I Never Run Out Of Mana – ตอนที่ 62. สุดยอดพ่อค้า คิมมินชอย

62. สุดยอดพ่อค้า คิมมินชอย

ผมต้องได้รับชิลด์ที่ทรงพลัง.

การที่จะทำอย่างนั้นได้ ผมต้องมีแก่นอเวคพอที่จะซื้อ.

ขณะที่พูดกันอยู่จุงโฮก็ส่งบางอย่างมาให้ผม!

มันเป็นถุงมือฟันดาบของลิซาร์ดแมน.

ผมไม่อาจได้รับถุงมือฟันดาบที่ดีที่สุดได้ แต่ผมก็มีถุงมือที่มีคุณภาพอยู่ในระดับกลาง-สูง.

ผมสามารถขายได้.

ผมเดินเข้าไปในห้องกับจุงโฮและนำกล่องที่อยู่ตรงมุมห้องออกมา.

“ฮยอง คุณคิดว่าแก่นอเวคใช้กับไอ้นี่ไหม?”

เมื่อผมเปิดกล่อง จุงโฮก็อดไม่ได้ที่จะต้องประหลาดใจ.

ถุงมือฟันดาบของลิซาร์ดแมน ที่ได้รับจากการเอาชนะบอสในดันเจี้ยนชั้น 28 ได้และต้องไปถึง 5 คนเป็นอย่างน้อย.

มือของเขาสั่นขณะที่รับมันไว้ในอ้อมกอด.

“อะไร…พวกนี้คืออะไร?”

“คุณคิดว่ามันเป็นอะไร? แน่นอน ว่ามันคือถุงมือฟันดาบของลิซาร์ดแมน.”

“ใช่ ฉันรู้ พวกมันทั้งหมดมาจากไหน นั่นคือสิ่งที่ฉันถาม.”

“เดานะ พวกมันมีอัตตราการดรอปมากกว่าที่ผมคิด?”

ความหายากของถุงมือคือพวกมันจะดรอปได้มาก-น้อยตามจำนวนที่อเวคเข้าไปเครียร์ในดันเจี้ยนชั้น 28.

ความจริงแล้วอัตราดรอปจากบอสไม่ได้ต่ำเลย.(ลงคนเดียวก็ 100% 5 คนก็ 20%)

สิ่งที่ดีที่สุดมันจะช่วยเพิ่มความต้านทานเวทย์มนต์ถึง 20% แต่อันที่ผมใส่อยู่มันต้านทานแค่ 18%.

ส่วนที่เหลือของถุงมือเหล่านี้มีความต้านทานต่ำกว่าที่สวมใส่อยู่.

จุงโฮได้เริ่มคัดแยกถุงมือแต่ละชิ้นโดยสังเกตจากสถานะและความต้านทานที่ได้รับ.

คุณไม่อาจตรวจสอบสถานะไอเทมได้หากว่าคุณไม่ได้สแกนเพื่อตรวจสอบ เพราะงั้นเขาจึงวางถุงมือที่มีความสามารถใกล้เคียงกองไว้ด้วยกันและแบ่งแยกตามราคาของมัน.

เขาจดถุงมือทั้ง 5 ชิ้นไว้ในโพสต์อิท แล้วก็หันมาพูดกับผม

“ด้วยวิธีนี้ดูเหมือนว่าเธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับแก่นอเวคแล้ว”

“จริงหรอ?”

“แน่นอน! อันที่มีคุณภาพต่ำที่สุดคือ 10% แต่พวกนี้มีถึง 14%.”

“โอเค งั้นก็ไปขายมันเลย.”

“อย่างแรกเราควรจะลองขายอันที่เพิ่มสูงสุด 16%ทั้งสองอันก่อน แต่ละชิ้นควรจะขายโดยคนละIDและเพื่อให้มีการจัดการเรื่องสำคัญ เธอควรจะให้เพือนที่น่ารักของเธอช่วยออกตัว ถ้าสินค้าที่สุดยอดเหล่านี้ออกมาขายพร้อมกัน โดยเฉพาะขายทีเดียวถึง 5 ชิ้นมันจะสะดุดตาให้กับความสนใจที่ไม่จำเป็น.”

“ใช่ ผมคิดว่าจะขายพวกมันให้กับคนที่จ่ายงามๆ ดังนั้นผมจึงเก็บรวบรวมพวกมัน พวกมันแค่ละอันจะได้แก่นอเวคเท่าไร?”

“ดูเหมือนว่าถุงมือที่มีความต้านทาน 15% อาจจะได้ถึง 1 แก่นอเวค. สำหรับอันที่ไม่ถึง 15% อาจจะเพิ่มส่วนต่างเพื่อให้ได้แก่นอเวค.”

“ว้าว พวกมันมีราคามากกว่าที่ผมคิด ผมจะต้องเริ่มล่าอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นเราไปจัดการเรื่องนี้กันเลย.”

“ได้.”

****

เนื่องจากไอเทมนี้หายากและเป็นจุดเด่นความสนใจให้กับตลาด มันอยู่ในนั้นไม่ถึง 1 ชั่วโมงหลังจากที่วางไว้บนเว็บไซค์ขายของ ข้อความนับตันก็ทะลักเข้ามา.

ผมขอให้คนแคระรับผิดชอบสองชิ้นโดยอันนึงมีค่าต้านทานอยู่ที่ 15% และอีกอัน 14%.

เนื่องจากตลาดได้มีการกำหนดราคาเอาไว้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องผ่านตลาดมืดใดๆ.

ผมใช้IDอเวคของทั้งสองจากคนแคระเพื่อเอามันไปขาย.

คนแคระทั้งสองได้ขายของออกไปเรียบร้อยแล้ว.

ถุงมือที่เราตัดสินใจขายด้วยตัวเองมีมูลค่าเป็น 2 เท่าจากสองอันก่อน

มันเพิ่มแค่ 1% เป็น 16% แต่มีราคาถึง 2 เท่า.

มันมีความเป็นไปได้ที่จะได้แก่นอเวค 2 อันสำหรับถุงมือแต่ละอัน.

ผมแทบไม่รู้สึกแย่อีกต่อไปที่เก็บมันเอาไว้ในกล่อง.

และเนื่องจากไอเทมชิ้นนี้หายากมากจนไม่มีปรากฏอยู่ในตลาด มีข้อความบางส่วนส่งมาหาเราบอกว่าพวกเขาจะให้แก่นอเวค 3 ชิ้นสำหรับแต่ละอัน.

ถ้าผมดึงเวลามากว่านี้หน่อยโดยใช้หลักอุปสงค์-อุปทาน ผมอาจจะได้รับมากยิ่งกว่านี้.

อย่างไรก็ตามผมสามารถได้รับถุงมือนี้ได้มากตราบเท่าที่ผมต้องการ และผมต้องการเวทย์ชิลด์อันใหม่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นผมจึงตกลงที่จะเอาแก่นอเวค 3 ชิ้นต่อ 1 ถุงมือ.

“ฮยอง เราควรจะเอาไปให้สำนักงานคนแคระเป็นคนขายไหม?”

“เธอชอบที่นี่มากเลยหรอ? ได้ยินว่ามาเธอตั้งวาปไว้ที่นี่ด้วย ใช่ไหม?”

“ผมไม่รู้ ผมแค่สบายใจที่ไปที่นั่น.”

“ดี งั้นมันก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไปเจอพวกเขาและให้พวกเขารู้ข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเรา มันน่าจะดีกว่าที่เราจะจัดการที่นี่.”

“งั้นก็ติดต่อให้พวกเขามาที่นี่.”

****

เวลา 16.00 น.

ท้องฟ้าโปร่งไร้เมฆโดยที่ไม่รู้ว่ามันมันเป็นฤดูไหน และมีพวกขี้เมาเตรียมตั้งโต๊ะกินเหล้ากัน.

ผมได้นัดหมายให้พวกเขามาที่ออฟฟิศ และผมก็ได้แก่นอเวค 3 อันจากคนแคระที่ได้จากการขายถุงมือระดับกลาง.

ตั้งแต่ที่ผมต้องการซื้อชิลด์เร็วๆ ผมก็พาจุงโฮไปด้วย.

จุงโฮและคนแคระกำลังพูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ ข้อมูลที่เกี่ยวกับสกิลที่จะซื้อจากตลาดมืดได้รับการบอกกล่าวผ่านทางโทรศัพท์.

ในที่สุดเราก็มาถึงออฟฟิศ.

“ยินดีต้อนรับ ในที่สุดคุณก็มาแล้ว.”

“ใช่ หวัดดี.”

“ผมได้แนะนำตัวผ่านทางโทรศัพท์ไปแล้ว ผมชื่อ ลีจุงโฮ”

“ใช่ ใช่ ยินดีที่ได้รู้จัก.”

“อันสุดท้ายยังไม่ได้ขาย?”

“ผู้ซื้อบอกว่าพวกเขาจะมาถึงใน 30 นาที ตอนนี้รับสิ่งนี้ไปก่อน.”

เขาเดินไปที่โต๊ะทำงานของเขาและดึงแก่นอเวคทั้งสองพร้อมกับเช็คเงินสด.

ผมคิดว่าเช็คเงินสดนั่นมาจากถุงมือ14% ที่ต้องเพิ่มเงินให้เท่ากับราคาแก่นอเวค.

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเช็คคือสิ่งที่ผมหวังว่าจะได้น้อยที่สุด

เมื่อหยิบเช็คเงินสดออกมา คนแคระก็พูด.

“ดี เอ่อ…ราคาตลาดกำหนดไว้ที่หนึ่งแก่นอเวคต่อหนึ่งถุงมือ แต่เนื่องจากมันเป็นแรร์ไอเทมจึงมีผู้ซื้อเสนอราคาสูงมากกว่าที่เราคาดเอาไว้ เงินที่เพิ่มขึ้นมานี้คือส่วนที่เราได้รับนอกเหนือจากแก่นอเวคที่มาจากผู้ซื้อ และคนที่กำลังมาถึงด้วย แม้ว่ามันจะไม่อาจเป็นแก่นอเวคได้ทั้งหมด.”

“โอ้โห…?”

คนแคระทำหน้าตาแตกต่างไปจากที่ผมรู้จัก.

จากคำสั่งของผม สิ่งที่เขาต้องให้คือ 3 แก่นอเวคตามที่สัญญาไว้

แต่เขาก็พยายามที่จะทำให้ได้รับเงินเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ หลังจากที่เป็นคนกลางซื้อ-ขายกับผม

“ธุรกิจคุณกำลังไปได้สวยหรอ ถึงไม่ยอมเอาเงิน?”

คนแคระไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ ได้แต่พึมพำด้วยความเจ็บปวด จุงโฮก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้.

มันไม่ไม่น่าเชื่ออย่างช่วยไม่ได้ เพราะคนแคระผมรู้จักสนแต่เรื่องเงิน.

แต่การที่อีกฝ่ายแสดงอีกด้านหนึ่งให้ผมเห็นอย่างนี้ ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ผมก็รู้สึกอึดอัดเหมือนกัน

บางทีเขาอาจจะอาย

“555…นั่น…ที่พวกเขาบอกมันอาจจะเป็นการเอาใจใส่แบบเกลียดๆ ความสัมพันธ์ของเราไม่ได้เริ่มต้นด้วยดี แต่ในความคาดหวังก็อยากจะให้หุ้นส่วนประสบความสำเร็จ ผมหวังว่าคุณจะขอโทษเขา…”(จุงโฮ)

“ดี แน่นอน ผมได้รับประโยชน์จากการร่วมมือนี้ และผมก็แน่ใจว่าผมไม่ต้องการอะไรจากคุณมากไปกว่านี้อีกแล้วในอนาคต.”(มินชอย)

“แน่นอน มันก็จริง.”(คนแคระ)

“แต่…..”(คนแคระ)

เขาพยายามที่จะคาดเดาอารมณ์ของผม.

รอยยิ้มของเขาถูกเปลี่ยนเป็นท่าทีที่จริงจัง.

“ผมจะไม่รับเงินนี้ โปรดใช้ของเหล่านี้โป๊ะหนี้สินบางส่วนด้วย.”(มินชอย)

“ห๊ะ…นายไม่ได้จ่ายเงินไปหมดแล้วหรอ?”(จุงโฮ)

“ผมมันใจว่ามันมีมากกว่าที่ผมคิด.”(มินชอย)

“……”

“อย่างที่ได้บอกก่อนหน้านี้ พวกเขาได้เปลี่ยนอาชีพเป็นพ่อค้าคนกลางแล้วไม่ใช่หรอ? ทำให้คุณมีรายได้ค่อนข้างมาก คุณก็รู้? ทั้งสามก็เป็นอเวคด้วย.”

“ผมเข้าใจในสิ่งที่ผมพึ่งพูดออกไป เงินที่ได้เพิ่มมาพวกนี้จะเอามาชดใช้หนี้ของคนอื่น.”

“ใช่ คิดให้ดี ด้วยเงินจำนวนนี้ ผมคิดว่ามันมากกว่าที่คุณดูแลเอาไว้อีก.”

ผมไม่ได้พยายามที่จะเป็นนักบุญที่มักจะแอบบริจาคเงินจำนวนมหาศาลและปกปิดชื่อหลังจากที่พยายามใช้หนี้แทนคนอื่น.

มันเป็นเพราะเงินไม่ได้มีความหมายต่อผมอีกต่อไป.

แต่ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยให้คนอื่นต้องทุกข์ทรมาณเหมือนแม่ผมเพราะเงิน

และผมก็ต้องการให้โอกาศคนแคระเหล่านี้อีกครั้งเพราะว่าพวกเขาก็ไม่ใช่คนเลวโดยเนื้อแท้.

บรรยากาศอึดอัดในออฟฟิศก็หายไปเมื่อประตูถูกเปิดและผู้ที่ซื้อถุงมือเข้ามา.

“ผมมาเพื่อซื้อถุงมือ.”

****

“หืม…เดาว่าคงต้องรอสักพัก?”

ไม่นาน แก่นอเวค 10 อันก็ได้มา จากการขายด้วยแก่นอเวคทั้งหมด.

นี่มันเป็นแก่นอเวคมากกว่าที่ผมเคยใช้อีกในตอนนี้

เมื่อมองไปที่แก่นอเวคในมือ ผมคิดว่าผมไม่อยากจะไปเจอกับมิมิคอีก.

เมื่อคิดว่าผมสามารถได้รับแก่นอเวคได้ง่ายๆ จากการเครียร์ดันเจี้ยนระดับ 28.

หลังจากที่เอาชนะฝ่ายหัวรุนแรงครั้งแรก ผมก็คิดว่ามันคงไม่ใช่ชีวิตที่แย่ที่จะมานั่งขายถุงมือเพื่อเลี้ยงชีพ.

รอเพียงไม่นาน.

คนแคระและคลาสนักเลงทั้งสองก็เข้ามาในห้องอย่างรีบร้อน.

“แฮ่ก แฮ่ก…. อะนี่.”

“ขอบคุณ คุณทำงานหนักแล้ว.”

หนังสือสกิลถูกส่งไปให้จุงโฮที่กำลังแกนมันด้วยมือถือของเขา

“แม้ว่าค่าใช้จ่ายจะสูงมาก แต่ก็มีสินค้าพร้อมจำหน่ายตลอดในตลาด.”

-Iron Skin-

คลาสที่ใช้ได้: วอร์ริเออร์. พาลาดิน. นักเลง. (หากคลาสอื่นใช้ มานาจะเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า)

มานาที่ใช้: 10% จากมานาทั้งหมด

รายละเอียดสกิล: *จะปรากฏชิลด์ที่ดูดซับความเสียหาย.

*ผู้โจมตีมีโอกาสที่จะหยุดชะงักได้.

*เมื่อเลเวลเพิ่มขึ้น ปริมาณของชิลด์และระยะเวลาเพิ่มขึ้น.

*สามารถป้องกันสกิลที่แรงค์ (???) หรือต่ำกว่า.

คูลดาวน์: 120 วินาที.

ระยะเวลา: 60 วินาที. (ทุกๆ 20 เลเวลจะเพิ่มระยะเวลา 5%.)

แรงค์สกิล: ป้องกัน แรงค์ S

ราคาสกิลโดจประมาณ: ???

นั่นคือข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือสกิลที่แสดงอยู่ใสหน้าจอมือถือ.

เหตุผลที่ว่าทำไมราคาถึงสูงเพราะมันถูกใช้โดยเหล่าตัวแทงค์.

ไม่ว่าคุณจะเพิ่ม HP ไปเท่าไหร่ คุณก็ไม่อาจแทงค์ได้โดยไม่ต้องใช้ชิลด์.

อีกปัจจัยที่กำหนดเอาไว้คือ แทนที่จะใช้ MP ตายตัว แต่ใช้เพียงแค่ 10% ของMP ทั้งหมด.

โดยปกติสกิลที่ไม่เหมาะกับคลาสจะมีการใช้มานาเพิ่มเป็น % แต่มันก็แตกต่างออกไปสำหรับไอรอนสกิล.(ปกติใช้เพิ่ม 10% แต่ไอ้สกิลนี้หากไม่ใช้คลาสที่มันบอกจะมีการเพิ่ม อีก 10% เท่ากับใช้เพิ่ม 11%ของมานาทั้งหมด)

มันเป็นสกิลชิลด์ที่ใช้มานาตาม%ของMPผู้ใช้.

เพราะงั้นแม้ว่าจะเป็นอเวคเลเวล 1 ก็ได้รับประโยชน์จากจำนวนการใช้ชิลด์นี้ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ.

“ว้าว พวกนี้ใช้อเวคไป 5 อันเลย?”

“มันอาจจะอ่อนสำหรับคุณ แต่มันเป็นทักษะแรงค์S ที่มีจำนวนใช้ชิลด์ค่อนข้างสูง และระยะเวลาก็เพิ่มขึ้นตามเลเวล.”

“อืม…สมมว่าผมเก็บไปถึงเลเวล 200 ผมเดาว่ามันจะต้องมีช่องว่าง 30 วินาทีที่จะใช้ชิลด์อย่างอื่นแทนไปก่อน.”

“ใช่ และเราก็ไม่ได้รับหนังสือสกิลอันอื่นในวันนี้ แต่หนังสือกิลเล่มนั้นจะเป็นสกิลที่สามารถเติมเต็มช่องว่าง 30 วินาทีนั้น.”

กลุ่มของคนแคระพูด.

“อืม…ใช่พิคซอร์ดและฮีล ทั้งยังมีไลนิ่งสเปร์ย… คุณมีสามคลาส?”

“อ่า…..”

เมื่อผมได้เข้าไปในดันเจี้ยนและต้องการให้ลูกน้องของเขาหวาดกลัว ผมเลยไม่ได้คิดล่วงหน้าและใช้ทักษะไปมากมาย.

สามคลาสที่เขาพูดถึงคือมีคลาสย่อยสองคลาส รวมกับคลาสหลักจึงมีคลาสทั้งหมดเป็นสามคลาส.

จุงโฮและผมไม่คยรู้เรื่องการมีอยู่ของพวกนี้ก่อนหน้าเลย.

เราได้รู้เรื่องนี้ขณะที่เราทำการตรวจสอบว่าโจ๊กเกอร์มีคลาสรองได้อย่างไร.

พวกเขาอาจจะอยู่ที่นั้น แต่ก็ไม่รู้จักเกี่ยวกับพวกมันมากนัก

คล้ายกับสกิลที่อยู่นอกเหนือ แรงค์ S.

“อ่า..คืองี้ คิดซะว่ามันเป็นฟื้นฟูมานาอย่างรวดเร็ว นั้นเป็นเหตุผลที่ผมสามารถใช้สกิลได้หลายคลาส.”

“อ่า..อย่างนั้นเอง ดูเหมือนว่าดูเหมือนว่าสกิลทั้งหมดที่คุณต้องการซื้อจนถึงตอนนี้จะมีความต้องการของคลาสที่หลากหลาย นั่นทำให้ผมอยากรู้ว่าทำไม.”

เมื่อได้ยินเขาพูด จุงโฮและผมยิ้มทันทีที่สบสายตากัน

มันอาจจะเป็นเพราะว่าจุงโฮเคยถูกหลอกด้วยตัวเองมาแล้วเหมือนกัน

ด้วยท่าทีขี้เล่นผมก็ถามจุงโฮ

“สกิลที่คุณพูดถึงก่อนหน้านี้คืออะไรหรอ?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset