Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 2.4 ไข่มุกสีดำแปลกประหลาด (4)

แน่นอนว่าการใช้ธนูยาวนี้ก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง นั่นคือนักธนูจะต้องมีพละกำลังแข็งแกร่งและมีทักษะที่ยอดเยี่ยมในหลายๆด้าน รวมถึงจะต้องสามารถทำงานประสานกันในหน่วยได้เป็นอย่างดี นั่นจึงหมายถึงการฝึกซ้อมย่อมต้องกินเวลายาวนาน เนื่องจากคนในหน่วยต้องร่วมฝึกต่อสู้ประสานกันจนเข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม จึงจะสามารถออกสู่สนามรบจริงได้
ความสำคัญของนักแม่นธนูนั้นย่อมไม่เป็นที่กังขาอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองธนูของอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์แห่งนี้ ความเป็นจริง เมื่อตอนที่บิดาของโจวเหว่ยชิงยังอายุน้อยกว่านี้และเป็นเพียงผู้บัญชาการกองพัน เขาเป็นผู้คิดค้นสร้างรูปแบบการโจมตีอันทรงประสิทธิภาพให้แก่หน่วยแม่นธนูของกองทัพจนประสบความสำเร็จเป็นที่เลื่องลือ ในเวลานั้น ศัตรูของพวกเขาคืออาณาจักรคาลิเซที่ตั้งอยู่ทางใต้ ซึ่งกองกำลังส่วนใหญ่ของพวกเขานั้นเป็นทหารม้า
ณ เวลานั้น ผู้บัญชาการโจวได้เลือกเนินเขาลาดชันแห่งหนึ่งเป็นที่ซุ่มโจมตีกองทัพคาลิเซซึ่งกำลังจะเคลื่อนพลผ่านไป ซึ่งขณะนั้น อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์มีพลทหารแม่นธนูอยู่ประมาณ 2,000 คน ทั้งหมดแบ่งออกเป็น 3 กองย่อยๆคอยซุ่มโจมตีอยู่ 3 ที่ใกล้ๆ กัน หน่วยที่ซุ่มอยู่ด้านซ้ายใช้พุ่มไม้หนาและขุดหลุมเพลาะเป็นที่กำบัง ส่วนหน่วยทางขวาใช้แม่น้ำเล็กๆ เป็นแนวป้องกัน หน่วยสุดท้ายนั้นผู้บัญชาการโจวนำรบด้วยตนเอง ทั้งหมดคอยซุ่มอยู่ข้างหลังสองหน่วยแรกเพื่อรอฟังคำสั่ง หน่วยพลธนูแต่ละกองนั้นมีทหารม้าซึ่งสละม้ามาเป็นทหารราบคอยคุ้มกันประมาณ 150 นาย ถือโล่สูงกำบังเป็นแถวเรียงกันจำนวน 6 แถว
ด้วยกำลังหลักที่เป็นเพียงพลธนู ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญกับกองทัพศัตรูที่ส่วนใหญ่เป็นทหารม้า และมีจำนวนมากกว่าถึงสามเท่า แต่ผู้บัญชาการโจวกลับสามารถนำทัพจนได้ชัยอย่างงดงาม ข้าศึกแตกพ่ายกลายเป็นการสังหารหมู่ฝ่ายเดียว นี่คือการนำทัพที่สร้างชื่อให้กับนายพลโจวและนำไปสู่การเลื่อนตำแหน่งสู่ระดับสูงของกองทัพ
หลังจากโจวเหว่ยชิงได้รับรู้วีรกรรมการสู้รบของบิดา เมื่อเขาจับธนูขึ้นมาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหึกเหิมและตื่นเต้น และเพราะว่าตนเป็นบุตรของชายผู้เป็นตำนานนั่น คันธนูยาวนี้จึงถูกโจวเหว่ยชิงง้างฝึกฝนมาหลายครั้งหลายครา แต่อย่างไรก็ตาม การง้างธนูต่อสู้ในสนามรบจริงก็ย่อมให้ความรู้สึกแตกต่างกับการซ้อมอยู่แล้ว
หลังจากสูดหายใจเข้าลึกคราหนึ่ง โจวเหว่ยชิงก็จับเข้าที่คันธนูด้วยมือซ้าย เขาใช้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลางจับเข้าที่สายง้างอย่างชำนาญ ก่อนจะใช้กำลังง้างสายขึ้นและเล็งไปยังเบื้องหน้า
นักธนูคนนั้นตาลุกวาว อุทานอย่างยกย่อง “เยี่ยมมาก! นี่น้องชาย เจ้าเคยใช้ธนูยาวนี่มาก่อนใช่หรือไม่ ท่าง้างสายธนูของเจ้านั้นธรรมดาสามัญ ทว่ากลับลื่นไหลและดูแม่นยำยิ่งนัก หากมีเป้าวางอยู่เจ้าคงยิงเข้าตรงกลางเป็นแน่
สำหรับนักธนูอย่างพวกเรา การยิงให้เข้าเป้านั้นสำคัญมาก ฉะนั้นพวกกองทัพจึงให้ความสำคัญกับพวกเรามากยังไงล่ะ”
ด้วยท่าทางราวกับง้างสายนี้มาเป็นพันครั้งเช่นนี้ โจวเหว่ยชิงจะยิงไม่เข้าเป้าได้อย่างไร! เมื่อย้อนกลับไปตอนที่เขายังอาศัยอยู่ที่ตระกูล บิดาของเขานั้นดูจะมีความสุขมากซะเหลือเกินกับการ “ทรมาน” เด็กหนุ่มต่างๆ นาๆ ด้วยการฝึกฝนพวกนี้ แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะฝึกพลังปราณสวรรค์ไม่ได้ ทว่าในการฝึกฝนร่างกายขั้นพื้นฐานอย่างเช่นต่อสู้มือเปล่าหรือด้วยอาวุธต่างๆ นั้นเขาย่อมได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จากแม่ทัพใหญ่ของอาณาจักร แม้กระทั่งตาแก่นั่นจะออกไปทำงาน ก็ยังมอบหมายตารางฝึกฝนให้โจวเหว่ยชิงฝึกให้สำเร็จ และแน่นอนว่าเขาย่อมต้องกลับมาตรวจสอบความเรียบร้อยเสมอ เพราะถ้าหากว่าไม่ตรวจละก็…ฮี่ๆๆๆ…
ด้วยการเขี่ยวเข็ญของบิดา โจวเหว่ยชิงจึงไม่ได้ง้างธนูเป็นเพียงอย่างเดียว แต่เขากลับยิงธนูได้แม่นยำและรวดเร็วเป็นอย่างมาก นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เด้กหนุ่มยิ้มร่าอย่างมีความสุขที่ตนเลือกเข้าร่วมหน่วยแม่นธนู อาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์นั้นมีชื่อเสียงในเรื่องกองกำลังพลทหารแม่นธนูเป็นอย่างมาก และแม่ทัพโจวก็ทุ่มเทกำลังฝึกฝนทหารหน่วยนี้อย่างหนัก
โจวเหว่ยชิงค่อยๆ คลายมือจากสายธนู ภายในไม่กี่อึดใจเขาก็กลับมายืนหลังตรง จริงๆ แล้วโจวเหว่ยชิงก็เป็นเพียงเด็กอายุ 13 ปีเท่านั้น และแม้ว่าร่างกายของเขาจะดูแข็งแรงไม่ด้อยไปกว่าชายฉกรรจ์ทั่วๆ ไป แต่พละกำลังของเด็กหนุ่มก็ยังคงทำให้ง้างสายธนูคาไว้ได้ไม่นานนัก
“เอาล่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว ยินดีด้วย!  เจ้าหนู ตั้งแต่นี้ต่อไปเจ้ากลายเป็นพี่น้องในกองธนูของเราแล้ว! กองพันของเราเป็นส่วนหนึ่งของกรมทหารที่ 5 และกรมทหารที่ 5 นั้นก็มีทหารสังกัดอยู่ 10 กองพัน เนื่องจาก 4 ใน 10 กองพันนั้นคือหน่วยธนู ดังนั้นพวกเราเลยอยู่กองพันธนูลำดับที่ 3
ในดินแดนไร้ขอบเขตนั้น การจัดตั้งหน่วยทหารต่างๆ ก็จะคล้ายๆ กัน
ทหาร 10 นาย จะเรียกว่า ทหาร 1 หมู่
ทหาร 10 หมู่ (100 คน) เรียกว่า ทหาร 1 กองร้อย
ทหาร 10 กองร้อย (1,000 คน) เรียกว่า ทหาร 1 กองพัน
ทหาร 10 กองพัน (10,000 คน) เรียกว่า ทหาร 1 กรม
ทหาร 10 กรม (100,000 คน) เรียกว่า ทหาร 1 กองพล
แน่นอนว่ากองกำลังของอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์นั้นมีไม่ถึง 1 กองพลหรอก เพราะอาณาจักรของเรามีทหารทั้งหมดแค่ 5 กรม หรือประมาณ 50,000 นายเท่านั้นเอง”
“เอ๋? การทดสอบมีแค่นี้เองเหรอพี่ชาย?” โจวเหว่ยชิงถามด้วยความแปลกใจ
ผู้คุมคนนั้นตอบกลั้วเสียงหัวเราะ “ทำไม? เจ้าคิดว่ามันจะยากกว่านี้รึ? พวกเรารับสมัครทหารใหม่ ไม่ได้คัดเลือกลูกเขยเสียหน่อย ตราบใดที่พวกเจ้าร่างกายแข็งแรงดี มีแรงที่จะง้างธนูยาวนี้ได้ก็พอแล้ว เด็กน้อย นี่เจ้าเพิ่งอายุ 16 ใช่ไหม เอาเถอะ เจ้ายังโตได้อีกมาก เพราะฉะนั้นเรื่องอื่นๆ ก็คงไม่มีปัญหาหรอก ที่สำคัญคือการฝึกพื้นฐานจะใช้เวลาถึง 3 เดือน และเจ้าก็ไม่ต้องกังวล เราจะยังไม่ส่งทหารใหม่ไปออกรบจริงๆ หรอกน่า เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าเอาของไปเก็บตรงนั้นก่อนล่ะกัน น้องชาย ข้าบอกเอาไว้เลยนะว่า เจ้าน่ะโชคดีมากที่ได้เข้ากองพันธนูที่ 3 ของเรา เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เองตอนที่ผู้บัญชาการของเรามอบอาวุธให้เจ้าตรงโน้น” ขณะที่เขากล่าวก็ตวัดเครื่องหมายผ่านลงบนใบสมัครของโจวเหว่ยชิงไปด้วยก่อนจะส่งกลับคืน
นักธนูคนนั้นบอกตำแหน่งที่ตั้งกองบัญชาการให้แก่โจวเหว่ยชิง ซึ่งที่นั่นตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก กระโจมเหล่านั้นดูเหมือนจะเพิ่งสร้างขึ้นมาไม่นานด้วยซ้ำ เพราะยังมีเกวียนสัมภาระกำลังจอดขนของลงอยู่
ตอนนี้เขากำลังจะเป็นทหารจริงๆ ใช่หรือไม่?  โจวเหว่ยชิงเริ่มคิดด้วยความตื่นเต้น
เนื่องจากว่าตั้งแต่ยังเด็ก โจวเหว่ยชิงมักถูกบิดาดุด่าว่าเป็นคนไร้ประโยชน์ และเขาไม่เคยรู้สึกถึงความสำเร็จเช่นนี้มาก่อน แม้ว่าการทดสอบก่อนหน้านี้จะง่ายมาก แต่เขาก็ผ่านการทดสอบนั้นมาด้วยกำลังของตนเอง โจวเหว่ยชิงยืดอกด้วยความภาคภูมิใจขณะที่เดินไปยังกองบัญชาการของกองทัพ
ใบสมัครในมือของเขาทำหน้าที่เป็นใบผ่านทางยังจุดตรวจต่างๆ และการบอกเล่าจากทหารยาม เด็กหนุ่มสามารถเดินเข้ามาถึงกองบัญชาการใหญ่ของกองพันธนูที่ 3 ได้อย่างราบรื่น ที่หน้ากระโจมขนาดใหญ่มีป้ายเขียนกำกับไว้ว่า “รายงานตัวทหารใหม่ที่นี่”
ตอนนี้โจวเหว่ยชิงตื่นเต้นมาก เขารีบเดินเข้าใกล้กระโจมนั้นและยกมือขึ้นเพื่อขยับม่านเปิดเข้าไปข้างใน ทันใดนั้นเองก็พลันเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น ขณะที่เด็กหนุ่มยกมือขึ้นเพื่อเปิดกระโจมออก ใครบางก็คนกำลังเดินสวนออกมาในเวลาเดียวกัน เนื่องจากฤดูนี้เป็นฤดูร้อน ม่านกระโจมจึงทำจากผ้าบางๆ เพื่อระบายอากาศและป้องกันแมลง ด้วยความตื่นเต้นของโจวเหว่ยชิง เขาจึงเผลอจับม่านกระโจมนั้นอย่างเต็มแรง แต่ในขณะที่คว้าม่านนั้น โจวเหว่ยชิงก็พลันจับโดนบางสิ่งบางอย่างที่มีรูปร่างกลม นุ่มนิ่มและหยืดหยุ่นอย่างพิศวงไว้ด้วย โจวเหว่ยชิงเผลอบีบมันอย่างไม่รู้ตัว ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องตกใจดังมาจากปลายอีกด้าน ก่อนที่เขาจะถูกใครบางคนเตะออกไปจนกระเด็น
แรงเตะดูเหมือนจะไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น แต่โจวเหว่ยชิงกลับกระเด็นถอยหลังไปไกลกว่า 7 ก้าว บั้นท้ายของเขาเกือบจะล้มลงจ้ำเบ้ากับพื้น ม่านถูกผลักออก และมีคนผู้หนึ่งก้าวออกมา
เธอเป็นเด็กสาวหน้าตางดงาม อายุประมาณ 16 ปี สูงราว 1.7 เมตร และมีรูปร่างดูผอมเพรียวบอบบาง เธอมีเส้นผมสีฟ้ายาวสลวยซึ่งถูกรวบไว้เป็นหางม้าข้างหลัง สวมชุดเครื่องแบบสีดำซึ่งโจวเหว่ยชิงจำได้ว่าเป็นเครื่องแบบของผู้บัญชาการกองพัน อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้สวมชุดเกราะ ซึ่งหากว่าเธอสวมมันก็จะกลายเป็นเครื่องแบบผู้บังคับกองพันแบบเต็มยศ
องค์หญิงตี้ฝูหยานั้นจัดว่างดงามมากแล้ว แต่ก็เทียบไม่ได้กับหญิงสาวผู้นี้ ทั้งคู่ราวกับอยู่คนละระดับ ผิวของเธอดูนุ่มนิ่มและเรียบเนียนราวกับน้ำนม สิ่งที่โดดเด่นที่สุดน่าจะเป็นดวงตาสีฟ้าอ่อนอันน่าหลงใหลคู่นั้น มันดูอ่อนโยนและงดงามสมบูรณ์แบบยิ่งนัก รูปร่างหน้าตาของหญิงสาวนั้นไร้จุดบกพร่อง ทำให้ทุกคนที่มองต่างก็รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนราวกับสายน้ำ
ในขณะที่โจวเหว่ยชิงมองไปยังหญิงสาว เขาก็พลันต้องตกใจเมื่อพบว่าตนรู้จักอีกฝ่าย แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะเคยเห็นเธอแค่ครั้งเดียวจากที่ไกลๆ แต่ความงดงามนั้นก็ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเขาเสมอมา ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ลำดับต้นๆ ของอาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ และยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นที่รู้กันว่าความงามของเธอนั้นก็เป็นอันดับต้นๆ ของอาณาจักรเช่นกัน
ชื่อของเธอก็คือ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์
………………………………………………………..

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset