I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 27. Growth. Revenge. (3)

27. Growth. Revenge. (3)

ด้านหน้าดันเจี้ยน.

พวกอันธพาลได้ให้ผมแสดงรหัสอเวคIDเพื่อยืนยัน.

มีเพียงอันธพาลสองคนนั้นเท่านั้นที่เข้าไปในดันเจี้ยนไอ้คนแคระนั่นไม่ได้เป็นอเวคเลยไม่สามารถเข้ามาข้างในดันเจี้ยนได้.

ไอ้คนแคระที่กำลังสูบบุหรี่อยู่ถัดจากรถของเขาที่จอดอยู่ใกล้กับทางเข้าดันเจี้ยนยิ้มเยาะผมและพูดว่า.

“ลาก่อน เด็กน้อย.”

‘อะ ฮ่า.แกวางแผนที่จะส่งฉันไปแบบบนั้นหรอ? แกต้องการอวัยวะที่สดหรืออะไรสักอย่าง? มันคงไม่ใช่เรื่องตลกถ้าฉันทำแบบนั้น ฉันคิดว่าแผนของแกคงจะเป็นตอนจบแบบว่า รอแป๊ปนึงและตายซะ.’

“ผมจะได้เห็นคุณอีกสักพัก.”

ด้วยคำพูดสุดท้ายผมก็เข้าไปในดันเจี้ยน.

ตลอดของดันเจี้ยนผมได้ยินเสียงแมนติคอร์คำรามก้อง

มันเป็นเสียงที่ทำให้ผมเติบโตขึ้น แต่วันนี้มันฟังดูแตกต่าง

ตอนนี้ผมสงสัยว่าสองคนนั้นจะทำอะไร

พวกเขาจะลากมอนเตอร์มาหาผมไม๊?

หรือว่าพวกเขาจะโจมตีก่อนที่จะเริ่มล่าพวกมัน?

ความอยากรู้อยากเห็นของผมได้รับคำตอบในไม่กี่นาที

“เด็กน้อย แกไม่มีปากแล้วหรอ?”

“การที่แสดงท่าทางอันยิ่งใหญ่นั่น! ถ้าไม่ใช่บอสฉันจะฆ่าแกตั้งแต่ตรงนั้น.”

ดูเหมือนกับว่าสิ่งที่ผมพูดกับทั้งสองคนที่บ้านคงไม่ได้เข้าหูพวกเขา

แต่ละคนบอกว่าไม่ต้องพูดอะไร พวกเขากำลังโชว์สีหน้าที่แท้จริง.

หนึ่งในพวกเขาดึงดาบที่ซ่อนอยู่ข้างหลัง

อีกคนดึงสนับออกจากเอวและมีคมมีดติดตั้งอยู่บนนั้น

‘แอสซาซินและวิริเออร์ ฮุ.’

“โอ้ว แล้วทำไมพี่ๆถึงได้โกรธหล่ะ?”

“หุบปากซะไอ้ลูกของหมาตัวเมีย ทำไมแกถึงปากมากจริง สิ่งที่แกต้องทำคือหาเงินและมาใช้หนี้ของแกอย่างเงียบๆ! แกขุดหลุมฝั่งศพของแกเองโทษฉันไม่ได้หรอกนนะ.”

“ต้องโทษว่าแกเกิดมาผิดที่ในยุคของอาชญาก่อน.”

“อุฟฟ ถ้าคุณต้องการสู้สองต่อหนึ่งกับผมใช่ไม๊?”

ทันทีที่ผมพูดจบผมได้กางโล่อย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการโจมตีกระทันหัน.

มองไปที่ฟอสซิลที่ปกคลุมไปทั่วร่างกายอย่างแน่นหนาพวกเขาหัวเราะออกมาที่ผม.

“อุว่ะฮ่าฮ่า! แกคิดว่าจะป้องกันฉันได้จริงๆ?”

“อ่า เกิดอะไรอยู่กับดาบในมือแก? เมื่อเห็นแกเรียกฟอสชิลออกมาแกต้องเป็นนักวเทย์ แกเอาดาบนั่นเข้ามาเล่นในสนามรบ?”

พวกเขาหัวเราะที่ผมเป็นนักเวทย์ถือดาบสีดำ

ผมไม่ได้เปลี่ยนแปลงการกระทำ ผมดูด้วยความเด็ดเดี่ยว

“อ่า คุณพูดมากจริงๆ ผมจะไม่ปล่อยให้คุณตายง่ายๆ มันไม่ได้ยากนัก แต่มันสนุกแค่ตัวผมเท่านั้น.”

“ฉันจะแทงดาบเล่มนี้ไปที่กระโหลกของแก!”

เขาพุ่งเข้ามาพร้อมกับขว้างมีดหลังจากที่เขาพูดจบ เขาขว้างมาด้วยความเร็วที่ยอดเยี่ยม

ดาบสั้นของเขาปะทะเข้ากับโล่เลเวล 66 ฟอสซิลก็แตกออกเป็นชิ้นๆมันเหมือนกับไม้เน่าๆที่ถูกตีด้วยเหล็ก.  1

(ผู้เขียนได้ใช้อาวุธถึงสามชนิดสามประโยคคติดต่อกัน(ดาบ,มีด,ดาบสั้น))

ลูกสมุนอีกคนเห็นสิ่งที่เกิดก็รีบวิ่งเข้ามาหาผมอย่างสิ้นหวังและเสริมพลังบนสนับมือของเขา

“ย่าห์!”

กำปั้นของเขาเป็นสีแดงมันถูกปกคลุมไปด้วยไฟมันให้เสียงที่น่าทึ่งทุกครั้งที่มันผ่านบนอากาศ.

ขณะที่กำปั้นที่เต็มไปด้วยไฟนั่นกระทบโล่ของผมก็เกิดไอน้ำขึ้นและโล่ก็บิ่นออกไปเล็กน้อย.

“โอ้โฮ? คุณสามารถปล่อยอะไรออกจากหมัดได้ด้วย? แต่ว่าคุณได้ปิดไฟของคุณแล้วหรือยัง?คุณควรจะประหยัดพลังงานไว้บ้างนะ.”

‘ไลนิ่ง สเปรย์!’

สายฟ้าออกจากมือของผมและยิงไปทางพวกเขา.

“ฮ๊ากก!”

พวกเขาตาเหลือกและชักกระตุก

“มันดูเหมือนว่าคุณจะตายด้วยของง่ายๆเพียงแค่นี้.”

มันจะเป็นเพราะเลเวลของไลนิ่งสเปยร์?

ทั้งสองคนหมดสติไปครึ่งเดียว(สลบไปหนึ่งเหลืออีกหนึ่ง)

สิ่งนี้เกิดจากการที่โดนไปครั้งเดียว

ขณะที่เขากำลังจะหมดสติของพกวเขา ผมได้แทงฮังโดเข้าไปหนึ่งในแขนของเขา.  2

(คนเขียนบอกสองแต่ที่จริงแล้วพูดถึงแค่คนเดียว)

“คุ๋…อุก อ่าา!”

มือข้างหนึ่งที่ถือดาบได้บิดใบดาบออกและมืออีกข้างก็ฮิวเขาไปด้วย.

มันเป็นสกิลเลเวล1แต่เนื่องจากไม่มีคูลดาวน์ผมสามารถใช้รักษาพวกเขาไปได้เรื่อยๆ.

เมื่อดวงตาของเขาเริ่มที่จะไม่มีแสงภายในดวงตาผมก็ฮีลพวกเขาให้รู้สึกตัวอีกครั้ง.

ผมรู้สึกตกใจมากที่มีความโหดร้ายแบบนี้อยู่ในตัวของผม

แต่หลังจากที่พ่อผมตายไปคนเหล่านี้ทรมาณแม่และผมมาหลายปี.

พวกเขาทำใบหน้าที่น่าขยะแขยงในขณะที่ทำให้ผมทุกข์ทรมาณและยากจน

ใบหน้าของพวกเขาที่ผมจำเอาไว้แต่ละคนและด้วยการแก้แค้นนี้สิ่งที่ผมได้รับคือผมเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย.

ผมไม่ต้องการให้พวกเขาตายง่ายๆ

ผมต้องการให้พวกเขารู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับที่ผมและแม่รู้สึก

“คุณสองคนเป็นอเวคใช่มั๊ย?”

“นี่… ไอ้ลูกกระหรี่…”

“ผมเดาว่าหมาในปากของคุณยังออกมาไม่หมด.”  3

(คนเขียนบอกว่า เขายังดูหมิ่นและเยาะเย้ยแม้ว่าจะมีความต่างในด้านความแข็งแกร่ง)

ในขณะที่วอริเอร์ฟื้นสติเขาก็เอามือเช็ดปากหลังจากถ่มน้ำลายและด่าทอ.

ส่วนฮังโดที่อยู่บนแขนของแอสซาซิน ผมก็ได้ส่งไลนิ่งสเปย์ที่แรงพอจะฆ่าคนได้ออกไปอีกครั้งหนึ่ง

การโจมตีของพวกเขาทำได้เพียงแค่ทีเดียวเท่านั้นหลังจากนั้นเขาก็ไม่มีแรงแม้แต่จะยกดาบ.  4

(เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผู้เขียนน่าจะพูดถึงคนที่ใช้สนับมือแต่ก็ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าหมายถึงใคร)

การโจมตีของเขาถูกดูดซึมทั้งหมด.

“ตั้งแต่ที่คุณสามารถที่จะตายได้ตลอดเวลาเหมือนกับไฟบนท้องถนนผมจะรักษาคุณตลอดไป.”

การแสดงของเขาที่น่ากลัวก่อนหน้านี้ได้ตระหนักถึงอะไรบางอย่างหลังจากฟังที่ผมพูด เขาก็คิดได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ.

การที่เขาได้รับสายฟ้าเข้าไปจนฟองออกจากปากและหลังจากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร.

เขาอาจจะยังไม่ตาย

สายตาของผมเปลี่ยนไปเมื่อผมจ้องไปที่วอริเออร์

“ชะ-ช่วย ฉัน…!”

“แน่นอน แน่นอน ผมจะช่วยให้คุณยังมีชีวิตอยู่นั่นคือเหตุผลที่ผมฮิลให้คุณเพื่อที่จะให้คุณมีชีวิตอีกต่อไป.”

“ว๊อทท! ได้โปรด!”

ผมไม่ได้โจมตีเขาด้วยอย่างอื่นนอกจากไลนิ่งสเปย์แต่เขาดูเหมือนกับว่าเขาจะสูญเสียความคิดไปแล้วเมื่อเขาเหลือบมองดูคู่หูของเขาที่พ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช.

แค่คิดว่าเจอแค่การจ้วงแทงและกร์าวิตี้เลเซอร์พวกเขาก็จะตายทันที.

มันน่าผิดหวังที่ผมไม่ได้เรียนรู้สกิลมากกว่านี้มาก่อนหน้า

ไม่มีความแตกต่างระหว่างพวกเขากับผมมากนัก

แต่มองไปที่ผลลัทธ์แล้วพวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะโจมตีได้อย่างถูกต้องและต้องมานั่งกองอยู่บนพื้นราวกับขอทานข้างถนน

มันเป็นผลมาจากเลเวลสกิลเพียงอย่างเดียว!

มันแตกต่างจากอเวคปกติที่มีขีดจำกัดทางมานาของพวกเขา ผมอยู่ในมิติที่แตกต่างกันนั่นมันยังรวมถึงความสามารถด้วย.

ในอนาคตผมจะได้รับเมเทโอ คอล์,แม๊กม่า พูลและเวทย์มนตร์ระดับสูงอื่นๆ.

ผมเกือบจะกลัวตัวเอง

“นี่ เดี๋ยวก่อนสิมันยังเหลือเวลาอีก50นาทีเพื่อของคุณยังหลับสบายอยู่เลย แค่ตุณยังมีชีวิตชีวาอยู่ดี ทำไมเหงื่อของคุณออกมาขนาดนั้น? ท้องของคุณไม่ย่อยหรอ? คุณรู้สึกไม่สบายใจ?”

เขาไม่สามารถเงยหน้ามองผมได้ในขณะอยู่ในท่าคุกเข่าบนพื้นและกัดเล็บของเขา

‘ถ้าเขาเหงื่อออกเพราะว่ามันร้อนงั้นก็ต้องทำให้มันเย็นเหมือนกับน้ำแข็งแล้วกัน.’

ตั้งแต่หัวจรดเท้ารวมทั้งข้อต่อทั้งหมดของเขา ผมได้ปล่อยฟร์อส ออบไปที่เขา.

ความเจ็บปวดที่ข้อต่อของเขาหลังจากถูกแช่แข็งเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากยอมรับสภาพ

แต่ผมก็ไม่ได้ฆ่าเขาหรือทำให้เขาพิการ

พวกเขาเป็นอเวคเหมือนกับผม

พวกเขาต้องมีความแข็งแกร่งทางร่ายกายและความคล่องตัว นั่นเป็นจุดเด่นของเขา.

ผลที่ได้จากความว่องไวไม่ใช่แค่การหลบหลีกเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีสถานะต้านทานดีบัพอีก

เมื่อเวลาผ่านไปการที่ถูกน้ำแข็งกัดขนาดนั้นก็จะหายไป

มันเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่ต้องใช้ความว่องไวเนื่องจากผมสามารถใช้โล่ป้องกันได้ตลอดทั้งตัวตามความพอใจของผม

ถ้ามันเป็นแบบนั้นแล้วสถานการณ์ที่ผมจะได้รับบาดเจ็บจะไม่เกิดขึ้นเหมือนกับตอนแรก

ถ้าผมสามารถใช้โล่ที่กินมานาได้ถึงสิบเท่าแมัว่ามันจะมีคูดาวน์ก็ตาม?

ผมจะไม่มีวันโดนใครทำร้าย.

“ในขณะที่คุณลุงกำลังกินน้ำแข็งที่ผมสร้างขึ้นก็ได้มีบางคนตื่นขึ้นมาจากที่พื้นตรงนี้ มีข่าวดี เลเวลฮีลของผมเพิ่มขึ้นดังนั้นในอีก50นาทีข้างหน้ามันจะเท่ากับ50ปีของพวกคุณ.”

ในขณะที่ผมต้องมองไปที่ชายที่ถูกน้ำแข็งตรึงกับพื้นมืออีกข้างของผมก็ยังร่ายฮิลออกมาอย่างต่อเนื่องเหมือนกับกองทัพกูล.

“หยะ-หยุด!! อ๊าาาา!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset