Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 25.3 แม่ทัพโจวมาถึง (3)

โดยปกติเมื่อบิดาจะทุบตีเขา โจวเหว่ยชิงก็มักจะไม่ต่อต้านเท่าไหร่นัก  เพราะถึงอย่างไรบิดาตีสั่งสอนบุตรก็เป็นหลักการที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลาย แต่ทว่าในครั้งนี้เขารู้ว่ามันเป็นความเข้าใจผิด หากยอมรับ นั่นก็จะไม่ยุติธรรมสำหรับตัวเอง และเขาก็ไม่ได้โง่เง่าขนาดจะรอรับโทษที่ตนไม่ผิดด้วย
“เจ้ายังกล้าหนีอีกหรือ? ฮึ!” แม้ว่าการโจมตีของแม่ทัพโจวในตอนนี้มาจากอารมณ์โกรธล้วนๆ แต่ความเร็วของบุตรชายก็ยังทำให้เขาต้องประหลาดใจ ชายหนุ่มกำลังกรุ่นคิดว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าเด็กเหลือขอคนนี้กำลังพูดความจริง?
“ท่านพ่อ ท่านเป็นถึงจ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นกลาง อย่าบอกข้าว่าท่านไม่รู้จักไพฑูรย์ตาแมวสองสี!” โจวเหว่ยชิงตะโกนบอกอย่างไม่พอใจ ในขณะที่เขาพูดเช่นนั้น เด็กหนุ่มก็ยกมือขวาขึ้นและชักนำพลังปราณสวรรค์ออกมา ทันใดนั้น ท่ามกลางไอหมอกที่เย็นยะเยือก ธนูราชันก็ปรากฏตัวขึ้นในมือเขา การกระทำสำคัญกว่าคำพูด โจวเหว่ยชิงไม่อยากจะเสียเวลาอีกต่อไป และเขาก็เชื่อว่าศาสตรามณียุทธ์จะบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดเอง
ทันทีที่ธนูราชันปรากฏตัวขึ้น ทั่วทั้งกระโจมก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่น่าเกรงขาม ไอพลังหนาแน่นของมณียุทธ์บริสุทธิ์ดึงดูดความสนใจของแม่ทัพโจวในทันที
แม่ทัพโจวจ้องมองธนูราชันในมือของบุตรชายในระยะประชิด และต่อมาการกระทำที่แปลกประหลาดของเขาทำให้ทั้งโจวเหว่ยชิงและเซียวหรูเซ่อไม่ทราบว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แม่ทัพใหญ่ที่องอาจคนนั้นกำลังยกมือทั้ง 2 ข้างขึ้นมาขยี้ตาด้วยท่าทีพึลึกพิลั่นเป็นอย่างมาก
“ศาสตรามณียุทธ์?”
โจวเหว่ยชิงกลัวบิดาจะตีเขาอีกครั้งจึงรีบร้อนตอบกลับ “ใช่! นั่นคือศาสตรามณียุทธ์ของมณีธาตุดวงแรกของข้าชื่อว่าธนูราชัน มีระยะการโจมตีมากกว่า 1.5 กิโลเมตร และมีพลังเสริมคือระเบิดทำลายล้าง นอกจากนี้ยังมีหลุมบรรจุมณีสำหรับใส่มณีธาตุเพื่อใช้ประสานร่วมกับทักษะธาตุอื่นๆ ด้วย”
ร่างของแม่ทัพโจวสั่นสะท้านเล็กน้อยขณะที่เขาก้าวถอยหลังไปอย่างเลื่อนลอย เห็นได้ชัดว่าจังหวะหายใจของเขาหนักขึ้นกว่าเดิมมาก “เหว่ยชิง ใช้ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้ายิงธนูใส่ข้าเดี๋ยวนี้”
ในฐานะนักธนู โจวเหว่ยชิงย่อมมีลูกธนูติดกายอยู่เสมอ แต่หากจะให้เขายิงบิดาของตนเอง เด็กหนุ่มก็คงไม่กล้าทำเช่นกัน “ท่านพ่อ…นั่น…”
“อย่าพูดพล่ามเสียเวลา! ใช้ความแข็งแกร่งของเจ้าให้เต็มที่หรือจะให้ข้าตีเจ้า!” แม่ทัพโจวเพิ่งจะฟื้นจากอาการตื่นตระหนก สับสนและมึนงง ชั่วขณะนั้น ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นยินดี
โจวเหว่ยชิงคุ้นเคยกับนิสัยของบิดาเป็นอย่างดีและรู้ว่าเขาจะทำตามที่พูดแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนั้น เด็กหนุ่มจึงไม่ต่อล้อต่อเถียงบิดาอีก เขาเงียบลงและตั้งสมาธิให้แน่วแน่ ขณะที่ดึงลูกธนูออกมาแล้วพาดมันลงบนธนูราชัน ไหล่ของเขาเกร็งแน่นเมื่อต้องง้างสายธนูขึ้นให้เป็นรูปพระจันทร์เต็มดวงและเพ่งสมาธิไปที่มณีธาตุอย่างรวดเร็ว จากนั้นมณีธาตุที่ข้อมือซ้ายก็กลิ้งลงไปในหลุมบรรจุมณีบนธนูราชันเงียบๆ อย่างไรก็ตาม แม่ทัพโจวก็เป็นบิดาของเขา แม้จะได้รับคำสั่งให้ใช้ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อโจมตีอีกฝ่าย แต่วงล้อทักษะธาตุของเขากลับขยับไปยังพื้นที่สีดำที่แสดงทักษะธาตุมืดแทนที่จะเป็นส่วนสีน้ำเงินที่สร้างความเสียหายมากที่สุดอย่างธาตุสายฟ้า
ขณะนี้โจวเหว่ยชิงอยู่ห่างจากบิดาประมาณ 10 เมตร และทันทีที่แม่ทัพโจวเห็นธนูราชันในมือของโจวเหว่ยชิง เขาก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา ด้วยระดับการฝึกฝนของเขา ชายหนุ่มย่อมรู้สึกถึงพลังปราณสวรรค์ที่ไหลเวียนอยู่ในธนูราชันได้อย่างชัดเจน
“ท่านพ่อ ระวังตัวด้วย!” หลังจากพูดจบ โจวเหว่ยชิงก็ปล่อยสายธนูทันที
เสียงแหวกอากาศดังขึ้นอย่างรุนแรง จากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นเกือบจะพร้อมกันในทันที และก่อนที่ทุกคนจะเห็นลูกศรของโจวเหว่ยชิง ลูกศรสีดำดอกนั้นก็ไปปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าแม่ทัพโจวแล้ว
กรามของโจวเหว่ยชิงอ้าค้างเมื่อจ้องมองไปยังอีกฝ่าย ลูกศรที่ยิงออกไปด้วยธนูราชันนั้นกำลังหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าบิดาของตนเอง และเขาก็ไม่ทันได้เห็นหรือสัมผัสได้ถึงทักษะที่ฝ่ายนั้นนำออกมาใช้แม้แต่น้อย
*ปัง* เสียงระเบิดที่เบาบางกว่าดังขึ้นมาอีกครั้งและลูกศรดอกนั้นก็พลันสลายตัวกลายเป็นฝุ่นผงไปในพริบตา เขาเห็นแล้วว่าบิดาใช้ทักษะสัมผัสมืดและหนวดสีดำ 12 เส้นที่ยาวประมาณครึ่งเมตรก็เปล่งแสงริบหรี่ออกมาในชั่วพริบตาก่อนที่จะหายตัวไป ราวกับว่าพวกมันคือปลาหมึกตัวเล็กๆ ที่กำลังลอยล่องไปมารอบๆ ตัวแม่ทัพโจก่อนจะสลายหายไปกลางอากาศ
โจวเหว่ยชิงรู้แน่ชัดอยู่แล้วว่าพลังทำลายล้างของธนูราชันแข็งแกร่งเพียงใด และสำหรับลูกศรดอกนั้น แน่นอนว่าเขาใช้กำลังของตนอย่างเต็มที่  แต่แม่ทัพโจวสามารถหยุดลูกศรดอกนั้นได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องปลดปล่อยมณีสวรรค์ของเขาด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มไม่เคยเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของบิดาตนเองมาก่อน และตอนนี้เขาก็ตระหนักได้ว่าความแข็งแกร่งของจ้าวมณีสวรรค์ที่อยู่ในระดับเทวะขั้นกลางนั้นเป็นเช่นไร
เซียวหรูเซ่อยืนอยู่ข้างๆ โจวเหว่ยชิงและเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน เธอเห็นว่าเมื่อโจวเหว่ยชิงปล่อยลูกธนูของตนออกไป แม่ทัพโจวก็ระเบิดลูกศรดอกนั้นได้ในเสี้ยววินาที
โจวเหว่ยชิงตกตะลึง แต่ทว่าในอีกด้านหนึ่ง แม่ทัพโจวเองก็อึ้งไปเช่นกัน แน่นอนว่าด้วยระดับการฝึกปราณที่แตกต่างกันมากเช่นนี้ โจวเหว่ยชิงจะทำร้ายเขาได้อย่างไร? อย่างไรก็ตาม เมื่อสัมผัสลูกศรดอกนั้น เขาก็สามารถประเมินความแข็งแกร่งของลูกชายได้แล้วเช่นกัน
“หรูเซ่อ โปรดกลับไปก่อน ข้าต้องคุยกับเด็กเหลือขอตัวน้อยคนนี้เพียงลำพัง” แม่ทัพโจวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“น้อมรับคำสั่ง” เซียวหรูเซ่อทำความเคารพก่อนที่จะหันหลังกลับไป
ใบหน้าของแม่ทัพโจวดูสงบนิ่งราวกับน้ำทะเลลึก ไม่ช้าเขาก็ปรากฏกายขึ้นข้างๆ โจวเหว่ยพร้อมกับชิงคว้าไหล่ของเขาเอาไว้ ในชั่วพริบตาเดียว สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวโจวเหว่ยชิงก็กลายเป็นภาพมัวๆ เด็กหนุ่มมองไม่เห็นอะไรเลย รู้สึกได้แค่เพียงว่ามีกระแสลมรุนแรงกำลังพัดผ่านตัวเขาอยู่ในขณะนี้ โจวเหว่ยชิงเป็นจ้าวมณีสวรรค์แล้ว เขาจึงสามารถสัมผัสได้ว่าบิดาของตนไม่ได้ใช้มณีสวรรค์เลยแม้แต่ดวงเดียว ความเร็วที่บ้าคลั่งขนาดนี้อาศัยแค่ปราณสวรรค์ของเขาเท่านั้น ความเร็วดังกล่าวทำให้โจวเหว่ยชิงรู้สึกราวกับว่าตนกำลังบินโฉบไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง นี่คือพลังที่แท้จริงของเจ้ามณีสวรรค์ 8 ชุด จ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นกลาง!
หลังจากผ่านไปประมาณ 15 นาที แม่ทัพโจวก็หยุด ในที่สุดโจวเหว่ยชิงเห็นว่าบิดาพาตัวเองมาไปที่เนินเขาเล็กๆแห่งหนึ่ง
แม่ทัพโจววางลูกชายของตนไว้บนพื้น ทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือไปเท้าเอวของตนเองแล้วหัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆๆ!  ลูกชายข้าไม่ใช่เศษสวะ! วะฮะฮ่า!”
เสียงหัวเราะอึกทึกครึกโครมของแม่ทัพโจวเกือบทำให้โจวเหว่ยชิงตกใจจนกลิ้งตกหน้าผา ในความทรงจำของเด็กหนุ่ม เขาไม่เคยเห็นบิดาหน้าดำของตนมีความสุขเช่นนี้มาก่อน
แม่ทัพโจวหัวเราะออกมาเสียงดังเป็นเวลานานจนโจวเหว่ยชิงสามารถพักกินอาหารเสร็จไปได้ 2 มื้อ ในที่สุดเขาก็หยุดจนได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาหันกลับมามองโจวเหว่ยชิงอีกครั้ง ชายหนุ่มก็กลับไปใช้ใบหน้าที่เข้มงวดตามปกติ
“เจ้าเด็กเหลือขอ! เล่าให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้ว่าเจ้ากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ได้อย่างไร อย่าได้ตกหล่นแม้แต่คำเดียวเชียว!”
โจวเหว่ยชิงพูดอย่างลังเลเล็กน้อย “ท่านพ่อ เอ่อ…การตื่นของมณีสวรรค์ของข้านั้นค่อนข้างจะแปลกประหลาดไปเสียหน่อย…ถ้าข้าทำอะไรผิดไป ท่านจะไม่ตีข้าใช่หรือไม่?”
แม่ทัพโจวส่งเสียงฮึและพูดว่า “เอาล่ะ ข้าจะไม่ตีเจ้า ตอนนี้เจ้าเป็นจ้าวมณีสวรรค์แล้ว อย่างน้อยข้าก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเจ้าอีก! ทำไมข้าจะต้องทุบตีเจ้าด้วย! เจ้าคิดว่าข้าสนุกกับการทุบตีเจ้าหรือ? หัวใจของข้าเองก็เจ็บปวดเช่นกัน! ฮึ่ม! ถ้าไม่ใช่เพราะข้ากลัวว่าเจ้า เจ้าเด็กเหลือขอตัวน้อยคนนี้จะอดตายง่ายๆ หากไม่มีจะกินหลังข้าตายจากไป เจ้าคิดว่าข้ามีเวลาว่างมากพอจะมานั่งตีลูกชายของตัวเองเล่นทุกวันหรือ?”
แม้ว่าน้ำเสียงของบิดาของเขาจะยังดูองอาจและเย็นชา แต่หลังจากฟังคำพูดของอีกฝ่าย โจวเหว่ยชิงก็พลันรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ แน่นอน! ไม่ว่าเขาจะตีข้ามากแค่ไหน ตาแก่ผู้นี้ก็ยังเป็นบิดาของข้า!
สำหรับมนุษย์ ในเวลาที่พวกเขาตื่นเต้นก็มักจะโพล่งความจริงออกมาอย่างง่ายดาย บิดาของโจวเหว่ยชิงเองก็กำลังแสดงให้เห็นถึงความจริงในข้อนี้  “ท่านพ่อ ข้า…เอ่อ..ทำกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไปแล้ว”
“ทำไปแล้วก็แล้วไปเถิด…เจ้าทำอะไรไปบ้างตอนมณีสวรรค์ตื่นขึ้นมา?” ถึงตอนนี้ แม่ทัพโจวก็ยังคงตื่นเต้นอย่างยิ่ง แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าโจวเหว่ยชิงเพิ่งพูดอะไรออกมา ชายหนุ่มคว้าชุดเกราะหนังของโจวเหว่ยชิงขึ้น ทำให้เสือขาวตัวน้อยต้องหดหัวกลับลงไปที่เดิมอีกครั้ง “เจ้าพูดว่าอะไรนะ!!? เจ้าทำอะไร?”
โจวเหว่ยชิงยิ้มอย่างโง่งมและพูดว่า“ เอ่อ…นั่น…” หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเล่าเรื่องที่ตัวเองกลืนกินไข่มุกสีดำเข้าไป จากนั้นก็หนีออกจากบ้าน และบอกทุกสิ่งทุกอย่างกับบิดาของเขาทั้งหมด
แม้ว่าแม่ทัพโจวจะเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นกลาง แต่ฟังหลังจากฟังประสบการณ์ของบุตรชายเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นั่นก็ยังทำให้สีหน้าของเขาต้องเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง การเปลี่ยนแปลงสีหน้าครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือเมื่อโจวเหว่ยชิงเล่าถึงการตื่นขึ้นของมณีสวรรค์ของเขาและการเสียสละของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ และสีหน้าแตกตื่นก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อลูกชายเล่าว่าตนถูกฮูเหยียนเอ้าป๋อรับเป็นศิษย์
โจวเหว่ยชิงเล่าเรื่องราวของตนจนเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง เมื่อเขาเล่ามาจนถึงสิ่งที่ประสบในเดือนที่ผ่านมา เด็กหนุ่มก็ส่งคัมภีร์วิชาเทพอมตะให้บิดาดู
เมื่อแม่ทัพโจวพลิกดูคัมภีร์วิชาเทพอมตะนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีที่อ่านไปได้ไม่กี่บรรทัด มือของเขาเงื้อขึ้นสูงราวกับกำลังจะทุบตีโจวเหว่ยชิงอีกครั้งอย่างลืมตัว แต่ทว่าชายหนุ่มก็หยุดตัวเองได้หลังผ่านไปครึ่งทาง
“ท่านพ่อ ท่านต้องรักษาคำพูดของท่านนะ ท่านบอกว่าจะไม่ตีข้าตอนนี้” โจวเหว่ยชิงพูดจาน่าสงสารกับบิดาของเขา
แม่ทัพโจวโยนคัมภีร์วิชาเทพอมตะคืนให้ลูกชาย โจวเหว่ยชิงจึงรีบเก็บมันไว้ที่อก
แม่ทัพโจวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “จะพูดว่า…เจ้าเด็กเหลือขอตัวน้อยเช่นเจ้ากินไข่มุกสีดำแปลกๆ เข้าไปและฝึกฝนวิชาเทพอมตะที่ไร้สาระเล่มนี้ กระตุ้นกลิ่นอายปีศาจภายในไข่มุกสีดำเม็ดนั้นให้ตื่นขึ้นมา จากนั้นเจ้าก็ยังเอาเปรียบซ่างกวนปิงเอ๋อร์ด้วยการจับเธอเป็นเครื่องสังเวยเพื่อปลุกมณีสวรรค์ของเจ้า? และปิงเอ๋อร์ก็ไม่ได้ฆ่าไอ้ลูกหมาเช่นเจ้าอีกด้วย?”
โจวเหว่ยชิงคิดกับตัวเองอย่างเย้ยหยัน ท่านพ่อ ถ้าท่านเรียกข้าว่าไอ้ลูกหมา นั่นไม่ได้หมายความว่าท่านเป็น…
“เอ่อ…ใช่…ถูกต้องแล้ว”
คิ้วที่ขมวดคิ้วแน่นของแม่ทัพโจวผ่อนคลายเล็กน้อย เขาถอนหายใจก่อนจะพูดว่า “ปิงเอ๋อร์เป็นผู้หญิงที่ดีเกินไปจริงๆ! เฮ้อ…เจ้าควรจะปฏิบัติต่อเธอให้ดีและดูแลเธอสุดความสามารถของเจ้า จากนี้ไปปิงเออร์จะเป็นลูกสะใภ้ตระกูลโจวของเรา ฮึ่ม! เจ้าไม่ได้แสดงละครเก่งมากนักหรือ? แถมยังเรียนรู้กลอุบายมามากมาย ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะทำอะไรลงไป แต่เจ้าต้องหาทางพาปิงเออร์กลับไปตระกูลให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม เจ้าควรจำไว้ว่าเจ้าห้ามบังคับเธอเด็ดขาด ปิงเออร์ต้องยินดีที่จะมากับเจ้าด้วยตัวเอง!”
โจวเหว่ยชิงกระพริบตาด้วยความประหลาดใจ เขารู้สึกดีใจมากจึงพูดออกมาอย่างตื่นเต้น “ท่านพ่อ หมายความว่าท่านยอมรับข้ากับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ใช่หรือไม่?”
แม่ทัพโจวส่งเสียงฮึอีกครั้งแล้วพูดว่า “ในครั้งนี้เจ้าถือว่าได้เปรียบมาก เด็กเหลือขอตัวน้อย สำหรับฮูเหยียน      เอ้าป๋อ เมื่อเจ้าอายุ 16 ปี เจ้าควรพยายามอย่างหนักเพื่อเรียนรู้วิธีสร้างศาสตรามณียุทธ์กับเขา เจ้าน่าจะตระหนักถึงความสำคัญของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ต่ออาณาจักรเกาทัณฑ์สวรรค์ของเรา เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว มุ่งหน้าไปทางตะวันตกเพื่อกลับไปที่ค่าย เมื่อถึงแล้วก็ให้รีบไปเก็บข้าวของซะ พรุ่งนี้เจ้าจะออกเดินทางไปกับปิงเอ๋อร์ ไปรายงานตัวที่หน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์”
โจวเหว่ยชิงสับสนเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดหวังว่าบิดาจะยอมรับในตัวเขาได้อย่างง่ายดายหลังจากที่ได้รู้เกี่ยวกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ อย่างน้อยเขาก็คิดว่าตนเป็นพ่ออาจจะชกเขาสักหมัด
เขาถามอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ “ท่านพ่อ…นั่นมัน? ท่านไม่ขอให้ข้าฝึกฝนให้หนักยิ่งขึ้นหรือ?”
แสงแปลกประหลาดแวบเข้ามาในดวงตาของแม่ทัพโจว และเขาพูดอย่างโมโห “ ทำไมต้องรีบ? ทำไมข้าต้องเร่งรัดเจ้า วิชาเทพอมตะที่ไร้สาระเช่นนี้รีบร้อนได้หรือ? ไอ้ลูกหมา! เจ้าควรจำไว้ว่าถ้าเจ้ากล้าตายต่อหน้าบิดาของเจ้าล่ะก็ ข้าจะทำให้ตัวเองกลายเป็นผีและตามไปหักขาของเจ้า ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว!”
โจวเหว่ยชิงเห็นว่าบิดาของเขาใกล้จะถึงจุดระเบิดอีกครั้งจึงไม่รั้งรออีกต่อไป เด็กหนุ่มรีบกระโจนวิ่งแจ้นออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองดูบุตรชายที่วิ่งจากไป แม่ทัพโจวก็พลางหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง เขาพึมพำกับตัวเอง “ฮึ่ม! ใครยังกล้าพูดว่าลูกชายของข้าเป็นเศษสวะอีก! ฮ่าๆ! เขาเป็นสุดยอดอัจฉริยะท่ามกลางอัจฉริยะทุกคน! ปิงเอ๋อร์ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นก็เก่งมากเช่นกัน หากนางคอยควบคุมเขา เจ้าเด็กเหลือขอนั่นก็ไปไหนไม่รอดแล้ว! หึ! เจ้าเด็กนั่นยังอยากจะให้ข้าสอนเขาอีก ข้าจะมีอะไรสอนเขาอีกล่ะ! ทักษะธาตุที่ดีที่สุดในมณีธาตุดวงที่ 8 ของข้าคือทักษะสัมผัสมืด แต่เด็กเหลือขอตัวน้อยนั่นกลับ… วะฮ่าๆ!”
…………………………….

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset