Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 21.3 การบุกโจมตีอย่างไม่คาดฝัน (3)

แม้ว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะมีอายุเพียง 16 ปี แต่สัดส่วนสรีระร่างกายของเธอก็ค่อนข้างพัฒนาได้ดี การสวมชุดรัดรูปที่กระชับสัดส่วนนั้นเผยให้เห็นเส้นโค้งเว้าของร่างกายที่สวยงาม โจวเหว่ยชิงได้แต่แอบกลืนน้ำลายลงคอพลางกวาดสายตาซ่อกแซกไปทั่วร่างของเธอ
“เจ้ามองอะไรหา?” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์หน้าแดงเล็กน้อย เธอฟาดเข้าที่ไหล่ของเขา “เจ้าเดินนำหน้า เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้จ้องข้า” การจ้องมองอย่างเร่าร้อนของโจวเหว่ยชิงทำให้เธอมีอาการวุ่นวายใจเล็กน้อย
หัวใจของโจวเหว่ยชิงกำลังเต้นแรง และเขาก็อดคิดกับตัวเองไม่ได้ว่า ช่างเป็นผู้หญิงที่งดงามอย่างน่าอัศจรรย์จริงๆ และเธอก็ยังตกเป็นของข้าไปแล้ว? วันนั้น…ทำไมข้าถึงจำอะไรไม่ได้เลยล่ะ? เสียใจจริงๆ โว้ยยยยยยยยยย
ภายใต้การควบคุมของโจวเหว่ยชิง วงล้อทักษะธาตุของเขาก็เปลี่ยนเป็นพื้นที่สีเขียวทันทีเพื่อเรียกใช้ทักษะธาตุลม ตอนนี้ข้อมือขวาของเขามีมณียุทธ์หยกน้ำแข็งลอยวนอยู่ ส่วนข้อมือซ้ายถูกล้อมรอบไปด้วยไพฑูรย์ตาแมวสองสีซึ่งตอนนี้กลายเป็นสีแดงกุหลาบในเวลากลางคืน เมื่อเพิ่มความเร็วของเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว โจวเหว่ยชิงเริ่มออกวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ปลดปล่อยมณีสวรรค์ของเธอออกมาเช่นกัน จากนั้นก็วิ่งตามหลังเขาไป
เดิมทีซ่างกวนปิงเอ๋อร์คิดว่าสำหรับการเดินทางทางระยะไกลเช่นนี้ ความเร็วของโจวเหว่ยชิงอาจไม่เพียงพอ แผนของเธอคือ ถ้าเขาช้าเกินไป เธอก็แค่ต้องช่วยเขาไปตลอดทาง อย่างไรก็ตาม เมื่อทั้งคู่ได้ปลดปล่อยมณีสวรรค์ของพวกเขาและเริ่มเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด เธอก็แปลกใจที่พบว่าความเร็วของโจวเหว่ยชิงนั้นสามารถเทียบกับเธอได้เลยจริงๆ
เนื่องจากเธอสามารถสังเกตเขาได้จากทางด้านหลัง ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จึงค้นพบสาเหตุได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าการเคลื่อนไหวของโจวเหว่ยชิงจะไม่เชื่องช้า  แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเธอแล้ว ความเร็วสูงสุดของเขาก็ยังมีความแตกต่างจากเธออยู่
อย่างไรก็ตาม เธอค้นพบว่าความลับที่แท้จริง หรือสาเหตุที่เขาวิ่งได้อย่างรวดเร็วในตอนนี้นั้นเกิดจากขาขวาของเขา! ทุกครั้งที่ขาซ้ายของเขาแตะกับพื้น มันจะกลายเป็นเพียงจุดศูนย์ถ่วงของร่างกาย และร่างกายของเขาจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วปกติ อย่างไรก็ตาม เมื่อเท้าขวาของเขาแตะกับพื้นร่างกายของเขาก็ดูเหมือนจะถูกยิงเปรี้ยงออกไปข้างหน้าคล้ายกับลูกศรถูกดีดออกไป เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้ว่าดูเผินๆ แล้วความเร็วในการวิ่งของเขาจะเร็วมาก แต่จริงๆแล้วมันเป็นแค่การพุ่งไปข้างหน้าอย่างฉับพลันหลายๆ ครั้งเท่านั้น และเขาก็ไม่ได้วิ่งไปข้างหน้าในจังหวะที่สม่ำเสมอเสียด้วย
“อ้วนน้อย ขาขวาของเจ้าเป็นอะไร?” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เปลี่ยนมณียุทธ์ดวงที่ 2 ของเธอให้กลายเป็นรองเท้าวายุประสาน รองเท้าเรืองรองไปด้วยสีเขียวคู่หนึ่งถูกหลอมขึ้นมาอยู่รอบๆ เท้าของเธอ  นั่นทำให้เธอสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าโจวเหว่ยชิงมาก
โจวเหว่ยชิงหันไปมองซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่กำลังวิ่งอยู่ข้างเขา
เขายิ้มและพูดว่า “เห นี่มันสุดยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ขาขวาของข้าทรงพลังซะขนาดนี้ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นความสามารถพิเศษที่ได้มาจากไข่มุกสีดำนั่น จำตอนที่ข้าอยู่ในป่าแล้วจู่ๆ ร่างกายของข้าก็เจ็บปวดขึ้นมาได้ไหม ตอนนั้นข้าอยู่กับผู้บัญชาการกองร้อยเซียวและข้าก็กอดเจ้าไว้ซักพักก่อนที่ข้าจะดีขึ้น หลังจากช่วงเวลานั้น ดูเหมือนว่าขาขวาของข้าจะวิวัฒนาการและแข็งแกร่งขึ้นมาก” สำหรับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่เขาคิดว่าเป็นผู้หญิงของตัวเอง เขาย่อมไม่อยากจะปิดบังความสามารถของเขา ดังนั้นเขาจึงอธิบายความสามารถใหม่ของขาขวาและการฝึกฝนที่เขาทำได้อย่างรวดเร็วให้เธอฟัง
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เข้าใจได้ทันที ไม่น่าแปลกที่เขาจะปฏิเสธการขี่ม้าและออกไปเดินในป่าข้างๆ แทนที่จะเดินไปกับขบวนกองทหารหลัก ที่จริงแล้วเขาทำเช่นนั้นเพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กับขาขวาของเขานั่นเอง
แต่เดิมเธอยังไม่ค่อยมั่นใจเกี่ยวกับเกี่ยวกับการบุกจู่โจมอย่างกระทันหันในครั้งนี้และรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่บ้าง ท้ายที่สุดเธอคิดว่าความเร็วของโจวเหว่ยชิงนั้นไม่เพียงพอที่จะใช้หลบหนีหากสิ่งต่างๆ กลับตาลปัตรขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ดูเหมือนว่าความกังวลของเธอจะไร้ประโยชน์และพวกเขามีโอกาสประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น
ระยะทาง 300 ลี้นั้นไม่ไกลเลยสำหรับเหล่าจ้าวมณีสวรรค์เช่นพวกเขา หากเร่งกำลังให้ถึงที่สุด พวกเขาจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าจึงจะถึงจุดหมาย

“อ้วนน้อย ถ้าเราไปต่อ เราจะถึงป้อมยามรักษาการณ์ของข้าศึกแล้ว” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์หยุดและมองไปทางโจวเหว่ยชิง
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าและกล่าวว่า “พักสักครู่ก่อน เจ้าควรฟื้นฟูพลังปราณสวรรค์ของเจ้าด้วย”
ทั้งคู่มองหามุมเหมาะๆ เพื่อซ่อนตัว พักผ่อนและฟื้นฟูปราณสวรรค์ แม้ว่าระดับการฝึกปราณของโจวเหว่ยชิงนั้นจะต่ำกว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์มาก แต่เขาก็มีข้อได้เปรียบจากพลังที่น่าอัศจรรย์ของวิชาเทพอมตะซึ่งทำให้เขาสามารถดูดซับพลังปราณสวรรค์จากบรรยากาศรอบๆ ตัวได้แม้ในขณะที่กำลังใช้งานมณีอยู่ ดังนั้นพลังปราณสวรรค์ที่แท้จริงของเขาจึงไม่ได้ถูกใช้ไปมากนัก และเขาก็สามารถฟื้นฟูกลับคืนได้อย่างเต็มที่ในระยะเวลาอันสั้น
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โจวเหว่ยชิงได้ลองทดสอบและท้ายที่สุดเขาก็ค้นพบระยะเวลาที่แน่นอนทั้งหมดที่ใช้ในการฟื้นฟูปราณสวรรค์ของวิชาเทพอมตะ เมื่อเขาเพ่งสมาธิให้หลุมดำดูดกลืนปราณสวรรค์ด้วยความเร็วสูงสุด มันจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในการกู้คืนปราณสวรรค์ทั้งหมดในตันเถียนของเขา นี่เป็นความเร็วของการฟื้นฟูที่น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว จ้าวมณีสวรรค์คนอื่นๆ นั้นจะใช้เวลา 2 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้นในการฟื้นฟูปราณ นี่ยังไม่นับที่เขาสามารถลดการเผาผลาญปราณสวรรค์ขณะใช้งานมณีได้โดยการดูดกลืนจากบรรยากาศรอบตัวอีกด้วย

หลังจากพวกเขาทั้ง 2 คนฟื้นฟูปราณสวรรค์ได้สมบูรณ์แล้ว พวกเขาก็ยืนขึ้น
“ตามข่าวที่เราได้รับ ทหารที่ป้อมยามของอาณาจักรคาลิเซมักจะเปลี่ยนกะทุกๆ 4 ชั่วโมง ตอนนี้เกือบจะ 5 ทุ่มแล้ว พวกเขาน่าจะเปลี่ยนกะในอีกประมาณ 1 ชั่วโมง” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าว
โจวเหว่ยชิงกรุ่นคิดซักพักหนึ่งแล้วจึงพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น รออีกหนึ่งชั่วโมง เราจะออกไปเมื่อพวกเขาเปลี่ยนกะ หากเราหลบหลีกป้อมยามหลักและซุ่มโจมตีทหารรักษาการณ์ที่ซ่อนอยู่ด้วยศรติดตามไร้เสียงของเจ้า เมื่อรวมกับความช่วยเหลือของข้าที่ด้านข้าง เราจะสามารถผ่านได้โดยไม่มีใครค้นพบเรา เราจะแอบเข้าไปในค่ายทหารของพวกเขา เปิดการโจมตีอย่างรวดเร็วจากนั้นถอยหนีไปทันที”
“อืม นั่นดูฟังเข้าท่าอยู่” นี่จะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาทั้งสองจะได้ต่อสู้ประสานงานกันอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่จะทำการลอบโจมตีในครั้งนี้ เมื่อเป็นเช่นนั้น ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จึงค่อนข้างกังวล เธอพบว่าแม้นี่จะเป็นครั้งแรกของเขา แต่เขาก็ดูสงบนิ่งกว่าเธออย่างเห็นได้ชัด ท่าทางของเขาดูมั่นคงมาก และในบางครั้งอาจเห็นแสงชั่วร้ายวาบผ่านเข้ามาในดวงตาของเขาอย่างเลือนลาง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโจวเหว่ยชิงนั้นได้รับประโยชน์มากมายจากไข่มุกรัตติกาล ในเวลาเดียวกันบุคลิกนิสัยของเขาก็ได้รับอิทธิพลจากไข่มุกสีดำที่ทรงพลังนั่นเช่นกัน เมื่อเขานึกถึงการเข่นฆ่าที่ตัวเองกำลังจะลงมือ มือใหม่ในสนามรบเช่นเขากลับไม่รู้สึกหวาดกลัวหรือกังวลใจเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน เขากลับรู้สึกถึงความตื่นเต้นและยินดีแทน

หนึ่งชั่วโมงต่อมา เงาร่างของทั้ง 2 คนก็เริ่มขยับเคลื่อนไหวในที่มืด
จริงๆแล้วการหลีกเลี่ยงป้อมยามรักษาการณ์นั้นค่อนข้างง่าย พวกเขาเพียงแค่ต้องเคลื่อนที่ไปเงียบๆ อย่างรวดเร็วตามเส้นทางเล็กๆ แนวเนินเขา พวกเขาอ้อมรอบป้อมยามไปและพยายามส่งเสียงรบกวนให้น้อยที่สุด
หลังจากที่พวกเขาอ้อมผ่านป้อมยามมาได้ 2 แห่งแล้ว โจวเหว่ยชิงหยุดชะงัก ฉับพลันนั้นเขาก็คว้าตัวซ่างกวนปิงเอ๋อร์แล้วดึงเธอนั่งคุกเข่าลงกับพื้น “รอก่อน”
“เอ๋?” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์รีบดึงธนูอุษาม่วงออกมาจากด้านหลังของเธออย่างรวดเร็ว
โจวเหว่ยชิงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ด้านซ้ายข้างหน้าในระยะ 50 หลามีทหารยามซ่อนอยู่ พวกมันมีกัน 3 คน พวกเราจะซุ่มโจมตีที่นั่น เมื่อไปถึง เจ้าจัดการกับคนที่อยู่ซ้ายสุด ส่วนข้าจะจัดการกับพวกที่เหลืออีก 2 คน”
ช่างเป็นประสาทสัมผัสดีเยี่ยมอะไรเช่นนี้! ซ่างกวนปิงเอ๋อร์รู้สึกค่อนข้างประหลาดใจ เนื่องจากเนินเขานั้นเต็มไปด้วยพุ่มไม้หนาทึบและพืชพรรณตามธรรมชาติทำให้ค่อนข้างยากที่จะมองเห็นหรือค้นพบอะไรในรัศมีที่ไกลเกินกว่า 30 หลา แม้แต่เธอเองก็ไม่สามารถตรวจจับพวกมันได้แม้ว่าเธอจะเลื่อนระดับขึ้นแล้ว แต่ทว่าโจวเหว่ยชิงกลับสามารถทำได้
หลังจากที่โจวเหว่ยชิงเล่าแผนการณ์ให้ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ฟังแล้ว เขาก็เริ่มขยับตีวงล้อมเข้าไปหาทหารยามที่ซ่อนตัวอยู่และเข้าใกล้พวกมันจากทางด้านข้างเงียบๆ ในเวลาเดียวกัน ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็เคลื่อนไหวช้าๆ เธอกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้และเคลื่อนตัวเงียบๆ เหนือยอดไม้ราวกับเป็นวิญญาณดวงหนึ่ง หลังจากกระโดดข้ามต้นไม้ขนาดใหญ่ 3 ต้น ในที่สุดเธอก็พบตำแหน่งเหมาะๆ ที่สามารถใช้ซุ่มดูทหารรักษาการณ์ที่สวมชุดสีดำ 3 คนซ่อนอยู่ได้อย่างชัดเจน
เธอใช้เวลาเล็กน้อยในการง้างธนูอุษาม่วงขึ้นเพื่อที่จะไม่ให้เกิดเสียงใดๆ จากนั้นก็เล็งไปที่ยังทหารยามที่อยู่ซ้ายสุด เธออยู่ในท่าพร้อมแล้ว ที่เหลือก็รอให้โจวเหว่ยชิงลงมือก่อนเท่านั้น
ทันใดนั้น เธอก็เห็นร่างที่กำลังหมอบอยู่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า เขาพุ่งไปยังด้านหลังของทหารยามที่ซ่อนอยู่ราวกับเสือดาวกำลังล่าเหยื่อ
ทันใดนั้น ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็รู้สึกว่ามีเสียงคลุมเครือบางอย่างกำลังควบคุมการกระทำของเธออยู่ นั่นคือเสียงเพรียกของคู่ชะตา ทันใดนั้นเองเธอก็ปล่อยสายธนู *สวบ* ลูกธนูพุ่งออกไปทันที
เนื่องจากนี่คือการลอบโจมตีในตอนกลางคืน และด้วยทักษะการยิงธนูของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ ทหารยามธรรมดาๆจะสามารถหลบลูกธนูของเธอพ้นได้อย่างไร เมื่อเกิด *ปุ* ดังขึ้นเบาๆ ลูกธนูก็กระแทกเข้าที่ศีรษะของทหารนายนั้น เจาะทะลุผ่านสมองของเขาไปอีกฝั่งทันที ก่อนที่ทหารยามคนที่อยู่ซ้ายสุดจะได้ทันส่งสัญญาณเตือนภัยใดๆ ออกมา ร่างกายของเขาก็ขยับในท่าแปลกประหลาดก่อนร่างทั้งร่างจะหล่นร่วงลงไปกระแทกกับพื้นทันที
เมื่อทหารยามที่ซ่อนอยู่อีก 2 คนตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ มือขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นรอบคอของพวกเขาแล้ว พละกำลังความแข็งแกร่งของโจวเหว่ยชิงถูกนำไปใช้ทันที เขาจับคอของของทหารยามทั้ง 2 เหวี่ยงลงไปติดพื้นอย่างโหดร้าย จากนั้นก็ได้ยินเสียงกระดูกคอของพวกเขาหักดังลั่นออกมา
……………………………………………………

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset