I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 57. เพิ่มจังหวะในการเติบโต

57. เพิ่มจังหวะในการเติบโต

หลังจากที่คิมโฮจินและเพือนร่วมสมาคมของเขาออกไป ผมก็เข้ามาในดันเจี้ยนได้อย่างไม่มีปัญหา

อย่างไรก็ตามเมื่อผมพยายามที่จะเข้าไปในดันเจี้ยนใหม่โดยการใช้ใบอนุญาตเครื่องก็ตอบกลับมาว่า.

-ID ไม่ถูกต้อง-

‘ห๊ะ?’

ผมพยายามอีกครั้ง แต่ผลก็เหมือนเดิม

ID ถูกระงับ.

‘พวกเขาระงับ ID ในช่วงเวลาสั้นๆ?’

ผมได้คาดการณ์นี้เอาไว่ก่อนแล้ว.

เนื่องจากเจ้าของIDไม่มีอยู่จริงแล้วมันจะเข้ามาในดันเจี้ยนเลเวล 28 ได้อย่างไร

เห็นได้อย่างชัดเจนจากกรณีที่ ID ถูกระงับ

พวกเขายังเปลี่ยนเครื่องสแกนเช่นกัน.

เนื่องจาก ID ของผมถูกระงับผมจึงไม่อาจล่ามันได้อีกต่อไป.

ผมยังคงมี ID หลักของผม แต่ถ้าผมใช้ ID นี้ผมต้องยอมรับว่าผมเป็นคนี่ใช้ ID ปลอมเข้าดันเจี้ยน.

แม้ว่าผมจะอยู่ในระหว่างพักจากการวิ่งรอกดันเจี้ยน แต่ผมก็ใช้บัคอย่างเต็มความสามารถ.(วิ่งรอก เป็นศัพท์ที่เอาไว้ประมาณว่า วิ่งไปแบบเดิมซ้ำเพื่อทำการฟาร์มของในเกมส์ส่วนใหญ่ หรืออาจจะเรียกอีกอย่างได้ว่า สแปม)

นั่นเป็นเหตุผลที่ผมได้ส่งข้อความหลังจากที่เข้าดันเจี้ยนกับคนแคระ.

ผมวางแผนที่จะซื้อ ID มากกว่า 10 ID.

เหตุผลคือแบบนี้.

ถ้าผมยังคงเครียร์ดันเจี้ยนโดยสลับIDไปมา นั่นมันน่าจะช่วยเพิ่มความสงสัยให้กับเจ้าหน้าที่ก่อนที่พวกเขาจะระงับรหัสทั้งหมดของผม.

พวกเขาจะต้องสงสัยเรื่องทั้งหมดนี้อยู่แล้ว.

การมี ID น้อยๆมันจะดีมากถ้าใช้ได้ในใบเดียว.

จากนั้นแทนที่จะใช้ทีละ ID กลับกันผมจะใช้มันเข้าเป็นปาร์ตี้.

ความคิดของผมถูกขัดจังหวะ.

มีสายจากคนแคระ.

แทนที่จะรับสายที่หน้าทางเข้าดันเจี้ยน ผมใช้สกิลบลิ้งไปในระยะไกลๆก่อนที่จะรับสาย.

ทั้งการใช้สกิลสเตลของผมก็มีเหตุผลแบบเดียวกัน.

ผมพูดอย่างเบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้.

ผมใช้ สกิลตาสอดส่อง แต่มันก็เป็นไปได้ที่ว่ามีคนอื่นสังเกตเห็นผมโดนที่ผมไม่รู้ตัว

“ฮัลโหล.”

“ครับ เนื่องในโอกาสอะไร.”

“อย่างที่บอกในข้อความ.”

“ต้องการเท่าไร?”

“คุณเอามาให้ผมได้เท่าไรตอนนี้?”

“อืม… อย่างที่คุณได้รู้ ตอนนี้มันไม่ใช่แค่เงินเพียงอย่างเดียวที่จะได้รับของทั้งหมด.”

“งั้นมาให้ผม 10 ใบ.”

“10?”

“ใช่ และผมต้องได้รับใน 2 ชั่วโมง.”

“ครับ ได้ครับ เข้าใจแล้ว.”

เขาดูไม่ค่อยมีความสุขนักและมันแสดงออกมาจากคำตอบของเขา.

ก่อนที่ผมจะวางสายผมก็หยุดเขาและพูดสำทับไปอีกครั้งหนึ่ง.

“อ่า อีกเรื่องนึง!”

“ครับ มันคือ?”

“ผมต้องการIDทั้งหมดก่อนปี 2000.”

“ครับ มันไม่ยากเลย.”

“ตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่าพวกเขาอยู่ในละคลาส มันไม่ได้ยาก ใช่ไหม?”

“แน่นอน แน่นอน ผมจะไปเจอคุณที่ออฟฟิศใน 2 ชั่วโมง?”

“ครับ ผมจะไปเจอคุณที่นั่น.”

เหตุผลที่ผมต้องการหลายอาชีพรวมทั้งก่อนปี 2000 คือผมไม่ต้องการให้พวกเขาสงสัยว่ามันเป็นปาร์ตี้จริงๆหรือไม่.

ถ้ามันปีที่เป็นนานมากพอ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกระดับสูง.

แม้ว่าพวกเขาจะเข้าดันเจี้ยนเลเวล 28 ก็ไม่น่าสงสัย.

หลังจากที่ผมวางสายแล้วผมก็มีเวลาว่างอยู่ 2 ชั่วโมง.

ผมรู้ว่าต้องทำอะไรในสองชั่วโมงนี้.

“ฮัลโหล?”

“ครับ ฮยอง ผมเอง.”

“อืม ว่าไง?”

“จากดันเจี้ยนที่ถูกเครียร์ทั้งหมด ของดันเจี้ยนเลเวล 28 คุณคิดว่าที่ไหนเป็นที่นิยมมากที่สุด?”

“ทำไม? ID ถูกระงับหรอ?”

“ใช่ มีคนจากสมาคมกว่า 40 คน โผล่ออกมา.”

“ให้เดา ความจริงพวกเขาได้สังสัญญาณให้กับนายแล้ว.”

“ผมถึงต้องพึ่งพาคุณ.”

“เอาหล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว.”

“อ่า! ฮยอง ผมจะไปเจอคุณในอีก 1 ชั่วโมง?”

“ได้ แต่ทำไม?”

“ผมบอกว่าผมจะไปเจอคุณในอีก 1 ชั่วโมง”

“ได้ โทรหาเมื่อนายมาถึง.”

“ครับ.”

* * * *

หลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากผมแล้วจุงโฮก็ออกมาจากบ้านเพื่อมาเจอผม.

ไม่แน่ใจว่าเขาจะออกไปล่าด้วยกันหรือไม่ เขาสวมเสื้อผ้าที่เรียบง่ายภายใต้ชุดเกราะของเขา

เมื่อไม่นานมานี้เขากำลังล่าตั้งแต่บ่ายจนถึงรุ่งสาง.

ไม่แน่ใจว่าเขามีเหตุผลจำเพาะเจาะจงหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่ากลุ่มที่เขาล่าจะมากับเขาด้วยเหมือนกัน.

เมื่อเห็นผม จุงโฮก็ฉีกยิ้มกว้าง.

“โย่ ไอ้น้อง.”

“สวัดดี ฮยอง.”

“อะไรที่ทำให้เธอมาหาวันนี้?”

“ของขวัญเซอร์ไพร์?”

“หะ ดูไม่มีความแปลกใจบนใบหน้าของคุณเลย?”

“ว้าว….”

‘โอ้ ชายคนนั้น ทำเป็นเด็กไปได้.’

ผมให้บันชอนจินวอนทั้งสองกับเขาด้วยมือของผม.

“ใช้มัน ฮยอง”

เมื่อได้ยินคำพูดของผมการแสดงออกของเขาก็แข็งค้างปรากฏออกมา.

และด้วยเสียงที่ไม่ค่อยอยากจะพูดกับผม.

“ทำไม?”

“ผมไปที่ดันเจี้ยนเลเวล 28 แล้วดังนั้นผมจึงไม่ต้องใช้ดาบ.”

“นายรู้ไหมว่ามันมีราคาเท่าไร? แล้วนายรู้ไหมว่ามันต้องใช้แก่นอเวคกี่อันเพื่อซื้อ?”

“ใครบอกว่าผมให้มันกับคุณ? ผมแค่ให้คุณยืม.”

“ทำไม? ทำไมไม่เก็บเอาไว้?”

“การใช้ ID ปลอมและรอยนิ้วปลอมก็มาพอแล้ว ผมไม่มีมือมากพอที่จะถือมันและพวกมันก็ยังส่งเสียงดังเป็นอย่างมาก มันน่ารำคาญดังนั้นคุณควรจะใช้มันแทน.”

เมื่อได้ยินเหตุผลของผม ก็มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขา.

ให้เดาว่าเขาไม่อาจซ่อนมันเอาไว้ได้.

ผมหมายถึง แรงค์ M/N บันชอนจินวอน นั้นอยู่ในระดับสูงสุดของแรงค์ระดับนี้.

ด้วยอาวุธระดับ B ที่เขาใช้อยู่ตอนนี้ รวมทั้งอันอื่นๆที่อยู่ในระดับเดียวกัน.

หากว่าคุณได้โบนัสความแข็งแกร่งจากอาวุธ และอาวุธนี้ก็ให้มันเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าเป็นอย่างน้อย.

พร้อมกับใบหน้าที่เปี่ยมสุขเขาก็ถาม.

“ฉันใช้มันได้จริงๆ?”

“ดูการแสดงออกของคุณ มันดูเหมือนว่าคุณจะใช้มันอยู่แล้ว?”

“นี่แก! แกควรจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นมัน.”

“ตั้งแต่ฮยองเป็นวอริเออร์ที่ใช้มันได้ทั้งคู่ ดูเหมือนว่าพวกมันจะได้พบเจ้าของแล้ว.”

“ช่ายยย…มันเซอร์ไพร์จริงๆ…”

“คุณยอมรับแล้ว อุว่ะ?”

“ฉันยอมรับ 100%.”

“อุฟฟฟ.”

จุงโฮถืออาวุธทั้งสองข้างด้วยมือของเขา.

ผมไปข้างหลังและนวดไหล่ของเขา.

คุณโฮก็ถามอย่างแปลกใจ.

“นายกำลังทำอะไร? นายกำลังวางแผนที่จะตายในเร็วๆนรี้หรอ? ทำไมถึงทำอย่างฉับพลัน?”

“เอาน่า คุณจะต้องยืนอยู่ในที่สูงและภูมิใจต่อหน้าพวกที่กำลังตามล่า คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อม.”

“อ่า นั่นก็จริง ฉันเดาว่าฉันต้องเตือนพวกเขาไม่ให้ลดการป้องกันลงมากเกินไป.”

“อย่างไรก็ตาม วันนี้ผมได้มาพบกับคุณเพื่อเอาสิ่งนี้มาให้ ผมจะไปแล้ว.”

“แน่นอน ขอบคุณ ถ้านายต้องการเพียงแค่บอกมัน โอเคร้?”

“ครับ.”

วันที่ผมกลับไปเอาบันชอนจินวอน คือวันที่ผมจะไปจัดการกับโจ๊กเกอร์และกลุ่มหัวรุนแรง.

* * * *

หลังจากที่เจอจุงโฮเสร็จแล้ว ผมก็มุ่งหน้าไปที่ออฟฟิศเพื่อไปรับ 10 ID.

ตามที่ผมได้ถามเอาไว้ ID ทั้ง 10 เหล่านี้เปิดอเวคก่อนปี 2000 และมีหลากหลายคลาส.

มันถูกจ่ายไปในราคาที่พวกเขาเรียกและผมก็เดินออกไป.

ในที่สุดผมก็มาถึงตลาดอเวค

มันเป็นการซื้อสกิลเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะดีต่อการเติบโตของผมอย่างราบรื่น.

“โปรดเข้ามา.”

ผู้ช่วยร้านได้เข้ามาทักทายผม.

“คุณมีสกิลวาปไหม?”

“แน่นอน.”

และเมื่อผู้ช่วยตอบผมเสร็จแล้วก็นำไปผมที่ร้าน.

จากเหล่าหนังสือสกิลทั้งหมดผู้ช่วยได้นำพาผมเดินขึ้นไปบนไดและไปชั้นบนสุดเพื่อที่จะได้เอาสกิลวาปมา.

หลังจากที่ใส่มือถือแสกนชื่อของหนังสือสกิลแล้ว มันก็ถูกส่งมอบมาให้ผม.

“มันคือเวทย์วาป.”

“ใช่ คุณสามารถเรียกผมได้ตลอด ใช่ไหม?”

“คุณต้องการไอเทมอย่างอื่นอีกไหม?”

“ผม ได้โปรด ผมต้องการเวทย์ไซเรน.”

วาปเป็นทักษะที่คลาสส่วนใหญ่เรียนรู้และเป็นส่วนหนึ่งของเบสิคสกิล.

มันเป็นหลังสือสกิลที่มีคูลดาวน์กว่า 2 ชั่วโมงและจะเพิ่มยิ่งขึ้น ตามระยะทางที่วาปไป.

มันสร้างเกทและพาเราไปยังจุดหมาย.

ผมหวังว่าจะช่วยผมในเวลาเดินทางไปมา แต่มันก็เป็นการเดินทางขาเดียว.

แต่สำหรับคนที่ล่ามากกว่า 12 ชั่วโมง มันก็ไม่ใช่ปัญหาที่ต้องกังวล.

ไซเรน.

มันเป็นสกิลที่สร้างกำแพงและปิดกั้นเสียงรอบๆตัว.

มันเอาไว้ใช้ตอนใส่IDเพื่อผมพยายามแอบเข้าไป.

‘ให้เดานะ ฉันได้เตรียมตัวเสร็จแล้ว ฉันควรจะไปเลยไหม?’

จากการฟังคำแนะนำของจุงโฮที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ๆมีคนส่วนใหญ่เข้าดันเจี้ยนเลเวล 28 ผมต้องมุ่งหน้าไปฮันนัม.

ผมหวังว่าผมจะไปถึงที่นั่นทันทีโดยใช้ทักษะวาปในระยะทางไกล แต่มันกลับใช้ได้เฉพาะคนที่เคยไปที่นั่นมาก่อน.

เดาว่าฉันคงต้องใช้แท็กซี่สักครั้ง.

* * * *

ในที่สุดผมก็มาถึงดันเจี้ยนเลเวล 28 ในฮันนัม.

ผมไม่อาจเห็นฝูงชนที่เป็นปกติเหมือนกับดันเจี้ยนแมนติคอร์.

และพวกเขาทั้งหมดมาจากกิลด์ผ่านการเชื่อมต่อ.

เพราะมันเป็นดันเจี้ยนที่ยากที่จะเครียร์ได้เพียงคนเดียว.

มีอเวคมากกว่า 100 ที่อยู่นอกดันเจี้ยน กำลังรักษาอุปกรณ์ของพวกเขา.

ด้วยปาร์ตี้ที่แน่นอน 8-10 ต่อหนึ่งปาร์ตี้.

ดันเจี้ยนเลเวล 28 มีทางเดินที่ยาวไกลและมีมอนเตอร์มากมาย.

คน 10 คน ใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการเครียร์ดันเจี้ยนต่อครั้ง.

อเวคส่วนใหญ่ใช้มานาหมดไปกับการวิ่ง.

นั่นเป็นเหตุผลที่ต้องใช้มานาในการเตรียมตัวสำหรับการวิ่งครั้งต่อไป.

ผมต้องซ่อนตอนที่ใช้เครื่อง.

และไม่เพียงแค่นั้นผมต้องใช้ ID ทั้ง 8 ในการแสกนพร้อมกัน.

ถ้ามันเป็นดันเจี้ยนเลเวลต่ำๆที่มีคนเข้าออกมามาย ผมไม่อาจเข้าไปได้มากนัก.

สเตลนั้นเพียงซ่อนร่างกายของผม มันไม่ได้ทำให้ผมเป็นเงาวิญญาณเหมือนผีหรืออะไรแบบนั้น

ด้านหน้าทางเข้าดันเจี้ยน ผมใช้วาป.

วาปไปที่สำนักงานของคนแคระ.

ผมไม่อาจตั้งจุดไว้ในห้องผมได้ แต่มันจะปลอดภัยกว่าถ้าผมไปวาปมาที่สำนักงาน.

มีเกทออกมามันเป็นรูปทรงเดียวกับพอร์ตทัลก่อนที่มันจะระเบิด.

แต่แทนที่มันจะเป็นสีม่วง มันกลับเป็นสีฟ้า.

เนื่องจากมันมีระยะคูลดาวน์ 12 ชั่วโมง ผมจึงรอให้มันคูลดาวน์เสร็จก่อน.

‘พอคิดว่าฉันต้องกลับบ้าน.’

จากมุมหนึ่งที่ไกลออกไป ผมได้ใช้ แมสสเตลจูสึ

จากนั้นผมก็เดินทางเข้ามาพร้อมกับมองไปรอบๆเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นผม

เพราะผมไม่อาจทำอะไรต่อไปได้ ถ้ามีกลุ่มคนมาขวางที่ทางเข้า.

ผมใชเวลาไม่นาน แต่มันก็เป็นความดีใจอย่างแท้จริง.

นอกจเหนือจากที่พูดคุยถึงเกียร์หรือคุยเกี่ยวกัลกลยุทธ์ พวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรมาก.

‘เดาว่าฉันคงต้องไปแล้ว?’

ผมยืนอยู่หน้าอาคารผู้โดยสารและใช้เวทย์ไซเรน.

มันเป็นสกิลเลเวล 1 แต่มันมีระยะค่อนข้างกว้าง.

แม้ว่าจะมีเลเวลต่ำ แต่มันก็ควรจะป้องกันเสียงรบกวนจากเครื่องได้ง่ายๆ.

ผมใช้ ID และผมก็เฝ้ามองรอบตัวผม.

‘เพราะว่ามันทั้งหมดก็เหมือนกับบัค ฉันถึงต้องใช้ชีวิตแบบนี้.’

หลังจากนั้น ผมก็สแกนลายนิ้วมือ.

ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้และผมก็เข้ามาในดันเจี้ยนได้.

* * * *

“วู้! ฉันคิดว่าฉันจะขาดใจตายซะแล้ว.”

เมื่อเข้ามาในดันเจี้ยนผมก็ส่งเสียงบ่นออกมา.

ตั้งแต่ที่ผมมองอย่างอยากรู้อยากเห็น ผมก็สามารถผ่อนคลายได้สักที.

ควรจะบอกว่าเราอยู่ในอีกมิติที่เป็นเอกเทศ.

ด้วยสกิลที่มีประสิทธิภาพในมือแต่ละข้าง ผมได้หน่วงเวทย์ไว้ตลอดเวลา.

เนื่องจากวิ่งรอกนี้มันช้าไปสองชั่วโมง ผมต้องทำให้มันเร็วขึ้น

หลังจากที่ผมฆ่าดัทลิซาร์ดแมน(มนุษย์กิ้งก่าฝุ่น) ผมก็ได้มาถึงช่วงท้าย.

บอสกำลังรอผม.

ชื่อของมันคือ ยูเนียนลิซาร์ดแมน(ผู้ปกครองมนุษย์กิ้งก่า).

หลังจากที่กินซากศพทั้งหมดของลิซาร์แมนและแม้กระทั่งวิ่งออกไปเอาอาวุธและชุดเกราะเพื่อใส่ นี่คือบอสของดันเจี้ยนนี้

มันเป็นเหมือนกับหนอนแมลงที่น่าขยะแขยง มันเห็นได้ชัดโดยที่ผมไม่ต้องเดา.

พวกมันถูกสร้างจากรูปร่างมาจากลิซาร์ดแมนยักษ์ ซึ่งนี่น่าจะเป็นชื่อของมัน

ด้วยชุดเกราะและอาวุธที่พวกเขานำมา พวกเขาเหมือนกับเป็นแฟรงเกนสไตน์ของเหล่ามอนเตอร์ที่ออกมา.

ด้านในเต็มไปด้วยแมลงที่เดินไปยั้วเยี๊ยราวกับว่ามันเป็นตัวควบคุมซากร่างเหล่านั้น.

มันน่าขยะแขยง แต่ผมต้องเผชิญหน้ากับมัน

เพราะว่าเกราะที่พวกมันดรอปนั่นน่าทึ่งอย่างมาก.

“ได้โปรด คราวนี้ก็ขอให้ดรอปด้วยเถอะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset