I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 23. Noblesse Guild (4)

23. Noblesse Guild (4)

 

หลังจากที่มินชอยออกจากกิลก์ปาร์ดฮยอนก็ได้เรียกหัวหน้ากิลด์ไปที่ออฟฟิศ.

 

ปาร์คฮยอนนั่งอยู่ที่ท้ายโต๊ะสำนักงานขนาดใหญ่.

 

“ทุกคนที่นี่?”

 

“ครับ/ค่ะ!”

 

“ดี วันนี้เราจะมาพูดถึงการจับตัวสมาชิกใหม่ของกิลด์โนเบลส มินชอย.”

 

หัวหน้ากิลด์ปาร์คฮยอน – ความรับผิดชอบของเธอไม่ใช่แค่การเป็นหัวหน้ากิลด์โนเบลสเท่านั้น.

 

เธอเป็นเพือนสนิทของกลุ่มหัวรุนแรงที่รับผิดชอบในการหาสมาชิกใหม่.

 

การจับคนเข้ามาเป็นสมาชิกกิลด์อยู่ภายใต้การรับผิดชอบโดยเธอหรือการใช้หนี้เพื่อเป็นการบังคับให้พวกเขาทำงานต่อไปบนโลกใบนี้เป็นอย่างเดียวที่เธอทำสำหรับอเวค.

 

ปาร์คฮยอนยังคงพูดต่อ.

 

“อาจจะมีบางคนที่ไม่เข้าใจการดำรงอยู่ของเขาดังนั้นคุณสามารถอธิบายสั้นๆได้ คุณซังมิน?”

 

“ครับเจ้านาย.”

 

ด้วยคำพูดของปาร์คฮยอน ซังมินลุกขึ้นยืนและพูดอย่างแข็งขันราวกับเขาเป็นผู้ใต้บังบัญชาทางการทหาร.

 

“คุณพบกับมินชอยเมื่อไหร่?”

 

“ประมาณ3เดือนก่อน.”

 

“เลเวลของเขาเท่าไรตอนนั้น?”

 

“เขาบอกว่ามัน13.”

 

“ฉันรู้.แต่ก่อนอื่นที่คุณจะเข้าไปในดันเจี้ยนชั้นที่12กับเขา เขาได้ใช้ไลนิ่งสเปย์ใช่มั๊ย(Lightning Spray)?”

 

“ครับเจ้านาย.แม้ว่าจะมีอุปกรณ์เสริมที่ไม่สามารถทำประโยชน์อะไรมากแต่เขาก็สามารถใช้ไลนิ่งสเปย์ได้ถึง4ครั้ง.ความน่าสงสัยเกิดขึ้นเมื่อเขาเข้าดันเจี้ยนแล้วร่างกายของเขาเร่าร้อนเมื่อเขาล่าแมนติคอร์เสร็จ.เขาเลเวลอัพ.”

 

“สำหรับที่คุณล่ากับเขาแล้วหลังจากหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาก็ยังเลเวลอัพอยู่เหมือนเดิมถูกต้องไหม?”

 

“ครับ ถูกต้องเลย ดูเหมือนกับว่าเขาจะมีความสามารถที่เหลือเชื่อ.”

 

“ดี.ขอบคุณ.งั้นเรามาฟังอีกครั้ง.คุณฮวังแจฮยอก?”

 

จากมุมห้องฮวังแจฮยอกแสดงให้เห็นความกระตือรือล้นเช่นเดียวกับซังมิน.

 

แจฮยอกและซังมินทั้งสองไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการประชุมรองหัวหน้า แต่พวกเขาก็เข้าร่วมเพราะพวกเขาจำเป็นสำหรับการประชุมครั้งนี้.

 

“ครับเจ้านาย!”

 

“คุณเรียนอยู่ชั้นเดียวกับมินชอยใช่มั๊ย?”

 

“ใช่ ถูกต้องแล้วครับ.”

 

“คุณช่วยอธิบายสิ่งที่คุณเห็นหน่อยได้ไหมคุณแจฮยอก?”

 

เขาลังเลก่อนที่จะตัดสินใจพูด.

 

“เดิมทีมินชอยเขาไม่ได้เป็นคนสำคัญของโรงเรียนเพราะว่าเขาไม่ใช่อเวค.เขาไม่มีประโยชน์นอกจากว่าเขาจะเป็นเด็กซื้อขนมปังเท่านั้น.หลังวันหยุดฤดูร้อนแล้วเขาก็แตกต่างไปอย่างมากเขามาที่โรงเรียนและกลายเป็นว่าเขาแข็งแกร่งกว่าผมที่เป็นอเวคที่โรงเรียนเมื่อปีที่แล้ว.”

 

“ดี.ดังนั้นหมายความว่ามินชอยใช้เวลาหนึ่งเดือนและมีความสำเร็จเกินกว่าคนที่ฝึกมาเป็นปี ถูกมั๊ย?”

 

“ครับ ถูกต้องครับ.”

 

“คุณรู้ได้ยังไง?”

 

“นั่น…ในวันแรกที่เขากลับมาเราได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือดและผมก็แพ้ในที่สุด.”  1

 

“ขอบคุณแจฮยอก คุณแจฮยอกและคุณซังมินช่วยรอสักครู่.”

 

แจฮยอกหน้าแดงราวกับว่ามันระเบิดมาจากความอับอาย.

 

“หลังจากที่ผมเห็นมินซอยครั้งแรกคือหลังจากที่เขาได้ไปที่เคลวี่คอร์แล้ว. แน่นอนว่าเขาได้รับบาดเจ็บจนเก็บจะถึงแก่ความตาย แต่คนที่เป็นอเวคมาไม่ถึงหนึ่งเดือนก็เครียร์ดันเจี้ยนเลเวล12และบอสลับเช่นกัน.”

 

คำพูดของปาร์คฮยอนทำให้สำนักงานเกิดโกลาหล

 

“เราไม่รู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของเขา แต่มีบางอย่างที่เราสามารถคาดเดาได้ คือการฟื้นฟูเวทย์มนรต์อันน่าเหลือเชื่อ!”

 

“คุณกำลังจะบอกว่าเขามีความสามารถติดตัวคือการฟื้นฟูมานา?”

 

“มันอาจจะเป็นอย่างนั้น.”

 

ปาร์คฮยอนพูด.

 

“ตอนนี้มันเป็นเพียงสมมุติฐาน แต่เราสามารถให้คำตอบได้ถ้าเขามาอยู่ฝ่ายเราได้ ไม่ว่าความสามารถของเขาคืออะไร ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาได้ซ่อนศักยภาพอะไรไว้บางอย่าง.”

 

“ถ้าเราปฏิเสธ…..”

 

ปาร์คฮยอนมองตรงมาที่ดวงตาของเลขาลีแจฮยองขณะที่เธอตอบคำถาม.

 

“เยี่ยม งั้นเราก็ต้องติดตามเขาต่อไป.ถ้าลูกแมวโตขึ้นกลายเป็นเสือโคร่งและอยู่ข้างเกียวกับรัฐบาล…มันจะกลายเป็นเรื่องน่าปวดหัว.ดังนั้นเราจะฆ่าเขา.”

 

เมื่อความตั้งใจฆ่าปรากฎออกมาจากตัวเธอทุกคนก็ไม่สามารถทำอะไรได้มีแต่ความตึงเครียดที่เกิดขึ้น.

 

คำถามก็ยังคงผุดออกมาราวกับจะเปลี่ยนบรรยากาศ

 

“คุณคิดว่านี่เป็นความคิดที่ดีในการเชือดไก่ให้ลิงดูหรือไม่?”

 

“เขาหมกมุ่นอยู่กับเงิน เขากำลังดิ้นรนเพื่อออกจากความยากจน.”

 

“…..”

 

“เหตุผลที่เขาเข้าร่วมโนเบลสก็เพื่อเงิน! เพื่อให้ได้ดาบเล่มนั้น.”

 

“ในการเติบโตระดับนี้เขาจะสามารถได้รับเงินมหาศาลในไม่กี่เดือน เขาจะยอมรับจ้อตกลงนั้นอย่างง่ายดายหรือไม่?”

 

“ขอโทษด้วยทุกคน แต่ฉันได้เสนอจำนวนเงินมหาศาล.”

 

สมาชิกในออฟฟิศรู้สึกไม่สบายใจ.

 

ทุกคนคิดว่า, ‘เธอจะต้องเปย์ไอ้อเวคไก่อ่อนนั่นมากแค่ไหน?’

 

“20 ล้าน!แม้ว่าเขาจะเข้าใจถึงศักยภาพของเขาได้ แต่มันก็ยากที่จะไม่อ่อนไหวกับเงินที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้าวิธีนี้ไม่ได้ผลฉันมีแผนอื่น.”

 

“มันคืออะไร?”

 

“ใช้สมาชิกครอบครัวคนเดียวของเขา..แม่ของเขา.”

 

“เราจะใช้แม่ของเขาเป็นตัวประกัน?”

 

เมื่อได้ยินคำถามปาร์คฮยอนยิ้มเย็น. 2

 

“เราไม่สามารถรีบเร่งให้เขาเป็นศัตรูของเราได้.สิ่งเดียวที่เราต้องทำคือ.ต้องแสดงให้เห็นว่าแม่ของเขาได้รับบาดเจ็บหรือคนที่ไม่ใช้อเวคและเป็นบุคคลในรัฐบาลในระดับสูง.จากนั้นธรรมชาติของเขาก็จะโกรธต่อรัฐบาลที่ไร้ประโยชน์ ไม่ใช่หรือ?”

 

มันมากเกินกว่าที่จะจัดการได้ง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยปาร์คฮยอนที่มองเห็นชีวิตผู้คนเหมือนกับมดปลวก.

 

การประชุมเสร็จสิ้นและผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดออกไป.

 

ซังมินและแจฮยอกที่มีความสัมพันธ์กับมินชอยเป็นกลุ่มเดียวที่อยู่ในออฟฟิศ.

 

“คุณซังมินและคุณแจฮยอกมีบทบาทสำคัญ ไม่ว่าคุณจะมีความสัมพันธ์เชิงบวกหรือลบแกมินชอย คุณเป็นสมาชิกในกิลด์เพียงคนเดียวที่มีความสัมพันธ์กับเขาดังนั้นฉันจึงไว้ใจคุณในการให้ข้อเสนอนี้กับเขา.”

 

“ครับเจ้านาย.”

 

“ผมเข้าใจแล้ว.”

 

“โปรดติดตามเขาทุกความเคลือนไหว และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นคุณก็ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของเราได้ จนกว่าแผนการที่เตรียมมาจะลงตัว……”

 

“เข้าใจแล้ว.”

 

ทั้งสองตอบด้วยความกระตือรือล้น

 

“จากนั้นฉันจะบอกอะไรกับคุณ ไปสู่ความรุ่งโรจน์ด้วยกัน!”

 

ทั้งสองตะโกนและเอากำปั้นทุบหน้าอกตัวเอง.  3

 

“แต่ความรุ่งโรจน์!”

 

“แด่ความรุ่งโรจน์!”

 

แจฮยอกไม่เคยได้รับการยอมรับในกิลด์หรือสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรง ด้วยการแนะนำจากกิลด์ที่เขาเข้าร่วม แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้.

 

ดังนั้นเขาจึงเห็นด้วยกับคำพูดของปาร์ฮยอนว่ามันเป็นโอกาศ.

 

‘ถ้าฉันจับไอ้ก้อนขี้ตัวน้อยๆนั่นได้…มันจะเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่หรือไม่? ในที่สุดฉันก็มีโอกาศ โอกาศที่จะรักษาต่ำแหน่งของฉัน!’

 

คำแนะนำของเธอได้ถูกลืมไปเรียบร้อยเหมือนกับคนตาบอดที่จะปราถนาที่จะประสบความสำเร็จ.

 

หลังจากจบการสนทนาแล้วปาร์คฮยอนก็ส่งซังมินและแจฮยอกกลับไป.

 

ปาร์คฮยอนตอนนี้อยู่คนเดียวเธอพิงพนักเก้าอี้ของเธอที่กำลังนั่งอยู่และพูดกับเพดาน.

 

“จิน.”

 

เงาของโต๊ะในออฟฟิศเริ่มบิดเบี่ยว

 

รูปร่างของผู้ชายที่ประกอบด้วยควันก็ปรากฎตัวขึ้่น

 

เขามีชื่อเล่นว่า ‘จิน’,และเขาก็เป็นกลุ่มหัวรุนแรงระดับเดียวกับปาร์คฮยอน.

 

รอยยิ้มตรงหน้าของเขาหายไปและเขาได้เดินไปหาปาร์คฮยอนและพูด.

 

“ดูเหมือนว่าฉันจะได้ยินเรื่องน่าสนใจ”

 

“มันเป็นเหมือนกับที่คุณได้ยิน ฉันต้องการให้คุณออกไปที่นั่น.”

 

“คุณต้องการให้ฉันจัดการสัตว์ตัวเล็กๆ?”

 

“ไม่ โปรดจับตาดูทั้งสองที่ฉันเพิ่งส่งไป.”

 

“ฮุ ฮุ ฮูว,คุณนี่ยังเลวเหมือนเคย.”

 

“มันเป็นภารกิจที่สำคัญ จินคุณต้องทำมันด้วยความรอบคอบ”

 

“แน่นอน.ถ้าทั้งคู่ทรยศหรือว่าข้อมูลรั่วไหลแล้วหล่ะก็ฉันจะดูแลพวกเขาตามกฎของเรา.”

 

หลังจากที่เขาพูดจบแล้วเขาก็หายไปกับเงาของเขาอีกครั้ง.

 

“การจะประสบความสำเร็จสำหรับมินชอยนั้นอยู่ที่ตัวเร่งปฏิกิริยาว่าตัวไหนกันแน่จะเป็นตัวทำปฏิกิริยาแค่ไหน.”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset