I Don’t Want To Defy The Heavens – DTH ตอนที่ 29 ช่างบ้าอะไรเช่นนี้

“ขี้ขลาดจริงๆ ข้าดันหลงคิดไปว่านายน้อยคนนี้จะสามารถต่อสู้กับข้าอย่างเท่าเทียมได้” หลิน ฟานส่ายหัวและถอนหายใจ เขาผิดหวังกับเหลียง หยงฉีจริงๆ แต่ก็ไม่ได้เกินคาดเท่าไหร่นักเนื่องจากสถานะและตัวตนของพวกเขามันต่างกันเกินไป

 

“ลูกพี่ลูกน้อง ข้าสามารถสั่งสอนเพื่อนคนนั้นได้ด้วยนิ้วเดียว”

 

“และถ้าเขากล้าขัดขืนละก็ข้าจะฆ่าเขาซะ”

 

โจว เชียงเหมาไม่ได้คิดว่าเหลียง หยงฉีอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ

 

“ลูกพี่ลูกน้อง ข้ากำลังจะบอกให้เจ้าจากไปโดยไม่ต้องไปสนใจ แล้วเหตุใดเจ้าถึงเข้าไปทุบตีเขากันเล่า?”หลิน ฟานพูด ลูกพี่ลูกน้องของเขาต้องเปลี่ยนนิสัยของตนเองเพราะเขาใจร้อนเกินไป เขาต้องรอให้ผู้อื่นพูดจบเสียก่อน

 

หากเขาไม่มีความอดทน ในอนาคตเขาจะต้องทำบางสิ่งบางอย่างพลาดอย่างแน่นอน

 

โจว เชียงเหมาพยักหน้า ถ้าหากเป็นคนอื่นพูดเขาจะไม่รับฟัง แต่อย่างไรก็ตามมันแตกต่างเมื่อมันเป็นคำที่ออกมาจากปากลูกพี่ลูกน้องของเขา

 

ทันใดนั้นก็มีความปั่นป่วนเกิดขึ้นรอบๆตัวของพวกเขา

 

มีหลายคนวิ่งไปทางประตูเมือง

 

“มีบางอย่างเกิดขึ้น หมู่บ้านตระกูลฉินกับหมู่บ้านตระกูลจางรวมตัวกันที่หน้าประตูเมือง และดูจากสถานการณ์แล้วพวกเขาน่าจะอยากก่อกบฏกับตระกูลขุนนาง!”

 

“ไม่จริงใช่ไหม พวกเขาต้องการตายรึไง?”

 

ชาวเมืองวิ่งไปพร้อมกับคุยกันไปด้วย

 

นี่มันเรื่องใหญ่แล้ว

 

การที่กล้าแข็งข้อและประท้วงต่อตระกูลขุนนางมีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่

 

“ไปดูกันเถอะ” หลิน ฟานชอบความยุ่งเหยิง แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมด แต่เขาก็เข้าใจคราวๆว่าหมู่บ้านภายใต้การปกครองของตระกูลหยวนและตระกูลเหลียงกำลังคิดก่อกบฏ

 

พวกเขาถูกกดดันอย่างหนักจนทำให้สถานการณ์มันมาถึงจุดนี้

 

อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาอยู่ดี

 

มันช่างหน้ากลัวจริงๆ

 

นอกเมือง

 

ยามได้ดึงดาบของพวกเขาออกมาและชี้ไปทางชาวบ้าน ใบดาบสีขาวสะท้อนแสง ตราบใดที่ชาวบ้านกล้าเคลื่อนไหวแม้แต่นิดเดียวพวกเขาจะต้องถูกสังหารอย่างแน่นอน

 

ในเวลานี้ชาวเมืองก็ได้เข้ามารุมดูเยอะขึ้นเรื่อยๆ

 

พวกเขากระซิบกระซาบกันถึงเรื่องตรงหน้า

 

พวกเขารู้สึกว่าชาวบ้านเหล่านี้ไม่ฉลาดเอาเสียเลย คนที่อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำต้อยเช่นพวกเขากล้าออกมาพูดกับตระกูลขุนนางเช่นนี้ได้อย่างไร?

 

“หุบปาก! และถอยกลับไปแต่โดยดี มิฉะนั้นอย่าหาว่าข้าไม่มีเมตตา!” ที่ด้านหน้ามีชายวัยกลางคนกำลังตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

 

เขาคือผู้จัดการลู่จากตระกูลหยวน

 

ในเวลานี้ใบหน้าของเขาดำมืด นอกจากนี้ยังมีประกายแห่งความโกรธอยู่ในดวงตาของเขา

 

การที่ชาวบ้านมาประท้วงแบบนี้มันทำให้เขาเสียหน้าและเสียความไว้วางใจที่เจ้านายของเขามีให้ต่อเขา

 

ผู้จัดการลู่เป็นคนรับผิดชอบหมู่บ้านตระกูลฉิน

 

ครั้งล่าสุดเขาได้นำคนของเขาไปฆ่าคนสองคนจากหมู่บ้านตระกูลฉินเพื่อเป็นการข่มขู่ และเขาก็ให้เวลาพวกมันเจ็ดวันในการส่งภาษีฟาร์มทั้งหมด

 

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ามันจะไร้ประโยชน์ หนำซ้ำยังทำให้พวกเขาคิดก่อกบฏอีกด้วย

 

“ในเมื่อเจ้าไม่คิดจะปล่อยให้เรามีชีวิตรอดตั้งแต่แรกแล้วทำไมพวกเราถึงยังต้องกลัวเจ้าอีก? เจ้าได้นำคนไปสังหารแม่ม่ายและลูกชายคู่หนึ่งที่หมู่บ้านตระกูลฉิน! ข้าขอถามหน่อยสิว่าเจ้ายังมีความเป็นมนุษย์อยู่อีกรึไม่?” ลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านก้าวออกมาพร้อมกับตะโกนด้วยสายตาที่แดงก่ำ

 

“ใช่เขาพูดถูก! วันนี้เจ้าสังหารผู้คนจากตระกูลฉิน แล้วในอนาคตพวกข้าจะมั่นใจได้ยังไงว่าเจ้าจะไม่ทำแบบนั้นกับตระกูลจางของพวกเรา”

 

“ทั้งเจ้าและตระกูลหลินต่างก็เป็นตระกลูชนชั้นสูงในเมืองหยูฉางเหมือนกัน แต่พวกเขาเข้าใจว่าหมู่บ้านตระกูลหวังได้เผชิญหน้ากับภัยแล้งในปีนี้ แล้วทำไมเจ้าถึงไม่เห็นใจเราบ้าง?” มีบางคนจากตระกูลจางตะโกนออกมา (TL: ชนชั้นสูงกับขุนนางจะใช้สลับกันนะครับ)

 

พวกเขาไม่ได้มีความรู้สึกดีๆกับตระกูลขุนนางทั้ง3มาตั้งแต่ต้นแล้ว

 

แต่อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านเหตการณ์หมู่บ้านตระกูลหวัง ระกานดหตการับกันนะครับากัยปกมีให้ต่อเขายพวกเขาก็คิดว่าตระกูลหลินไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น พวกเขามีเหตุผลและเข้าใจหัวอกของพวกเขา

 

และถ้าหากพวกเขาเป็นคนจากหมู่บ้านตระกูลหวัง พวกเขาก็คงจะทำงานอย่างหนักเพื่อจ่ายภาษีในปีหน้า

 

ใบหน้าของผู้จัดการลู่เย็นชา “แล้วพวกเขาเกี่ยวข้องอะไรกับเรา? นายน้อยจระกูลหลินก็เป็นเพียงแค่คนโง่เท่านั้น ถ้าหากว่าเจ้าไม่สามารถจ่ายภาษีสำหรับปีนี้ได้ ปีหน้าพวกเจ้าก็ไม่ต้องจ่ายแล้ว”

 

“เพราะข้าจะฆ่าทุกคนที่กล้าตั้งคำถามกับตระกูลชนชั้นสูงและคิดที่จะก่อกบฏ”

 

ด้วยคำสั่งที่เขาให้ไว้พวกยามจะไม่แสดงความเมตตาใดๆออกมา

 

สำหรับผู้จัดการลู่ถึงคนพวกนี้จะตายไปมันก็จะมีคนมาแทนที่เสมอ

 

ที่นี่มีผู้ลี้ภัยมากมายและไม่เคยขาดแคลนมาก่อน

 

โกลาหล!

 

ผู้คนจากตระกูลฉินและตระกูลจางไม่ได้คิดเลยว่าผู้จัดการลู่จะเลวร้ายได้ขนาดนี้

 

เขาไม่แม้แต่จะต่อรองเลยด้วยซ้ำ

 

แล้วยังสั่งให้ทหารยามฆ่าพวกเขาโดยไม่ลังเลอีกต่างหาก

 

แต่พวกเขาก็ไม่กลัว พวกเขาจับมือกันและกันจากนั้นก็ยกขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับเขาอย่างไม่เกรงกลัว

 

ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้น

 

“เชี่ย!! ข้าก็แค่อยากจะออกมาเดินเล่นเท่านั้น แต่ดันมีคนมาด่าว่าข้าโง่ ใครมันเป็นคนพูด? ใครกันที่กล้าขนาดนั้น?” หลิน ฟานต้องการจะถือพัดและเดินออกมาแบบเท่ๆ แต่เนื่องจากเขาไม่มีพัด เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องไขว้มือไว้ข้างหลังและเดินออกไป

 

เมื่อผู้จัดการลู่ได้ยินเช่นนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว และเมื่อเขาเห็นว่าเป็นใครเดินเข้ามาเขาก็รู้สึกไม่ดีทันที

 

เมื่อผู้คนจากหมู่บ้านตระกูลฉินและตระกูลจางเห็นว่าใครมาพวกเขาก็ตื่นเต้น

 

“ยินดีที่ได้พบนายน้อยหลิน”

 

เสียงของเขาดังมาก

 

“อา” หลิน ฟานทำเพียงแค่พยักหน้ากลับเท่านั้น

 

หากเป็นก่อนหน้านี้ชาวบ้านคงจะไม่มีความรู้สึกดีกับหลิน ฟานแน่นอน

 

เพราะยังไงเขาก็มาจากตระกูลชนชั้นเช่นเดียวกัน

 

แต่เหตุการณ์หมู่บ้านตระกูลหวังทำให้พวกเขาทุกคนเห็นความหวังขึ้นมา

 

พวกเขารู้สึกว่านายน้อยหลินแตกต่างจากคนอื่น

 

“โกวชิ มีใครบางคนต่อว่าข้า เจ้าบอกข้าหน่อยได้ไหมว่ามันเป็นใคร” หลิน ฟานถาม

 

โกวชิตอบ “รายงานนายน้อยคนที่ต่อว่าท่านมันชื่อลู่เป็นผู้จัดการของตระกูลหยวน”

 

ชิ้ง!

 

สายตาของหลิน ฟานจับจ้องไปที่ผู้จัดการลู่และกล่าวออกมาว่า “เจ้าคนไร้ประโยชน์ เจ้ากล้ามากถึงขนาดต่อว่านายน้อยผู้นี้เชียวรึ?”

 

“หลิน…” ผู้จัดการลู่กำหมัดของเขา เขาไม่ได้คาดหวังว่าชายคนนี้จะได้ยินคำพูดของเขา

 

“ลูกพี่ลูกน้อง”

 

“มีอะไรหรือลูกพี่ลูกน้อง?” โจว เชียงเหมาถามออกมา เขาจำคำพูดของลูกพี่ลูกน้องได้ เขาจะต้องอดทนและรอให้ลูกพี่ลูกน้องพูดจบเสียก่อน แต่เขาก็ไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อในเมื่อเขาพูดเพียงคำว่า “ลูกพี่ลูกน้อง” แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

 

“เจ้ากำลังรออะไรอยู่? ไปตบเขา” หลิน ฟานพูด

 

“เข้าใจแล้ว” โจว เชียงเหมาจ้องผู้จัดการลู่จากนั้นก็เตะพื้นออกไป เขากลายเป็นแสงและพุ่งเข้าไปหาผู้จัดการลู่

 

ผู้จัดการลู่ตกตะลึงและคำรามออกมา “ข้ามาจากตระกูลหยวน เจ้ากล้า…”

 

ถึงเขาจะพูดแบบนั้นออกมา

 

แต่เขาก็ไม่กล้าประมาทเพราะเขารู้ดีว่าโจว เชียงเหมาแข็งแกร่งมากแค่ไหน

 

ในตอนนั้นเองโจว เชียงเหมาก็มาปรากฏตัวต่อหน้าผู้จัดการลู่ เขาทำการดึงแขนทั้งสองข้างของผู้จัดการลู่จนเสียงแคร็กดังออกมา แขนทั้งสองข้างของเขาห้อยลงมาตามแรงโน้มถ่วง

 

จากนั้นเขาก็ลงมาเตะที่หัวเข่า

 

มีเสียงแคร็กดังขึ้นมาอีกครั้ง

 

“อ๊ากก!!”

 

ผู้จัดการลู่ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด

 

“ฮึ ด้วยความแข็งแกร่งเพียงเท่านี้เจ้ายังคิดที่จะต่อต้านข้าอีกรึ? ข้าจะบอกอะไรให้ถ้าเจ้ากล้าต่อว่าลูกพี่ลูกน้องของข้าอีก นี้คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเจ้า! เจ้าโชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ถูกข้าสังหาร”

 

ฝ่ามือหนาของโจว เชียงเหมากวาดออกไปโดนไปหน้าของผู้จัดการลู่จนทำให้ฟันของเขากระเด็นออกมา

 

เราสามารถเห็นเลือดสดๆไหลออกมาจากปากของเขาได้

 

จากนั้นเขาก็กลับมาหาหลิน ฟาน “ลูกพี่ลูกน้องท่านอยากได้แบบนั้นใช่ไหม?”

 

หลิน ฟานพยักหน้า “ดี ดีมาเลยลูกพี่ลูกน้องเจ้าทำได้ดีมาก!”

 

รอบข้างของพวกเขากลายเป็นเงียบสงบ

 

ไม่มีใครคาดคิดว่าหลิน ฟานจะสั่งให้โจมตีไปแบบนั้น

 

ผู้ติดตามของผู้จัดการลู่ค่อยๆออกไปอย่างเงียบๆโดยไม่มีใครสังเกตเห็น

 

ในตอนนั้นเองผู้จัดการลู่ก็คุกเข่าลงกับพื้น แขนของเขายังคงห้อยอยู่เหมือนเดิม เขาเงยหน้าขึ้นและมองหลิน ฟานด้วยความโกรธ “นายน้อยหลิน ท่านอย่ากับยุ่งเรื่องนี้มากเกินไป เพราะนี่เป็นเรื่องของตระกูลหยวน”

 

“ความโกรธ +66”

 

หลิน ฟานยิ้ม “เจ้าโชคดีแค่ไหนแล้วที่ข้าไม่ได้สังหารเจ้าเมื่อเจ้าต่อว่าข้า แล้วเจ้าไม่คิดว่าเจ้าอวดดีไปหน่อยรึไง? เจ้ากล้าสังหารผู้คนกลางวันแสกๆ ถ้าเจ้ากล้าขนาดนี้หลังจากนี้เจ้าจะไม่สั่งให้ข้าทำความสะอาดเลือดของเจ้าบนถนนด้วยการเลียงั้นหรือ?”

 

“ความโกรธ +88”

 

ในตอนนี้ผู้จัดการลู่อยู่ในถานการณ์ที่เสียเปรียบ

 

แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ยอมถอย

 

“นี่มันเป็นเรื่องของตระกูลหยวน มันมีส่วนใหนที่เกี่ยวข้องกับท่าน? และถ้าหากท่านต้องการจะเป็นคนดีนั่นมันก็เรื่องของท่าน”

 

“ตระกูลฉินเป็นของตระกูลหยวนและพวกเขาต้องทำงานเพื่อจ่ายภาษีให้พวกเรา”

 

“หรือตระกูลหลินต้องการจะแทรกแซง”

 

เขาพูดออกมาอย่างดุเดือด ถึงเขาจะโดนทุบตีมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะถึงยังไงเขาก็ยังมีเจ้านายของเขาคอยหนุนหลังอยู่

 

ดังนั้นนายน้อยของตระกลูหลินจะทำอะไรข้าได้?

 

เขาไม่ได้กลัวเลยแม้แต่นิดเดียว

I Don’t Want To Defy The Heavens

I Don’t Want To Defy The Heavens

I Don't Want To Defy The Heavens, IDWTDTH, Wǒ Bùxiǎng Nì Tiān A, 我不想逆天啊
Score 7.2
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2018 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I Don’t Want To Defy The Heavensภายในห้อง มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูเงียบสงบกำลังนั่งอยู่ข้างเตียง พร้อมกับทำสีหน้าเคร่งเครียด อย่างไรก็ตามลึกเข้าไปข้างในแล้วเขากำลังมีความสุข “นี่มันก็วันที่สามแล้ว ข้าคงไม่สามารถกลับไปได้อีกต่อไป” ภายในใจของหลิน ฟานตอนนี้กำลังยุ่งเหยิง เพราะเขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้เขายังอยู่ที่สถานีรถไฟใต้ดิน ตอนนั้นภายในสถานีรถไฟใต้ดิน มีสถานการณ์ที่ไม่สบอารมณ์เกิดขึ้น เมื่อเขาต้องสู้กับพวกสารเลวสองคน แต่ตัวเขาค่อนข้างแข็งแกร่งและได้ใช้วิชาหวิงชุนกลับไป อย่างไรก็ตามสองสามวินาทีต่อมา เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับหมัดขนาดใหญ่ที่กำลังมุ่งตรงมาทางเขา หลังจากเสียง ‘ปัง’ เขาก็ไม่รู้สึกอะไรเลยอีกเลย เมื่อเขารู้สึกตัวอีกทีเขาก็ได้มาอยู่ที่นี่แล้ว ตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงแค่การแกล้งกัน อย่างไรก็ตาม เขารู้จักตัวเองดี เขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติหากไม่มีใครสังเกตเห็นเขาเมื่อเดินสวนกัน ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะโดนแกล้ง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset