิ่งใหญ่เสียจริง! ท่านต้องการอยู่ในตำแหน่งสูงส่งจริงๆ สินะ”
เซียวหรูเซ่อส่งเสียงหึในลำคอแล้วพูดว่า “เด็กเหลือขออย่างเจ้าจะไปเข้าใจได้ยังไง? ข้าแค่ต้องการแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าผู้ชายจะทำอะไรผู้หญิงก็สามารถทำได้ดีพอๆ กัน ข้าต้องการให้ผู้ชายเห็นความแข็งแกร่งของผู้หญิง ปกติแล้วผู้หญิงต้องอยู่ติดบ้านเพื่อทำงานบ้าน ช่วยเหลือสามีและเลี้ยงดูเด็กๆ เท่านั้น ทำไมมีเพียงผู้ชายเท่านั้นถึงจะมีอำนาจและอิทธิพลได้? ส่วนเป้าหมายในชีวิตของข้า มันคือการใช้ความสามารถและพลังของตัวเองเพื่อยืนหยัดอยู่เหนือผู้ชาย”
โจวเหว่ยชิงยกนิ้วให้เธอ จากนั้นก็เอ่ยปากพูด “ ตอนนี้ข้าเข้าใจความหมายของคำนั้นจริงๆ แล้ว “ผู้หญิงไม่ก้มหัวให้ผู้ชาย” ท่านพี่ ข้าจะสนับสนุนท่าน! แต่ก็ว่าเถอะ ถ้าท่านแต่งงานในอนาคต นั่นจะไม่เป็นการตัดโอกาสแผนการณ์ของท่านหรอกหรือ?”
เซียวหรูเซ่อส่งเสียงเย็นชาอีกครั้ง “ตอนที่ข้าเริ่มฝึกยิงธนู ข้าก็สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าข้าจะไม่แต่งงานชั่วชีวิต ทำไมข้าต้องเสียเวลาไปกับผู้ชายพวกนั้นด้วย? ข้ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำให้สำเร็จ อย่างมาก ในอนาคตข้าก็จะหาผู้ชายสักคนเพื่อมีลูกด้วยแล้วค่อยเตะเขาออกไปให้พ้นทางทีหลัง!”
โจวเหว่ยชิงกระพริบปริบๆ “ท่านพี่ เอาแบบนี้เป็นอย่างไร ? แทนที่จะต้องเสียเปรียบให้ผู้อื่น ทำไมไม่ให้ยกผลประโยชน์นั่นให้ข้าแทนล่ะ? ยังไงเราก็สนิทกันซะขนาดนี้แล้ว การที่สามารถทำสิ่งเลวร้ายได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบนั่นเป็นสิ่งที่ข้าโปรดปรานมากทีเดียว! ฮึๆๆๆๆ”
“ไปตายซะไป๊!”

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อแสงแดดยามเช้าได้แผ่กระจายเหนือขอบฟ้า พลทหารที่เคยประจำอยู่ที่ค่ายทหารนอกเมืองหลวงเกาทัณฑ์สวรรค์อยู่เป็นเวลาหลายเดือนก็ได้จรลีจากไปอย่างเงียบๆ เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นกลางขอบฟ้า พื้นที่นอกประตูเมืองก็กลับคืนสู่สภาพที่ราบเรียบตามเดิม ภายใต้การนำผู้บัญชาการกองพันที่ 3 กรมทหารราบที่ 5 ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ พลทหารทั้ง 3,000 นายพร้อมกับสัมภาระ อาวุธ เสบียงอาหารจำนวนมาก และเกวียนบรรทุกสัมภาระประมาณ 5,000 คันต่างพร้อมใจกันมุ่งไปทางใต้สู่ชายแดนอาณาจักรคาลิเซ
เกวียนบรรทุกสัมภาระนั้นจำเป็นมากต่อพลทหาร พูดง่ายๆ ก็คือ ในการทำสงคราม เป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีจำนวนทหารสนับสนุนต่อทหารที่ออกรบในอัตราส่วน 1 : 1  สำหรับหน่วยชั้นยอดเช่นทหารราบหนัก พวกเขาต้องการทหารสนับสนุนเกือบ 2 คน ในขณะที่ทหารม้าหนักอาจต้องการทหารสนับสนุนมากกว่า 4 คนเพื่อช่วยเหลือ หน่วยชั้นสูงเหล่านี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความแข็งแกร่งสูงสุดของพวกเขาออกมาในสนามรบ นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ว่าทำไมกองทหารชั้นยอดจึงต้องเสียค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาเป็นจำนวนมาก
………………………………………………………………..

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset