Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 22 ร่วมเป็นร่วมตาย (2)

โจวเว่ยชิงยิ้มกว้างและพูดว่า “นี่มันสุดยอดไปเลยใช่ไหมล่ะ! ข้าตั้งชื่อทักษะการประสานด้วยนะ ‘ลูกศรราชันร้อยรัด’ และ ‘ลูกศรราชันอัสนีบาต’”
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “แล้วทักษะอื่นๆ ของเจ้าล่ะ?”
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “ข้าไม่สามารถหาอสูรสวรรค์ที่มีทักษะธาตุปีศาจได้ ดูเหมือนว่ามณีธาตุของข้าจะมีทักษะธาตุปีศาจกักเก็บไว้อยู่แล้ว สำหรับทักษะธาตุลม ข้าได้กักเก็บทักษะ ‘โซ่ตรวนวายุ’ และสำหรับทักษะธาตุมิติ ข้าได้ทักษะ ‘เคลื่อนย้ายพริบตา’ มาน่ะ”
“ทักษะโซ่ตรวนวายุ?! ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา?!” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ร้องออกมาด้วยความประหลากใจ ทักษะทั้ง 2 นั้นมีชื่อเสียงอย่างมาก และเธอก็เคยได้ยินชื่อเหล่านี้มาก่อน พวกมันเป็นทักษะชั้นสูงที่หาได้จากอสูรสวรรค์ระดับเทวะเท่านั้น! หนึ่งเป็นทักษะประเภทการควบคุม ในขณะที่อีกหนึ่งเป็นทักษะสำหรับใช้เอาตัวรอดที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ทักษะชั้นสูงเหล่านี้กักเก็บยากมาก และโดยทั่วไปมีเพียงจ้าวมณีระดับเทวะเท่านั้นที่มีความสามารถพอจะแค่ ‘ลอง’ กักเก็บมันด้วยซ้ำ
นอกเหนือจากนั้น เขาก็ยังมีทักษะที่เธอไม่เคยได้ยินอีกเช่น ‘สัมผัสมืด’ ‘ฝ่ามืออัสนีบาต’ ไปจนถึงทักษะธาตุปีศาจที่เธอไม่รู้จักอีก อาจเป็นเพราะโจวเหว่ยชิงเพิ่งมีเพียงมณีชุดแรกเท่านั้น จุดแข็งของเขาจึงยังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ยิ่งฝึกฝนมากเท่าไหร่ทักษะเหล่านั้นก็จะเติบโตและพัฒนาขึ้นไปพร้อมกับเขา ในอนาคตหากเขาไปถึงระดับเทวะ และมีมณีสวรรค์ครบ 6 ชุดเมื่อไหร่ล่ะก็…
เมื่อเธอนึกถึงสิ่งนี้ มีเพียงคำเดียวที่สามารถใช้อธิบายตัวเขาได้ น่าพรั่นพรึงอย่างยิ่ง!
“อ้วนน้อย เจ้าไม่ควรบอกข้าเลย สำหรับเราจ้าวมณีสวรรค์ ทักษะธาตุของเราเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ทักษะธาตุของเจ้ายังแข็งแกร่งมาก ข้าขอโทษ ข้าไม่ควรถามเลย” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวอย่างขอโทษขอโพย
โจวเหว่ยชิงหัวเราะแล้วกล่าวว่า “แน่นอนว่าการเก็บความลับนั้นย่อมต้องทำกับคนนอก แต่ทำไมข้าต้องเก็บความลับกับเจ้าด้วยล่ะ?” เมื่อพูดจบประโยค ทันใดนั้นเขาก็โผเข้าจับตัวซ่างกวนปิงเอ๋อร์แล้วผลักเธอไปด้านหลังจนทั้งคู่ล้มลงไปนอนกับพื้นทันที เนื่องจากการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันของเด็กหนุ่ม ทั้งคู่จึงกลิ้งขลุกขลักไปไกลพอสมควร ในจังหวะที่เขาพุ่งเข้าหาเธอนั้นเอง ศรไร้เสียงดอกหนึ่งก็พุ่งเฉียดไปทางขวา ณ บริเวณที่พวกเขาเคยอยู่และหายวับเข้าไปในความมืดทันที
“ไอ้เจ้านั่นอีกแล้ว!” โจวเหว่ยชิงระบุตัวผู้โจมตีทันที ไม่ว่าจะเป็นทักษะการยิงธนูหรือระดับปราณสวรรค์ บุคคลนี้มีความสามารถเหนือกว่าพวกเขาแน่นอน ศรไร้เสียงดอกนั้นช่างน่ารังเกียจจริงๆ
หลังจากกระโดดลงจากหอสังเกตการณ์ก่อนหน้านี้ เขาเหลือพลังปราณสวรรค์เพียงประมาณ 20 ส่วน เท่านั้น แม้หลุมดำที่จุดตายทั้ง 4 กำลังเร่งหมุนวนด้วยความเร็วสูงสุด โจวเหว่ยชิงก็ยังฟื้นฟูปราณคืนมาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น การใช้ธนูราชันอีกครั้งก็ยังเป็นเรื่องที่ห่างไกลมาก
ขณะที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กลิ้งตลบไปกับพื้น ทันทีที่เธอทรงตัวได้ เธอก็ง้างธนูอุษาม่วงขึ้นและปล่อยศรติดตามไร้เสียงออกมาแทบจะทันที
สำหรับพวกเขาทั้งสองคนแล้ว ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ก็คือศรไร้เสียงของไป๋จิ่ว แม้ว่าจ้าวมณีอาณาจักรคาลิเซคนอื่นๆ อาจจะแข็งแกร่งกว่าไป๋จิ่ว แต่ในแง่ของความเร็ว พวกเขาไม่สามารถจะเปรียบเทียบกับไป๋จิ่วได้เลย ไม่เพียงแต่อัตราการยิงของเขาจะรวดเร็วมาก ศรไร้เสียงในเวลากลางคืนก็ยังอันตรายมากด้วยเช่นกัน ด้วยการก่อกวนของอีกฝ่าย โจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์จึงไม่สามารถใช้ความเร็วสูงสุดของพวกเขาวิ่งหนีได้เลย
ศรติดตามไร้เสียงของซ่างกวนปิงเอ๋อร์พุ่งเป็นแนวเส้นตรงเข้าหาไป๋จิ่ว อย่างไรก็ตาม ไป๋จิ่วกลับตอบสนองอย่างใจเย็น มณีดวงที่ 4 บนข้อมือของเขาเปล่งแสงออกมาอย่างฉับพลัน โล่กลมสีเขียวอ่อนซึ่งดูเหมือนจะมีน้ำหนักค่อนข้างเบาปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา เสียงของบางอย่างกระทบกันดังกึกก้อง ชัดเจนว่าโล่กลมนั้นสามารถป้องกันศรติดตามไร้เสียงของซ่างกวนปิงเอ๋อร์เอาไว้ได้
จ้าวมณีจำนวน 10 คนหรือมากกว่านั้นได้ติดตามไป๋จิ่วมาด้วย พวกเขาส่วนใหญ่เป็นจ้าวมณีที่มีมณี 3-4 ดวง แต่ก็มีจ้าวมณี 5 ดวงตามมาด้วยอีก 2 คนเช่นกัน อนิจจา จ้าวมณี 2 คนที่มีมณี 5 ดวงนั้นไม่ได้มีทักษะความคล่องแคล่วหรือมีความเร็วแต่อย่างใด เนื่องจากพวกเขามีทักษะเกี่ยวกับความแข็งแกร่ง พวกเขาจึงยังไม่ได้ตามไป๋จิ่วมาถึงสถานที่ต่อสู้เลยด้วยซ้ำ มีเพียงจ้าวมณีที่มีทักษะความเร็ว 5 คนเท่านั้นที่ยังสามารถติดตามไป๋จิ่วในตอนนี้ได้ทัน
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไม่ลังเลแม้แต่น้อย หลังจากยิงธนูเสร็จเธอก็เริ่มออกวิ่งอีกครั้งพร้อมกับโจวเหว่ยชิง พวกเขาใช้ต้นไม้และพุ่มไม้รอบๆเป็นที่กำบังและซ่อนตัวจากศัตรู
ไป๋จิ่วตามพวกเขามาติดๆ ตอนนี้ชายหนุ่มถึงกับละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง เพียงแค่คิดว่าเขาเพิ่งจะกลัวจนฉี่ราดกางเกง นั่นก็ทำให้ไฟภายในใจลุกโชนด้วยความโกรธ นี่มันอัปยศอดสูเกินไปแล้ว! แม้ว่าเขาจะเคยฉี่รดที่นอนตอนอายุ 10 ขวบ แต่มันก็ผ่านมา 10 ปีแล้ว หากไม่แก้แค้น เขาจะยังเรียกตัวเองว่าลูกผู้ชายได้อย่างไร? นอกจากนี้ชายหนุ่มยังจำซ่างกวนปิงเอ๋อร์ได้ทันทีและรู้ว่านี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับพวกเขาที่จะฆ่าเธอเสีย น่าเสียดายที่อาจารย์ของเขายังมาไม่ถึง …
หากเปรียบเทียบความเร็วเพียงอย่างเดียว ในขณะที่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เป็นจ้าวมณีสวรรค์คู่ที่มีทักษะความเร็วเป็นเลิศ โจวเหว่ยชิงก็มีขาขวาปีศาจอันลึกลับของเขา ดังนั้นความเร็วทั้งสองจึงถือว่าน่าประทับใจอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือระดับพลังของพวกเขาต่ำเกินไป ทั้งคู่มีมณี 1 ชุดและ 2 ชุดตามลำดับ อีกทั้งซ่างกวนปิงเอ๋อร์ยังมีระดับปราณสวรรค์อยู่ที่ขั้นพื้นฐานระดับ 8 เท่านั้น
ในทางกลับกัน สำหรับศัตรูที่กำลังไล่ล่าพวกเขาอยู่นั้น แม้ว่าความเร็วของพวกเขาจะต่ำ แต่เนื่องจากมีระดับพลังที่สูงกว่า ฝ่ายนั้นจึงมีข้อได้เปรียบ ที่เห็นได้ชัด อย่างน้อยพวกเขาก็ทะลุผ่านขั้นทะลวงพิภพแล้ว ด้วยข้อได้เปรียบดังกล่าว ความเร็วของพวกเขาจึงไม่ได้ด้อยไปกว่าโจวเหว่ยชิงหรือซ่างกวนปิงเอ๋อร์มากนัก
เมื่อการไล่ล่าดำเนินต่อไปเช่นนี้ ลูกธนูต่างก็พุ่งฉวัดเฉวียนไปมาไปเรื่อยๆ แม้ว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์และโจวเหว่ยชิงจะสามารถจัดการกับลูกธนูที่พุ่งสวนมาได้เป็นครั้งคราว แต่จ้าวมณีที่มีมณี 3-4 ดวงก็ล้วนแล้วแต่มีทักษะการเอาตัวรอดที่ดีเยี่ยม แม้พวกเขาจะยิงโดนฝ่ายโจวเหว่ยชิงเล่นงานบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงอาการบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ อีกทั้งตอนนี้ไป๋จิ่วก็ยังคงเป็นผู้นำในการไล่ล่า
ข่าวดีเพียงอย่างเดียวสำหรับทั้งคู่ก็คือพลังปราณสวรรค์ส่วนใหญ่ของโจวเหว่ยชิงได้ฟื้นคืนมาแล้ว ในขณะที่กำลังวิ่ง ความเร็วที่ได้รับล้วนแต่มาจากขาขวาปีศาจของเขา นั่นทำให้โจวเหว่ยชิงสามารถประหยัดพลังปราณสวรรค์เอาไว้ได้เป็นจำนวนมาก เมื่อรวมกับอัตราการฟื้นฟูอย่างบ้าคลั่งของวิชาเทพอมตะแล้ว เขาสามารถฟื้นพลังปราณสวรรค์ได้ถึง 70 ส่วนในเวลาเพียงชั่วโมงเดียวทั้งๆที่กำลังวิ่งหนีไปด้วย
ทันใดนั้นเอง บริเวณข้างหน้าในระยะใกล้ๆ ก็มีเสียงขู่คำรามต่ำๆ ดังขึ้น ดวงตาสีเขียวคู่หนึ่งพลันปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก “นั่นคือหมาป่าโลกันตร์! ในบรรดาอสูรสวรรค์ระดับปฐม พวกมันเป็นหนึ่งในสัตว์ที่อันตรายที่สุดและและน่ารำคาญที่สุด แม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกมันแต่ละตัวจะไม่มาก แต่เพราะพวกมันมักจะมาเป็นฝูง หากปะทะเข้ากับพวกมันตอนนี้ พวกเรามีปัญหาแน่”
“ปีนขึ้นไปบนต้นไม้!” โจวเหว่ยชิงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว โดยทั่วไปแล้วหมาป่าไม่มีความสามารถในการปีนต้นไม้ และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมัน การปีนต้นไม้จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แน่นอนว่าหมาป่าโลกันตร์เหล่านี้เป็นสัตว์อสูรสวรรค์ ทุกคนจึงไม่สามารถตัดสินพวกมันจากความสามารถของหมาป่าทั่วไปได้
“บรู้ววว ’เสียงโหยหวนของหมาป่าดังขึ้น จากนั้นเสียงสวบสาบก็ปรากฏขึ้นในบริเวณรอบๆ ในช่วงเวลาแห่งความโกลาหลนั้นไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าฝูงหมาป่าโลกันตร์นั้นมีจำนวนเท่าไหร่ แต่ทว่าตอนนี้พวกมันก็ปรากฏตัวขึ้นแล้วอย่างฉับพลันและกำลังมารวมตัวกันในบริเวณนี้ด้วย
หมาป่าโลกันตร์เหล่านี้ไม่ได้บุกจู่โจมอย่างไร้สมอง ดูเหมือนว่าพวกมันได้เตรียมการมาแล้วเป็นอย่างดี อีกทั้งยังเรียนรู้วิธีทำงานประสานงานกันด้วย บางตัวพุ่งมาจากด้านหน้า ในขณะที่ตัวอื่นๆ ขนาบอยู่ด้านข้าง พวกมันไม่เพียงแต่กำลังโอบล้อมโจวเหว่ยชิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์เข้ามาเรื่อยๆ แต่ยังรวมไปถึงศัตรูทั้ง 6 คนที่กำลังไล่ล่าพวกเขามาจากด้านหลังอีกด้วย
“เวรเอ้ย!” ไป๋จิ่วอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งด้วยความโกรธและความสิ้นหวัง “เร็วเข้า! เราต้องจัดการพวกมันให้เสร็จก่อนที่ฝูงหมาป่าจะล้อมเราจนมิด! จำไว้ว่าอย่าโจมตีพวกหมาป่าโลกันตร์เด็ดขาด! ถ้ามีตัวใดบาดเจ็บล่ะก็ พวกมันจะไม่ยอมแพ้และไล่ล่าพวกเราจนกว่าจะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตาย!” แม้ว่าการไล่ล่าสังหารซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะสำคัญ แต่นั่นจะสำคัญเทียบเท่าชีวิตของเขาได้อย่างไร! ไป๋จิ่วหันหลังกลับและออกวิ่งทันที
……………………………………………………………..

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset