Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 23.5 เข้าสู่สถานะปีศาจกลายร่าง (5)

ผิวของโจวเหว่ยชิงเริ่มมีลักษณะคล้ายกับ ‘ฟองสบู่’ ขึ้นเรื่อยๆ เพราะผิวหนังของเขาได้ปลดปล่อยฟองอากาศสีเขียวบางๆ ออกมาจากรูขุมขน ทำให้เห็นว่าสิ่งสกปรกต่างๆ ในร่างกายถูกชะล้างออกมาด้วยหลังจากพลังปราณของเด็กหนุ่มไหลผ่านตัวกรอง ณ จุดตายจู้ซานหลี่(ใต้เข่า)
หลังจากทะลวงผ่านจุดตายจู้ซานหลี่มาได้แล้ว พลังปราณที่บริสุทธิ์กว่ากลุ่มนั้นก็วิ่งเข้าหาจุดตายซานหยินเจียว (เหนือตาตุ่ม) เหตุการณ์แบบเดิมเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แรงกดดันมหาศาลในร่างกายของโจวเหว่ยชิงได้บรรเทาลงบ้างแล้ว หลังจากพลังปราณสวรรค์ธาตุลมที่ผสมกันอยู่ถูกกรองถึง 2 ครั้ง ร่างกายของเขาก็รู้สึกปลอดโปร่งมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ปราณสวรรค์ธาตุลมของโจวเหว่ยชิงก็ยังมีปริมาณมากเกินไปอยู่ดี เนื่องจากหลุมดำของทั้ง 2 จุดตายสามารถดูดซับได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
โจวเหว่ยชิงกัดฟันแน่น เขาเพ่งสมาธิแน่วแน่ ใช้พลังปราณสวรรค์ดั้งเดิมภายในร่างเพื่อกระตุ้นและชักนำพลังปราณสวรรค์ที่ผสมกันอยู่นั้นไปยังจุดตายหยงฉวน(กลางฝ่าเท้า)โดยตรง เมื่อมาถึงจุดนี้ เขาแค่อยากจะทะลวงจุดตายหยงฉวนเพื่อกรองพลังปราณสวรรค์ที่เหลืออยู่อีกครั้ง หากเขาล้มเหลว โจวเหว่ยชิงก็จะต้องชักนำปราณสวรรค์พวกนั้นกลับคืนไปยัง 2 จุดที่ผ่านมาและพยายามดูดซับพลังปราณสวรรค์ธาตุลมทั้งหมดที่ผสมกันอยู่ออกไปอย่างช้าๆ
*ผลั่วะ*! พลังปราณสวรรค์จำนวนมหาศาลพุ่งทะลวงผ่านจุดตายหยงฉวนอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าการทะลวงผ่านจุดตายหยงฉวนในครั้งนี้ยากเย็นกว่าตอนที่เด็กหนุ่มทะลวงผ่านจุดตายบนกระดูกไหปลาร้าในครั้งแรกมาก ขณะที่กำลังทำการทะลวงจุดตายหยงฉวนนั้น โจวเหว่ยชิงก็ต้องพบกับแรงต้านทานมหาศาลที่ทำให้เขาต้องหยุดชะงักลงกลางคัน
ความเจ็บปวดสายหนึ่งพลันแล่นพรวดพราดไปทั่วฝ่าเท้าทั้ง 2 ข้างของเขา โจวเหว่ยชิงรู้สึกได้ว่าเลือดกำลังไหลทะลักย้อนขึ้นไปตามขาเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นไม่นานเขากระอักเลือดออกมาคำใหญ่ และคราวนี้เลือดเหล่านั้นก็ยังไหลออกมาจากรูขุมขนบนผิวหนังจนอาบย้อมไปทั่วบริเวณนั้น
แรงต้านในครั้งนี้รุนแรงเกินไป จุดตายหยงฉวนนั้นแทบจะไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย ด้านโจวเหว่ยชิงเองก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นหรือไม่หากเขาใช้กำลังบังคับให้มันเปิดออก อนิจจา สถานการณ์ในตอนนี้ก็เหมือนกับธนูที่ง้างออกจนสุดสายแล้ว โจวเหว่ยชิงอยู่ในจุดที่ไม่อาจย้อนกลับได้อีก
เอาล่ะ ลองอีกครั้งละกัน! โจวเหว่ยชิงผ่อนคลายความเครียดลง จากนั้นก็ตั้งสมาธิอย่างจริงจังอีกครั้ง เขาหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็พยายามควบคุมพลังปราณสวรรค์ธาตุลมที่กำลังปั่นป่วน จากนั้นเขาก็ใช้พลังปราณเหล่านั้นกระแทกเปิดจุดตายหยงฉวนอีกครั้งอย่างรุนแรง
*พลั่วะ*! คราวนี้โจวเหว่ยชิงเกือบจะพุ่งทะยานขึ้นฟ้าด้วยความเจ็บปวด เลือดพุ่งทะลักออกมาจากผิวหนังของเขาจนดูคล้ายกับไอหมอกสีเลือด จากบริเวณฝ่าเท้าจนถึงโคนขา ผิวหนังทุกส่วนเต็มไปด้วยเลือดสดๆ ไหลลงมาอาบย้อมไปทั่ว ราวกับว่าเส้นชีพจรส่วนขาของเขาขาดสะบั้นออกจากกันอย่างสมบูรณ์
โจวเหว่ยชิงรู้สึกราวกับฝ่าเท้าทั้งสองของเขาถูกคว้านออกไปเป็นหลุมขนาดใหญ่ จากนั้นพลังปราณสวรรค์จำนวนมหาศาลก็พุ่งทะลักออกมา ความเจ็บปวดเข้าครอบคลุมไปทั่วร่างอย่างเฉียบพลัน และนั่นก็ทำให้โจวเหว่ยชิงนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ทะลวงผ่านจุดตายแรก หรือก็คือบริเวณกระดูกไหปลาร้า แต่ทว่าครั้งนี้ความเจ็บปวดที่เขารู้สึกได้นั้นกลับรุนแรงและสาหัสมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่านัก
“แย่แล้ว!” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก เธอขยับอย่างรวดเร็วและมาถึงข้างตัวโจวเหว่ยชิงในชั่วพริบตา เมื่อโจวเหว่ยชิงเริ่มกระบวนการทะลวงจุดตาย เธอก็รู้แล้วว่าเป้าหมายของเขาคือจุดตายหยงฉวน มือทั้ง 2 ของเธอรวบรวมพลังปราณสวรรค์ จากนั้นก็วางลงบนจุดตายหยงฉวนของโจวเหว่ยชิงเพื่อช่วยเด็กหนุ่มผนึกจุดตายที่เพิ่งขาดสะบั้นออกไปเมื่อสักครู่
เมื่อฝ่ามือของเธอทาบลงบนฝ่าเท้าของเขา ทันใดนั้นร่างกายของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็หดเกร็งทันที เธอสัมผัสได้ว่าพลังปราณสวรรค์ธาตุลมอันบริสุทธิ์จำนวนมหาศาลจากจุดตายหยงฉวนของโจวเหว่ยชิงกำลังไหลทะลักเข้าสู่ร่างกายของเธอ เธอจึงพยายามที่จะหยุดพวกมันไว้ แต่ทว่าพลังปราณสวรรค์ที่ผสมปนเปกันอยู่นั้นก็ดูเหมือนจะตรึงร่างกายของเธอเอาไว้จนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ พลังปราณสวรรค์สายนั้นพุ่งเข้าสู่ร่างของเธอและทะลวงเข้าไปในเส้นชีพจรทันที
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ร้องครวญคราง ร่างของเธอสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดแต่ทว่าเธอกลับไม่ยอมแพ้ ใช้มือทั้ง 2 ข้างพยายามยึดจับฝ่าเท้าของโจวเหว่ยชิงไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
อาจกล่าวได้ว่าทั้งโจวเหว่ยชิงและโจวเหว่ยชิงต่างก็กำลังเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส และในเวลานี้ลายเสือสีดำซึ่งจางหายไปก่อนหน้าก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งทั่วร่างกายของโจวเหว่ยชิง
คำว่า ‘ราชา’ ปรากฏขึ้นอีกครั้งบนหน้าผากของเขา แผ่กลิ่นอายสง่างามสูงส่งออกมา  ฉับพลันนั้นจุดตายหยงฉวน ณ บริเวณเท้าขวาของโจวเหว่ยชิงก็สมานเข้าด้วยกันจนแนบสนิท  ไม่นานหลุมดำรูปร่างคล้ายกับน้ำวนก็ก่อตัวขึ้นมาทันที แม้ว่ากระบวนการรักษาตัวเองบริเวณเท้าซ้ายของเขาจะช้ากว่ามาก แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันรักษาตัวเองได้เกินครึ่งทางแล้ว
เมื่อซ่างกวนปิงเอ๋อร์สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโจวเหว่ยชิง เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากร่างกายของเธอเพิ่งได้รับแรงกดดันมหาศาลจากปราณสวรรค์ธาตุลมที่เพิ่งถูกถ่ายเทเข้ามาในตัวเธอ เมื่อรวมกับความอ่อนล้าก่อนหน้านี้ ความมืดมิดจึงเข้ามาปกคลุมวิสัยทัศน์ของเธอไปจนหมด ไม่นานเธอก็หมดสติไป
เมื่อจุดตายหยงฉวนบริเวณเท้าซ้ายของเขาค่อยๆ สมานกันแล้ว ความเจ็บปวดของโจวเหว่ยชิงก็พลันเจือจางลงราวกับหิมะที่เพิ่งหลอมละลาย แต่ทว่าพลังปราณสวรรค์ที่ยุ่งเหยิงปะปนกันในร่างกายของเขาก็ยังเคลื่อนที่ไปมาอย่างปั่นป่วนไร้จุดหมาย เวลานี้ เมื่อไม่มีแรงกระตุ้นจากภายนอก การดูดกลืนของหลุมดำ ณ จุดตายทั้ง 4 ที่ถูกทะลวงไปก่อนหน้าก็กำลังเร่งความเร็วขึ้นสูงสุดเพื่อดูดซับพลังปราณสวรรค์ที่ผสมรวมกันอยู่ในร่างของเขาอย่างรวดเร็ว
ในที่สุด จุดตายหยงฉวนที่เท้าซ้ายก็สมานกันอย่างสมบูรณ์ และเมื่อหลุมดำพลังปราณก่อตัวขึ้น ความรู้สึกเบาสบายสายหนึ่งก็ครอบคลุมไปทั่วร่างกายของโจวเว่ยชิง ซอกซอนไปในอวัยวะทุกส่วนที่มันเข้าถึงได้
เมื่อเขาทะลวงผ่านจุดตายที่ 5 ได้สำเร็จ แน่นอนว่าระดับการพลังปราณของโจวเหว่ยชิงก็เข้าสู่ระดับที่ 5 ของปราณสวรรค์ขั้นพื้นฐานเช่นกัน ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อหลุมดำทั้ง 5 หมุนวนพร้อมกันด้วยความเร็วสูงสุด โจวเหว่ยชิงก็ค้นพบว่าอัตราการดูดกลืนพลังปราณสวรรค์จากสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวนั้นยังเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าอีกด้วย!
เมื่อทะลวงผ่านจุดตายหยงฉวนได้แล้ว นั่นย่อมหมายความว่า เขาได้ทะลวงผ่าน 5 จุดตายบนแขนขาของเขาครบเรียบร้อยแล้ว และในที่สุดโจวเหว่ยชิงก็ได้สำเร็จวิชาส่วนแรกของวิชาเทพอมตะเสียที
เมื่อหลุมดำ ณ จุดตายทั้ง 5 ของเขากำลังหมุนวนเพื่อดูดกลืนพลังปราณเข้าไป เขาก็พลันสัมผัสได้ถึงขนาดของมันที่กำลังขยายใหญ่ขึ้น รวมไปถึงอาณาเขตการดูดกลืนที่ขยายออกไปไกลมากกว่าเดิมอีกด้วย หากเปรียบหลุมดำ ณ จุดตายทั้ง 4 มีขนาดเท่ากับไข่นกพิราบแล้วล่ะก็ ด้วยจำนวนจุดตายที่เพิ่มขึ้นมา 5 จุดครอบคลุมทั่วร่าง  ตอนนี้หลุมดำที่เกิดขึ้นเหล่านั้นจึงกำลังขยายอาณาเขตออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง และในระยะเวลาอันสั้นมันก็เข้าถึงทุกซอกทุกมุมของร่างกาย
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เขาได้ทะลวงผ่านจุดตายทั้ง 5 แต่ทว่าแต่ละจุดตายก็มีคู่ของตนเอง กระดูกไหปลาร้าซ้าย-ขวา ข้อมือซ้าย-ขวา ใต้เข่าซ้าย-ขวา เหนือตาตุ่มซ้าย-ขวา และกลางฝ่าเท้าซ้าย-ขวา ดังนั้น เพียงแค่หลุมดำทั้ง 10 จากจุดตายทั้ง 5 ก็เพียงพอแล้วที่จะครอบคลุมทุกจุดบนร่างกายของเขา
แม้ว่าลายเสือดำบนร่างของเขายังไม่ได้จางหายไป แต่วงแหวนแสงสีขาวนวลก็ค่อยๆ หลอมรวมเข้ากับลวดลายสีดำบนร่างกายของเขา ก่อตัวขึ้นเป็นเกราะป้องกันที่มองไม่เห็นบนผิวหนัง และนี่ก็เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเขาได้ฝึกวิชาเทพอมตะส่วนแรกสำเร็จแล้ว
แน่นอนว่าวิชาเทพอมตะเป็นวิธีการฝึกปราณลึกลับถึงที่สุด และก็ยังเป็นวิชาที่แปลกแยกไปจากวิชาอื่นๆ อย่างมาก หากดูจากความเร็วของการดูดกลืนพลังปราณสวรรค์แล้วก็เห็นได้ชัดว่าวิชานี้ให้ผลรวดเร็วกว่าวิชาฝึกปราณอื่นๆ บนโลกนี้แน่นอน แต่ทว่านั่นก็ไม่น่าจะเร็วไปกว่าที่โจวเหว่ยชิงเพิ่งทำสำเร็จไปเมื่อสักครู่
ในระยะเวลาเพียง 2 เดือน โจวเหว่ยชิงสามารถทะลวงจุดตายสำคัญทั้ง 5 จุดได้สำเร็จ และนี่ก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ไม่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ภายใต้เหตุการณ์ประจวบเหมาะต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน เขาได้กลืนกินพลังปราณสวรรค์ธาตุลมจำนวนมหาศาลจากภายนอกเข้าไปและต้องทะลวงจุดตายที่ 5 นี้ด้วยความจำเป็น เหตุการณ์เช่นนี้ราวกับว่าเขากำลังติดอยู่ระหว่างซอกหิน ต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากเพื่อจะเจาะทะลวงออกมาจากหินก้อนนั้นให้ได้ และในที่สุดเขาก็สามารถทำสำเร็จอย่างไม่มีใครคาดคิด
แม้ว่าตอนนี้โจวเหว่ยชิงยังคงเป็นเพียงจ้าวมณีสวรรค์ที่มีมณีเพียงชุดเดียว  แต่หลังจากสำเร็จวิชาเทพอมตะส่วนแรกแล้ว นั่นย่อมหมายความว่าตอนนี้เขาได้ผ่านขั้นแรกของเส้นทางการฝึกวิชานี้แล้วเช่นกัน และเมื่อก้าวไปบนถนนเส้นนี้แล้ว เขาก็ไม่อาจจะเดินย้อนกลับได้อีก แน่นอนว่านั่นหมายถึงในระดับที่สูงขึ้นของวิชาเทพอมตะ โจวเหว่ยชิงก็จะได้รับประโยชน์มากมายและแข็งแกร่งขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาเดียวกัน ข้อเสียก็คือการทะลวงจุดตายต่อๆ ไปย่อมจะต้องยากยิ่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
เนื่องจากจุดตายทั้ง 5 นั้นดูดซับพลังปราณสวรรค์จากสิ่งแวดล้อมภายนอกอย่างไม่หยุดหย่อน โจวเหว่ยชิงจึงไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจกับการฝึกฝนมากนัก
ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ผู้ซึ่งเป็นลมหมดสติไปก่อนหน้านี้ไม่ทราบว่า ณ ขณะนั้น พลังปราณสวรรค์ธาตุลมส่วนใหญ่ซึ่งถูกกรองและทำให้บริสุทธิ์ด้วยวิชาเทพอมตะของโจวเหว่ยชิงนั้นได้แผ่กระจายไปทั่วร่างของเธอแล้ว และสิ่งที่โจวเหว่ยชิงดูดซับส่วนใหญ่เป็นเพียงพลังปราณส่วนน้อยที่มาจากราชาหมาป่าโลกันตร์เท่านั้น
แม้ว่าทักษะการดูดกลืนของเขาจะแข็งแกร่งมาก แต่พลังปราณที่ถูกดูดกลืนเข้ามาจะต้องถูกใช้ออกไปอย่างรวดเร็ว เว้นเสียแต่ว่าเขาจะมีพลังปราณมากกว่าจำนวนที่ดูดกลืนเข้ามา มิฉะนั้นโจวเหว่ยชิงจะไม่สามารถดูดซับปราณจำนวนมากๆเหล่านั้นได้ในครั้งเดียว บางที นี่ก็อาจเป็นวิธีที่ทำให้โลกเกิดสมดุลนั่นเอง
……………………………………………..

Heavenly Jewel Change

Heavenly Jewel Change

ในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอ มีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!? ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น… หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย! ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตา ไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขา มันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด! สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า… แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ? ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร! นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร Every human has their Personal Jewel of power, when awakened it can either be an Elemental Jewel or Physical Jewel. They circle the right and left wrists like bracelets of power. Heavenly Jewels are like the twins born, meaning when both Elemental and Physical Jewels are Awakened for the same person, the pair is known as Heavenly Jewels. Those who have the Physical Jewels are known as Physical Jewel Masters, those with Elemental Jewels are Elemental Jewel Masters, and those who train with Heavenly Jewels are naturally called Heavenly Jewel Masters. Heavenly Jewel Masters have a highest level of 12 pairs of jewels, as such their training progress is known as Heavenly Jewels 12 Changes. Our MC here is an archer who has such a pair of Heavenly Jewels.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset