Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 20.1 ลูกศรชี้ชะตา (3)

ไป๋จิ่วส่งเสียงหึในลำคออย่างเย็นชา “ไอ้พวกโง่เง่า! ถ้าเป็นโจวสุ่ยหนิวจริงๆ ล่ะก็ พวกแกคิดเหรอว่าจะรอดชีวิตไปได้? ไม่ใช่แค่พวกเจ้า แม้แต่ข้าก็ยังต้องตายที่นั่นด้วย! นอกจากนี้ข้าก็ยังได้รับข่าวมาเมื่อวานนี้ว่าโจวสุ่ยหนิวยังอยู่ในเมืองหลวง  ไม่อย่างนั้นข้าจะกล้าทำตามแผนนี่ได้ยังไง!”
เมื่อได้ยินดังนั้น จ้าวมณียุทธ์ระดับปรมะขั้นกลางคนนั้นก็ตระหนักได้ถึงความผิดพลาดของตน “ใช่! แม้ว่าลูกศรนั้นจะแข็งแกร่งมาก แต่พลังการทำลายล้างที่แท้จริงนั้นมีไม่เพียงพอ ถ้าโจวสุ่ยหนิวเป็นคนยิงมันออกมา ข้าก็ควรจะตายไปที่นั่นแล้ว  หรือว่าจะเป็น…”
ไป๋จิ่วพยักหน้า “ถูกต้อง นอกเหนือจากซ่างกวนปิงเอ๋อร์ ดูเหมือนว่าอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์จะมีจ้าวมณีสวรรค์อีกคนหนึ่งในกองทัพของพวกเขา แต่ระดับการฝึกฝนของเขาไม่น่าจะสูงมาก  อย่างมากที่สุดก็เท่าๆ กับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่มีมณีสองชุด มณีสวรรค์คู่ของเขาน่าจะเป็นมณีธาตุมืดและมณียุทธ์ประเภทความแข็งแกร่งเช่นเดียวกับโจวสุ่ยหนิว หากไม่ใช่เพราะไอ้เจ้านั่น ศรไร้เสียงของข้าคงฆ่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไปแล้ว ถอยก่อน เราต้องกลับไปที่ฐานทัพของเราเพื่อวางแผนเพิ่ม ดูเหมือนว่าเวลานี้ข้าอาจต้องขอให้ท่านอาจารย์ช่วยเสียแล้ว แน่นอนว่าข้าจะไม่ยอมให้อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์มีจ้าวมณีสวรรค์เพิ่มอีกคนแน่ เซียวเยเย่ ก่อนหน้านี้เจ้าพูดว่าคนๆ นั้นหายตัวไปตอนหลบศรไร้เสียงของข้า?”
ลูกน้องคนสนิทที่คอยติดตามไป๋จิ่วคือจ้าวมณีธาตุไฟ หลัวเซียวเย่ เซียวเย่เป็นคนรับใช้ส่วนตัวของเขามาตั้งแต่เด็กและเติบโตขึ้นมาด้วยกันกับเขา ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เซียวเย่ยังมีฐานะเป็นผู้คุ้มกันส่วนตัวของเขาอีกด้วย
“ใช่แล้วขอรับ! ฝ่าบาท ข้าคิดว่าข้าเห็นเขาหายไปชั่วพริบตาเดียว ไม่เช่นนั้นเขาจะหลบศรไร้เสียงของท่านได้อย่างไร!”
“เจ้าเห็นชัดไหม?” คิ้วของไป๋จิ่วขมวดเข้าหากัน
หลัวเซียวเย่พึมพำ “กะ ก็ไม่ค่อยชัดขอรับ”
ไป๋จิ่วปาดเหงื่อและพูดว่า “เจ้าโง่! ไม่เห็นชัดๆ แล้วยังมารายงานข้าอีก!”
หลัวเซียวเย่กระพริบตาและพูดว่า “ตะ แต่…ท่านก็เห็นไม่ชัดเจนเหมือนกันนี่นา”
“เซียว เย เย่!”
“ฝ่าบาท ตอนนี้พวกเราควรถอยก่อนนะพะยะค่ะ” หลัวเซียวเย่ผู้นี้อาจไม่ใช่มีดที่คมที่สุดในฝัก แต่เขาก็ไม่ได้โง่จริงๆ
“ข้าจะจัดการกับเจ้าเมื่อเรากลับไปถึง”

ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็นำกองทหารไปถึงฐานทัพในแนวหน้า
ระหว่างชายแดนของอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์และอาณาจักรคาลิเซนั้นมีแนวภูเขาขนาดใหญ่ เนินเขา บึงน้ำและภูมิประเทศที่สลับซับซ้อนอื่นๆ ตัดขาดทั้งสองอาณาจักรออกจากกันโดยสมบูรณ์ กำลังทหารทั้งหมดของอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์นั้นประกอบไปด้วยกรมทหาร 5 กรมเท่านั้น ซึ่ง 1 ในนั้นถูกส่งไปประจำการที่เมืองหลวงเพื่อเฝ้าอารักขาราชวัง อีก 1 กรมประจำการที่ชายแดนตะวันออกเพื่อป้องกันข้าศึก ส่วนอีก 3 กรมที่เหลือประจำการที่นี่ ที่ชายแดนติดกับอาณาจักรคาลิเซเพื่อเฝ้ายามและปกป้องรอยต่อที่สำคัญระหว่างสองอาณาจักร เนื่องจากความซับซ้อนของภูมิประเทศ ทั้งสองฝ่ายจึงไม่ค่อยมีสงครามขนาดใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าย่อมมีการปะทะเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ รูปแบบการต่อสู้ที่ใช้กันมากที่สุดคือการจัดกองทหารขนาดเล็กเพื่อรังควานฝ่ายตรงข้าม สงครามระหว่างสองอาณาจักรนั้นโดยพื้นฐานแล้วเป็นการรบแบบกองโจรอย่างแท้จริง และนั่นก็เป็นปรากฏการณ์ที่ค่อนข้างแปลกไม่เหมือนใครนัก
ค่ายทหารแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 10 ตารางไมล์ มีทหารทั้ง 3 กรมอยู่ประจำการมากกว่า 30,000 คน เมื่อมองไปยังกระโจมของพวกเขาภายใต้ท้องฟ้าที่เปิดโล่งให้ความรู้สึกราวกับว่ามีกลิ่นอายฆ่าฟันลอยมาจางๆ ในอากาศ และนั่นอาจทำให้ผู้ที่ไม่เคยเหยียบย่ำเข้าสู่สถานที่เช่นนี้มาก่อนเกิดความกลัวได้
เมื่อโจวเหว่ยชิงเห็นค่ายทหารขนาดใหญ่ หัวใจของเขาลุกเป็นไฟ เลือดในกายก็พากันเดือดเร่า นี่มัน…นี่เป็นค่ายทหารในแนวหน้าจริงๆ… นี่คือสถานที่ที่บิดาของเขาอาศัยอยู่และใช้เป็นสถานที่ต่อสู้ตลอดมา ท่านพ่อ ท่านรู้หรือไม่ว่าลูกชายของท่านมาถึงแนวหน้าแล้ว?
จำนวนผู้เสียชีวิตจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ถูกนับเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากการซุ่มโจมตีโดยกลุ่มจ้าวมณีฝ่ายศัตรู ทหารกว่า 70 คนเสียชีวิต อีก 40 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนอีกกว่าร้อยคนมีบาดแผลเล็กน้อย ช่างเป็นตัวเลขที่น่ากลัวยิ่งนัก!
ท้ายที่สุด กลุ่มของศัตรูที่ซุ่มโจมตีในครั้งนี้ก็มีเพียง 13 คนเท่านั้น ซึ่งหากนับรวมสมาชิกที่ซ่อนอยู่อีก 2 คนก็อาจกล่าวได้ว่ามีเพียง 15 คนเท่านั้น จากจุดเริ่มต้นของการต่อสู้จนถึงฉากจบ ทั้งหมดใช้เวลาไปแค่เพียง 15 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้แม้ว่าเป้าหมายของพวกศัตรูคือซ่างกวนปิงเอ๋อร์เพียงคนเดียว แต่พวกเขาก็ยังคงสูญเสียทหารเกณฑ์ที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้วไปเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ ทุกคนต่างก็ได้เห็นพลังสังหารที่โหดเหี้ยมแท้จริงของจ้าวมณีในสนามรบ
เมื่อกองทหารของพวกเขาเข้ามาถึงค่ายทหารฝั่งกรมทหารที่ 5 พวกเขาก็แยกย้ายกันกลับไปยังกองพันของตนเอง ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไปรายงานตัวต่อผู้บัญชาการกรมทหาร ในขณะที่เซียวหรูเซ่อกลายเป็นผู้บัญชาการกองพันที่ 3 ชั่วคราว เธอออกคำสั่งให้พวกทหารเดินทางกลับไปที่ค่ายของตน
ในกองพันที่ 3 อำนาจที่แท้จริงของเซียวหรูเซ่อนั้นมากกว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์จริงๆ นอกจากผู้บัญชาการกองร้อย เหมาหลี่ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาของซ่างกวนปิงเอ๋อร์แล้ว ผู้บัญชาการกองร้อยคนอื่นๆ ส่วนใหญ่ในกองพันจะรับคำสั่งจากเธอ
เซียวหรูเซ่อสงบจิตใจลงอย่างรวดเร็วและจัดการกองร้อยทั้ง 3 กองให้เรียบร้อย เธอจัดกระโจมส่วนตัวให้กับโจวเหว่ยชิง และให้ตั้งอยู่ข้างๆ กระโจมของซ่างกวนปิงเอ๋อร์
“เหว่ยน้อย เจ้าควรไปพักผ่อนก่อน ด้วยสถานะของเจ้าในฐานะนายหมู่และผู้ช่วยส่วนตัวของผู้บัญชาการกองพัน เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการฝึกซ้อมและการฝึกอบรม ตราบใดที่เจ้าหมั่นฝึกฝนการยิงธนูของเจ้าเมื่อมีเวลาว่าง ด้วยความสามารถอื่นๆ ของเจ้า แค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว เอาเถอะ ข้าหายไปนานแล้ว เพราะฉะนั้นข้าควรจะรีบกลับไปตรวจสอบสถานการณ์ทั้งหมดของกองพันให้เรียบร้อย”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าและพูดว่า “ท่านพี่ ท่านไปเถิด ส่วนข้าจะฝึกปราณ”
เซียวหรูเซ่อจากไปและโจวเหว่ยชิงก็เข้าไปในกระโจมของเขา มันเป็นกระโจมเดี่ยว และแน่นอนว่าเซียวหรูเซ่อย่อมดูแลน้องชายของตัวเองเป็นอย่างดี โดยปกติแล้ว นี่เป็นกระโจมที่มอบให้แก่เจ้าหน้าที่ระดับผู้บัญชาการกองร้อยขึ้นไปเท่านั้น กระโจมทั้งหลังทำมาจากหนังวัวฟอก ไม่เพียงแต่จะป้องกันผลกระทบจากสภาพอากาศ แต่ก็ยังมีฉนวนกันความร้อนที่น่าทึ่งอีกด้วย ด้วยขนาดเกือบ 20 ตารางเมตร ข้างในนั้นเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันมากมาย และเมื่อเทียบกับกระโจมขนาดเล็กที่รายล้อมอยู่นั้น กระโจมนี้ถือว่าดีกว่าคนอื่นๆ มาก
ในการทำเช่นนี้ จริงๆ แล้วเซียวหรูเซ่อก็ไม่ได้ทำเกินไปเลยด้วยซ้ำ ท้ายที่สุดแล้วไม่เพียงแต่เขาจะเป็นลูกชายคนเดียวของแม่ทัพใหญ่โจวสุ่ยหนิวเท่านั้น แต่แค่สถานะจ้าวมณีสวรรค์เพียงอย่างเดียวก็หมายความว่าการอาศัยอยู่ในกระโจมดังกล่าวก็ถือเป็นเรื่องไม่ยุติธรรมสำหรับเขาแล้ว แน่นอนว่า นั่นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อโจวเหว่ยชิงประกาศสถานะของตนออกไปแล้วนั่นแหละ
โจวเหว่ยชิงปลดสัมภาระที่อยู่บนตัวเขาออกและไถลตัวลงไปบนเตียง อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้เด็กหนุ่มไม่ได้มีอารมณ์อยากจะพักผ่อน ภาพของการต่อสู้ครั้งก่อนวาบผ่านเข้ามาในความคิดของเขาอย่างไม่หยุดหย่อนในขณะที่เขาพยายามวิเคราะห์พวกมัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าประสบการณ์การต่อสู้ในสนามรบที่แท้จริงของเด็กหนุ่มนั้นยังไม่เพียงพอ นอกจากนี้การใช้ปราณสวรรค์ของโจวเหว่ยชิงก็ไร้ประสิทธิภาพเช่นกัน เมื่อเขายิงลูกศรดอกสุดท้ายออกไป ปราณสวรรค์ก็ถูกใช้ไปจนหมด เด็กหนุ่มมีทักษะที่แข็งแกร่งมากมายเก็บไว้ในมณีธาตุ แต่เมื่อเขาต้องการที่จะต่อสู้อย่างเต็มกำลัง เขากลับไม่สามารถใช้พวกมันพร้อมกันทั้งหมดได้ในครั้งเดียว
สิ่งที่ทำให้เขาประทับใจที่สุดคือช่วงเวลาสุดท้ายขณะที่จ้าวมณียุทธ์ฝ่ายตรงข้าม 6 คนกำลังล้อมรอบซ่างกวนปิงเอ๋อร์อยู่ และพยายามจำกัดการเคลื่อนไหวของเธอเอาไว้ หัวหน้าของศัตรูผู้ถือค้อนสงครามคู่ก็กระโจนเข้าไปหมายจะทุบศีรษะของเธอทันทีด้วยความเร็วที่เหนือธรรมดา การประสานงานพร้อมกันของจ้าวมณีเหล่านั้นในครั้งเดียวเพื่อกำจัดฝ่ายตรงข้ามช่างยอดเยี่ยมมาก! นั่นทำให้โจวเหว่ยชิงเข้าใจว่า แม้แต่จ้าวมณีก็จำเป็นจะต้องทำงานประสานกัน หากไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์นั้นเป็นจ้าวมณีสวรรค์คู่ประเภทว่องไว เธอคงทนรอไม่ได้นานพอให้เขากลับมาช่วยทัน ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขากำลังตกตะลึงและประหลาดใจในทักษะการควบคุมที่แข็งแกร่งของเด็กหนุ่ม รวมถึงความจริงที่ว่ามีทหารจำนวนมากที่คอยช่วยเหลือจากทางด้านข้าง ผลลัพธ์สุดท้ายอาจจะยังคงเป็นความตายของเธอ
ประสานงานกัน ร่วมมือกัน จ้าวมณีของพวกเขาสามารถประสานงานกันได้เป็นอย่างดี อืม…มณีธาตุของข้ามีทักษะธาตุตั้ง 6 อย่าง…เพราะฉะนั้นข้าก็ควรจะประสานทักษะธาตุของข้าได้ด้วยสิ…
โจวเหว่ยชิงเข้าใจได้รางๆ ว่าในวันนี้ เมื่อซ่างกวนปิงเอ๋อร์อยู่ในอันตราย สาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกได้ทันทีก็เป็นเพราะว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์นั้นเคยเป็นเครื่องสังเวยที่ช่วยให้เขาปลุกมณีสวรรค์ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงมีบางอย่างเชื่อมต่อกัน แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนที่ตกอยู่ในอันตรายคือเซียวหรูเซ่อ? เขาคิดว่าตัวเองอาจจะไม่รู้สึกถึงอันตรายในแบบเดียวกันก็ได้
เพื่อปกป้องครอบครัวของเขา ปกป้องคนที่เขารัก และปกป้องอาณาจักรของเขา เขาต้องการจะแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้ ฉับพลันในหัวใจของโจวเหว่ยชิงก็รู้สึกเคารพ และนับถือบิดาของเขาอย่างจริงใจ เป็นบิดาของเขานั่นเองที่ปกป้องอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา!
ในขณะที่คิดเรื่องนั้น โจวเหว่ยชิงก็กระโดดกลับสู่ท่ายืน เขาตั้งสมาธิ เพ่งไปที่หลุมดำทั้ง 4 ณ จุดตายทั้ง 4 จุดที่ถูกทะลวง เด็กหนุ่มพยายามเร่งการดูดกลืนของพวกมันทันที เนื่องจากสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือพลังปราณสวรรค์
……………………………………………………….

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset