I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 35. Exp Continues to Rise (2)

35. Exp Continues to Rise (2)

“ย๊า… มินชอย.”

“อีกละ. ทำไม?”

“แตะที่มัน ไม่รู้สึกหรอว่ามันแข็งกว่าตอนแรก?”

“ทำไมนายต้องทำแบบนี้. เอ๋! นายกำลังจะไปไหน? อึ๊! อึ๊!”

“ฮ่า…คุณจะทำอย่างอื่น อารมณ์ของฮยองตอนนี้ ว้าว มันทำให้ผมรู้สึกว่ากำลังไปอยู่โลกใหม่.”

ถ้าคนที่ได้ยินแค่ประโยคนี้เท่านั้นพวกเขาจะเข้าใจผิดในการพูดคุยเหล่านี้.

การเจรจาธุรกิจเสร็จเร็วกว่าที่คิด

ยังมีเวลาเหลือ9ชั่วโมงในการทานอาหารเย็นกับแม่

เมื่อเร็วๆนี้เธอได้มีเพือนในระแวกเซฟเฮ้าและเป็นครั้งแรกที่เธอตัดสินใจไปดูละครเวที.

ในที่สุดแม่ก็พบกับคนที่มีอายุเท่ากันและสนุกกับชีวิตอย่างเต็มที่.

“มันเป็นเวลานับสัปดาห์ที่เราจะไปเดทด้วยกัน ฉันขอโทษ แต่อย่างน้อยเราก็มีเวลาอาหารเย็นที่ดีอย่างน้อยๆ.”

นั่นคือสิ่งที่เธอบอกขณะที่เธอกำลังแต่งหน้า

ละครเวที.

ถ้าคุณคิดเกี่ยวกับมัน มันไม่ใช่เรื่องใหญ่

มองดูเหมือนกับว่าเธอกำลังเป็นสาวน้อยที่กำลังตื่นเต้น มันช่วยได้มันทำให้เธอดูน่ารัก.

ดัวยเหตุนี้สถานการณ์ในใจของคนธรรมดาหนึ่งคน  1  กับสองอเวคจึงจบลงด้วยการเข้าไปในดันเจี้ยนเลเวล18หลังจากที่ธุรกิจซื้อขาย.[TL:ไม่มีคำว่าแฟน 1*]

มันไม่มีที่ไหนที่เราจะไปมันเลยจบลงที่นี่

และตอนนี้จุงโฮก็เลเวลอัพขึ้น2เลเวลทำให้เขาค่อนข้างไฮเปอร์.

มันเป็นเพราะว่าเขามีประสบการณ์ล่าในอีกระดับหนึ่งซื่อแตกต่างจากสิ่งที่เขาเคยทำ.

เพิ่มความแข็งแกร่งเข้าไปที่สถานะทั้ง10แต้มและก็เบ่งกล้ามของเขาและบอกให้สัมผัสมัน.

เมื่อมองไปทีหน้าที่มีแต่ความสุขเหมือนกับเด็กน้อยของจุงโฮ มันทำให้หัวใจของผมรู้สึกสบายใจที่ผมคิดว่าสามารถช่วยเขาในการประหยัดเล็กๆน้อยๆได้.(พูดถึงเกราะที่ซื้อมาใหม่/ไรต์)

ก่อนที่จะเข้ามาเขาปฎิเสธข้อเสนอ

ด้วยความจริง เขาอาจจะกลัวและเสียใจกับผมอย่างละครึ่ง

มันเพียงแค่ผ่านไปเดือนเดียวเท่านั้นที่ผมฆ่าซัคคิสบิและตอนนี้ผมก็มาถึงดันเจี้ยนเลเวล18

แต่เราสองคนก็เร่งมัน.

ผมคิดว่าต้องใช้เวลาอย่างาน้อย20นาทีในการโน้มน้าวเขา

‘เฮ้อ มันก็ดูดีเหมือนกัน?’

ประเภทของเขา(จุงโฮ)เป็นประเภทที่ว่าจะปฎิเสธที่จะสร้างความลำบากให้กับคนอื่นและมีข้อแก้ตัวมากมาย.

จนมาถึงจุดหนึ่งจุนโฮปฎิเสธเรื่องแบบนี้

ให้เดาเขาคิดว่าการเครียร์ดันเจี้ยนมันค่อนข้างอันตราย

เพื่อเป็นการปลอบประโลมเขา ผมก็บอกว่าจะเครียร์ดันเจี้ยนนี้ด้วยตัวเองในเวลา20นาทีและผมก็ดึงบัตรประจำตัวของผมออก.

เพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าผมสามารถเครียร์ดันเจี้ยนเลเวล18ได้ดังนั้นเขาจึงสงบ.

ผมกำลังใช้บัตรยืนยันตัวของผมแสกน

จากนั้น.

“เฮ้ มินชอย อย่าทำอย่างนั้น! มันมากเกินไป! มาเกินไปแล้ว!”

“ทำไมคุณทำท่าทางแบบนั้น! การที่ผมเครียร์ดันเจี้ยนพวกนี้มันก็เหมือนกับการเดินเล่นที่บ้าน”

“ไม่มีทาง! ไม่มีทาง! นายกำลังดิ้นรนหาอะไรสักอย่าง? คุยเรื่องนี้กับฮยองก่อน นายจะต้องคิดถึงแม่ที่บ้าน!”

“ฮ่า…..”

‘คุณนี่มันก็เหมือนกับมันหวาน…..”  2   [TL:คนที่สวยมากๆจะเรียกว่ามันหวาน(สวีตโปเตโต้)]

มันเหมือนกับกินมันหวานสามอันโดยไม่มีกิมจิ.  3  [TL:ลองทำที่บ้านเด็กๆ]

จุนโฮเห็นว่าผมพยายามจะเข้าไปและหยุดผมทุกอย่างที่เขามี.

ไม่มีคำพูดอะไรเกิดขึ้นและผมรู้สึกว่าจุนโฮให้ความสำคัญกับผมมากกว่าที่ตัวเขาเสียอีก.

เมื่อคิดจากคำอ้อนวอนของเขาแล้ว

และก็ค้วามือของเขา

“ใช่ มินชอย มันเป็นการตัดสินใจที่ดี ไปคุยกันที่ม้านั่งที่อื่นเถอะ.”

“ฮัลโหล.”

ไม่ว่าเขาพยายามจะยื้อผมแค่ไหน ร่างกายของผมก็แข็งแกร่งกว่าเขาอยู่ดี

ผมจับมือเขาไว้และโยนเขาออกไปไกลๆ

แม้ว่าเขาจะถูกโยนแต่จุงโฮก็เป็นอเวคเขาไม่ควรจะได้รับบาดเจ็บ.

ขณะที่เขาลอยเขายังเรียกชื่อของผมด้วยน้ำตา.

แม้ว่าตอนนี้เขาจะร้องไห้ออกมาผมก็ทำได้แค่หัวเราะเท่านั้น.

“มิน~ชอยย!”

“ครับ ครับ มินชอยยังไม่ตาย.”

* * *

ตอนเที่ยง กำลังล่ากับจุงโฮ…

มีรถเก๋งสีดำสุดหรูกำลังขับมาทางนี้

จุงโฮมองไปที่หน้าค่างสถานะพร้อมกัยแสดงออกทางสีหน้าด้วยความยินดีเมื่องมองไปที่มัน.

“ดูเหมือนว่าจะมีนายน้อยมาแถวๆนี้”

“นายน้อย?”

หญิงสาวออกจากรถ

ดูเหมือนว่าเธอจะอายุเท่าผม

ชายสองคนประกบข้างๆเธอ

เกราะและไม้เท้าที่ดูไม่หรูหรา

มันอาจจะไม่ได้ทำด้วยช่างตีเหล็ก

ทั้งสองคนก็ไม่ใช่แค่บอร์ดี้่การ์ดอย่างเดียว

ในบริเวณดันเจี้ยนมีคนถูกฆ่าหลายคน.

ทั้งหมดได้รับการเตือนและรักษาระยะห่างเป็นอย่างมาก.

เมื่อมองไปที่สถานการณ์ที่ไร้สาระนี้จุงโฮพูด.

“ฉันได้ยินมาว่าหลานสาวของ CEO อิลซังเป็นอเวคเมื่อเร็วๆนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นเธอ?”

“คุณกำลังพูกถึงบริษัทขนาดใหญ่ อิลซังกรุ๊ป? TV เครื่องปรับอากาศ?”

“ช่าย บริษัที่เป็นอันดับสามของเกาหลี ถูกต้อง.”

“แต่ทำไมถึงส่งหลานสาวนั่นมายังดันเจี้ยน?”

“มินชอย คุณเห็นอเวคคนอื่นๆรอบๆตัวเธอหรือป่าว? และคนอื่นๆรอบๆตัวเธออีก.”

“ใช่ ผมเห็น มันเยอะมาก.”

“ฉันไม่รู้จักคนทางขวา แต่คนทางซ้าย. คนที่มีหน้ากากปิดครึ่งหน้าชื่อว่า ‘ยูน จุง ซัน’. ผู้ที่ได้รับการจัดระดับเป็นแรงค์Aของนักเวทย์ในเกาหลี.”

“โอ้โห เขาดูเหมือนกับคนทั่วๆไป…แต่เขามีชื่อเสียง.”

“เมื่อมีการเกิดระเบิดขึ้นที่โณงงานที่กลางเขา เขาเป็นคนหนึ่งที่ป้องกันความเสียหายที่ลุกลามอย่างต่อเนื่อง.”

“แล้วทำไมเขาต้องมาดูแลเด็กอย่างเธอ? พวกเขารู้จักกันมาก่อน?”

“เด็กคนนี้คงอยากจะเที่ยวชมดันเจี้ยน. ทำไมพวกเขามาทีนี่? ยูนจุงซันอาจจะได้รับการสนับสนุนของบริษัทไม่ว่าคุณจะมีเงินแค่ไหนคุณก็จะไม่สามารถหาแก่นอเวคได้หรือไอเทมหายากอื่นๆ. ‘คุณให้บริษัทยืมอำนาจ ในทางกลับกันคุณก็จะได้รางวัล’ นี่คือสิ่งที่ฉันจะพูด.”

“ผมรู้ แต่หลานสาวCEOนั่นยังเป็นเพียงแค่เด็กน้อยๆ.”

“เด็ก? มันดูเหมือนกับว่าอายุห่างกันเพียงปีสองปีเท่านั้น?ทำไมนายถึงอยากจะเป็นคนแก่!”

“ผมอิจฉา. ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเพราะมีปู่เป็นCEO.และอเวคระดับท๊อปนั่น? ผมกำลังพยายามดิ้นรนเพราะการหาซื้ออาวุธที่ดูสิ้นเปลือง…หลังจากทัวร์ดันเจี้ยนนี้แล้วผมคิดว่าจะให้คุณหาดันเจี้ยน เลเวล26.”

“อย่าแม้แต่จะมอง พวกเขาเกิดมาก็มีตัวตนที่ต่างกันตั้งแต่เกิด.นายทำอะไรได้บ้าง. อ่า! และอย่าลืม.ฉันเป็นคนที่ความสุขในการซื้อเกราะตัวนี้ในราคา4ล้านเหรียญ!”

หัวเราะเยาะกับความตลกร้ายของพวกเรา พวกเรายังต้องต่อสู้กับความยากจนแม้จะเป็นอเวค.

ใช่ เราก็ไม่น่าสงสารเท่าไร เนื่องจากว่าเรายังเป็นอเวค

การพูดคุยของเรายังไหลออกมาเรื่อย แต่ตาของพวกเราก็มองดูพวกเขาตลอดเวลา.

จนกว่าพวกเขาจะหายตัวเข้าไปในดันเจี้ยนเพื่อที่จะทัวร์ชมของเขา.

เปรียบเทียบกับตัวเองและดูเหมือนกับเป็นคนขี้เกียจและน่าสงสาร.

ไม่เหมือนกับคนอื่น ผมมีมานาไม่มีจำกัด

ดัวยความสามารถนี้ผมสามารถเติบโตเร็วกว่าคนอื่นๆเป็น10เท่า.

แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากผมได้ไอเทมที่มีความสามารถสูงกว่านี้? จะไม่มีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่านี้หรอ?

ผมไม่สามารถที่จะไม่โลภได้.

หนึ่งในเหตุผลที่ผมคิดแบบนี้ก็คือ ‘กำไลของลูว์เวอร์’.

ผมไม่ต้องการที่เพียงแค่ไอเทมที่เพิ่มสถานะแต่ยังต้องการไอเทมที่เพิ่มความพิเศษ.

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมวางแผนจะเอาเซ็ตลูว์เวอร์จากดันเจี้ยนเลเวล18.

ด้วยที่เป้าหมายเดิมของผมคืออาวุธแรงค์ M/A ด้วย

ผมได้ยินความสามารถของแหวนและสร้อยคอของลูร์เวอร์จากจุงโฮระหว่างทาง

แหวนที่เพิ่มพลังของกำไลเป็นอย่างมาก

เมื่อโจมตีด้วยเวทย์มนตร์มันจะดูดซับพลังเวทย์

ปกติการดูดซับของเวทย์มนตร์มันจะไปตรงกับกำไล

มันเลยมีผลกระทบที่กลายเป็นเพิ่มระยะเวลาให้เร็วขึ้น

หากสร้อยคอไปอยู่ในมือคนอื่นก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง.

มันมีโอกาศที่จะทำให้เวทย์กำหนดเป้าหมายไม่มีผล

หากเป็นแบบนั้นนักเวทย์ที่ถูกล่าจะทำให้เวทย์โจมตีไม่ทำงาน

ไม่ว่าจะยากแค่ไหน ผมก็ไม่ต้องใช้ความพยายามในการใช้ความแข็งแกร่งพื้นฐานทางอาวุธ

แต่เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นมันมีความเป็นไปได้ที่ต่ำดังนั้นชิ้นส่วนพวกนี้จึงไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ.

แต่สิ่งที่ผมมองไปคือเอฟเฟ็คที่ใส่ครบทั้งสามชิ้นต่างหาก.

มันคือ ‘การปกป้องของลูว์เวอร์’.

เมื่อใส่ไอเทมที่มีชื่อเหล่านั้นทั้งหมดมันจะเกิดผลเอฟเฟ็คเป็นชุด

จากดันเจี้ยนเลเวล18 ผมสามารถจัดการมันได้ด้วยตัวเองและยังเจอมอนเตอร์ที่มีชื่อเป็นของตัวเองเป็นบางครั้ง.

นอกเหนือจากเซ็ตเอฟเฟคแล้ว การปกป้องของลูว์เวอร์เป็นเรื่องที่เหมาะสม

หาคุณยืนอยู่ในรัศมีที่เท้าของคุณก้าวไปถึงคุณสามารถดูดซับวิญญาณของมอนเตอร์ได้เหมือนกับการเก็บเกี่ยวของลูว์เวอร์

ซึ่งแตกต่างจากลูว์เวอร์ที่หันไปดูดวิญญาณด้วยตัวของมันเอง มันจึงกลายเป็นโล่ที่ปกป้องจุดอ่อนของคนที่ได้รับผลกระทบได้

ทุกคนในปาร์ตี้อาจจะได้รับผลกระทบนี้ แต่ปัจจุยดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับผม.

ถ้าผมได้รับชุดเซ็ตนี้ ผมก็จะโยนโล่ของผมและสามารถเครียร์ดันเจี้ยนได้เร็วยิ่งขึ้น.

มันเป็นผลกระทบที่เหมาะแก่การล่าเท่านั้น

ไอเทมไหนที่จะดีกว่านี้และสามารถทำให้ผมล่าได้เร็วยิ่งขึ้น?

* * *

จุงโฮที่กำลังรอยู่ทางเข้าดันเจี้ยน ผมก็เข้าไปในฝูงอย่างไม่ประมาท

หลังจากที่เคลื่อนไหวแล้ว ผมก็ฆ่าพวกมันทั้งหมด

การแสดงความสามารถของผมทำให้จุงโฮไม่สบายใจเล็กน้อย แต่เหตุผลที่แท้จริงก็คือ

สกิลหลักทั้งสองที่ผมใช้คือ กราวิตี้เลเซอร์กับไฟซ๊อค

ทั้งสองสกิลไม่สามารถกำหนดเป้าหมายได้

แม้ว่าจะรออยู่ที่หน้าทางเข้าแต่ค่าประสบการณ์ก็ได้รับเหมือนกัน

ไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้ๆ

มันจะเพิ่มความเสี่ยงเท่านั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งสองสกิลก็ได้อเวคแล้วถ้าจุงโฮที่เลเวลอยู่ในระดับ60ต้นๆโดยไปก็อาจจะเกิดบาดแผลที่ร้ายแรง

หลังจากฆ่ากลุ่มสุดท้ายของลูว์เวอร์แล้วผมก็มุ่งหน้าไปทางจุดศูนย์กลางของดันเจี้ยน.

หลังจากผ่านไป20นาทีจุงโฮก็น่าจะมาที่จุดศูนย์กลางของดันเจี้ยนเหมืนอกัน

ผมเห็นจุงโฮที่อยู่ห่างออกไปในที่มืด

“หืม?”

แต่มีบางอย่างถูกปิด

ถ้าผมได้เห็นจุงโฮนั่นหมายความว่านี่เป็นจุดศูนย์กลางของดันเจี้ยน แต่ทางออกไม่ได้ปรากฎ

“อะไร ทำไมถึงไม่มีทางออก? ผมพลาดอะไรไป?มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้.”

“นายได้ฆ่าลูว์เวอร์แล้วหรือยัง?”

“ใช่ผมเสร็จแล้วก็มุ่งหน้ามาทางนี้.”

“ฆ่าบอสและลูว์เวอร์ที่ปรากฎตัวท้ายสุดทำไมถึงไม่มีทางออก??”

“อืม มันแปลกๆ ผมจะไปดูรอบๆอีกครั้ง.”

“เดี๋ยว บางที…..”

“หืม? มันคืออะไร? คุณมีความคิดอะไร?”

แทนที่หันเหความสนใจเขาหันกลับไปที่ทางเข้าและเริ่มที่จะแกว่งดาบของเขาอย่างดุเดือด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset