I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 56. แขกที่ไม่ได้รับเชิญ ออกไปให้พ้น!. (3)

56. แขกที่ไม่ได้รับเชิญ ออกไปให้พ้น!. (3)

ภายในดันเจี้ยนที่เงียบสงบ.

มันได้ทำให้ผมสงสัยว่านี่ใช่ดันเจี้ยนเลเวล 28 หรือไม่.

ตามบัญทึกภายใน มีมอนเตอร์มากมายนับพันตัวอยู่ภายใน.

แต่จากสิ่งที่ผมสามารถบอกได้ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น.

มันราวกับเป็นดันเจี้ยนที่ถูกเครียร์หมดแล้ว.

ด้านในมันก็เหมือนกับดันเจี่ยนทั่วไป.

ความแตกต่างคือแทนที่จะเป็นเขตทะเลทรายที่กว้างใหญ่กลับเป็นถนนทรายที่คดเคี้ยว.

มันกว้างประมาณ 30 เมตรหรือมากกว่านั้น.

พื้นถูกปูด้วยทรายขาวละเอียด ขณะที่ขอบถนนแต่ละข้างราวกับเป็นเปลือกหอยเอามากั้นไว้.

“มันคล้ายกับสิ่งที่ฉันเคยรู้จัก แต่ก็แตกต่างจากที่อื่นด้วยเหมือนกัน.”

ขณะที่ผมกำลังสำบัดสำนวนอยู่ ผมก็ร่ายมานาชิลด์และยิงไปด้านหน้า.

แม้ว่าหลังจากที่วิ่งมาเป็นเวลากว่า 2 นาที ผมก็ไม่ได้เจอมอนเตอร์หรือแม้กระทั่งเสียงร้องของมัน.

ผมไม่ได้รำคาญและเดินต่อไป.

เพราะมันเป็นเรื่องปกติ.

จากนั้น.

“ค๊ากกก”

“ครูรุรุ!”

ถนนที่เต็มไปด้วยรอยเท้าของผม.

มอนเตอร์หลายร้อยออกมาหลังจากที่ผมเดินผ่านถนนเหล่านั้นไป เสียงหอนและเสียงกรีดร้องดังเต็มไปหมด.

ลิซาดแมนทะเลทราย ปรากฏตัวมันเป็นมันมอนเตอร์ที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์และชุดเกราะต่างๆ.

มอนเตอร์นี้มีเพียงการโจมตีระยะประชิดเท่านั้น.

แต่ละคนตรวจสอบอาวุธของพวกเขาก่อนที่จะล้อมรอบเป้าหมาย.

ทุกตัวมีพลังเท่ากับวอริเออร์เลเวล 100 นั่นทำให้ค่อนข้างจัดการลำบาก.

พวกมันคล้ายกับจิ้งจก.

ขนาด 1.5 เมตร.

พวกมันแสดงถึงความภูมิใจถึงเกล็ดของพวกมันอย่างมาก.

เกล็ดของพวกมันทำให้เวทย์มนต์ส่วนใหญ่ไม่อาจทิ้งรอยขีดข่วนไว้ได้.

ไม่เพียงแค่นั้น มันยังมีภูมิคุ้นกันต่อการโจมตีทางกายภาพ แต่พวกมันก็มีความต้านทานเวทย์ 20%.

พวกมันสามารถเพิ่มความต้านทานทั้งเวทย์และกายภาพในดันเจี้ยนทุกๆเลเวล.

มีฝุ่นฟุ้งกระจายอย่างหนักเมื่อแต่ละคนเดินไปบนพื้นอย่างตื่นเต้น.

อย่างไรก็ตามเมเทโอคอลได้ร่ายเสร็จสิ้นแล้ว.

ทั้งเมเทโอและไอซ์เบิร์กต่างก็มีเลเวล 159 แล้ว.

ต้องขอบคุณพวกมันที่ทำให้ความชำนาญเพิ่มขึ้นอย่างมาก.

ลดเวลาร่าย 10% รวมทั้งคูลดาวน์.

พร้อมกับกลุ่มพวกมันที่กระจัดกระจาย ผมได้ร่ายอายออฟเดอะสตอรมเพื่อรวบรวมพวกมันไว้ด้วยกัน.

ประโยชน์ของอายออฟเดอะสตอรมคือการรวมสิ่งมีชีวิตทั้งหมดไว้ในจุดเดียว.

สกิลเลเวล 100 ไม่ได้ทำให้กลุ่มมอนเตอร์ได้ทันขยับตัว.

มีลมกรรโชกแรง ทำให้พวกที่ยืนอยู่ปลิวไปเหมือนโดนพัดลมเป่า.

“ให้เดาว่าพวกมันมีเลเวลที่สูง?”

ทั้ง ลดการฟื้นฟูและลดค่าต้านทาน ทั้งสองอย่างนี้มีความสามารถแตกต่างกัน.

สกิลดีบัฟไม่อาจสำริดผลได้.

เครื่องบนหน้าอกที่ปรากฏออกมานั้นไม่มีเลยสักตัว.

ความต้านทานเป็นปัจจัยหลัก แต่ระดับมอนเตอร์และเลเวล ก็ถูกนับรวมเข้าด้วยเช่นกัน.

“ฉันอยากรู้จริงๆว่าจะเกิดอะไรขึ้น.”

“รับไปซะ!”

ขนาดของอุกกาบาตก็เพียงพอที่จะบดบังท้องฟ้า.

ด้วยการเคลื่อนไหวผม มันได้พุ่งชนพวกมัน.

ดันเจี้ยนทั้งหมดเกิดการสั่นจากแรงทำลายล้าง

ครื่นกระแทกขนาดใหญ่ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งดันเจี้ยน

เปลวเพลิงจากอุกกาบาตก็เพียงพอที่จะละลายทรายที่พัดไปในอากาศ

ลมร้อนจากการทำลายได้พัดมาถึงผม

มีซากหลงเหลือจากอุกกาบาตที่เต็มไปด้วยซากสัตว์.

เปลวเพลิงยังคงเผาไหม้อย่างต่อเนื่องอย่างรุนแรงและมีข้อความตามมา.

[ได้รับ 20,000,000 Exp.]

.

.

.

[เลเวลอัพ.]

“เชี่ย!”

ผมแทบไม่ต้องสนมอนเตอร์อีกครึ่งที่เหลือ.

ผมเลเวลอัพและยังมีค่าExpล้มมาอีก 1/5 ของExpทั้งหมด.

มอนเตอร์แต่ละตัวให้Exp 20 ล้าน.

และมันไม่ใช่มีแค่ 100 ตัว แต่เป็น 1,000ตัว.

ผมได้ยินมาว่ามีคนเลเวลอัพไปถึง 500 หลังจากที่ลงไปเพียงดันเจี้ยนเดียว แต่ผมไม่รู้ว่ามันจะกว่าไหม.

แม้ว่าจะเป็นอเวคระดับสูง แต่ก็ต้องมาเป็นปาร์ตี้อย่างน้อย 5 คนดังนั้นพวกเขาจึงได้Expแค่ 4 ล้านต่อ 1 ตัวเท่านั้น.

แต่ผมกลับได้ 20 ล้านเพียงคนเดียว.

การเพิ่มเลเวลจากดันเจี้ยนเลเวล 18 มากถึง 12 เท่าจากค่าเฉลี่ยขออเวค.

แต่ตอนนี้ผมวิ่งพล่านไปทั่วดันเจี้ยนเลเวล 28 ซึ่งมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เข้ามาได้ก่อนหน้าผม.

บางที 20 ครั้ง? ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นไปไม่ได้

ผมถูกครอบงด้วยอาการขนลุกหลังจากที่ได้ยืนยันค่าExpที่ผมได้รับจากพวกมัน

ผมประหลาดใจอยู่ครู่เดียว

-แคร๊ก

มานาชิลด์ของผมสั่นอย่างหนัก.

ผมอยู่ห่างจากพวกมันอย่างน้อย 30 เมตร

อย่างไรก็ตามในพริบตาพวกมันก็รู้ตัวและเจ้ามาโจมตีผม.

ถ้ามันเป็นชิลอีกอย่างหนึ่งมันจะแตกออกและการโจมตีก็จะมาถึงตัวผม.

ถ้าพวกมันทั้งฝูงมีพลังมากขนาดนี้พวกมันต้องถูกดูแลทันที

เหตุผลที่ว่ามีกว่าครึ่งที่ยังรอดได้อยู่ มันน่าแปลกใจมาก.

พวกอยู่ด้วยกันและสร้างรูปแบบเพื่อป้องกันความเสียหายของเมเทโอ.

นั่นเป็นเหตุผลที่พวกมันตอบโต้กลับมาได้.

“เคี๊ยก!”

ปากที่แหลมคมของมันเต็มไปด้วยน้ำลายที่ไหลเป็นทาง.

เมื่อน้ำลายหยดลงบนพื้น มันก็ส่งกลิ่นกรดกำมะถันออกมา.

เห็นได้ชัดว่ามันมีกรดสูงมาก.

“อย่าพ่นน้ำลายมาที่ฉัน!”

-แคร๊ก!

ไอซ์เบิร์กขนากใหญ่เริ่มก่อตัวพอที่จะกลืนกินดันเจี้ยนที่มีความกว้าง 40 เมตร.

น้ำแข็งแตกออกและกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน.

แม้ว่าร่างกายของลิซาร์ดจะถูกบดขยี้และฉีกออกจากกัน แต่มันก็ไม่ละความพยายามที่จะคชต่อต้าน.

มอนเตอร์ทั้งหมดที่ผมได้เจอมาก่อนหน้านี้ได้ถูกลบหายไปจากไอซ์เบิร์กของผม แต่มอนเตอร์เหล่านี้…

ผมสามารถยืนยันได้ว่ามอนเตอร์เหล่านี้มีพลังมากแค่ไหน.

[ไอซ์เบิร์ก เลเวลอัพ.]

“ในที่สุดก็เลเวล 160?”

คูลดาวน์ก็จะเหลือแค่ 1 นาที.

ผมสามารถร่ายเวทน์ทำลายล้างนี้ได้ทุกๆ 2 นาที.

ผมใช้โฮลี่มิสไซส์และเอ็กโพชั่นเพื่อกำจัดเหล่าร้ายพวกนี้

ทรายได้ถูกย้อมเป็นสีแดงที่เข้ากับหินเลือดเรืองแสงเหล่านั้น.

ผมเก็บหินทั้งหมดและลุกขึ้นยืน.

ผมจัดการลิซาร์ดเพิ่มขึ้น จนมันหมดไป.

ด้านหลังของผม ผมได้ยินเสียงแปลกๆ.

-ชรูด. -ชรูด.

“อ่ะ! ใช่แล้ว. เจนิเตอร์.”(janitors=ภารโรง)

ผมหันกลับไปอย่างรวดเร็วเพื่อให้แน่ใจว่าผมไม่ได้พลาดฉากแปลกๆเหล่านี้

แมลงขนาดกำปั้นของผมกำลังกินซากศพของลิซาร์ดแมน.

มันมีเกือบพันตัวราวกับภัยพิบัติตั๊กแตน พวกมันเดินมาที่กองซากศพราวเป็นลูกคลื่น.

ปกคลุมไปด้วยสีดำ มันไม่ถึงนาทีก่อนที่จะเหลืออาวุธและชุดเกราะเอาไว้.

ไม่เหลือแม้กระทั้งกระดูก พวกมันเข้าไปซ่อนตัวในทรายอีกครั้ง.

“มันน่าขยะแขยงมากกว่าที่ฉันคิด…”

* * * *

ถนนของดันเจี้นดูราวกับไม่มีสิ้นสุด.

ผมสงสัยว่าชอยโซฮยอนเครียร์ดันเจี้ยนนี้คนเดียวได้อย่างไร.

หลังจากนั้นประตูบอสก็ปรากฏขึ้น.

ผมรู้สึกขอบคุณมากสำหรับสิ่งนี้

ดันเจี้ยนอื่นๆมักมีทางออกปรากฏขึ้นกลางดันเจี้ยน.

เพื่อที่จะเดินไปที่ศูนย์กลางในดันเจี้ยนขนาดใหญ่ มันต้องทำด้วยตัวเอง.

ต้องขอบคุณที่ประตูได้ปรากฏในท้านดันเจี้ยน.

“วู้~ ด้วยการลงเพียงครั้งเดียวนอกจากเลเวลจะอัพแล้วยังมีExpถึง 77%.”

มันเป็นดันเจี้ยนระดับสูงที่เกินความคาดหมายของผม.

หลังจากที่ผมออกจากดันเจี้ยนแล้ว ผมก็ได้ใช้แมสเสตลจูซึ(พรางตัวกางฝูงชน).

-ควับๆๆ

จับไปที่หัวของผม ในอากาศระยิบระยับที่สั่นไหวไปมาราวกับคลื่นน้ำ.

ตลอดไปจนถึงตัวผมและทุกสิ่งทุกอย่างที่ติดอยู่กับก็หายไปจากมุมมอง.

ถ้าผมไม่มีตาสอดส่องผมก็ไม่อาจรู้ได้ว่าผมกำลังถืออะไรอยู่.

“เอาหล่ะ ฉันต้องออกแล้ว?”

* * * *

ตอนนี้เป็นเวลา 5 ทุ่ม.

บางทีอาจเป็นเพราะดันเจี้ยนสว่างมาก แต่นอกรู้สึกว่ามันมืดผิดปกติ.

ผมไม่อยากจะเสียเวลา ผมต้องล่ามันให้ได้มากกว่านี้.

ผมกำลังแสกนบัตร เมื่อนั้น…

‘คนพวกนี้คือใคร?’

ดันเจี้ยนเลเวล 28 มีชื่อเสียงมากเกิดกว่าจะเข้ามาชม.

มันเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ง่ายๆเนื่องจากไม่มีดันเจี้ยนเลเวลสูงที่ถูกเครียร์ด้วยปาร์ตี้.

อย่างไรก็ตามรอบๆดันเจี้ยนมีคนอยู่ประมาณ 40 คน.

มี 20 คนที่อยู่ในขั้นตอนติดอาวุธ.

ส่วนที่เหลืออยู่ในชุดที่สะอาด โดยใช้ท่าทางของมือในการสื่อสารกัน.

ผมอดไม่ได้ที่จะสงสัยในการรวมตัวกันแบบนี้.

มันเป็นเพราะผมเห็นคุณยายที่ตรงทางเข้าของดันเจี้ยน.

‘ดูเหมือนจะเป็นพวกหัวรุนแรงหรือสมาคม.’

อย่างไรก็ตาม ผมสามารถบอกได้ว่ามาจากสมาคน.

มันเป็นเพราะคนในกลุ่มนั่นมี เซจินคิม.(ปล.ตอนเก่าๆแปลไปเป็นคิมเซจิน)

ผมจดจ้องคุณยายอีกครั้ง.

ยูนจองซันที่มีรูปลักษณ์เป็นคุณยายวัยเกษียณ.

ผู้ที่อยู่บนแรงค์ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีอายุมาก.

คุณยายก็เป็นแบบนั้นและต้องมีเลเวลที่สูงมาก.

ผมรู้สึกว่าเธอเป็นนักบวช.

เพราะเธอหาเป้าหมายที่ซ่อนอยู่ด้วย ตาสอดส่อง.

การคุยคนเดียวจบลงเท่านั้น.

คนที่อยู่ข้างๆยายพูด.

“ด้วยความเครารพเลดี้ ถึงเวลาที่เขาจะออกแล้ว โปรดให้สัญญาณถ้าคุณเห็นเขา.”

“ค่ะ เข้าใจแล้ว เขายังไม่ได้ออกไปไหน.”

“ยังไม่ได้ออก? คุณเห็นอะไรไหม?”

“ไม่ต้องห่วง ตาสอดส่องของฉันเลเวล 100.”

“แน่นอน ผมเชื่อคุณ.”

‘พวกคุณกำลังพูดอะไรเมื่อผมอยู่ด้านหน้าคุณ?’

กระเป๋าที่อยู่บนไหล่ของผม.

ในมือที่ถือบัตรและนิ้วมือเลียนแบบ.

ผมแน่ใจว่านักบวชระดับสูงไม่อาจมองเห็นผมได้.

‘น่ายินดีที่ผมได้อเวคสกิลเสตลของผม แก่นอเวคไม่ได้เสียเปล่า.’

ผมควรจะปรากฏในสายตาพวกเขา?

ไม่มีทาง ถ้าผมทำอย่างนั้นพวกเขาจะสงสัย 100% ในตัวตนของผมและขุดลึกลงไปและเข้ามาหาผม.

ในกรณีนี้ก้อนหินที่กระเป๋าของผมก็ส่งเสียงดัง ผมนำบัตรไปที่เครื่องตรงๆ.

มันทำให้พวกเขาคิดว่าเครื่องแสกนเสีย.

ผมกำลังวางแผนที่จะตบตาพวกเขาให้สับสน.

“ปิ๊ป โปรดแสกนลายนิ้วมือของคุณ.”

ไม่เหมือนตอนที่เข้าดันเจี้ยน เสียงจากเครื่องราวกับดังขึ้นกว่าเดิน.

เมื่อได้ยินเสียงทั้งหมด คนทั้ง 40 คนก็เริ่มคุยกันเอง.

จากนั้นชายสูงอายุที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้น.

“เลดี้! มีอะไรไหม?”

“ค่ะ วันนี้คุณคิดทำผิดพลาด อย่างที่คุณทราบไม่มีการเสตลไหนที่ฉันไม่อาจตรวจสอบได้ ไม่มีใครเข้ามา.”

“ไม่ มันเป็นไปไม่ได้! โปรดตรวจสอบอีกครั้ง เลดี้!”

โฮจินเต็มไปมองด้วยความขุ่นเคืองออกไป แม้ว่าจะไม่อาจเห็นได้.

จากนั้นผู้อาวุโสก็พูด.

“ผมแน่ใจว่ามันต้องผิดพลาดที่เครื่อง งั้นเรามาจบที่นี่ได้ยัง?”

“ใช่! ผมขอโทษ สำหรับการเสียสละเวลาของคุณ แม้ว่าคุณจะยุ่ง เลดี้.”

“โฮโฮ๊ะโฮ๊ะ. มันเพียงพอที่จะได้เห็นหนุ่มสาวอย่างคุณที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังและมีกำลังใจที่จะทำต่อไป ได้โปรดดูแลส่วนที่เหลือ.”

“ครับ! ขอบคุณสำหรับการทำงานอย่างหนัก.”

เมื่อพูดเสร็จผู้อาวุโสก็ขึ้นรถไป.

คิมโฮจินไม่อาจช่วยได้ แต่ก็ยังมีความสงสัยปรากฏอยู่บนใบหน้า.

เขายังคงจ้องไปที่ทางเข้าดันเจี้ยน.

สายตาของเราก็สบกันครั้งสุดท้าย.

เขาจ้องมองไปที่ดันเจี้ยนและผมก็จ้องมองไปที่ดวงตาของเขา.

หลังจากนั้นเป็นเวลานาน เขาก็เรียกลูกน้องเข้ามาก่อนที่จะพูดว่า.

“คุณเช็ค ID แล้วหรือยัง?”

“ครับ เรียบร้อยหัวหน้า.”

“ใช่ เขาเป็นใคร?”

“ยูนฮยอนเซ วันที่เป็นอเวคคือ 1 ปีสามเดือน พักอยู่ที่ปูซาน.”

“ตรวจสอบรายชื่อที่หายไป ส่งทีมงานไปตรวจสอบว่าเครื่องมีปัญหาหรือไม่.”

“ครับเข้าใจแล้ว.”

“ถ้าคุณได้พบเขาแล้ว ติดต่อฉันทันที.”

“ครับ!”

“โปรดแสดงลายนิ้วมือของคุณ.”

ขณะที่คิมโฮจินกำลังยุ่งอยู่กับการสั่งการเสียงจองเครื่องก็ดังขึ้นอีกครั้ง.

-ปิ๊บ

โดยไม่ลังเลผมเอานิ้วมือปลอมออกมา.

ทางเข้าดันเจี้ยนก็ปรากฏขึ้น.

ผมไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ ID นี้ แต่เมื่อเจ้าของแล้ว ผมก็ไม่อาจใช้งานได้อีก.

‘หืม…’

มีการส่งข้อความไปถึงใครบางคนก่อนที่ผมจะเข้าดันเจี้ยนอีกครั้ง.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset