I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 19. เริ่ม

​Chapter 19 เริ่ม

หลังจากเหตุการณ์พอร์ทัลระเบิด ผมก็ยังติดต่อจองโฮอยู่บ่อยๆ.

เอาจริงๆ มันเป็นเพราะผมสามารถได้รับข้อมูลจำนวนมากจากรุ่นพี่.

อัตราส่วนมิตรภาพต่อข้อมูลก็ประมาณ 3:7 ล่ะมั้ง?

จองโฮพูดว่าเขาอเวคขณะทำงานในฐานะผู้จัดการอเวค.

เนื่องจากผมแทบจะไม่มีโอกาสได้เจอพวกแรงค์สูงๆของกิล ข้อมูลจากแรงค์เกอร์ผู้จัดการเป็นอะไรที่หวานฉ่ำเป็นอย่างมาก.

หลังจากการต่อสู้กับซัคคิวบัสครั้งแรกของผม ผมก็ไปล่าต่อที่ดันเจี้ยนระดับ 13 เพื่อเวลอัพ.

ฝูงซัคคิวบัสทำให้ผมเวลอัพเป็นอย่างดี.

วิธีการก็ดังนี้.

ฆ่าพวกมันแต่เว้นไว้ซัก 1-2 ตัวจากฝูงซัคคิวบัส 200 ตัว.

จากนั้นก็เหยียบศพซัคคิวบัส. เพียงแค่เหยียบอย่างไม่ต้องสนใจพวกมัน!

แม้ในสถานการณ์อย่างนี้ ผมก็ไม่อาจจะลืมร่ายดาบทะลวงอย่างต่อเนื่องได้.

ผมร่ายสกิลด้วยมือแต่ละข้าง แม้สกิลจะไม่มีคูลดาวน์แต่มันมีช่องว่างเล็กๆระหว่างที่ร่ายซ้ำ.

ผมร่ายสกิลด้วยมือแต่ละข้างช้า 3~5 วินาที.

ศพถูกเหยียบและมีแสงสีแดงดูดเลือดจิ้มไปที่ซัคคิวบัสที่รอด เพราะแสงไม่สามารถมาถึงผมได้เนื่องจากถูกบล็อคด้วยฮึงโดของผม.

จากนั้น 200 ซัคคิวบัสคืนชีพก็ถูกสร้างขึ้น.

หลังจากจัดการเส็จ บอสอินคิวบัสก็ออกมาและคืนชีพพวกมันอีกครั้ง.

‘เหมือนการต้มซุปกระดูก. ต้มแล้ว. ต้มอีก.’

ค่าประการณ์ที่ได้รับจากซัคคิวบัวคือ 16 ล้าน และซัคคิวบัวคืนชีพ 2 ครั้งครั้งละ 30 ล้าน. ในหนึ่งครั้งที่เคลียร์รวมทั้งบอสด้วย ค่าประสบการณ์ที่ผมได้ประมาณ 80 ล้าน!

ไม่เหมือนคนอื่นที่จะหลีกเลี่ยงศพพวกมันขณะล่า แต่ผมเหยียบพวกมันอย่างไม่สนใจ.

แม้กระทั้งหินแรงค์ C.

เมื่อผมโชคดีหน่อย แม้แต่หินแรงค์ B ก็ดรอป เนื่องจากบอสแรงค์ C และระดับดันเจี้ยนที่เพิ่มขึ้น ผมจึงได้รับของซึ่งไม่สามารถเปรียบกับดันเจี้ยนระดับต่ำก่อนหน้านี้ได้เลย.

หลังจากเวลของผมเพิ่มและรวบรวมเงิน ผมนึกถึงแม่.

ข้างเตียงมีกล่องกระดาษสีรุ้งวางไว้อยู่.

มี 500 ล้านอยู่ข้างในนั้น. หลังไปสมาคม ผมก็จะได้รับอีก 260 ล้าน.

เพื่ออวดแม่ ผมเก็บเงินและเอามาไว้ที่นี้.

ฮ่า… มันเป็นช่วงเวลาที่ผมรอคอย… มันคือความสำเร็จที่ผมฝันถึง แต่เพียงวันนี้เท่านั้นที่ผมรู้สึกว่าเป็นเรื่องยาก มันคือการที่จะบอกเธอ.

ใช่แล้ววันนี้! ผมตัดสินใจจะพาแม่กับมา.

ผมต้องการให้เธอประหลาดใจ.

ขณะขับรถกลับ ผมเตรียมวิธีโน้มน้าวเธอและเพื่อที่จะทำหน้าที่ลูกเป็นครั้งแรกใน 18 ปี.

* * *

“คนขับ ไปหน้าตลาดคับ.”

“คับ ตลาดนะคับ.”

ขณะคนขับกดแท็กซี่มิเตอร์ ผมกำลังมองออกนอกหน้า มีตึกถูกทำลายได้ถูกสร้างใหม่เป็นจำนวนมาก.

แม้กระทั้งตอนนี้ มีหลายคนกำลังทุกข์ทรมาน ตาย และต่อสู้.

ขอบคุณสำหรับผู้ที่เป็นสาเหตุของภัยพิบัตินี้ ผมจึงมีเงิน.

ความเจ็บปวดของบางคน กลายเป็นความฝันและความหวังของผม…..

ถ้าคุณคิดเกี่ยวกับผม มันเป็นได้มากกว่า 2 ด้านและน่าประชดนัก.

มีความเสียหายจากการก่อจลาจลในเขตพลเรือนซึ่งเป็นหัวใจของเมือง ไม่เหมือนเขตรัฐบาลที่เกิดจากมอนเตอร์.

“13,000 วอนคับ.”

“นี่คับ ขอบคุณคับ. ขับรถดีๆนะคับ.”

หลังจากยื่นเงินให้คนขับและพูดขอบคุณเป็นมารยาท ผมออกจากแท็กซี่.

นั่นไง มันอยู่ตรงนั่น.

ร้านกุกซูจิบขนาดเล็กซึ่งตั้งอยู่ใกล้ทางเข้าย่านตลาด.

มันเป็นที่ที่แม่ของผมทำงานมา 7 ปีจนถึงตอนนี้.

ผมเห็นแม่ของผมผ่านทางเข้าที่ทำจากกระจก.

ผมสูดหายใจลึกๆและเอื้อมไปแตะประตู.

ไม่นานหลังจากเปิดประตูร้านอาหาร ผมได้ยินเสียงตะโกนอย่างโมโห.

“อีนี่นิ แกกำลังล้อฉันเล่นใช่มั้ย! แกเอาไอ้นี่มาให้ฉันกิน?”

ชามถูกปา.

“อึก ขออภัยด้วยค่ะ.”

ขี้เมาถือโต็ะและกำลังคุมคามแม่ของผม.

ซุปก๋วยเตี้ยวที่หกอยู่บนพื้นและชามแตกที่ลง เสมือนเกียรติของแม่ผมเสียไป.

ผมก็ยังคงเห็นแม่ของผมขอโทษอยู่.

พวกเขาพูดว่าคนเราจะมีสายตาอุโมงค์เมื่อโกรธ และผมเห็นเพียงแค่ไอ้ขี้เมาซึ่งไอ้สารเลวนั่นอยู่ในสายตาของผมเพียงคนเดียว.

ในทันที ผมผลักประตูร้านและเข้าไปกระชากคอเสื้อของมัน.

มันเป็นสถานการณ์ที่ทำให้ผมกำหมัดแน่นและบดฟันอย่างไม่รู้ตัว.

ผมจ้องไปที่ไอ้ขี้เมาราวจะฆ่า.

“หือ! หือ? ไอ้เวรนี้ใคร.”

“มิน มินชอล อ้า…..”

ด้วยคำพูดของแม่สั้นๆ ผมรู้สึกตกใจและละอาย.

แต่ผมได้ยินเสียงผ่อนคลายเล็กน้อยปนมา. นั่นก็เพียงพอแล้ว.

เธอเป็นคนที่ไม่บ่นอะไรแม้แต่ครั้งเดียวในช่วงประถมของผม เมื่อบุคคลที่เรียกตนเองว่าพ่อทำร้ายเธอจนแทบจะปางตาย.

ผมหวังที่จะให้เธอพึ่งพิงผมในตอนนี้.

และแม่ที่เป็นอย่างนั้น เกิดขึ้นอีกครั้งต่อหน้าผม!

ผมไม่สามารถหยุดความโกรธของผมไว้ได้. ผมจับคอเสื้อของไอ้ขี้เมาอีกครั้งอย่างรุนแรง.

ขี้เมาขัดขืนและข่มขู่.

“นี้มันอะไร… นี้ลูกชายแกหรอ? ฮ่า แกและแม่ของแกก็สวะทั้งคู่นั่นแหละ. ไอ้ลูกกระหรี่ ทำไมแกถึงยังไม่ปล่อยฉัน?”

“หุบปากซะ…..”

“อะไร? ไอ้สวะ!”

ขี้เมาพยายามขัดขืนและปาเก้าอี้ใส่ พลาดหน้าผากแม่ของผมไปเพียงแค่เส้นผม.

หน้าผากของแม่เป็นรอย และมีเลือดสีแดงเข้มไหลลงมาที่แก้ม.

สติของผมขาด ผมโยนไอ้ขี้เมาออกไป.

ขี้เมาชนเข้ากับโต็ะ.

โต็ะหักในทันทีและขี้เมาก็ขดอยู่บนพื้นพร้อมกับชุดจานชามที่แตกลง.

“อ๊ากก… ไอ้สวะนี้นิ แกจะต้องตา-…..”

ผมไม่ได้ฟังประโยคด่าที่เหลือ.

เพราะมือซ้ายของผมกำลังจับหัวของเขาอยู่.

ผมยกไอ้ขี้เมาขึ้นอย่างรุนแรง.

“อ๊าก! ปล่อยฉัน! ทำไมแกถึงยังไม่ปล่อยฉันล่ะ?!”

“…..”

แทนการตอบ ผมรวมสายฟ้าในมือขวา.

วันนี้ผมจะฆ่าชายคนนี้และส่งลงนรก.

แม้ในนรก ผมก็จะบดขยี้เขาจนที่ว่าไม่มีใครหาหรือจำเขาได้อีกต่อไป.

ผมสัญญาว่าจะปกป้องและผมรู้สึกว่าผมสามารถรักษาสัญญาได้จนถึงตอนนี้.

แต่สัญญานั้นพังไปแล้วในตอนนี้ ผมรู้สึกโกรธและเสียใจราวกับคนที่สูญเสียทุกสิ่ง.

ขณะที่ผมเคลื่อนมือขวาที่รวมเวทย์พุ่งใส่เขา…! ผมได้ยินเสียงของแม่ขณะที่เธอกำลังจับแขนขวาของผม.

ขณะผมที่ได้ยินคำเหล่านั้น ทำให้เรียกสติของผมกลับมา.

“มินชอล อ้า… พอแล้ว. ลูกหยุดได้แล้ว…..”

ผมเห็นแม่ส่ายหัว.

ผมปล่อยเขาและปลดพลังในมือขวา.

แม้จะเมา แต่เขาก็รู้สึกถึงเจตนาฆ่าของผม ดังนั้นจึงทำให้เป้าของเขาเปียก.

ไม่นาน ตำรวจก็มาถึง.

ได้รับรายงานจากตำรวจ กลุ่มของ ‘หน่วยเคลียร์เหตุการณ์อเวค” ก็ถูกส่งมา.

หนึ่งในพนักงานตำรวจพาแม่ของผมไปโรงพยาบาล และหลังจากนั้น ผมก็บอกพวกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น.

เหตุการณ์ถูกอธิบายขณะที่เขาเหลือบมองไปที่เก้าอี้ที่ก่อเหตุ. *เขา = ขี้เมา

แม้มันเป็นความผิดของเขา แต่เพราะอเวคเกี่ยวข้องด้วย กรณีจึงถูกแบ่งเป็น 2 กรณี คือ ระหว่างเขากับแม่ของผม และเขากับผม.

ผมถูกสอบสวนเป็นชั่วโมงที่ ‘สถานีตำรวจ’ ในพื้นที่.

มันน่าเสียดายหรือโชคดีกัน ผมสามารถออกมาโดยไม่มีปัญหาใดๆ ขณะที่ชายที่ผมพยายามฆ่าบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย.

หลังจากออกไป ผมกลับไปร้านก๋วยเตี้ยว.

ผมกลับมาเพื่อจ่ายสำหรับค่าของที่พังและค่ารบกวนธุรกิจ.

มันเป็นที่ที่แม่ทำงานมา 7 ปี และเจ้าของร้านก็ก้มหัวขอโทษที่ว่าเขาไม่สามารถหยุดมันได้ในตอนแรก.

ผมถามเขาว่าค่าเสียหายเท่าไหร่ที่ตำรวจบอกไว้ และให้เงินเพิ่มเล็กน้อยแก่เจ้าของร้าน.

พร้อมกับคำพูดที่ว่าไปหาจ้างคนอื่นแทนแม่ของผม.

หลังจากแก้ปัญหาเส็จ ผมไปที่โรงพยาบาล.

ผมเปิดประตูห้องคนไข้และเห็นแม่ของผม.

ไม่นานหลังเธอพบผม เธอยกร่างกายที่บาดเจ็บขึ้นและพูด.

“ลูกชาย. กินอะไรมาหรือยั้ง? ถ้ามีเพียงแค่พูดดีๆและก็ไล่เขากลับ เหตุการณ์อย่างนี้คง…..”

“แม่ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”

“แน่นอน! แม่สบายดี! แม่ผ่านการต่อสู้ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศมาแล้ว แม้กระทั้งการทิ้งระเบิด. ลูกคิดว่าแม่จะพ่ายแพ้กับอะไรอย่างนี้หรอ?”

“นางสาวพัก เมื่อไหร่ที่เธอดื้อขนาดนี้ฮ่ะ?” *นามสกุลแม่ก่อนแต่ง

ผมเปลี่ยนโทนเสียงอย่างฉับพลันกลายเป็นจะร้องไห้.

“แม่ แม่ไม่ต้องไปทำงานที่ร้านอีกต่อไปแล้วนะ. แม่เห็นใช่มั้ย? ลูกชายคนนี้ของแม่โคตรแข็งแกร่ง?”

“…..”

“ผมจะทำทุกอย่างเอง แม่ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้วนะ.”

“ลูกชาย ลูกจำได้มั้ยว่าแม่พูดอะไรไป? แม่สามารถอยู่ได้โดยที่ไม่มีเงินแต่แม่ไม่สามารถอยู่ได้โดยที่ไม่มีลูก จำได้มั้ย? หนี้สามารถยกเลิกได้หลังจากที่แม่ตาย ลูกรู้ใช่มั้ย?”

“อย่างพูดอย่างนั้น! ทำไมแม่ต้องพูดอย่างนั้นด้วยล่ะ? ผมจะจัดการเรื่องหนี้ด้วยตัวเอง. แม่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไ…!”

แม่หยุดประโยคของผมและจ้องมาในตาของผม.

“งานนักล่ามันไม่อันตรายหรือไงกัน? แม่เห็นมันตั้งมากมายในข่าว. พ่อแม่ที่ไหนจะส่งลูกของพวกเขาเข้าถ้ำเสือกัน!”

40 ปีที่แล้ว ในยุคที่มอนเตอร์ปรากฎขึ้น เธอเป็นคนที่ไร้การศึกษา เธอจึงให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมากแก่ลูกชาย ซึ่งเธอทนลำบากมาทั้งหมดก็เพื่อให้แน่ใจว่าลูกชายของเธอจะไม่ประสบชะตากรรมเดียวกันกับเธอ.

ผมเข้าใจความรู้สึกของแม่ที่ปฏิเสธมัน.

อย่างไรก็ตามผมได้รับโอกาสซึ่งไม่ได้จะได้กันทุกคน.

ผมบอกเธอเกี่ยวกับความสามารถของผม.

“ไม่มีทางที่ผมจะเจ็บหรือตายหรอกแม่.”

“จริงหรอ?”

“ถ้าผมบอกว่ามันเป็นความจริงล่ะ?”

“ถ้าลูกเจ็บหรือตายล่ะก็ แม่ก็จะตายพร้อมลูกเช่นกัน ดังนั้นสัญญากับแม่นะว่าจะไม่เป็นอะไร!”

“ผมเข้าใจ ผมสัญญา.”

การโน้มน้าวเธอใช้เวลาอย่างยาวนานและในท้ายที่สุดเธอก็ยินยอมเพื่อจะให้ผมเริ่มล่า หลังจากที่ลงลายนิ้วมือหรือลายเซ็นต์บนสัญญาของผม.

ในท้ายที่สุดผมก็สามารถมอบชีวิตที่ง่ายๆและสะดวกสบายให้แก่เธอ.

‘ตอนนี้ถึงเวลาที่พวกเราจะได้เริ่มต้นใหม่แล้ว.’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset