I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 33. My Way (5)

33. My Way (5)

หลังจากที่ผมออกจากดันเจี้ยนผมก็ขึ้นรถแท๊กซี่.

เมื่อทำแบบนี้ผมก็ยังสามารถเพิ่มเลเวลได้ แต่ผมไม่สามารถใช้อาวุธที่ต้องการได้.

และหินแร็ง B ที่ผมได้ลงทุนไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถพามันกลับมาได้เนื่องจากผมไม่ได้เครียร์ดันเจี้ยน.

มันไม่สามารถปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ได้.

“ขอบคุณ ดูแลตัวเองด้วย.”

สถานที่ผมมาคือตลาดอเวคที่ใกล้กับดันเจี้ยนเลเวล18

หลังจากที่ออกจากดันเจี้ยนผมก็ไปตลาดที่ใหญ่ที่สุด

เป็นเพราะว่าผมต้องการซื้อไอเทมระดับสูง.

ในร้านมีลูกค้ามากมาย.

ขณะที่ผมกำลังเดินอย่างไม่มีจุดหมายพนักงานของร้านที่เป็นผู้หญิงอายุราวๆ20ปีเข้ามาหาผม.

ผู้ชายส่วนใหญ่แล้วไม่ต้องการให้มีคนมาแนะนำพวกเขา.

ผมรู้สึกว่าไม่มีจุดหมายอะไรในการเข้ามาในตลาดใหญ่นี้

พนังงานได้พูดเหมือนกับเป็นธุรกิจของตัวเอง

“ยินดีต้อนรับ.”

“ครับ สวัดดี.”

“มีอะไรที่คุณต้องการหาอยู่ไหม?”

“ผมกำลังซื้อหนังสือที่เป็นสกิลของเนโครแมนเซอร์อยู่ครับ.”

ใช่ การโจมด้วยเวทย์มนตร์ระดับสูงไม่มีได้ช่วยให้การฟื้นฟูของมันลดน้อยลง มันเหมือนกับเค้กข้าว.(เค้กข้าวนี่มันคล้ายต๊อกโบกี้ป่าวไม่รุนะแต่เคยกินที่เหนียวโครตๆ/ไรต์)

มันเป็นสิ่งที่ผมไม่สามารถแม้แต่จะฝันเกี่ยวกับเงินที่ผมมี.

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมวางแผนที่จะซื้อสกิลเกี่ยวกับดีบัฟที่ถูกกว่า

มันมีผลแบบเดียวกัน แต่ไม่มีใครที่จะใช่ยกเว้นเนโครเมนเซอร์เนื่องจากมานาที่ต้องจ่ายเพิ่มถึง10เท่า

“สกิลเนโครเมนเซอร์ กรุณามาทางนี้?”

ผมตามพนักงานของร้านไปยังมุมหนึ่งของร้านค้า.

มันแตกต่างจากตลาดเล็กๆใกล้บ้าน บริเวณรอบๆมีแต่ยามเฝ้าเต็มไปหมด.

แต่ละคนมีอาวุธที่น่ากลัวทั้งนั้น.

ด้านในตลาดถูกแบ่งออกเหมือนกับร้านหนังสือและไม่มีภาพของไอเทมให้เลือกเนื่องจากพวกมันถูกแขวนเอาไว้จริงๆ.

แม้แต่อาวุธที่เป็นไอเทมระดับกึ่งAยังถูกแขนอยู่บนมุมเพดาน

“นี่คือหนังสือสกิลของเนโคร มีอะไรที่คุณต้องการเป็นพิเศษ?”

“ได้โปรดเอา ‘ทำให้ความต้านทานต่ำ’ และ “ไม่สามารถฟื้นฟู’ มาให้ด้วย.”

“เข้าใจแล้ว ทำให้ต้านทานต่ำอยู่นี่แล้ว และคุณยังต้องการ ไม่สามารถฟื้นฟู ด้วย?”

เธอหันมาถามผมเพื่อความยืนยัน

“ใช่.”

“แต่อย่างไรก็ตามคุณไม่ต้องเรียกมันด้วยคำพูดยากๆ.คุณแค่เรียกมันว่ารักษาไม่ได้. นั่นคือสิ่งที่ทุกคนเรียก. มันไม่ใช่ทุกคนที่เรียกว่า ‘รักษาไม่ได้’ ชื่อของเวทย์มนตร์พวกนี้มันไม่ได้ใช้เฉพาะอยู่ในโรงเรียนเวทย์มนตร์หรอกนะ.”

“อ่า….ผมจำมันมากจากสารบัญที่เขียนไว้…”

“อย่างที่คิด คุณพึ่งเป็นอเวคได้ไม่นาน.”

“ใช่.”

พนักงานยิ้มและพูด

หลังจากที่หยิบหนังสือสกิลทั้งสองเล่มขึ้นมา

“คุณต้องการอะไรอย่างอื่นอีกไหม?”

“คลาสฮีเลอร์ หนังสือสกิล บัฟโจมตี ด้วย.”

“ได้ เข้าใจแล้ว.”

หลังจากที่ผมพูดจบยามสองคนก็มุ่งหน้ามาที่ผมและพนักงาน.

‘โอ้? นี่มัน.’

โดยที่ไม่คิดถึงความแข็งแกร่งพวกเขาประกบแขนทั้งสองข้างของผม.

มองตาที่ผมเบิกกว้างขึ้นและเธอก็ยิ้มหวานพูดขึ้นมา.

“จากไอเทมและหนังสือทุกชิ้นถือเป็นหนึ่งในสมบัติที่ล้ำค่าของเรา นั่นเป็นเหตุผลที่มียามเข้ามาพาเราออกไป ขออภัยถ้าคุณประหลาดใจ.”

“อ่า… ครับ…..”

ผมเดาว่าเขาคงรู้สึกไม่สมเหตุสมผลตั้งแต่ที่ผมซื้อดีบัฟของเนโครเพียงอย่างเดียวก็ 60,000 ดอลล่า   1 ,และผมยังซื้อบัฟโจมตีด้วย.(TL:ราคาพวกนี้คนเขียนมักจะเขียนเป็นตัวเลขและเราก็คิดว่ามันเป็นเดอลล่า)

มันไม่ได้ใช้เวลานานหลังจากที่ผมและพนักงานมาที่เค้าเตอร์.

กับยามที่อยู่ทั้งสองข้างของผม มันทำให้เหมือนกับว่าพวกเขาเป็นลูกน้องของคนแคระ

‘สถานการณ์แบบนี้….ฉันไม่ชอบมันด้วยเหตุผลบางอย่าง.’ มันอยู่ในความคิดของผม.

เมื่อซื้อของเสร็จแล้วผมก็ขึ้นรถแท๊กซี่.

เรียนสกิลทั้งสามขณะที่กำลังนั่งรถแท๊กซี่กลับ

มันน่ารำคาญที่จะต้องมาอัพเลเวลสกิลทุกครั้งที่ผมได้รับ.

อย่างไรก็ตามการเพิ่มเลเวลสกิลมันมีประโยชน์อย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นผมจึงไม่มีทางเลือกอื่น.

ผมจำเป็นต้องโจมตีมอนเตอร์ให้มากที่สุดเพื่อที่จะเพิ่มเลเวลให้สกิลอย่างรวดเร็ว.

กลับไปที่ดันเจี้ยนของแมนติคอร์ มันเหมือนกับเป็นห้องฝึกซ้อมของผมในตอนนี้.

* * *

หลังจากให้เวลาลงทุนไปกับการเพิ่มเลเวลสกิลเป็นเวลา3ชั่งโมง มันค่อนข้าง…

ผมอยู่หน้าดันเจี้ยนเลเวล18อีกครั้ง.

เวลาในการล่าเหลือไม่มากแล้ว

มันเป็นเพราะว่าผมเสียเวลาไปครึ่งนึงกับการล่าในดันเจี้ยนที่ผมไม่ได้ล่ามานาน.

แต่มันก็เพื่อความสมบูรณ์แบบในดันเจี้ยนเลเวล18ของวันนี้.

ดันเจี้ยนที่มีอุโมงค์สีดำ

ผมแน่ใจ หลังจากที่ผมได้ลากมอนเตอร์มาสองกลุ่มแรก

จากนั้นผมก็ร่ายทำให้ความต้านทานต่ำกับยับยั้งการฟื้นฟูใส่พวกมัน.

บนหน้าอกของพวกมันก็ปรากฎรูปสามเหลี่ยมและรอยบาดกากบาทขึ้นมาอีกครั้ง.

ด้วยวิธีนี้ การดีบัฟ เป็นอันสมบูรณ์.

ผมได้ใช้บัฟเพิ่มการโจมตีให้กับตัวเองอย่างรวดเร็ว ผมโยนกราวิตี้เลเซอร์ออกไป.

เส้นหนาๆได้ซึมเข้าไปในร่างกายของพวกมัน. 2  (TL:คนเขียนได้ใช้คำที่ลามก)

เสียงร้องที่จ้าระหวั่นและเลือดที่นองไปทั่วพื้นที่.

มันรักษาไม่ได้ ดีบัฟ ส่งผลอย่างชัดเจน

หลังจากที่ผมได้ยืนยันผลของดีบัพแล้วผมก็โยนโล่ของผมและวิ่งไปหาพวกมัน.

และแบบเดียวกับการโจมตีกริฟฟอนครั้งที่แล้ว ผมได้ใช้ไฟซ๊อคใส่พวกมันเพื่อเป็นการปิดเกมส์.

ข้างใต้ผมกลายเป็นทะเลของเปลวเพลิง

ขนนกที่คมกริบของกริฟฟอนที่ฝังอยู่ในโล่ของผมได้กลายเป็นขี้เถ้าและเย็นลงอย่างช้าๆ.

“ดี.”

นอกเหนือจากการโจมตีพิเศษจากการพ่นพิษของนากา ไม่มีอะไรที่สามารถเข้าใกล้ผมโดยไม่ตาย.

สิ่งเดียวที่ผมต้องกังวลคือการลากฝูงกริฟฟอนที่โจมตีเข้ามาเป็นจำนวนมหาศาล.

เมื่อลกามอนเตอร์ทั้งหมดในดันเจี้ยนมารวมไว้เป็นกระจุกแล้วผมก็ร่ายฟรอส์ซิลและสปิริตอาร์เมอร์.

ฟรอส์ซิลพังลงหลังจากการโจมตีที่รุนแรง

ก่อนหน้านี้มันพังด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวของ แคลวาคอร์(บอสแมนติคอร์).

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมเคลือบสปิริตอาร์เมอร์ไว้ที่ฟรอส์ซิลอีกครั้ง เพื่อความปลอดภัยที่แน่นอน.

จากนั้นก็ดีบัฟและใช้ไฟช๊อคตามสำหรับตัวที่ไม่สามารถฟื้นฟูได้.

ในเวลาเดียวกันก็ร่ายกราวิตี้เลเซอร์เพื่อทรมาณพวกมันในระหว่างนั้น.

จากความสามารถในการป้องกันของผม โล่สะท้อน มีการป้องกันที่น่าเหลือเชื่อมากที่สุด.

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมเก็บมันไว้เพื่อเจอบอสลับเหมือนกับ ลูว์เวอร์(Louver).(น่าจะเป็นบอสด่านนี้/ไรต์)

ถ้ามันไม่มีคูลดาวน์ มันก็ไม่มีความจำเป็นกับเรื่องพวกนี้.

ด้วยแผนการที่สมบูรณ์แบบของผม ผมสามารถทำลายพวกมันได้อย่างหมดจด.

นอกเหนือจากการลงเป็นครั้งที่สองแล้ว ผมก็ใช้เวลาไปประมาณ10นาทีเท่านั้น.

วิญญาญทั้งหมดที่ตายไปถูกดูดซึมด้วยลูว์เวอร์.

มันเป็นเวลาที่ผมได้เห็นใบหน้าของมัน.

อย่างไรก็ตามมันก็กลับไปซ่อนตัวอยู่ตรงกลางดันเจี้ยน

-ฮู๊ดดดด!

ผมได้ยินเสียงหมู

บอสปรากฎ

ผมคิดว่าบอสลับได้ปรากฎขึ้นหลังจากที่ผมเครียร์ดันเจี้ยนเลเวล18ครั้งแรก.

ไม่มีทางที่จะซ่อนความตื่นเต้นบนใบหน้าของผม.

ถ้าผมโชคดีผมอาจจะได้รับอาวุธของผมในวันเดียว.

ด้วยเหตุนี้ผมจึงวิ่งไปยังกลางดันเจี้ยน

“ว้าว….ไก่(กริฟฟอน),ซุปงู(นากา)และตอนนี้ก็หมู?”

หมูมันมีขนาด5เมตร

มันเป็นหมูที่เดินสองเท้าและถือกระบองขนาดเท่าหัวของมัน

และมืออีกข้างก็ถือกล่องไม้กลมๆ.

พลังโจมตีมันต่ำ แต่ไอเทมในมือซ้ายเป็นอันตราย(กล่องไม่กลมๆ).

คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นระเบิดที่สามารถทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ได้.

ถ้าผมสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีอันนั้นของมันได้ผมจะเอาชนะมันได้โดยไม่มีปัญหาอะไร.

“อย่างไรก็ตาม คนที่ซ่อนตัวอยู่ที่นั้นก็รบกวนผมอยู่เสมอ คุณก็แค่รอ.”

มันผ่านไปหลังจากที่ลูว์เวอร์หายเข้าไปในพื้นแค่แป๊ปเดียวเท่านั้น

‘ไกวดอน’ มันเริ่มจะโจมตีทีทันที ที่หัวของเขา(ลูว์เวอร์)หายไปจากพื้น.

เมื่อมันเข้ามาใกล้ผม ผมก็ใช้ดีบัฟและบัฟตัวเองทันทีแทบจะในเวลาเดียวกัน.

เสียงที่เกินขึ้นหลังจากที่ร่างกายของมันกระแทกกับพื้น พื้นดินสั่นสะเทือนและผมก็รู้สึกกดดันจากมัน.

กระบองถูกยกขึ้นเหนือหัวและทุบเข้ามาที่ผม.

แต่ด้วยร่างกายที่มีขนาดใหญ่ของมันทำให้การโจมตีของมันเชื่องช้า.

มันหวดลมและกระบองของมันก็จมเข้าไปในดินและมันก็พยายามที่จะยกขึ้นมาอีกครั้ง

ผมวิ่งไปข้างและ และก็มาถึงข้างหลังของมัน

ผมใช้สกิลทั้งหมดที่ผมมี และผมก็ไม่เคยทิ้งความประมาทเอาไว้.

จากประสบการณ์ในระยะไกล ไลนิ่งสเปย์จะมีประสิทธิภาพมากกว่ากราวิตี้เลเซอร์.

ผ่านการล่ามาเป็นเวลานาน ผมสามารถรู้ได้โดยตรงว่าสิ่งไหนจะสร้างความเสียหายกับเจ้าตัวมากที่สุด.

แม้ว่าการวิตี้เลย์เซอร์จะเป็นสกิลระดับA และ ไลนิ่งสเปย์ จะเป็นระดับC แต่มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในการใช้อย่างมีประสิทธิภาพ.

เปลวไฟจากไฟช๊อคบินไปรอบๆและด้านหลังของมันก็ตำเป็นตอตระโก

ควันออกมาจาก จมูก,ปากและหู

เห็นได้ชัดว่ามันบาดเจ็บอย่างสาหัส.

แม้ว่าผมกำลังจะใช้เวทย์มนต์ตาของผมก็จับจ้องไปที่มือซ้าย

กระบองที่อยู่ในมือขวา ด้วยมือสั้นๆนั้นมันไม่สามารถโจมตีผมโดนได้.

มันดูเหมือนกับว่ามันได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างเมื่อมันยกมือซ้ายและโยนระเบิดไปกลางอากาศ.

‘โล่สะท้อน.’

แทนที่จะไล่ผมลงไปแต่มันดูเหมือนกับว่ามันต้องการให้ผมออกจากร่างกายของมันแม้ว่ามันจะได้รับบาดเจ็บ.

-ตูมมม!

สิ่งของที่ทำจากไม้ที่มันถือเอาไว้ระเบิดออกมาด้วยเสียงสะนั่น

ในเวลาเดียวกันมันก็คุกเข่าลงและเสียชีวิตด้วยตาที่เบิกกว้าง.

มันไม่ได้ตายจากแรงของการระเบิด

บอสไม่โง่พอที่จะฆ่าตัวตาย

มันเป็นเพราะความเสียหายจากโล่สะท้อน

เนื่องจากโล่สะท้อนไปถึงเลเวล100แล้ว อัตราการสะท้อนอยู่ที่30%และลดความเสียหาย60%

มันสะท้อนความเสียหายมากกว่าครึ่งนึงของการความเสียหายจากการระเบิด.

แม้ว่าโล่จะไม่สะท้อน อย่างไรก็ตามมันก็จะตายอยู่ดี.

แต่แบบนี้มันทำให้ง่ายขึ้น

ในขณะที่ผมกำลังกวาดของที่ลอยออกมาจากร่างของ ‘ไกวดอน’….

ยมทูต ลูว์เวอร์ ได้ปรากฎตัวออกมาด้านหน้าและเริ่มเคลื่อนไหว.

นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมเข้าดันเจี้ยน แต่ผมเริ่มเบื่อมันแล้ว.

มันยังไม่ถึง20นาที ใช้ และมันก็เริ่มจ้องมองมาที่ผม…

มันไม่ได้รู้สึกเหมือนกับ20นาที แต่มันเหมือนกับ2ชั่วโมง.

* * *

ใช้การโจมตีของมอนเตอร์ในการดูดซับ.

และมันก็ดูดซึมวิญญาณของไกวดอน

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต่อสู้.

นั่นคือสิ่งที่ผมคิด ขณะที่ผมมองศพค่อยๆจมลงไปในดันเจี้ยนช้าๆ.

การลงทุนไป1แสนดอลลาร์ทำให้ผมได้เรียนรู้สกิลใหม่แค่3สกิลเท่านั้น.

แต่ก็ต้องขอบคุณสกิลเหล่านี้ที่ทำให้ผมใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงในการเครียร์ดันเจี้ยน.

ดันเจี้ยนหนึ่งต้องใช้สกิลจาก5-6อาชีพที่แตกต่างรวมกัน.

แต่ผมสามารถโจมตีคนเดียวได้

ผมไปที่ศพของไกวดอน

มองไปรอบๆผมไม่เป็นอาวุธอะไรเลย.

อย่างไรก็ตามเหมือนกับบอสลับทั่วๆไป มันได้ดรอปหินเลือดระดับBขนาดใหญ่และหนังสือสกิล

มันควรจะมีราคาที่แตกต่างกันมากกับหินระดับC.

ผมก็บของทั้งหมดใกล้ๆศพกับลูว์เวอร์

มันไม่ได้ดรอปหิน,หนังสือสกิล,หรือแม้แต่อาวุธ

แต่ผมเห็นกำไลเงาอยู่เหนือซากศพของมัน.

“อะเระ อะเระ.”

ด้วยหนังสือสกิล,กำไลและลาภลอย ผมรีบออกจากดันเจี้ยนทันที

Comment

Options

not work with dark mode
Reset