I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 5. สู่เป้าหมาย(3)

Chapter 5 สู่เป้าหมาย(3)

ผมตรงไปยังดันเจี้ยน หลังจากที่โกหกว่าผมจะไปที่ห้องสมุดในตอนเช้ามืด

กระเป๋าคาดเอวของผมที่เตรียมไว้ ตอนนี้มันค่อนข้างที่จะเต็ม!

ผมไม่ได้กินหรือดื่มอะไรเลย นอกจากอาหารเช้าที่แม่ของผมเตรียมไว้

แต่ผมก็ไม่รู้สึกอะไร หิวหรือการคายน้ำเลย

ผมตระหนักอีกครั้งถึงวิธีการที่จะต่อสู้กับความโลภของมนุษย์

มันเป็นเวลา 3 ทุ่ม หลังอาทิตย์ตก

14 ชั่วโมงของการล่าอย่างต่อเนื่อง… และตอนนี้กระเป๋าคาดเอวของผม ตอนนี้มันใหญ่เท่าที่จะเป็นไปได้ เช่นเดียวกับหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ของผม!

ขากลับ,จากรอยเท้าบางๆของผมมันเริ่มที่จะลึกขึ้น!.
ระหว่างทางกลับบ้าน, ผมยุ่งอยู่กลับถนน ‘ตลาดอเวค’ และเข้าไปในหนึ่งในร้านค้าทั้งหลาย.

มันเป็นสถานที่สำหรับซื้อขายแลกเปลี่ยน ‘หินเลือด’ และขายอาวุธ, เกราะ, สำหรับอเวค เป็นต้น.

มันเป็นสถานที่ที่ผมไม่เคยสนใจเลย… แต่ตอนนี้ผมสงสัยว่ามันมีที่อย่างนี้อยู่มากเท่าใด
“ยินดีต้อนรับ!”
เจ้าของร้านทักทายผมด้วยถ้อยคำที่สุภาพ.

ผมสามารถเห็นได้ว่าการจ้องมองที่ผม, ซึ่งค่อนข้างเด็ก, มันเป็นสายตาที่ไม่ดี

ในสายตาของเขามองผมเหมือนเด็กเหลือขอ ซึ่งจะสามารถความลำคาญให้แก่เขา.

ผมเห็นชายแข็งแกร่งสองคนยืนอยู่ข้างเจ้าของร้าน.

ผู้ที่มาที่นี้ส่วนมากจะเป็นอเวค. และการใช้พลังของพวกเขา, พวกเขาสามารถสร้างอันตรายต่อธุรกิจของร้านค้า, ดังนั้นชายสองคนนี้ควรเป็นบอดี้การ์ดที่จ้างมา.
“ครับ หวัดดี.”
ผมตอบด้วยคำทักทายธรรมดา, ผมแก้กระเป๋าออกและวางไว้บนเคาน์เตอร์

ดวงตาของเจ้าของร้านเบิกกว้างในขณะที่เขามองที่กระเป๋าคาดเอวที่พูนออกมา
“ผมจะขายทั้งหมดนี่.”
ผมพูดและเงยหน้าขึ้น.

เจ้าของร้าน,มองกระเป๋าอย่างใกล้ชิด และก็กลับไปอย่างช้าๆ.

ความผิดหวังของเขาถูกแสดงโดยชัด.
‘อึก? นี้มันไม่เป็นไปตามที่ผมคิด?’
เจ้าของร้านไม่ให้เวลาผม และเปิดปากพูด.
“คุณได้ทั้งหมดนี่ จากดันเจี้ยนระดับ 1 ใช่มั้ย?”

“ใช่”

“มันทั้งหมดแรงค์ F , และมี 1 อัน แรงค์ F คุณภาพดี. ”
ความวิตกกังวลทำร้ายผม ด้วยการแสดงออกของเจ้าของและคำพูด

ผมไม่ทราบว่าอัตราการแลกเปลี่ยนของ ‘หินเลือด’ ผมเพียงแค่ล่า
“45 หินเลือดขนาดเล็ก ! และ 1 ขนาดใหญ่!”
ผมตอบอย่างรวดเร็ว เหมือนเด็กไร้เดียงสาซึ่งเรียกร้องซักอย่างหลังจากถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม
ผมเข้าดันเจี้ยนประมาณ 30 รอบในวันนี้.

ผมนับหินเลือดทั้งหมด 1 ต่อ 1 อย่างระมัดระวังและเก็บใส่กระเป๋า.

มันอาจดูเหมือนว่าผมเป็นคนงก, แต่การนับมันทั้งหมด มันไม่ได้ลำบาก! หรือยาก! หรือสับสน!

ดังนั้น, ผมจึงมีเพียงความรู้สึกที่แย่เกียวเก็บผลผลผลิตที่ได้จากการฟามเท่านั้น หลังจากความพยายามทั้งหมดของผม
“มันดูเหมือนว่าคุณเพิ่งอเวคและใช้เวลาในการล่าทั้งหมดในการได้… ของแรงค์ F ไม่ค่อยมีค่ามาก

TLN เหมือนพระเอกฟามเหรียญบาท 10 ครั้ง

แต่สู้ฟามแบงค์ยี่สิบ 1 ครั้ง เสียเวลาฟรี สู้ไปดันสูงๆจะคุ้มกว่า
นี้มันเป็นเศษขี้หมา!

ผมปรับอารมณ์ของผมและถามอย่างระมัดระวัง.
“แล้วทั้งหมดมันเท่าไหร่?”

เจ้าของร้านกดคอมพิวเตอร์ของเขาครั้งหรือสองครั้งและตอบ
“ลองดู … ราคาปัจจุบันของแรงค์ F 20,000 วอน แรงค์ F คุณภาพดีประมาณ 50,000 วอน ถ้าคุณกล่าวเกี่ยวกับจำนวนเงินที่ถูกต้อง … ”
เจ้าของร้านพูดในขณะที่กดตัวเลขบนเครื่องคิดเลข
“มันน่าจะประมาณ 950,000 วอน.”

อ่า… ม่ายย…. มันเพียงแค่ 20000 วอน, 50000 วอน ต่อชิ้น…

มันเพียงแค่ 950000…
เอ๊ะ?!

เขาเป็นลมไข้หรอ หรือเป็นอะไร? ราคาถูก?!

คุณกำลังคอสเพลย์เป็นมานซูร์?
TNL เจ้าของร้านคิดว่าถูก แต่พระเอกคิดว่าแพง

*มานซูร์ เจ้าของแมนซิตี้
ความผิดหวังกลายเป็นความสุข, ผมรู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่หัวจนไปถึงปลายเท้า.
“ดังนั้น คุณจะรับเป็นเงินสด, หรือคุณต้องการเป็น ‘อเวคเครดิต’?
เจ้าของร้านถามผม ขณะเก็บหินเลือดใส่เคาเตอร์.

เคาน์เตอร์แยกหินขนาดเล็กและหินขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วและคิดราคา
“เอ๊ะ? อะไรคืออ… สิ่งที่เรียกว่า ‘อเวคเครดิต’ ?”
เขาได้มาทั่ผม เมื่อสายตาที่เราพบกันครั้งแรกหายไปและตอนนี้เขามีมองไป ถ้าบอกได้คงฉบอกว่าผมน่ารักไปแล้ว และถามผม:
TNL ตอนแรกเจ้าของร้านคิดว่าพระเอกอเวคนานแล้วแต่กระจอก ไม่คิดว่าเป็นมือใหม่
“จริงหรอ, คุณไม่ได้เป็นอเวคมานานแล้ว หือ?

“ใช่, ฮ่าฮ่า…”
ผมเอามือถูกจมูกและยิ้มอย่างอายๆ.
“สมาคมไม่แม้แต่อธิบายเรื่องนี้, รัฐบาลนี่ แปลกจริงๆ.”
เจ้าของพึมพัมกับตัวเอง และพูดกับผม
“คุณมี ‘บัตรรับรองเวค’ ใช่มั้ย?”

“ใช่, ผมมีมัน.”

“คุณสามารถใช้มันเหมือนบัตรเดบิต. เอามันมา.”

“คับ, นี้คับ.”
ขณะที่ผมให้บัตรรับรอง ผมรู้สึกอายที่มีความไม่รู้ของตน และยังรู้สึกภูมิใจว่าผมมีประสบต่อโลกที่ไม่มีใครได้รับ

บัตรรับรองจะถูกใส่ลงไปที่ขั้วบัตร มันจะมีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับผมผมขึ้นมา
“คุณจำรหัสพาสเวิร์ดที่คุณสร้างได้ใช่มั้ย?”

“คับ! ผมจำได้.”

“โอเค, ใส่รหัสลงในนี้.”
‘1004’; คุณคงคิดว่านี้เป็นรหัสธรรมดาใช่มั้ย?

แต่ตัวเลขพวกนี้มีความสำคัญต่อผม.

มันเป็นวันเกิดของแม่ 4 ตุลา.
เจ้าของร้านพูด และใส่เครดิตการ์ดของเขาลงไปในด้านอื่นของขั่วบัตร.
“มันราคา 950000 วอน, ฉันจะจ่ายมัน.”

“รอก่อน! คุณมีหนังสือสกิล Lightning Spray มั้ย?”
เจ้าของร้านมองมาที่ผมอีกครั้ง.
“แม้ว่าคุณจะซื้อไป คุณก็ไม่สามารณใช้มันได้. ค่าร่ายมานามันสูงผิดปกติ. ฮืมม… คุณต้องการให้ฉันแนะนำสิ่งอื่นแทนมั้ย?”

“ไม่! ผมจะซื้อมันเป็นของขวัญ.”

“โอ้, ดี งั้นก็…”
ราคาของมัน 1 ล้านวอน.

มันแพงกว่าราคาออนไลน์เล็กน้อย, แต่เจ้าของร้านค้าคิดผมแค่ 900000 วอน ขณะที่พูด ‘มาบ่อยๆนะ.’

หลังจากแลกเปลี่ยนเส็จและเช็คเงินที่เหลือ, ผมออกจากร้านอย่างมั่นใจ.

หนังสือสกิล ‘Lightning Spray’, ซึ่งผมคิดว่าจะได้มันช้ากว่านี้, แต่ผมซื้อมันได้ในวันแรกของการล่า.
“ไม่น่าเชื่อ…”
ไม่กี่วันก่อน ผมสู้แทบตาย เพราะเงิน 2000 วอน.

แต่ตอนนี้?

มันเป็นการต้องการเงิน ไม่ได้รู้สึกต้องการเงิน.

ผมต้องการฟาม, ทั้งหมดที่ผมทำคือหยิบหินเลือดจากดันเจี้ยน.

ผมหัวเหาะ หึหึ และกลับบ้าน.

***

มันเป็นเวลา 4 ทุ่ม เมื่อผมถึงบ้าน.

ในวันแรกของวันหยุด, จากการล่าครั้งแรก ผมได้รายรับที่ไม่น่าเชื่อ.

ผมจ้องไปที่หนังสือสกิล ‘Lightning Spray’ .

หนังสือสกิลจะมีขนาดประมาณหนังสือการ์ตูน.

เมื่อผมเปิดมัน มีอักษรโบราณที่อ่านไม่ออกปรากฎขึ้น

เพื่อที่จะได้รับสกิล, คุณต้องวาง ‘หนังสือสกิล’ ไว้บนอกและรอประมาณ 10 วิ.

ขณะผมวางหนังสือสกิลไว้บนอก, มีแสงอ่อนๆส่องออกมา และหนังสือเริ่มสลายไปอย่างช้าๆ.
[คุณต้องการเรียนรู้สกิล ‘Lightning Spray’?]
“แน่นอน! ชัดเจน! ใช่!”
[คุณได้เรียนรู้สกิล ‘Lightning Spray.’]
คิมมินชอย

Level : 7

Exp : [4200/6400]

Class : จอมเวทย์

Special Ability : มานาไม่มีวันหมด.

Strength: 10

Mana : ∞

Agility : 10

Vitality : 10
Unspent Points : 30
Current Skills

Frost Orb Lv. 8 [1450/12,800]

Lightning Spray Lv. 0 [0/100]

สายตาของผมหยุดอยู่ที่ ‘Lightning Spray’ เพียงชั่วขณะ.

30 แต้มที่ยังไม่ได้ใช้ดึงดูดสายตาผม.

ผมยังไม่ได้อัพค่าสถานะของตนเอง.
ในขณะนี้, ผมไม่ขาดแคลนมานา, และไม่มีปริมาณมานา.

ค่าสถานะมานามีผลต่อปริมาณมานา และอัตราการฟื้นฟูมานา.

ดังนั้นผมจึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องใส่แต้มลงสถานะมานา

ค่าสเตงจะเพิ่มความสามารถในการต่อสู้, ความแข็งแกร่ง, ความแม่นยำ และพละกำลัง.

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมจอมเวทย์ถึงเป็นที่นิยมน้อยกว่านักรบ.

แน่นอน, คุณไม่สามารถเลือกได้ ซึ่งคุณจะได้รับมันเอง.
เมื่อนักรบและจอมเวทย์มีระดับเท่ากัน, มีอาวุธอุปกรณ์แรงค์เท่ากัน, มีเพียงแค่ความแตกต่างเดียวระหว่างพวกเขาคือ ความแตกต่างกันมากระหว่างค่าสถานะของพวกเขา.

มีเพียงวิธีเดียวที่จะปิดช่องว่านี้ คือ มีสกิลที่แข็งแกร่งและระดับเวลสกิลที่สูง.

อ่าา~ผมลืมบางอย่างไป, สิ่งที่ซึ่งทำให้คุณใช้สกิลได้อย่างต่อเนื่อง, มานาเกจ!

นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมหนังสือสกิลสำหรับจอมเวทย์ถึงแพง.

ไม่ว่ายังไง, ถึงแม้ว่าผมจะเป็นจอมเวทย์ ผมไม่จำเป็นต้องใส่แต้มใดๆในค่ามานา.

ดังนั้น ผมจึงรู้สึกว่าค่าสถานะที่สำคัญที่สุดคือ ค่าสเตจ.
ถึงแม้ว่าการร่ายคาถาระยะไกลจะค่อนข้างปลอดภัยกว่า, แต่ในขณะดันเจี้ยนระดับสูงขึ้น มอนเตอร์ระดับสูงอาจะมีความเป็นเป็นได้ที่จะถูกโจมตรีซักหนึ่งครั้ง.

ถึงจะบอกว่าผมอัพความเอจิ, และสามารถหลบการโจมตรีส่วนใหญ่ได้. แต่จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าผมโชคไม่ดีและถูกโจมตรีหนึ่งครั้งละ?
‘หลายวันต่อมา~ หลายวันต่อมา~ อาจจะพบผมลอยข้ามแม่น้ำจอร์แดนก็ได้!’

ผมไม่สนใจเสียงยุยงแปลกๆ และใช้ 30 แต้มที่ได้จากการเพิ่มระดับ ใส่ในกับค่าสเตง.

เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะรีค่าสถานะของคุณ, ผมจึงต้องใส่แต้มด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset