Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 22 ร่วมเป็นร่วมตาย (3)

โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไม่มีเวลาจะสนใจจ้าวมณีจากอาณาจักรคาลิเซคนอื่นๆ อีกต่อไป ฝูงหมาป่าโลกันตร์สามารถตัดเส้นทางหลบหนีของพวกเขาได้สำเร็จ และตอนนี้พวกเขาทั้ง 2 คนกำลังถูกขังอยู่บนต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เพิ่งปีนขึ้นไปนั่นเอง
โจวเหว่ยชิงธนูนำอุษาม่วงของเขาออกมาและกำลังจะยิงไปยังหมาป่าโลกันตร์ตัวหนึ่งเพื่อทดสอบดูว่ามันมีฝีมือแค่ไหน แต่ทว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์กลับหยุดเขาไว้อย่างรวดเร็ว “อย่า! อย่ายิงพวกมัน หมาป่าโลกันตร์พวกนั้นอาฆาตแรงมาก หากเจ้าทำร้ายหรือฆ่าพวกมันตัวใดตัวหนึ่ง พวกเราจะต้องเดือดร้อนอย่างหนักแน่ๆ รอครู่หนึ่งก่อน บางทีพวกมันอาจยอมจากไป”
ณ เวลานี้ บริเวณใต้ต้นไม้ของพวกเขามีหมาป่าโลกันตร์จำนวนมากมารวมตัวกันอยู่อย่างหนาแน่น ในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็สามารถเห็นรูปร่างของพวกมันชัดเจนภายใต้แสงจันทร์
ร่างกายของหมาป่าโลกันตร์เหล่านี้มีความยาวประมาณ 1.5 เมตรและมีขนสีเทาอมเขียว ดวงตาสีเขียวของพวกมันดูโดดเด่นเป็นพิเศษท่ามกลางความมืดมิด แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดน่าจะเป็นแผงขนสีเขียวที่เหยียดตรงขึ้นบริเวณส่วนหลังของพวกมัน การเคลื่อนไหวของพวกมันรวดเร็วมาก และพวกมันก็กำลังวิ่งวนเวียนไปมาบริเวณด้านล่างของต้นไม้ อย่างไรก็ตาม พวกมันสามารถแบ่งแยกหน้าที่กันได้อย่างเป็นระเบียบมาก มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่แยกออกไปไล่ล่าฝ่ายไป๋จิ่วและจ้าวมณีคนอื่นๆ ของอาณาจักรคาลิเซ ส่วนพวกที่เหลือจำนวนอย่างน้อย 100 ตัวยังคงวนเวียนอยู่รอบๆ ต้นไม้ที่พวกเขาปีนขึ้นมา
โจวเหว่ยชิงรีบคิดหาหนทางเอาตัวรอดอย่างรวดเร็ว เขาเริ่มไหลเวียนพลังปราณสวรรค์ของตนลงไปที่ขาขวาอย่างช้าๆ จากนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังขุมหนึ่งที่ปะทุออกมาจากขาขวา ไม่ต้องมอง เด็กหนุ่มก็สัมผัสได้ว่าลวดลายสีดำนั้นปรากฏขึ้นมาที่ขาขวาของเขาอีกครั้ง
โจวเหว่ยชิงรู้ว่ากลิ่นอายของไข่มุกสีดำจะสามารถข่มขู่อสูรสวรรค์เหล่านั้นได้ น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ว่าจะควบคุมกลิ่นอายพวกนี้ได้อย่างไร และวิธีเดียวที่คิดได้ในตอนนี้ก็คือการทำให้ลวดลายสีดำพวกนั้นปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยแผ่กลิ่นอายของเสือดำตัวนั้นออกมา และเขาก็รู้ว่าลวดลายเหล่านั้นจะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อชักนำปราณสวรรค์เข้าสู่ขาขวาปีศาจของตนเท่านั้น
การทดสอบของโจวเหว่ยชิงค่อนข้างประสบความสำเร็จ เมื่อปราณสวรรค์ไหลเวียนไปที่ขาขวาของเขา ทันใดนั้นกลิ่นอายที่มองไม่เห็นก็แผ่กระจายออกไปทั่ว จู่ๆ ฝูงหมาป่าโลกันตร์ด้านล่างที่กำลังเคลื่อนไหวไปมาอย่างเกียจคร้านก็ตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที พวกมันเริ่มเคลื่อนตัวล่าถอยออกไปพร้อมกับส่งเสียงครางหงิงออกมา ดวงตาสีเขียวสว่างแสดงออกถึงความระแวดระวังเต็มที่
โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้างและพูดว่า “ใช่แล้ว มันได้ผล! พอพวกหมาป่าโลกันตร์บัดซบพวกนี้ล่าถอยออกไปแล้ว พวกเราก็สามารถมุ่งหน้ากลับไปที่เส้นทางเล็กๆ ที่เราวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ได้แล้ว”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหอนโหยหวนอย่างทรงพลังดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในชั่วพริบตานั้น ราวกับว่าจู่ๆ ทั้งทั่วป่าก็เกิดแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นมา
ที่ตรงนั้นมีหมาป่าโลกันตร์ขนาดใหญ่มหึมาตัวหนึ่งยืนอยู่ ร่างกายของมันมีความยาวเกือบๆ 3 เมตร สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดคือขนของมันไม่ใช่สีเทาอมเขียวดั่งเช่นหมาป่าโลกันตร์ทั่วๆ ไป แต่กลับเป็นสีเขียวพิสุทธิ์ราวกับว่าร่างกายใหญ่โตของมันถูกแกะสลักมาจากหยกทั้งตัว ดวงตาเย็นชาคู่นั้นเรืองรองไปด้วยแสงสีแดงสลัว อีกทั้งร่างของมันก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายสีเขียวพร่างพราย
โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์แลกเปลี่ยนสายตากันด้วยสีหน้าอับจนหนทาง “นี่คงไม่ใช่ราชาหมาป่าโลกันตร์หรอกใช่ไหม?”
ใบหน้าที่งดงามของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ซีดลงทันที “นั่นคือราชาหมาป่าโลกันตร์จริงๆ! พระเจ้า! นั่นมันอสูรสวรรค์ระดับปรมะ! ไม่ต้องพูดถึงพวกเราเลย แม้แต่จ้าวมณีที่มีมณี 4-5 ดวงก็ยังจัดการกับมันได้ยาก!”
“บรู้ววววว” เสียงหอนดังออกมาอีกครั้ง ราชาหมาป่าโลกันตร์มองไปยังต้นไม้ที่โจวเหว่ยชิงซ่อนอยู่ด้วยสีหน้าแสดงความสงสัยและวิตกกังวล มันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวจากร่างกายของโจวเหว่ยชิง อย่างไรก็ตาม มันกลับไม่แสดงทีท่าว่าจะล่าถอย ในทางตรงกันข้าม มันกลับค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้โจวเหว่ยชิงเรื่อยๆ อย่างระมัดระวัง
เนื่องจากโจวเหว่ยชิงยังคงเยาว์วัยและไร้ประสบการณ์ เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจผิดพลาดไปเช่นนี้ เหตุผลหลักที่เขากล้านำซ่างกวนปิงเอ๋อร์มายังบริเวณที่มีอสูรสวรรค์อาศัยอยู่ก็เป็นเพราะว่าเขาเคยเห็นท่าทีหวาดกลัวของเหล่าสัตว์อสูรสวรรค์ระดับเทวะระหว่างที่ทำการกักเก็บทักษะมาก่อนหน้า ในความคิดของเขา ถ้าแม้แต่อสูรสวรรค์ระดับเทวะยังหวาดกลัวกลิ่นอายที่ตนปลดปล่อยออกมา การเข้าไปในป่าที่มีอสูรสวรรค์จะนับเป็นอะไรได้?
อนิจจา สิ่งต่างๆ นั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาจินตนาการไว้ การที่อสูรสวรรค์ระดับเทวะเหล่านั้นยอมให้โจวเหว่ยชิงกักเก็บทักษะและไม่ได้ต่อต้านเลยนั้น อันที่จริงเด็กหนุ่มคิดถูกที่ว่าเหตุผลหลักๆ มาจากกลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมา แต่เขายังไม่รู้ว่ามีเหตุผลอีกอย่างก็คือพวกมันถูกผนึกเอาไว้และยังอยู่ในสภาวะอ่อนแอมากอีกด้วย ในสภาวะที่อ่อนแอควบคู่ไปกับการถูกปิดผนึกไว้เช่นนี้ เมื่อพวกมันรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังจากไข่มุกสีดำที่โจวเว่ยชิงปลดปล่อยออกมา ย่อมไม่แปลกที่ทำให้พวกมันหวาดกลัว และนำไปสู่ฉากที่พวกมันยอมศิโรราบให้แก่โจวเหว่ยชิง อนุญาตให้เขากักเก็บทักษะไปจากพวกมันได้อย่างง่ายดายไร้การขัดขืนเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม ราชาหมาป่าโลกันตร์ที่อยู่ตรงหน้านั้นแตกต่างกับพวกอสูรสวรรค์ที่อยู่ในสำนักกักเก็บมาก เพราะถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงอสูรสวรรค์ปรมะ แต่มันก็เป็นเจ้าแห่งป่าแห่งนี้ แม้ว่ากลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างของโจวเหว่ยชิงจะน่ากลัว แต่มันก็ยังไม่ได้รู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งมากจนยากจะเอาชนะได้ หมาป่าโลกันตร์ธรรมดาต่างก็ถอยหนีด้วยความหวาดกลัว แต่ในฐานะราชาหมาป่าโลกันตร์ ด้วยเกียรติของมันแล้ว มันจะไม่ยอมหนีไปเช่นนั้นเด็ดขาด อย่างน้อย หากไม่ลองเผชิญหน้ากับโจวเหว่ยชิงดูสักครั้ง มันจะรู้ได้อย่างไรว่าเขามีพละกำลังคู่ควรให้มันหวาดกลัวหรือไม่
เมื่อเห็นราชาหมาป่าโลกันตร์เห่าหอนขึ้นเสียงดังเช่นนั้น หมาป่าโลกันตร์ที่กำลังล่าถอยห่างออกไปกว่า 100 ตัวก็หยุดชะงักและหันกลับมาล้อมต้นไม้ที่โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์เกาะอยู่อีกครั้ง
ปกติแล้วผู้หญิงมักจะตื่นตระหนกง่าย ทันใดนั้นมือของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็คว้าจับเข้าที่มือของโจวเหว่ยชิงอย่างไม่รู้ตัว “อ้วนน้อย เราจะทำยังไงกันดี?”
ตอนนี้สีหน้าของโจวเหว่ยชิงน่าเกลียดมาก เขาเป็นคนที่คิดแผนนี้ขึ้นมาและพาซ่างกวนปิงเอ๋อร์มาที่นี่เพื่อใช้เป็นเส้นทางหลบหนี ในความเป็นจริงแล้ว แม้แต่ความคิดบุกจู่โจมค่ายศัตรูอย่างกะทันหันในเวลากลางคืนก็เป็นแผนของเขาทั้งหมด ตอนนี้ไม่มีสิ่งใดจะเยียวยาความผิดพลาดในครั้งนี้ได้ และเด็กหนุ่มรับรู้ได้ว่าราชาหมาป่าโลกันตร์ตัวนั้นกำลังจะโจมตีพวกเขาแน่ๆ
ทันใดนั้นเอง ความทรงจำเกี่ยวกับบิดาของเขาก็ผุดขึ้นมา แม่ทัพโจวกล่าวกับเขาอย่างโหดเหี้ยมว่า “ลูกผู้ชายไม่กลัวความผิดพลาด แต่เมื่อเจ้าทำผิด เจ้าก็ต้องเผชิญหน้ากับความผิดพลาดอย่างกล้าหาญและต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่วแน่”
เขาหันไปหาซ่างกวนปิงเอ๋อร์และพบว่าเธอกำลังตื่นตระหนกและสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด เขาเอื้อมมือข้างซ้ายไปรวบตัวเธอเข้ามากอดไว้อย่างนุ่มนวลและบรรจงจูบลงบนหน้าผากที่ค่อนข้างเย็นชืดของเธอเบาๆ
“ข้าขอโทษ ปิงเอ๋อร์ นี่เป็นความผิดของข้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะทำทุกอย่างให้เจ้าปลอดภัย ตอนนี้ข้าจะทำให้พวกมันไขว้เขวและล่อความสนใจของพวกมัน เจ้าวิ่งไปออกทางด้านข้างและมุ่งหน้าไปยังเส้นทางนั่น เจ้าจะกลับไปถึงถนนหลักในอีกประมาณ 10 ลี้”
“อ้วนน้อย…เจ้า…” วิสัยทัศน์ของซ่างกวนปิงเอ๋อร์เริ่มพร่ามัว นี่ใช่เจ้าอ้วนน้อยโจวที่กลัวตายมากที่สุดคนนั้นแน่หรือ?
โจวเหว่ยชิงยิ้มแผ่วเบา เขาถอดแล่งธนูของตนออกมาและนำลูกธนูออกทั้งหมดออกไปใส่ไว้ในแล่งธนูของซ่าง กวนปิงเอ๋อร์ จากนั้นเขาก็ถอดธนูอุษาม่วงแขวนไว้บนกิ่งไม้
เมื่อซ่างกวนปิงเอ๋อร์มองเห็นการกระทำที่อ่อนโยนแต่แน่วแน่ของเขา สายตาของหญิงสาวก็เริ่มเปลี่ยนไปทีเล็กทีละน้อย เธอไม่ได้พยายามจะหยุดเด็กหนุ่มทำแค่เพียงมองดูมองเขาอยู่เงียบๆ อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นเอง หัวใจของเธอยืนยันแล้วว่า เขาคือผู้ชายของเธอ ไม่ว่าจะมีอันตรายใดๆ เกิดขึ้น ชายผู้ที่มักกลัวความตายตนนี้ก็เต็มใจจะเสียสละชีวิตของเขาเพื่อปกป้องเธอ เพราะฉะนั้น แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เพียงพอแล้วจริงๆ
ในขณะนั้นเอง ราชาหมาป่าโลกันตร์ก็แผดเสียงขึ้นอีกครั้ง แสงสีเขียวที่ทอประกายออกมาจากร่างของราชาหมาป่าโลกันตร์ต่างก็กำลังไหลวนมารวมตัวกันจนมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะที่เป็นอสูรสวรรค์ทักษะธาตุลม แม้ว่าหมาป่าโลกันตร์ธรรมดาเหล่านี้จะมีพลังอยู่ในระดับปฐมเท่านั้น ทว่าพวกมันก็ล้วนแล้วแต่มีทักษะกงจักรวายุขั้นพื้นฐานทุกตัว หากหมาป่าโลกันตร์ 100 ตัวเหล่านี้ใช้กงจักรวายุพร้อมๆ กันทีเดียว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้นไม้ใหญ่ที่โจวเหว่ยชิงและ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กำลังซ่อนตัวอยู่นั้นจะต้องถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ในไม่ช้าแน่นอน
…………………………………………………………..

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset